บทที่ 6 ได้พบกัน 3 (1) [รีไรท์อ่านฟรี]
บทที่ 6 ได้พบกัน 3 (1)
คนเราจะมีอารมณ์โกรธปะทุขึ้นเมื่อใด?
มันน่าจะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แกร่งกว่าตนหรือเจอกับมนุษย์โง่เง่าน่ารำคาญที่คอยก่อกวนอารมณ์ของคุณไม่ต่ำกว่า 5-6 ครั้ง ซึ่งกรณีของคาร์ลน่าจะเป็นประการหลัง คาร์ลไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของเชวฮันเป็นครั้งที่ 5 ก่อนจะโดนตี
‘จะกระตุกหนวดเสือครั้งเดียวก็พอแล้วมั้ง....เจ้าคาร์ลเอ๊ย!!’
“นายน้อยคาร์ลจะกลับแล้วหรือขอรับ?”
“ใช่....”
ภายในร้านชาเหลือคนไม่มากนัก ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 3 ทุ่มแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าภายในร้านเหล้ามีจำนวนมากกว่าร้านชา อาจเป็นเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนงานจากเหมืองหินอ่อนที่เสร็จภารกิจจากการทำงานและเลือกมาผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการดื่มเหล้า
“กระผมหวังว่านายน้อยคาร์ลจะกลับมาใช้บริการร้านเราอีกครั้งนะขอรับ”
คาร์ลพยักหน้าตอบรับบิลอส
“ชาอร่อยมาก......” เขาลอบสังเกตสีหน้าของบิลอสไปพร้อมๆกับที่เอ่ยปากชม
“นิยายก็สนุกมากด้วย ขนาดข้าอ่านไปได้เพียงครึ่งเรื่องเอง...โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง..เขาเก่งมากเลยนะ ข้าชอบการดำเนินชีวิตของพระเอกเป็นยิ่งนัก”
บิลอสขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะคลายออก ดวงตาของเขามีความงุนงงเล็กน้อยเมื่อมองไปยังคาร์ล แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น คาร์ลก็ไม่ได้สังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของบิลอส เขาพยายามนึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เขาได้อ่านไปอาจเป็นเพราะเขากังวลเรื่องของเชวฮันมากไปทำให้ไม่มีสมาธิในการอ่านมากนัก
คาร์ลไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดที่ทำให้เขาสามารถสื่อสารด้วยภาษาของคนที่นี่ได้แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะสามารถทำให้เขาใช้ชีวิตอยู่ในร่างของคาร์ลได้อย่างไม่มีปัญหาและสามารถสนุกไปกับการอ่านหนังสือนิยายได้อย่างไม่ติดขัด รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของคาร์ลอีกครั้ง ขณะที่เขายังคงพูดกับบิลอสที่ยังคงมีสีหน้าว่างเปล่า
“อย่าปล่อยให้คนอื่นอ่านหนังสือเล่มนั่นจนกว่าข้าจะอ่านจบล่ะ?”
เพราะเขาคือเด็กหนุ่มผู้ดื้อรั้นเอาแต่ใจและเป็นบุตรชายของท่านเคานต์เดอรัชผู้เรืองอำนาจ ในตอนนี้เขากำลังพยายามผูกขาดกับทรัพย์สินของคนอื่นบิลอสผู้เป็นบุตรชายของหัวหน้าสมาคมการค้าที่มั่งคั่งอาจไม่พอใจได้ แต่เขาจะสามารถทำอะไรได้? เพราะนี่คือคาร์ล...คาร์ลผู้เป็นบุตรชายของท่านเคานต์เดอรัช เฮนิตัส
“ได้ขอรับ นายน้อยคาร์ล กระผมจะเก็บหนังสือเล่มนั่นไว้ให้นายน้อยอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตามคำตอบของบิลอสก็ต่างจากที่คาร์ลคาดไว้ บิลอสส่งรอยยิ้มสดใสให้แก่คาร์ลก่อนพูดสนับสนุนให้คาร์ลกลับมายังร้านของตนในเร็ววันนี้
“กรุณากลับมาในเร็วๆนี้นะขอรับ กระผมจะรอ”
“ได้สิ”
คาร์ลยังไม่อยากไปแต่ก็ต้องออกไปเพื่อพบกับเชวฮัน กระดิ่งหน้าร้านส่งเสียงขึ้นอีกครั้งก่อนที่บรรยากาศภายในร้านจะกลับมาคึกคักกว่าเดิมเมื่อคาร์ลเดินออกจากร้านไป
เมื่อออกมาข้างนอก คาร์ลก็พบว่าบรรยากาศข้างนอกนั่นล้วนหนาแน่นไปด้วยผู้คน ยิ่งดึกยิ่งคึกคักไม่ต่างจากเกาหลีเลยสักนิด ถึงแม้เมืองเฮนิตัสจะห่างไกลจากเมืองหลวงแต่ก็มีศิลปินมากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้พวกเขาล้วนมีผลงานที่เป็นที่นิยมทำให้คนที่กำลังมองหาสถานที่ผ่อนคลายจากการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานอย่างหนักภายในเหมืองแร่หินอ่อนพวกเขาเลือกที่จะมาสนุกและเพลิดเพลินไปกับการดื่มในเมืองนี้ คาร์ลก้าวเดินไปตามถนนช้าๆ
‘จะว่าไปคาร์ลก็เป็นคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว’
โดยปกติในนิยายจะสร้างตัวละครที่เป็นเพียงขยะของตระกูลให้เป็นคนเกเรไม่เอาการเอางาน มั่วสุมกับอันธพาล ดื่มเหล้า ลวนลามผู้หญิงและคอยสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านอยู่เสมอ แต่สิ่งที่น่าตลก คาร์ล เฮนิตัส กับเป็นคนที่เกลียดชังนักเลงพวกนี้อย่างยิ่ง
‘เขาคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ’ สิ่งที่เลวร้ายของคาร์ลคือการอาละวาดทำร้ายข้าวของเวลาเมาแต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายหรือฉุดคร่าผู้หญิง เขายังเป็นชาวเมืองที่ดีถึงแม้จะเป็นคนไม่เอาไหนที่ตระกูลจะหวังพึ่งพาเขาไม่ได้เลย นั่นคือเหตุผลที่นับว่าคาร์ลยังมีความดีอยู่บ้าง
“โอว้วววว....นายน้อยคาร์ลอยู่ที่นี่ด้วยหรือขอรับ”
เจ้าของร้านเหล้าเมื่อมองเห็นคาร์ลต่างก็เป็นกังวลเพราะครั้งล่าสุดที่คาร์ลมายังร้านเหล้า เขาได้เมาอาละวาดทำร้ายข้าวของภายในร้านเสียหายไปเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าคาร์ลถูกขึ้นบัญชีดำของร้านเหล้าในเมืองเวสเทิร์นไปเป็นที่เรียบร้อย
คาร์ลไม่ได้ตอบรับคำทักทายของเจ้าของร้านเหล้าก่อนจะโยนเหรียญทองให้เขา
“เอาเหล้าแบบเดิมมาให้ข้า 1 ขวด อ้อแล้วก็เอาอกไก่ย่างมาด้วยอย่าใส่เกลือลงไปเยอะนะ ”
“เอ่อ...นายน้อยไม่หาโต๊ะนั่งหรือขอรับ?”
คาร์ลเริ่มโมโห ก่อนที่เจ้าของร้านจะพยักหน้าตอบรับและก้มศีรษะให้เขาทันที
“เดี๋ยวนี้!!! กระผมจะนำมันมาให้เดี๋ยวนี้ล่ะขอรับ”
เจ้าของร้านเห็นคาร์ลยกยิ้มอย่างพอใจ ท่าทีที่รีบร้อนของเจ้าของร้านที่ทำตามคำสั่งของคาร์ลทันทีอาจเป็นเพราะคาร์ลไม่เลือกที่จะนั่งดื่มเหล้าในร้านของเขาก็เป็นได้ เขามองไปรอบๆร้านเหล้าที่เงียบสนิทลงเมื่อคนอื่นๆเห็นคาร์ลเดินเข้ามาในร้านแห่งนี้พวกเขาต่างพากันหลบสายตาของคาร์ลแต่ก็ยังมีพวกนักเลงคุมร้านเหล้าที่ยังแอบมองเขาเป็นระยะๆด้วยความกระวนกระวายใจ
‘สงสัยกลัวว่าฉันจะพังร้านล่ะสิ’
“เตราะ!!” เสียงเดาะลิ้นของคาร์ลอาจลอดผ่านความเงียบเข้าไปภายในร้านได้
“นายน้อยคาร์ลได้แล้วขอรับ”
“ดี” คาร์ลคว้าขวดเหล้าและถุงไก่ย่างมาไว้ในมือตนเอง หากคนที่ดื่มเหล้าบ่อยๆอาจจะรู้ว่าขวดเหล้าในมือคาร์ลตอนนี้มีราคาที่สูงมาก เขาก้มมองดูขวดเหล้าอีกครั้งก่อนเดินออกจากร้านอย่างไม่ผิดหวังก่อนจะเปิดขวดเหล้ากระดกดื่มเกือบครึ่งขวดในทันทีที่ก้าวพ้นร้าน
‘โอ้...’ รสชาติที่บาดนุ่มลิ้นเป็นรสชาติที่ดีทีเดียว ด้วยเจ้าของร่างเดิมเป็นคนที่คอแข็งมากทำให้เหล้าที่พร่องไปครึ่งขวดภายในเวลารวดเร็วไม่สามารถทำให้เขาเมาได้ คนอื่นคงคิดว่าการดื่มเหล้าของคาร์ลก็เป็นเพียงการดื่มน้ำเปล่านั่นล่ะ คาร์ลเริ่มสาวเท้ายาวขึ้นพร้อมกับเหล้าและถุงไก่ย่างในมือ
เขาเดินผ่านร้านกลิ่นชากับบทกวีที่ตนปักหลักอยู่ตลอดทั้งวัน เขาเหลือบมองทหารรักษาประตูเมืองที่ทำงานอย่างแข็งขันทำให้เขาอยากลองออกไปเดินเล่นนอกประตูเมืองบ้างแต่น่าเสียดายเพราะที่นั่นไม่ใช้เป้าหมายของเขา
“อ่า....เริ่มร้อนแล้วสิ” เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองร้อนขึ้นด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เขาเดินต่อไปอีกนิดจนกว่าจะถึงกำแพงเมืองที่ไม่ไกลจากสายตาเท่าใด กำแพงเมืองที่มีความสูงและแข็งแรงเช่นนี้ดูท่าจะเป็นเกราะป้องกันผู้บุกรุกได้เป็นอย่างดี
‘แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าป้องกันใครละนะ’ คาร์ลเริ่มทบทวนเนื้อหาในนิยายอีกครั้ง