บทที่ 21 ตอบแทนบุญคุณ 1 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 21 ตอบแทนบุญคุณ 1 (2)
อีกทั้งไม่มีทางที่พวกเขาจะคุมตัวบุตรชายคนโตของท่านเคานต์เฮนิตัสไว้ได้หากไม่มีคำสั่งจากมาร์คควิสสแตน เวเนี่ยนหรือแม้กระทั่งนายอำเภอ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือการที่ขุนนางกลุ่มนี้ต้องเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงตามคำสั่งของพระราชา
‘ใครจะคิดว่าขุนนางที่ดื่มเหล้าระหว่างเดินทางไปเข้าเฝ้าพระราชาเป็นเรื่องปกติกันเล่า?’
การเป็นเพียงขยะไร้ค่านับว่าเป็นเรื่องที่ดี คาร์ลยังคงยกขวดเหล้าดื่มต่อไปด้วยความพอใจ
‘ฉันมั่นใจว่าเวเนี่ยนจะไม่สงสัยอะไรในตัวพวกเราแม้ว่าหมอนั่นจะได้รู้เรื่องอะไรมาบ้างก็ตามแต่’
เวเนี่ยนและมาร์คควิสสแตน อาจเป็นคนที่รู้ดีกว่าคนอื่นๆว่าไม่มีความสัมพันธ์ใดๆระหว่างเคานต์เฮนิตัสกับองค์กรลับนั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมันต้องเป็นเรื่องที่ข้องเกี่ยวกับมังกรด้วยแล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
คาร์ลมองตามหลังของเหล่าอัศวินที่เดินออกจากโรงแรมไปก่อนที่ดื่มชามะนาวผสมน้ำผึ้งที่รอนเตรียมไว้ด้านหน้าเขา
“รอน”
“ขอรับ.....นายน้อย?”
“ดูเหมือนชาผสมน้ำผึ้งจะแก้อาการเมาค้างได้ดีทีเดียว”
“เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ?”
รอนหัวเราะน้อยๆก่อนมองมาที่คาร์ลแต่คาร์ลกลับก้มลงมองไปที่ท้องของตนเขาต้องพักท้องของตนเสียแล้วหลังจากที่ใช้งานมันหนักเกินไปและพวกเขาต้องเริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง
จุดหมายต่อไปคือเมืองพัซเซิล เป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าที่ดีที่สุดของฝั่งตะวันออกและขึ้นชื่อในเรื่องของหอคอยศิลาที่ล้อมรอบเมือง
คาร์ลต้องการมองหาหอคอยศิลาที่ยังสร้างไม่เสร็จในเมืองพัซเซิล
“วันนี้เราจะค้างแรมกันข้างนอกใช่หรือไม่?”
ออนขยับตัวของมันเล็กน้อยก่อนเอ่ยถามคาร์ล เขาพยักหน้าตอบรับ
“ใช่....ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะได้ค้างแรมกันข้างนอกบ่อยๆ”
คาร์ลได้จัดตารางกิจกรรมต่างๆอย่างสวยหรูสำหรับเมืองนี้ เป็นเพราะเขาต้องการใช้เวลาอยู่ที่เมืองพัซเซิลนานพอสมควร เขาหันหลังให้กับแมวสองพี่น้องที่กำลังกระซิบกระซาบกันอย่างเงียบๆก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า
‘พละกำลังแห่งดวงใจ’
นั่นคือชื่อพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับโลห์นิรันดร์กาล มันเป็นพลังที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและเพิ่มพูนพละกำลัง
‘นั่นคือเหตุผลที่บุตรชายคนโตของมาร์คควิสสแตนต้องการมัน’
‘เทย์เลอร์’ลูกชายคนโตของมาร์ควิสที่สูญเสียตำแหน่งเป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลไป เขาเป็นคนดีเพียงคนเดียวในตระกูลสแตน และในตอนนี้ครึ่งล่างของร่างกายของเขากลายเป็นอัมพาตเนื่องจากแผนการของเวเนี่ยน
เทย์เลอร์ได้ค้นค้าหาข้อมูลและเรื่องราวต่างๆเพื่อค้นหาพลังที่จะช่วยรักษาเขาได้ ก่อนจะเจอข้อความที่เกี่ยวกับพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนี้เข้าในร้านขายหนังสือเก่า แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่จะถอดรหัสข้อความโบราณได้แต่เขาก็ไม่ละความพยายามในการที่จะถอดรหัสเพียงไม่กี่คำนั้น
‘การบูรณะซ่อมแซม’และ‘หอคอยศิลา’
ทั้งสองคำนี้เป็นเบาะแสสำคัญที่ทำให้เทย์เลอร์มุ่งหน้าไปยังเมืองพัซเซิลทันทีเพราะเมืองนี้ถูกเรียกว่าเมืองแห่งหอคอยศิลา ในตอนนี้เขาอาจจะอยู่ในเมืองพัซเซิลแล้วก็ได้เพราะในนิยายเขาจะสามารถหาพลังศักดิ์โบราณได้ประมาณหนึ่งเดือนนับจากนี้
‘แต่มันไร้ประโยชน์’
‘พละกำลังแห่งดวงใจ’ไม่สามารถฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บของเทย์เลอร์ได้มันสามารถที่จะฟื้นฟูอาการบาดเจ็บต่างๆที่ได้รับหลังจากที่ได้รับพลังนี้มาไว้กับตัวก่อนหน้านี้แล้วเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนค่ารักษาที่จะใช้ฟื้นฟูร่างกายรวมทั้งค่าใช้จ่ายๆอีกมากมายที่เขาต้องใช้มัน
เทย์เลอร์ตกอยู่ในความสิ้นหวังหลังจากทราบเรื่องนี้ เขาไม่มีเวลามากพอและพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เป็นความหวังสุดท้ายของเขาก็หลุดลอยหายไป เพราะเทย์เลอร์ไม่อาจรู้ได้ว่าเมื่อไรเวเนี่ยนจะลงมือฆ่าเขา
‘หลังจากที่เขาพบพลังนั่นได้หนึ่งเดือนเขาก็จะ....ตาย’
เทย์เลอร์จบชีวิตลงด้วยฝีมือขององค์กรลับนิรนามในขณะที่อยู่เมืองหลวงเขาจบชีวิตลงด้วยความสับสนและหวาดกลัวและแน่นอนว่าเวเนี่ยนเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้
เหตุผลที่คาร์ลสามารถจดจำตัวละครนี้ได้ทั้งที่เป็นเพียงตัวละครรองที่บทบาทน้อยกว่าคาร์ลตัวจริงในนิยายเสียอีก นั่นเป็นเพราะมิตรภาพที่แข็งแกร่งระหว่างเทย์เลอร์กับเพื่อนของเขา
‘นักบวชหญิงผู้บ้าคลั่ง’ เธอเป็นเพื่อนสนิทของเทย์เลอร์และเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากการลอบสังหารเทย์เลอร์ เธอลงมือฆ่าเหล่านักฆ่าจากองค์กรลับนั้นลงเสียครึ่งด้วยความโกรธก่อนจะถูกขับออกจากวิหารที่เธอบวชอยู่ หลังจากเหตุการณ์นี้จบลงเธอได้รับอาการบาดเจ็บที่หลังของเธอและได้บอกแก่วิหารกับสิ่งที่เธอได้ทำไว้ด้วยความมั่นใจ
‘ข้าทำตัวเองเฉกเช่นมนุษย์แทนที่จะทำตามความประสงค์พระเจ้า และข้าเชื่อว่าสิ่งที่ข้าลงมือทำไปเป็นสิ่งที่ถูกต้อง’
จากนั้นเธอก็หันหลังเพื่อเดินจากไปอย่างสง่างาม
‘ตอนนี้ข้าเป็นอิสระแล้ว!’
นั่นคือตอนที่เธอถูกคนอื่นเรียกว่านักบวชผู้บ้าคลั่ง ความสามารถพิเศษของเธอคือการใช้พลังจากคำสาปแช่งของเทพเจ้าแห่งความตายได้ แม้ว่าเธอจะถูกขับออกจากวิหารแต่พระเจ้าของเธอกลับไม่ได้ทอดทิ้งเธอแต่อย่างไร
เมื่อสงครามเกิดขึ้นตามเนื้อหาในนิยายเธอจะมีชื่อเสียงมากขึ้นไม่ใช่ในฐานะของวีรสตรีแต่เป็นสิ่งที่เธอช่วยเหลือและรักษาผู้มีอาการบาดเจ็บ
‘ฉันคิดว่าครั้งนี้..มันจะต่างออกไป’
มีโอกาสดีที่เทย์เลอร์จะไม่ตายภายในหนึ่งเดือน ในตอนนี้เวเนี่ยนกำลังวุ่นวายกับเหตุการณ์ที่มังกรหายไปและต้องถูกจับตามองจากมาร์คควิสสแตนเพิ่มขึ้น เขาอาจจะต้องให้ความสำคัญกับน้องๆที่อายุน้อยกว่าตนมากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับพี่ชายที่เป็นอัมพาตเพื่อรักษาสถานะของเขาให้เป็นทายาทผู้สืบทอดตระกูลของมาร์ควิสสแตนต่อไป
‘ตั้งแต่ที่ฉันจะใช้ความหวังสุดท้ายของเทย์เลอร์ ฉันก็ต้องให้ความหวังใหม่แก่เขาเช่นกัน’
พละกำลังแห่งดวงใจ เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่เทย์เลอร์ไม่สามารถใช้งานได้แต่คาร์ลไม่ใช่คนใจร้ายมากพอที่ขโมยความหวังสุดท้ายของใครไปได้
คาร์ลอยากรู้ว่าหากเทย์เลอร์และนักบวชหญิงผู้บ้าคลั่งสามารถรวมตัวกันได้และมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้นได้ คาร์ลมั่นใจว่าพวกเขาทั้งสองจะสามารถเปลี่ยนแปลงการมีอำนาจและสมบัติของมาร์คควิสสแตนได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลดีต่อคาร์ลในระยะยาวได้
อย่างไรก็ตามมีบางสิ่งที่เขาคิดได้อย่างกะทันหันทำให้คาร์ลชะงักไปเล็กน้อย
‘หรือจะให้บารอคทำงานตามคำสั่งของเธอดีนะ?’
เมื่อคาร์ลคิดถึงความพยายามของผู้เชี่ยวชาญด้านการทรมานผู้อื่นเช่นบารอค เขาก็ตัดสินใจที่จะหยุดนึกถึงนักบวชหญิงผู้บ้าคลั่งคนนั้นทันทีพร้อมๆกับเลิกคิดถึงเทย์เลอร์ผู้ที่เป็นทั้งพลเมืองที่ดีและขุนนางที่ดีเช่นกัน
‘พวกเขาไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันเป็นดีที่สุด’
พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างจากคาร์ลเป็นอย่างมาก ทั้งสองเป็นคนดีที่ซื่อสัตย์และไว้ใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งไม่มีทางที่คาร์ลจะแนะนำให้รอนหรือบารอครู้จักกับคนประเภทนี้เด็ดขาด
‘ไม่....ฉันจะไม่มีความคิดที่ชั่วร้ายเช่นนั้นเด็ดขาด’
คาร์ลเลิกคิดถึงเรื่องรอนและบารอคอย่างรวดเร็วก่อนจะก้มมองเมื่อรู้สึกถึงแรงแตะที่ขาของตน เขามองเห็นดวงตาสีทองสองคู่ที่ส่องประกายงดงามก่อนที่พวกมันจะเริ่มพูดกับเขา
“ข้าได้ยินจากฮันส์มาก่อนหน้านี้”
“ฮันส์เขาพูดให้ฟังจริงๆ”
ฮันส์ยังไม่ทราบว่าลูกแมวสองพี่น้องเป็นสัตว์อสูรที่มาจากเผ่าแมวและยังคงพูดทุกสิ่งให้แมวทั้งสองฟังอยู่เสมอ และดูเหมือนว่าตอนนี้ลูกแมวอยากจะเล่าอะไรให้เขาฟังหลังจากได้ยินฮันส์เล่าให้ฟัง
“อะไรล่ะ?”
ลูกแมวสองพี่น้องเริ่มชินกับกิริยาที่หยาบคายของคาร์ลบ้างแล้ว และเริ่มพูด
“ถ้าท่านไปอธิษฐานที่หอคอยศิลา คำอธิษฐานจะเป็นจริง”
“เขาบอกว่าหอคอยศิลาสวยมาก”
“ข้าอยากไปแต่ก็ไม่เป็นไรถ้ามันจะน่ารำคาญเกินไป”
“ข้าอยากไปกับท่าน แต่ไม่เป็นไรถ้ามันจะยุ่งยากเกินไป”
คาร์ลมองไปที่ลูกแมวทั้งสองที่มีท่าทีกระวนกระวายด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่าก่อนเอ่ยถามพวกมัน
“พวกเจ้าทั้งสองอยากอธิษฐานว่าอะไรล่ะ?”
ฮงแตะไปที่ขนของมันช้าๆซึ่งตอนนี้ขนของมันเป็นเงาวาวและมีสุขภาพที่ดีเพราะได้รับการดูแลจากฮันส์เป็นอย่างดีก่อนจะตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“ข้าอยากได้น้องชายคนใหม่เพิ่ม...........”
“ให้ตายสิ!”
คาร์ลเริ่มขุ่นเคืองต่อลูกแมวทั้งสองก่อนหันหน้าหนีพวกมันซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าได้หยุดลง พวกเขาได้มาถึงที่พักค้างแรมในตอนเย็นแล้ว
“ดูเหมือนเราจะได้พักค้างแรมกันข้างนอกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ใช่แล้ว......”
คาร์ลตอบคำถามของฮันส์ก่อนจะมองไปรอบๆที่พักค้างแรมของพวกเขา ลมเย็นๆจากป่าพัดเส้นผมของเขาจนปลิวเล็กน้อย เขาใช้เวลาพักผ่อนตลอดทั้งคืนด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
เช้าวันรุ่งขึ้น
“นายน้อยขอรับ”
“......นี่มันอะไรกัน?”
คาร์ลจ้องไปยังซากกวางที่กองอยู่ข้างที่พักค้างแรมของพวกเขา มันเพิ่งถูกล่ามาไม่นานนี้เอง ฮันส์รีบกล่าวรายงานแก่นายน้อยของตนที่กำลังจ้องซากกวางไม่วางตา
“มีคนทิ้งมันไว้ที่พักค้างแรมของพวกเราขอรับ”
ฮันส์ชี้ไปที่ซากกวางและคาร์ลก็มองไปที่จุดนั้นเช่นกัน บนพื้นดินมีภาพวาดเป็นรูปส้อมและมีดมันเหมือนกับว่าคนที่ทิ้งซากกวางไว้เพื่อให้พวกเขาได้กิน จากนั้นเขาก็หันไปจ้องเพื่อนร่วมทางของตนทันที ลูกแมวทั้งสองอยู่ในอ้อมแขนของเชวฮันและเขาก็กำลังจ้องมาที่คาร์ลพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้า
‘อ่า....รู้สึกไม่ดีซะแล้วสิ’
เขารู้สึกแย่มากๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งที่สามารถพูดแต่ไม่สามารถเขียนได้ทิ้งซากกวางไว้ให้พวกเขา นอกจากนี้ยังเป็นสิ่งที่เชวฮันคนที่เฝ้าเวรยามเมื่อคืนนี้รู้เห็นอย่างชัดเจนแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
‘...นี่มันแย่มาก....มันคือมังกรสินะ’
เขาหันศีรษะไปมองเชวฮัน ออนและฮง ซึ่งพวกเขายังคงจ้องมองเขาอยู่และเอ่ยเตือนพวกเขาอย่างเคร่งเครียด
“เราจะทำเป็นว่า...พวกเราไม่รู้เรื่องนี้แล้วกัน”
“เมี้ยว เมี้ยว”
“เมี้ยว เมี้ยว”
ลูกแมวสองพี่น้องดูเหมือนจะส่งเสียงเยาะเย้ยเขาแต่คาร์ลก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างไรก็ตามวัตถุดิบชนิดใหม่ๆก็ถูกส่งมาให้ตามที่พวกเขาหยุดพักค้างแรมเสมอ ทั้งหมูป่า กระต่ายและผลไม้ทุกชนิด มันทำให้คาร์ลมั่นใจว่ามังกรยังคงตามหลังพวกตนมาอยู่
ในตอนนี้คาร์ลและคณะเดินทางก็เดินทางมาถึงเมืองพัซเซิลแล้ว