ตอนที่ 151 การค้นพบที่น่าตกใจ
เด็กสาวผู้คลั่งไคล้เนื้อกลับมาแล้ว
“กอด! กอด!” เมื่อฮูหนิวมองเห็นหลิงฮัน นางกระโดดเข้าใส่อ้อมแขนของเขาและซุกหน้าอยู่ที่แผงอกของเขาทันที
หืม?หืม?หืม?
หลิงฮันสำรวจเด็กสาวตั้งแต่ตัวยันเท้า แต่ทำไมเขาถึงไม่เห็นเขา ปีก หรืออะไรจำพวกนั้นเลย? เด็กสาวดูราวกับว่า... ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมสักนิดเลย?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลังจากที่เขากินสมุนไพรวิญญาณระดับพระเจ้าเข้าไปสองส่วน ซึ่งส่วนแรกช่วยในการขัดเกลากล้ามเนื้อกับผิวหนัง และส่วนที่สองช่วยหลอมกระดูกของเขาขึ้นมาใหม่ เรียกได้ว่าตัวเขานั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่ฮูหนิวกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ไม่ใช่ว่าสมุนไพรระดับพระเจ้าชิ้นสุดท้ายจะเสียเปล่าหรอกรึ?
‘ไม่ๆ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ภายในร่างกายของนางต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลแน่นอน’
“ฟุด!ฟิด!” ฮูหนิวสูดหายใจ จู่ๆประกายแสงอันดุร้ายก็ได้ปรากฏขึ้นที่ดวงตาของนาง ‘ฟุบ’ นางกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของหลิงฮันและเปลี่ยนท่าทีกลับไปเป็นสัตว์ป่า แขนและขาของนางยันพื้นเอาไว้และกระโดดออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“โอ้!” หลิงฮันนึกออกในทันทีว่าฮูหนิวจะต้องใช้จมูกของนางสัมผัสได้ถึงตัวตนของพี่น้องลิ่วแน่นอน
เด็กสาวคนนี้เป็นดั่งสัตว์ป่า ไม่ใช่แค่นางมีจมูกที่ดี แต่นางยังมีนิสัยหวงแหนอาณาเขตของตนเองมากอีกด้วย ตอนนี้มีคนแปลกหน้าสองคนเข้ามาอยู่ในอาณาเขตของนาง จึงไม่แปลกที่นิสัยอันดุร้ายเด็กสาวจะกำเริบขึ้นมา
หลิงฮันรีบไล่ตามนางไป
“ปัง!”
ด้วยการกระโดดเพียงไม่กี่ก้าว ฮูหนิวได้กลับไปถึงห้องของนางพร้อมกับบุกเข้าไปในห้องโดยไม่รีรอ แรงกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้ประตูพังทลายเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย เมื่อกระโจนเข้าไปข้างใน นางตั้งท่าราวกับเป็นพยัคฆ์ ปากของนางเปิดออกเล็กน้อยและมือทั้งสองข้างได้กางออกจนมีรูปร่างราวกับกรงเล็บที่สามารถโจมตีออกไปได้ตลอดเวลา
“เจ้าวายร้าย! เจ้ามีความคิดชั่วร้ายแอบแฝงอยู่จริงๆด้วยสินะ!” ตั้งแต่เมื่อตอนที่ลิ่วลู่เอ๋อเห็นร่างเปลือยส่วนบนของหลิงฮัน หัวใจของนางเต้นแรงราวกับกลองและใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับโลหิต ไม่มีทางเลยที่นางจะสงบใจเพื่อให้หลับได้ ดังนั้นเมื่อนางได้ยินเสียงประตูพังทลาย นางจึงคิดไปเองว่าตัณหาของหลิงฮันถูกกระตุ้นและบุกเข้ามาที่นี่เพื่อขืนใจนาง นางกระโดดลุกขึ้นและปล่อยฝ่ามือโจมตีออกไปในทันที
“ตูม!”
ฝ่ามือของนางกระแทกโดนร่างของฮูหนิว ถึงแม้พลังของนางจะลดลงไปจนหมด แต่หลังจากฟื้นพักตัวอยู่หลายวัน พลังของนางได้ฟื้นกลับมาอยู่ที่ระดับหลอมกายาแล้ว ฝ่ามือที่นางปล่อยออกมาจึงทำให้ร่างของฮูหนิวปลิวถอยหลัง
อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกตัวในทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง คนที่นางโจมตีใส่ไม่ใช่จอมลามกแต่เป็นเพียงเด็กสาว
“ฟุบ” หลิงฮันเดินมาถึงและอ้าแขนออกเพื่อรับร่างของฮูหนิวที่ถูกกระแทกจนปลิวถอยหลังเอาไว้
“บัดซบ เจ้าวายร้าย!” เมื่อลิ่วลู่เอ๋อเห็นหลิงฮัน นางไม่สามารถหยุดสาปแช่งออกไปได้ หลังจากเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ ลิ่วเฟิงเอ๋อก็ตื่นขึ้นมาเช่นกัน ดวงตาของนางมองกวาดผ่านทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และอดสงสัยไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฆ่า! ฆ่า!” ฮูหนิวดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนของหลิงฮัน จากที่ดูแล้วนางไม่มีร่องรอยบาดเจ็บจากการถูกโจมตีเมื่อกี้แม้แต่น้อย
หลิงฮันโล่งอกและพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม “เป็นเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อย ห้องที่พวกเจ้าทั้งสองอาศัยอยู่คือห้องของเด็กสาวคนนี้ เมื่อหลายวันมานี้นางไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่เมื่อนางกลับมาและพบว่าพวกเจ้าทั้งสองยึดห้องของนางไป นางจึงคิดว่าพวกเจ้าเป็นศัตรูและทำให้นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย”
‘นั่นไม่ใช่แค่กังวลแล้ว นางดูราวกับต้องการจะเขมือบพวกนางเข้าไปด้วยซ้ำ!’
พี่น้องลิ่วคิดในใจในขณะที่พวกนางมองไปยังท่าทางที่ดุร้ายของฮูหนิว อย่างไรก็ตาม ที่แห่งนี้เป็นของหลิงฮัน ดังนั้นเขาจึงมีสิทธิที่จะพูดแบบนั้น
“ฮ่าๆ ดึกดื่นป่านนี้พวกเราคงไม่รบกวนการพักผ่อนของพวกเจ้าแล้ว” หลิงฮันพูดพร้อมกับหัวเราะและเดินออกไป อย่างไรก็ตาม ประตูที่ฮูหนิวทำลายไปคงไม่สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ช่างเถอะ เขาค่อยมาจัดการกับมันพรุ่งนี้แล้วกัน
***
หลังจากกลับมาที่ห้องของเขา หลิงฮันจับฮูหนิวนั่งลงบนเตียงและพูด “เด็กน้อย ผู้หญิงสองคนนั้นคือสหายชั่วคราว ดังนั้นห้ามโจมตีพวกนาง”
ฮูหนิวทำแก้มป่องแสดงความไม่พอใจ นางไม่ชอบให้สิ่งมีชีวิตอื่นรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของนาง แต่ในเมื่อหลิงฮันพูดอย่างนั้น นางจึงทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับ อย่างไรก็ตาม เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อย นางลืมความไม่พอใจที่นางมีอย่างรวดเร็วและพูดออกมา “กอด! กอด!”
หลิงฮันหัวเราะและตรวจสอบฮูหนิวอย่างใกล้ชิดอีกครั้งแต่ก็ไม่พบความเปลี่ยนแปลงใดๆบนร่างของนาง เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“มันไม่ถูกต้อง!”
หลิงฮันส่ายหัวทันที เมื่อสักครู่ฮูหนิวถูกการโจมตีของลิ่วลู่เอ๋อ แต่นางไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆแม้แต่น้อย ร่างกายของนางจะต้องมีการพัฒนาอย่างแน่นอน แต่จะพัฒนาไปได้ถึงขั้นไหนนั้น คงจำเป็นต้องยืนยันด้วยการให้นางรับการโจมตีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ช่างเถอะ เอาไว้ค่อยคิดทีหลังแล้วกัน
เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมีแสงเลือนราง หลิงฮันตัดสินใจไม่นอนแต่เลือกที่จะบ่มเพาะพลังแทน
เขานั่งขัดสมาธิและเริ่มโคจรทักษะห้าธาตุสวรรค์ รากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์ของเขาสั่นไหวเล็กน้อย และเริ่มดูดกลืนพลังวิญญาณรอบตัวในทันที หลังจากที่เขากินสมุนไพรระดับพระเจ้าเข้าไปและเสริมแกร่งกระดูก กล้ามเนื้อและเส้นโลหิตของเขาแล้ว ความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณของเขาเองก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเหมือนกัน
ไม่ใช่ว่ารากฐานวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่เป็นเพราะเส้นโลหิตของเขากลายเป็นไร้สิ่งสกปรก ทำให้พลังวิญญาณไหลผ่านได้ราบลื่นขึ้นกว่าแต่ก่อน จึงส่งผลให้ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น
แน่นอนว่าความยอดเยี่ยมของรากฐานวิญญาณของเขาก็มีส่วนเช่นกัน ไม่เช่นนั้นหลังจากดูดซับพลังวิญญาณจำนวนมากเข้ามาแล้ว ถ้าเขาไม่สามารถหลอมให้มันกลายเป็นปราณก่อเกิดได้ทันเวลา มันจะมีประโยชน์อะไร?
และสุดท้าย เขากลืนเม็ดยาชำระล้างธาตุเข้าไปเพื่อเพิ่มความเร็วในการเพาะขึ้นไปอีก
ฮูหนิวจ้องมองเขาอยู่สักพักก่อนที่จะรู้สึกเบื่อ และเริ่มเลียนแบบท่านั่งขัดสมาธิของเขา
หลิงฮันรู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะจู่ๆก็มีลมพายุปรากฏขึ้นข้างๆตัวเขาที่กำลังดูดซับพลังวิญญาณอยู่ และเริ่มต่อสู้แย่งชิงพลังวิญญาณที่อยู่รอบๆ ทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาลดฮวบไปในทันที
ดวงตาของเขาเปิดออกและเห็นฮูหนิวกำลังนั่งขัดสมาธิด้วยท่าทีจริงจัง และมีสีหน้าเคร่งขรึม
‘หืม!’
ถึงแม้เขาจะพอเดาได้ตั้งแต่ตอนหลับตาแล้ว แต่เมื่อมาเห็นด้วยตาตัวเองเขาก็ยังตกตะลึงมากอยู่ดี
...ฮูหนิวปลุกรากฐานวิญญาณได้และก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งผู้บ่มเพาะพลังแล้ว!
เหลือเชื่อจริงๆ เด็กสาวคนนี้ยังอ่อนเยาว์เกินไป!
โดยปกแล้ว คนเราจะปลุกรากฐานวิญญาณได้ตอนอายุประมาณสิบเอ็ดหรือสิบสองปี ถึงแม้จะมีคนสามารถปลุกรากฐานวิญญาณได้ก่อนหน้านั้น อย่างมากสุดก็คงเร็วกว่านั้นแค่หนึ่งถึงสองปี อย่างไรก็ตาม เด็กสาวคนนี้ปลุกรากฐานวิญญาณได้ก่อนล่วงหน้าถึงเจ็ดหรือแปดปี ยิ่งกว่านั้น หากวัดจากพลังวิญญาณที่นางแย่งเขาดูดซับไปเมื่อสักครู่ รากฐานวิญญาณของฮูหนิวจะต้องเป็นระดับสวรรค์หรืออาจะเทียบเท่ากับเขาเลยด้วยซ้ำ
ต้องเข้าใจก่อนว่ารากฐานวิญญาณของเขามีธาตุผสานอยู่ด้วยกันถึงห้าธาตุ และเป็นรากฐานวิญญาณระดับต้นๆ ถ้าเช่นนั้นแล้วรากฐานวิญญาณของเด็กสาวล่ะจะเป็นยังไง?
หลิงฮันรวบรวมสัมผัสสวรรค์เอาไว้ที่ดวงตาและใช้ปราณจิตวิญญาณที่หลงเหลือจากชีวิตที่แล้วจ้องมองเข้าไปในตันเถียนของฮูหนิว
‘อะไรกัน?!’
ดวงตาของเรารู้สึกเจ็บปวดและรีบหันหน้าหนีทันที เขาใช้มือถูที่ดวงตาและพบว่าในมือของเขามีเลือดติดอยู่ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดจะสนใจในเรื่องนี้เพราะว่าเขายังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นเมื่อสักครู่อยู่
‘นั่นคือของจริงรึ?’
เขามองเห็นรากฐานวิญญาณของฮูหนิวแล้ว แต่นั่นใช่รากฐานวิญญาณจริงๆรึ?
หลิงฮันรู้สึกว่านี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป
...ในตันเถียนของฮูหนิว รากฐานวิญญาณของนางคือหญิงสาวคนนึงที่กำลังหลับไหลอยู่!
หญิงสาวคนนั้นเป็นสตรีที่งดงามมาก ถึงแม้ดวงตาของนางจะปิดสนิทอยู่และทำให้ความงามของนางลดลงมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางยังคงงดงามจนไม่อาจลบออกไปจากใจได้ แม้แต่หลิวอู๋ตงกับหลีซื่อฉางก็ยังต้องจืดจางเมื่อเทียบกับหญิงสาวนิทราคนนี้
ต้องไม่ผิดแน่ หญิงสาวที่งดงามคนนั้นคือคนที่กำลังดูดซับพลังวิญญาณ และประสิทธิภาพในการดูดซับพลังวิญญาณของนางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแม้แต่น้อย
หลิงฮันไม่เคยเห็นรากฐานวิญญาณที่เป็นรูปร่างของมนุษย์มาก่อน!
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสั่นจนเหงื่อตก เมื่อเขากำลังจ้องมองหญิงสาวที่งดงามคนนั้นอยู่ จู่ๆดวงตาของนางก็เปิดออกและจิตสังหารของนางก็ได้ทิ่มแทงมายังสัมผัสสวรรค์ของเขา ถ้าหอคอยทมิฬไม่สั่นไหวเพื่อช่วยเขาได้ทันเวลา เขาคงไม่ใช่แค่เลือดออกที่ดวงตา แต่สัมผัสสวรรค์ของเขาคงถูกทำลายจนสิ้นซากอย่างแน่นอน