ตอนที่ 76 นายต้องสู้!
โหลด
หลังจากสลักฉากที่น่ากลัวนี้เข้าไว้ในใจของเขาแล้ว เซจิก็เลือกที่จะโหลดในทันที
โลกรอบๆตัวเขาเปลี่ยนเป็นสีดำก่อนที่จะส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง
ในช่วงเวลานี้เขากำลังคุยกับชิอากิอยู่และก็มีทั้งสามตัวเลือกการสนทนาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง
เขาไม่ได้คิดว่าเขาจะต้องโหลดเซฟเร็วขนาดนี้
เซจิบังคับตัวเองเพื่อซ่อนความโกรธที่เขารู้สึกจากชิอากิและตอบแบบเดียวกับครั้งล่าสุด
จากนั้นเขาก็กลับไปเรียนเหมือนครั้งล่าสุด
เซจิรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาและโทรหาโฮชิ อะมามิ
ตอนนี้ สายได้เชื่อมต่อแล้ว
"รุ่นพี่..."
"อะมามิ... ไม่สิ โฮชิ ฉันได้ยินมาว่านายรู้สึกไม่สบาย—ตอนนี้เป็นไงบ้าง"
เกิดช่วงเวลาแห่งความเงียบเป็นเวลานาน
"ผะ... ผมสบายดี ขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะครับ รุ่นพี่" เขาตอบด้วนเสียงแผ่วๆ
'เป็นห่วงเขางั้นเหรอ... ?' เซจิรู้สึกอึดอัดใจ
"เสียงเหมือนนายไม่ได้สบายดีเลยนะ"
"รุ่นพี่..."
"เกิดอะไรขึ้นหลังจากเกิดเรื่องนั้นขึ้นกับพี่สาวของนาย?"
ความเงียบก็ได้เข้าปกคลุมอีกหลายครั้ง
"มะ... ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกครับ"
'ไม่มีอะไรเกิดขึ้น? แล้วทำไมนายถึงต้องฆ่าตัวตายด้วยล่ะ?'เซจิขมวดคิ้วอย่างจริงจัง
"รุ่นพี่... นี้ก็ใกล้เวลาที่จะเริ่มเรียนแล้วนะครับ" โฮชิพูดเหมือนเขาต้องการที่จะวางสาย
"โดดเรียนซะ"
"อะไรน่ะครับ?"
"ฉันไม่สนใจ ต่อให้นายมีก็โดดเรียนไปซะ!" เซจิเริ่มเดินออกจากชั้นเรียนของเขาในขณะที่เขาพูดแบบนี้ออกมา
"ดะ... โดดเรียน?" โฮชิตกใจอย่างเห็นได้ชัด
"ถูกต้อง แล้วหลังจากนั้นไปที่ดาดฟ้าของอาคารเรียนกลางและรอฉันอยู่ที่นั่นซะ"
อาคารเรียนของโรงเรียนมัธยมปลายและมัธยมต้นเซนต์ฮานะมีหลังคาที่ถูกปลดล็อกอยู่ตลอดเวลา แต่พวกมันก็มีรั้วลวดตาข่ายเหล็กสูง 10 เมตรกั้นไว้อยู่ จะมีก็เฉพาะช่องขนาดเล็กๆที่เชื่อมต่อระหว่างอาคาร ดังนั้นถ้าโฮชิต้องการกระโดดลงจากตัวอาคารเพื่อฆ่าตัวตาย อาคารนั้นก็เป็นสถานที่ที่ยากที่สุดที่จะทำ!
"ให้รอคุณ? รุ่นพี่มีอะไรงั้นเหรอครับ... "
"ฉันกำลังไปที่นั่นแล้วตอนนี้!" เซจิพูดอย่างสุดแรง "อย่าวางสายล่ะ ถือสายนี้ไว้จนกว่าฉันจะเห็นนาย"
ร่างกายของโฮชิ อะมามิเริ่มสั่น ขณะที่เขาได้ยินเสียงทรงพลังที่ดังออกมาจากโทรศัพท์ของเขา
รุ่นพี่... กำลังจะมาเจอเขา!?
'ทั้งหมดที่รุ่นพี่ทำก็แค่ถามฉันสองสามคำถามผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น และฉันเองก็บอกว่าสบายดี แต่เขาก็...'
โฮชิรู้สึกอบอุ่นในหัวใจจากความห่วงใยที่ชัดเจนของรุ่นพี่ของเขา
ช่วยไม่ได้ที่เขารู้สึกถูกทำให้หวั่นไหวขึ้นมา
เขาลุกออกจากที่นั่งและเดินออกจากห้องเรียนไปโดยไม่สนใจทุกอย่าง
เขาเดินขึ้นไปบนด่านฟ้าตามที่รุ่นพี่สั่งให้เขารอ
...
ท้องฟ้านี่ใหญ่ขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?
หลังจากที่มาถึงหลังคาแล้ว โฮชิมองผ่านรั้วสูงไปที่ท้องฟ้าและเดินอย่างช้าๆไปที่รั้ว
วันนี้เป็นวันที่ยอดเยี่ยมที่ไม่มีเมฆในสายตา ท้องฟ้าสีครามเองก็ดูสวยงามเป็นอย่างมาก
โฮชิทำราวตัวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นภาพที่งดงามในขณะที่เขามองมันอย่างประหลาดใจ ในขณะที่เขามองขึ้นไปข้างบน ความรู้สึกที่มืดมิดในหัวใจของเขาก็เริ่มเลือนหายไป
ก่อนหน้านี้เขาโกหกรุ่นพี่ฮาราโนะ
เขารู้สึกไม่ดี และมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
สิ่งที่เขาได้เจอคือ... ฝันร้าย
เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีและความรู้สึกที่มืดมิดในหัวใจของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นจนเขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะถูกกลืนหายไป
เขาอยู่ที่จุดที่เขาต้องการจะตายและจบมันลง
เมื่อเทียบกับการมีชีวิตแล้ว ความตายดูเหมือนสบายมากกว่า...
"โฮชิ!"
มีเสียงดังออกมาจากด้านหลังเขา
โฮชิตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงและค่อยๆหันกลับไป
เขาเห็นเซจิวางสายโทรศัพท์ขณะที่เดินไปที่โฮชิ
มีบางอย่างเปล่งประกายในดวงตาของชายหนุ่มที่สูงและหล่อเหลาที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาขณะที่เขามองตรงมาที่โฮชิ
ดวงตาเหล่านั้นดูราวกับว่าพวกมันสามารถมองทะลุผ่านความมืดมิดนี้ไปได้
'อาา รุ่นพี่, รุ่นพี่... เซนโจ ฮาราโนะ'
ช่วงเวลาที่โฮชิ อะมามิได้เห็นรุ่นพี่ของเขา ในที่สุดเขาก็ได้ตระหนักว่าจริงๆแล้วเป็นเขาต่างหากที่อยากจะเห็นเขา
แต่... แม้ว่าเขาจะได้พบกับรุ่นพี่อีกครั้ง รุ่นพี่จะทำอะไรได้ล่ะ?
เซจิมองไปที่โฮชิ
เขาขมวดคิ้วขณะที่นึกถึงฉากที่เขาเพิ่งได้เห็น
"นี้มันก็ตั้งสัปดาห์กว่าแล้วสินะที่เราได้เจอกันครั้งสุดท้ายนะ รุ่นน้อง"
"ครับ... รุ่นพี่"
ทั้งสองคนยังคงเงียบอยู่สักพักหนึ่ง
"นี้เป็นครั้งแรกของฉันที่เคยขึ้นมาที่ด่านฟ้าโรงเรียนนะเนี่ย" เซจิก็ทำลายความเงียบงันนั้นลงไป
"เอ๊ะ?"
"จริงๆแล้วฉันตั้งตารอที่จะได้รับจดหมายรักจากเด็กผู้หญิงที่เชิญขึ้นฉันมาที่ด่านฟ้าโรงเรียนแล้วจากนั้นเธอก็จะสารภาพรักกับฉัน... แบบฉากคลาสสิกนะ" เซกิพูดอย่างช้าๆขณะที่เดินไปทางโฮชิ "แต่ตอนนี้คนแรกที่รอฉันอยู่บนด่านฟ้าโรงเรียนกลับเป็นเด็กผู้ชายแทนซะได้นี้ซิ"
"ความหวังของฉันถูกทำลายลงแล้ว! นายจะทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!?"
รุ่นพี่ดูเหมือนจะบ่นขณะที่เขาจ้องมองที่โฮชิ
โฮชิตะลึงมากเกินจนพูดอะไรไม่ออก
ความเงียบปกคลุมพวกเขาในช่วงเวลาสั้นๆ
"นาย... ไม่รู้วิธีตอบกลับ(ตบมุก)งั้นเหรอ?" เซจิถอนหายใจ "นายยังต้องเรียนรู้ให้มากขึ้นนะ รุ่นน้อง!"
"โอ้... ครับ" โฮชิอตกยู่ในอาการมึนงง
เซจิมองมาที่เขา
"จริงแล้วนายไม่ได้เป็นหวัดใช่หรือเปล่า? งั้นทำไมนายถึงไม่มาทำงานล่ะ?"
"เออ... " โฮชิเบนสายตาของเขาออกไป
"เกิดอะไรขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา?"
โฮชิยังคงเงียบและก้มศีรษะของเขาลง เงามืดดูเหมือนจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
เซจิค่อยๆยกศีรษะขึ้นเป็นมุม 45 องศาขึ้นไปเพื่อมองไปที่ท้องฟ้าหลังจากที่มองไปที่เด็กหนุ่มที่แสนสวยตรงหน้าเขา ที่ดูเหมือนจะยืนอยู่ในความมืดแทนที่จะเป็นแสงแดด
"สัปดาห์ที่ผ่านมา นายดูเท่มาก แม้ว่านายจะดูเหมือนกับผู้หญิงสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่เหมือนเด็กผู้ชายมากด้วยเช่นกัน อย่างน้อยนายก็รู้ว่านายต้องการที่จะเปลี่ยนตัวเอง ในเวลานั้น... นายเป็นลูกชายอย่างแน่นอน"
"รุ่นพี่... " โฮชิค่อยๆยกหัวขึ้น
"แต่สิ่งที่นายเป็นตอนนี้คืออะไร?" เซจิไม่ได้มองมาที่เขากลับกันเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแทน "นายดูหดหู่และท้อแท้ ตัวนายกลายเป็นดูมืดมน ไม่เพียงแต่นายไม่ได้เป็นลูกผู้ชายแล้ว นายก็ไม่ได้ดูเหมือยสาวน้อยน่ารักด้วย นายไม่ใช่ทั้งผู้ชายหรือผู้หญิง... นายมันเป็นแค่หมาขี้แพ้"
ด้วยความรู้สึกอาย โฮชิจึงก้มศีรษะลงอีกครั้ง
"นี้ โฮชิ อะมามิ ฉันเองเชื่อว่าเราต้องต่อสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่เราต้องการในชีวิต สิ่งที่เราไม่ชอบ สิ่งที่ไม่มีเหตุผล หรือยอมรับไม่ได้... สิ่งที่เราต้องการหลีกเลี่ยงแต่ก็ยังคงพบกับมัน สิ่งที่เลวร้ายที่ยากจะทนคือสิ่งที่เราจะต้องสู้ และเมื่อฉันพูดว่าสู้ ฉันก็ไม่ได้หมายถึงแค่การใช้ความรุนแรงเพียงอย่างเดียว"
"ตัวอย่างเช่น เด็กที่ไม่ถูกสนใจจะทำตัวเกเรเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจ ถ้าเป็นนักโทษผู้หญิงที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดก็จะกรีดร้องและร้องไห้ออกมาแบบเด็กๆและบอกว่าเธอต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ มันมีหลายวิธีในการต่อสู้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการควบคุมจิตใจให้ไม่ยอมแพ้ตราบใดที่นายยังคงมีความตั้งใจที่จะต่อต้าน มันก็ไม่สำคัญว่าความพยายามในการต่อสู้ของนายจะดูน่าเกลียดมากแค่ไหนนั้นก็เพราะว่า... นั้นคือแหล่ะคือต่อสู้!"
เซจิหันหน้าไปมองไปที่โฮชิ
"โฮชิ บางทีนายอาจได้ต่อสู้แล้ว แต่นายได้ต่อสู้อย่างอย่างสุดกำลังของนายแล้วงั้นเหรอ? ทำไมนายถึงเลิกต่อต้านมันซะล่ะ? จงพยายามสู้ต่อไปซะ! ใครจะสนใจถ้านายตกอยู่ในบึงที่เต็มไปด้วยโคลน หรือถ้านายดูน่าเกลียดหรือน่ากลัว นายยังสามารถยกหัวขึ้นมาและตะโกนออกมาได้ไม่ใช่ยังงั้นเหรือไง!?"
"รุ่นพี่... " หยดน้ำตาได้ไหลหยดลงไปบนที่หน้าของโฮชิ
"ถ้านายไม่ได้มีพลังที่จะต่อสู้อีกต่อไป แล้วทำไมนายถึงไม่ใช้พลังเศษเสี้ยวสุดท้ายคิดถึงวิธีการดิ้นรนอื่นๆที่นายยังเหลืออยู่ล่ะ ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีกว่างั้นเหรอ?" เซจิจ้องไปที่โฮชิ"ฉันกำลังพูดถึงการขอความช่วยเหลืออยู่!"
"แม้ว่านายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้วก็ตาม นายไม่สามารถแม้แต่ที่จะพาตัวนายเองให้ไปขอร้องความช่วยเหลือได้อย่างงั้นเหรอ? จิตใจของนายมันอ่อนแอมากจนขนาดที่ว่านายไม่คิดที่จะต่อต้านมันอีกต่อไปแล้วงั้นหรือไง!?"
"ตอบฉันมาสิ โฮชิ อะมามิ!"
"รุ่นพี่... รุ่นพี่... ผม... "
โฮชิไม่สามารถหยุดน้ำตาไหลออกมาได้ เขาเริ่มสะอื้นและจมูกน้ำมูกของเขาก็ไหลลงมา นี้มั่นใจได้เลยว่าใบหน้าของเขาคงเต็มไปด้วยน้ำมูกแล้ว ใบหน้าที่สวยงามก่อนหน้านี้ของเขาแทบจะไม่มีเหลือให้เห็นได้ที่ไหนเลย
เซจิมองไปที่โฮชิ
"ฉันยืนอยู่ที่นี้แล้ว รุ่นน้องของฉัน ในฐานะรุ่นพี่ของนาย ฉันมีหน้าที่ช่วยเหลือนาย แต่คงไม่มีใครสามารถที่จะช่วยคนที่ยอมแพ้กับตัวเขาเองได้หรอก แม้แต่ฉันเอง"
"ดังนั้นแล้ว… ขอความช่วยเหลือจากฉันสิ ไอ้เจ้าโง่? แม้นายว่านายจะคิดว่าจะไม่มีความต่อต้านเหลืออยู่ภายในตัว แต่นายก็รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ในส่วนที่ลึกที่สุดในจิตใจของนาย!! มันไม่สำคัญว่านายจะดูน่าเกลียดมากแค่ไหนหรือว่าเป็นความลับมากแค่ไหน... อย่ายอมรับความพ่ายแพ้และสู้ต่อไปซะ!"
"งะ... แงงงงงงงงงงงง!"
โฮชิ อะมามิเริ่มร้องไห้ออกมาดังๆ ในขณะที่ร่างของเขาล้มลงไปราวกับไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลย
เขาล้มลงบนพื้นด่านฟ้าพร้อมกับร่างของเขาขดเป็นลูกบอลขณะที่เขาร้องไห้ เขาดูเหมือนเด็กตัวเล็กที่อ่อนแอมาก
ถึงอย่างนั้นก็ตามมีบางอย่างภายในตัวเขาที่ถูกฝังไว้ในส่วนลึก ก็เริ่มที่จะถูกปลดปล่อยออกจากความมืดมิดภายในตัวเขา
"ช่วยผมด้วย... ได้โปรดช่วยผมด้วย... ช่วยผมด้วย... ช่วยผมด้วยครับ... รุ่นพี่!"
เสียงที่ชัดเจนนี้ฟังดูเหมือนกับว่าดังมาจากจิตวิญญาณของโฮชิผ่านน้ำตา
ในที่สุด เซจิก็ยิ้มอย่างผ่อนคลายเป็นครั้งแรกในขณะที่เฝ้าดูโฮชิ
"ฉันได้ยินแล้ว โฮชิ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงแต่กลับดูอ่อนโยน "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง!"