ตอนที่ 381 สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ (FREE)
เมื่อข่าวที่ ฟาง เจิ้งจือ สามารถเอาชะกลยุทธ์ที่ หนานกง เฮา วางไว้ได้ มาถึงถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง อีกข่าวหนึ่งก็ได้ส่งไปถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ม้าชั้นสูงตัวหนึ่งพุ่งเข้าใกล้ประตูเมืองเหยียนด้วยความเร็วสูง ไม่นานข่าวก็ได้ไปถึงโถงบัลลังห์ในวังหลวง
ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาในการประชุมตอนเช้า แต่ตอนนี้ เจ้าหน้าที่กลับยืนเรียงกันเป็นสองแถว ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง
"ข้าขอร้องฝ่าบาทโปรดส่งทหารออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้าช้าไปกว่านี้ข้าเกรงว่าอาจจะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป!"รัฐมนตรีคนหนึ่งคุกเข่าลงที่กลางโถงบัลลังก์และเอาหัวแนบพื้น
"ฝ่าบาท โปรดส่งทหารไปสนับสนุนเถิด ประตูผ่านภูเขานั้นเป็นช่องทางหลักที่แบ่งดินแดนของเรากับดินแดนภูเขาทางใต้ เราจะเสียมันไปไม่ได้!" เจ้าหน้าที่ทหารอีกคนหนึ่งคุกเข่าทันที
"มีรายงานขอรับ!"
"รายงานด่วนจากประตูภูผ่านภูเขา!"
ทันใดนั้นเสียงทั้งสองเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนหันไปมองที่ทางเข้าของโถงบัลลังก์
ไม่นาน ทหารในชุดเกราะพาผู้ส่งสารในชุดเกราะสีทองเข้ามาในห้องทันที ก่อนที่เขาจะยกจดหมายขึ้นมาในมือ
"อ่านให้ข้าฟัง" ในที่สุดองค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มานานก็พูดออกมาหลังจากที่ทรงเงียบมาเป็นเวลานาน
"รับทราบ!"ทหารพยักหน้าจากนั้นก็ฉีกซองออกอย่างระมัดระวัง หลังจากที่กวาดตาผ่านๆรอบหนึ่งเขาก็อ่านมันออกมาเสียงดัง
"หัวหน้าผู้ควบคุมประตูผ่านภูเขา ยู่ เทียนเฟิง ได้ดื่มเหล้าจนเมาเมื่อคืนจนไม่ได้สังเกตุทหารจำนวนมากจนพวกเขามาถึงประตูผ่านภูเขาได้ เขาได้ฆ่าตัวตายในค่ายทหารเพราะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำไม่มีทางถูกละเว้นโทษแน่นอน แม้ทหารจำนวน 50,000 จะได้พยายามป้องกันประตูผ่านภูเขาเอาไว้ด้วยชีวิต แต่ด้วยคาวมแตกต่างด้านพลังและขาดผู้นำ ทำให้พวกเราได้สูญเสียประตูผ่านภูเขา..."
"้เสียไปแล้ว?!"
"อะไรกัน มันเกิดขึ้นตอนไหน นี่ยังไม่ถึงวันเลยนะ พวกเรากลับเสียปรตูผ่านภูเขาไปแล้ว?!"
"มีทหาร 50,000 นายเฝ้าอยู่รวมถึงตรงนั้นก็มีทรัพยาการและเสบียงมากมาย นอกจากจะเกิดภัยพิบัติแล้ว ไม่ว่ากองทัพของศัตรูจะทรงพลังขนาดไหน ทำไมพวกเราถึงแพ้รวดเร็วขนาดนี้?"
"ถูกต้องแล้วตอนนี้ถิ่นฐานหลักทั้ง 4 ได้ถูกควบคุมโดยทหารของอาณาจักรเซี่ยแล้ว แล้วทหารของดินแดนภูเขาทางใต้มาโจมตีประตูผ่านภูเขาจากที่ไหนกัน? กองทัพทั้งสองจะแตกต่างกันขนาดนั้นได้ยังไง!"
เมื่อเจ้าหน้าที่ทุกคนได้ยินคำว่าสูยเสยประตูผ่านภูเขาไปแล้ว ร่างกายของพวกเขาต่างสั่นสะท้านอย่างชัดเจน เพราะว่ามันยังไม่ถึงวันหนึ่งเลยด้วยซ้ำที่มีการรายงานว่าประตูผ่านภูเขาได้ถูกล้อม
มันเร็วเกินไป!
ไม่มีใครกล้าที่จะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้น
ในหัวใจของเหล่าเจ้าหน้าที่ มันเป็นไปได้ที่ดินแดนภูเขาทางใต้จะโจมตีอย่างกระทันหัน อย่างไรก็ตามมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะโจมตีประตูผ่านภูเขา
เพราะถิ่นฐานที่ใกล้ที่สุดอย่าง เหยียน เยว่ อยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรเซี่ย
แล้ว...
กองทัพที่สามารถมายึดประตูผ่านภูเขาได้โผล่มาจากไหนกัน? ต่อให้คนที่ปกป้องประตูอยู่เมาเมื่อคืน มันก็ไม่จำเป็นต้องรีบฆ่าตัวตาย ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าผลลัพธ์ในการรบจะออกมาเป็นยังไง
มีจุดที่น่าสงสัยมากเกินไปในจดหมายฉบับนี้
ไม่มีใครเข้าใจแม้แต่คนเดียว อย่างไรก็ตามมีจุดหนึ่งที่ทุกคนสามารถมั่นใจได้ นั่นคือตอนนี้ได้สูญเสียประตูผ่านภูเขาไปเป็นเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าประตูจากดินแดนภูเขาทางใต้มาที่อาณาจักรเซี่ยได้เปิดออกแล้ว
และคือดันมาเสียประตูไปตอนนี้
ตอนนี้กำลังมีเรื่องสำคัญอะไรอยู่?
แน่นอนว่าเป็นการทดสอบด้านการต่อสู้ที่เป็นไปอย่างเข้มมข้น นักปราชญ์ชั้นเยี่ยมกว่าสามสิบคนกำลังต่อสู้กันอยู่ในดินแดนภูเขาทางใต้ ทหารกว่าแสนนายต่างกระจายตัวกันอยู่ทั้ง 4 ถิ่นฐานหลักในดินแดนภูเขาทางใต้ องค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันเองก็อยู่ที่ดินแดนภูเขาทางใต้
ประตูผ่านภูเขานั้นเหมือนเป็นประตูเชื่อมต่อระหว่างทหารนับแสนนายกับอาณาจักรเซี่ย
ซึ่งมันได้ถูกตัดขาดแล้ว!
ทหารนับแสนรวมถึงองค์รัชทายาทและนักปราชญ์จะสามารถเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?
"ฝ่าบาท ตอนนี้ทหารสามแสนนายของดินแดนเหลียงตะวันออกได้เข้าใกล้ประตูผ่านภูเขาแล้ว ได้โปรดออกคสั่งอย่างรวดเร็ว ถ้าช้าไปกว่านี้ ข้าเกรงว่าชีวิตขององค์รัชทายาทและทหารจะอยู่ในอันตราย!"
"ใช่แล้ว ฝ่าบาท!"
"ข้าคิดว่าคำพูดของแม่ทัพหวังไม่ถูกต้องเท่าไรนัก ประตูผ่านภูเขาได้ถูกบุกรุก ถ้าดินแดนภูเขาทางใต้ใช้โอกาสนี้รุกคืบเข้ามา แม้แต่มืองหลวงของพวกเราก็ตกอยู่ในอันตราย ถ้าพวกเราจะเคลื่อนย้ายทัพจากดินแดนเหลียงตะวันออกตอนนี้ ข้าเกรงว่ามันจะช้าเกินไปข้าแนะนำให้ย้ายกองทัพที่ดินแดนทะเลทรายทางเหนือมาทางตะวันออกเพื่อป้องกันความปลอดภัยของหัวเมืองทางตะวันออก รวมถึงเมืองหลวงด้วย จากนั้นพวกเราก็รวมกองทัพของดินแดนเหลียงและทะเลทรายทางเหนือเข้าด้วยกันเพื่อต่อสู้กับดินแดนภูเขาทางใต้"
"แม่ทัพหลิวพูดถูก ดูสมเหตุสมผลมาก พวกเราต้องมั่นใจว่าเมืองเหยียนจะปลอดภัย""
"ใช่ ใช่ ใช่แล้ว ก่อนอื่นต้องปกป้องเมืองเหยียนจากนั้นก็รวมพลังจากทั้งสองฝ่าย นี่เป็นแผนการที่ดีที่สุด"
"ขี้ขลาด! ดินแดนภูเขาทางใต้ไม่มีทางกล้าโจมตีเมืองหลวง! นอกจากนี้พวกเรายังมีสมาชิกทหารอีกหลายแสนคนในหน่วยพิฆาตหลวงที่คอยปกป้องเมืองเหยียนของพวกเราแยู่ แล้วพวกเราจะเป็นอันตรายได้ยังไง? ตอนนี้ สิ่งที่ควรแก้ไขมากที่สุดอันดับแรกคือการเอาทางผ่านภูเขาคืนมา หากปล่อยทิ้งไว้นานจนเกินไปจิตใจและความภักดีของประชาชนต้องเปลี่ยนไปแน่"
เจ้าหน้าที่แต่ละคนเริ่มโต้เถียงหารือและเสนอวิธีของตัวเองคนแล้วคนเล่าบางคนต้องการจะส่งกองทัพไปยังทางผ่านภูเขา และบางคนต้องการรวมพลกำลังทัพที่เมืองเหยียนเพื่อป้องกันเมืองหลวง
ขณะที่เขาฟังเสียงถกเถียงด้านล่าง จักรพรรดิหลิน มู่ไป่ ยกมือขึ้นด้วยความรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
จากนั้นโถงบัลลังค์ก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่แต่ละคนมองไปที่องค์จักรพรรดิหลิน มูไป่ ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร สายตาของพวกเขาเปิดกว้างขณะที่พวกเขากำลังรอการตัดสินใจของเขา
"ส่วนใหญ่แล้วตัดสินใจจะส่งกองทัพออกไปงั้นรึ?"
"ขอรับ!"แม่ทัพคนหนึ่งตอบรับอย่างรวดเร็ว
"มีความเห็นที่แตกต่างไปจากนี้หรือไม่?"จักรพรรดิหลิน มู่ไป่ พยักหน้าและยังคงถามออกมา
"ข้ามีความคิดที่ต่างออกไปขอรับ!"หลังจากได้ยินคำถามขององค์จักรพรรดิ เจ้าหน้าที่กฎหมายผู้ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอด ในที่สุดก็ยืนขึ้น
"พูด"
"ในความคิดของข้านั้น อาณาจักรเซี่ยและดินแดนภูเขาทางใต้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันมาหลายชั่วอายุ ต้องมีเหตุผลเบื้องหลังที่ดินแดนภูเขาทางใต้เข้าโจมตีทางผ่านภูเขาในครั้งนี้เป็นแน่ อาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ของพวกเรานั้นให้ความสำคัญกับการทูตเสมอดังนั้นข้าขอเสนอให้ฝ่าบาทส่งผู้ส่งสารไปยังดินแดนภูเขาทางใต้เพื่อตรวจสอบถึงสาเหตุ ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะการกระทำที่ไม่เหมาะสมของคนในอาราจักรเซี่ยหรืออาจจะเป็นเพราะการทดสอบ ถ้าเกิดจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมของคนในอาณาจักรพวกเราจะลงโทษพวกเขาอย่างเหมาะสมถ้าเกิดจากการขัดแย้งกันของการแข่งขัน พวกเราจำเป็นต้องอธิบายเหตุผลให้ชัดเจน นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงความบาดหมางระหว่างความสัมพันธ์หลายชั่วอายุของทั้งสองฝ่ายและแน่นอนว่า ถ้าหากดินแดนภูเขาทางใต้มีความมุ่งร้าย ก็ยังคงมีเวลาพอที่ฝ่าบาทจะส่งกองทัพออกไปได้ทันการณ์ แน่นอนว่ามันจะเป็นสิ่งยืนยันว่าอาณาจักรเซี่ยนั้นให้ความสำคัญกับด้านการฑูตมากกว่าการทหาร!"
หลังจากพูดจบเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายก็คุกเข่าลงทันที
"ข้าเห็นด้วย!"
"ข้าเห็นด้วยเช่นกัน!"
ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็ยืนขึ้นมาเพื่อสนับสนุนความคิดของเจ้าหน้าที่กฎหมาย
เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารคนคนอื่นๆได้ยิน ใบหน้าของพวกเขาปรากฎรอยยิ้มอันชั่วร้ายขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กฎหมายอาจจะมีสิทธิ์ออกเสียง แต่องค์จักรพรรดิก็แค่ขอคำแนะนำ
ดังนั้นแม้ว่าเจ้าหน้าที่ทหารทุกคนจะโกรธ พวกเขาก็ต้องระงับมันเอาไว้
อย่างไรก็ตาม...
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคิดว่าองค์จักรพรรดิจะยอมรับคำแนะนำนี้ เพราะถึงแม้อาณาจักรเซี่ยจะให้ความสำคัญกับการฑูต แต่อาณาจักรเซี่ยก็ยังเป็นอาณาจักรที่ทรงพลังและมีขุมกำลังจำวนมากอยู่ดี
ตอนนี้ทรัพยากรของเขาพวกเขามีมามายกำลังทหารก็มีคุณภาพ พวกเขาไม่กลัวสงครามเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาจะยอมให้ดินแดนภูเขาทางใต้บุกเข้ามาอย่างนั้นรึ ถ้าเป็นอย่างนั้นยังจะกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นอาณาจักรเซี่ยอันยิ่งใหญ่อีกงั้นรึ?
"ข้ารู้สึกว่าคำพูดของเจ้าหน้าที่กฎหมายค่อนข้างสมเหตุสมผล ดังนั้นข้าจะส่งเจ้าหน้าที่กฎหมายเป็นการส่วนตัวไปที่ดินแดนภูเขาทางใต้เพื่อตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้น!" ทันใดนั้น องค์จักรพรรดิก็พยักหน้าและสั่งออกมา
ในโถงบัลลังก์เจ้าหน้าที่ทหารเหลือบมององค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยความไม่เชื่อ เพราะไม่มีใครเข้าใจว่าองค์จักรพรรดิทำไมถึงฟังคำพูดของเจ้าหน้าที่กฎหมาย
อย่าบอกนะว่าเขายังเชื่อว่าดินแดนภูเขาทางใต้ยังเป็นเหมือนเมื่อก่อน?
ดินแดนภูเขาทางใต้ที่กล้าบุกรุกและเข้ายึดประตูผ่านภูเขายังจะเป็นดินแดนที่ภักดีและส่งของบรรณาการให้พวกเขาทุกปีอยู่อีกงั้นหรือ?
"รับทราบ ข้าจะรีบไปตรวจสอบทันที!"เจ้าหน้าที่กฎหมายไม่ได้ให้ความสนใจกับการแสดงออกของเหล่าแม่ทัพ หลังจากฟังองค์จักรพรรดิเสร็จ รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าเขาทันที
การเข้าใจจุดประสงค์ขององค์จักรพรรดิรวมถึงเข้าใจหัวใจขององค์จักรพรรดิ
มันเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ควรทำ ถ้าไม่แม้แต่สังเกตุว่าองค์จักรพรรดิต้องการจะต่อสู้หรือไม่ ยังจะถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของสภาทั้งหกอีกงั้นหรือ?ทำไมไม่อยู่บ้านและปลูกข้าวเลี้ยงสัตว์ไปเสียดีกว่าล่ะ!
เจ้าหน้าที่ทางกฎหมายกวาดตาไปยังเจ้าหน้าที่ทหารก่อนที่จะไปหยุดลงที่คนสุดท้ายที่สวมชุดสีแดง รัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง
นับตั้งแต่มีทหารเข้ามารายงาน เขาไม่ได้ปริปากพูดออมาแม้แต่คำเดียว มันทำให้เขาค่อนข้างสับสนเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเพียงความสับสน ตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว
เจ้าหน้าที่กฏหมายไม่ได้คิดอะไรอีกและก้มหัวด้วยความเคารพ ก่อนที่จะออกจากโถงบัลลังก์และเตรียมเดินทางไปที่ดินแดนภูเขาทางใต้
เมื่อ ยู่ ยี่ปิง เห็นเช่นนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย มุมปากโค้งงอเป็นรอยยิ้ม
มันเกิดจากความสงสาร
หรืออาจจะบอกได้ว่ามันเป็นความสงสารปนด้วยความเยาะเย้ย
เข้าใจจุดประสงค์ขององค์จักรพรรดิ? ถึงเข้าใจหัวใจขององค์จักรพรรดิ?
เขาเหลือบมององค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ในโถงบัลลงก์นี้จะมีใครกล้าบอกว่าตัวเองเข้าใจองค์จักรพรรดิได้มากกว่าเขางั้นรึ?
เพจหลัก : Double gate TH