บทที่ 2 เมื่อผมลืมตาตื่น 1 (2) [รีไรท์อ่านฟรี]
บทที่ 2 เมื่อผมลืมตาตื่น 1 (2)
“มันจะคุ้มค่ากับความพยายาม....”
ต้องพยายามเลี่ยงสงครามที่จะเกิดขึ้นและใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ในตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าขยะอย่างคาร์ลอาจจะดีกว่าเดิมเมื่อตอนนี้เขาได้กลายเป็น ‘คิมร็อกโซ’ ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองที่เขาอยู่ตั้งอยู่ในทวีปตะวันตกทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการหลีกเลี่ยงสงคราม ในนิยายได้กล่าวถึงขุนนางส่วนใหญ่ที่ใช้พื้นที่ในทวีปตะวันตกเพื่อเลี่ยงสงคราม แม้ว่าตัวเขาไม่สามารถเลี่ยงได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นเขาก็ควรจะลดความเสียหายให้มันเกิดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วกัน
“นายน้อยอยู่ในห้องน้ำหรือไม่ขอรับ?”
เขาได้ยินเสียงเรียกของรอนจากด้านนอก คาร์ลคิดถึงตัวตนที่แท้จริงของรอน รอนเป็นฆาตกรที่ข้ามมาจากทวีปตะวันออกโดยอาศัยเรือข้ามทะเลเข้ามา รอนแกล้งทำเป็นชายชราผู้ใจดีแต่แท้จริงแล้วรอนกลับเป็นคนที่โหดร้ายและไร้เมตตา
“ใช่....เดี๋ยวออกไป”
การโต้ตอบโดยอัตโนมัติทำให้เขาตอบด้วยน้ำเสียงกระด้างใส่ชายชรา คาร์ลได้ตระหนักถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่และตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในอนาคต เขาจำเป็นต้องผลักไสชายชราให้พระเอกและส่งเขาออกไปให้ไกลตน รอนสามารถฆ่าเขาได้เพียงพริบตาแต่ถือว่าเขายังเป็นลูกสุนัขเชื่องๆที่รอนเลี้ยงไว้เพราะไม่อาจลงมือฆ่าเขาได้ลง เขายกยิ้มจางๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาสนใจเท่ากับเรื่องของคาร์ลตัวจริง ในนิยายรอนแยกตัวออกจากพระเอกและลูกชายของเขาหลังจากที่เชวฮันได้ลงมือทำร้ายคาร์ล
เขารีบใส่เสื้อคลุมอาบน้ำก่อนออกมาจากห้องน้ำ รอนกำลังยืนอยู่ที่นั่นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับถาดใส่แก้วน้ำเย็นในมือ
“นายน้อยนี่ขอรับ น้ำเย็น”
คาร์ลหยิบแก้วน้ำและเดินผ่านชายชราไป เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ใกล้กับชายแก่ที่เป็นอันตรายเช่นนี้
“ขอบคุณมาก”
ท่าทางของรอนกลับผิดแปลกไปอีกครั้งแต่คาร์ลก็เดินผ่านเขาไปแล้ว คาร์ลค่อยๆดื่มน้ำเย็นในขณะที่เริ่มคิด
‘มีพวกนั้นอยู่ที่นี่มากเกินไป’
ในความเป็นจริงคนพวกนั้นมีมากเกินไป ไม่ว่าเหล่าพระเอกจะไปที่ไหนต่างก็มีบุคคลที่เก่งกาจหรือบุคคลที่มีความลับที่ซ่อนเร้นแฝงตัวอยู่ทุกที่ บุคคลเหล่านี้มีทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่นๆ
‘ฉันต้องการกำลังอย่างน้อยก็เพื่อปกป้องตัวเอง’
เพื่อที่จะได้อยู่ได้นานโดยปราศจากความเจ็บปวดในดินแดนที่เต็มไปด้วยสงครามแห่งนี้ คุณจะต้องแข็งแกร่งพอสมควร แน่นอนจะแกร่งเกินไปก็ไม่ได้เพราะอาจเกิดสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นได้ คาร์ลคิดถึงการเผชิญหน้ากับการต่อสู้ต่างๆและการเสริมสร้างพลังของพระเอกและสมาชิกของเขา คาร์ลกำลังคิดถึงคนที่จะสามารถช่วยให้เขามีชีวิตอยู่ได้ยาวนานโดยปราศจากการเจ็บปวด เขามีคนที่คิดไว้แล้วภายในใจและเขาเพียงต้องการเลือกใครสักคนในกลุ่มพระเอกนี้
“นายน้อย เริ่มแต่งตัวได้แล้วขอรับ”
“อ้อ..ใช่..ขอบคุณ”
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดขึ้นมีข้ารับใช้ 2 คนที่เป็นลูกมือช่วยรอนแต่งตัวให้เขา เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ารอนมีท่าทางฝืนตนเองซึ่งแตกต่างจากภาพที่เขาแสดงออกให้คนอื่นเห็น คาร์ลมองไปยังชุดที่คนรับใช้กำลังนำเข้ามา
“วันนี้ชุดมันดูเรียบง่ายดี”
เขาเกลียดเครื่องแต่งกายที่ยุ่งยากซับซ้อนจริงๆ เสื้อผ้าที่เรียบง่ายต่างหากที่จะช่วยให้คุณผ่อนคลายและสบายที่สุด
“ใช่แล้วนายน้อย”
ข้ารับใช้ที่รับผิดชอบการแต่งกายของคาร์ลทำงานได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวเนื่องจากเป็นชุดที่เรียบง่ายที่สุดที่พวกเขาเคยแต่งให้คาร์ล แต่สำหรับคาร์ลนั้นต่อให้เป็นชุดที่เรียบง่ายขนาดไหนก็ยังสร้างความอึดอัดและขุ่นเคืองให้กับเขาอยู่ดี อันนี้คือง่ายแต่ก็ช่างฟุ่มเฟือยหรูหราเกินรสนิยมของเขาไปไกลโข อย่างไรก็ตามใบหน้าที่สะท้อนในกระจกก็ช่างหล่อเหลาเหลือเกิน
‘เขาหล่อมากทำให้เสื้อผ้าพวกนี้ดูดีขึ้นเป็นกอง’
ใบหน้าที่ดูดีถือว่าเป็นเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายสำหรับแฟชั่นสินะ เขามองตัวเองในกระจกและพับแขนเสื้อขึ้นก่อนหันหน้าไปพูดกับรอน
“ไปกันเถอะ....รอน”
“ขอรับ....นายน้อย”
คาร์ลเดินตามหลังรอน เป็นเรื่องที่ดีที่เขาไม่จำเป็นต้องจำโครงสร้างภายในคฤหาสน์ เขาเพียงแค่เดินตามรอนไปทุกที่ที่ตนเองต้องการ ข้ารับใช้ที่คาร์ลเดินผ่านต่างสะดุ้งสุดตัวก่อนคำนับอย่างสุภาพก่อนที่พวกเขาจะพากันวิ่งหนีไป ทำไมพวกเขาถึงกลัว? คาร์ลไม่เคยตีคน? เขาชอบดื่มและอาละวาดรุนแรงเป็นบางครั้งเมื่อเขาเมาราน้ำและนั่นเป็นเหตุผลที่เขากลายเป็นขยะไร้ค่าของตระกูล นอกจากนั้นยังปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างก้าวร้าวและรุนแรงนอกจากจะเป็นคนที่เขารู้สึกชื่นชอบจริงๆ
‘ดีกว่าไม่มีใครพูดถึงเราละกัน’ คาร์ลคิดถึงเรื่องนี้อย่างสงบ มันจะเป็นเรื่องที่ยากกว่านี้ถ้าเขาอยู่ในร่างของชาวบ้านธรรมดาๆอย่างน้อยถังขยะไร้ค่าคนนี้ก็สามารถทำอะไรตามใจตนเองไม่ต้องกังวลถึงเงินทองที่ต้องใช้สอย อืม.......เขาไม่ปรารถนาที่จะเป็นชาวบ้านธรรมดาจริงๆนั่นล่ะ
“ตอนนี้กระผมจะเปิดประตูแล้วนะขอรับ....นายน้อย”
“ได้” คาร์ลพยักตอบรับรอน ในนิยายได้กล่าวว่ารอนรักเขาเหมือนเป็นลูกหลานของตนเพราะเลี้ยงกันมาแต่เล็กๆและรอนก็ยังปฏิบัติกับพ่อของคาร์ลไม่ต่างกัน ทำให้คาร์ลปฏิบัติตัวกับรอนเหมือนพ่อคนหนึ่งไม่ใช่เป็นแค่ข้ารับใช้
“ขอให้มีความสุขกับการรับประทานอาหารเช้านะขอรับ”
“ขอบใจมากรอน หวังว่าเจ้าจะได้กินอาหารดีๆเช่นกัน”
คาร์ลเดินผ่านรอนไปยังห้องอาหาร เขาได้เห็นครอบครัวของเขานั่งอยู่ที่นั่น พ่อของเขาเป็นประมุขคนปัจจุบันของตระกูลเฮนิตัส ‘เคานต์เดอรัช เฮนิตัส’ ถัดมาคือแม่เลี้ยงพร้อมกับลูกชายและลูกสาวของเธอ ทั้งสี่คนหันมามองที่คาร์ลอย่างพร้อมเพรียง
“มาสายอีกแล้วนะ”
สายตาของคาร์ลหันไปที่พ่อของเขา ในนิยายกำเนิดวีรบุรุษอธิบายถึงความรู้สึกของคาร์ลที่มีต่อพ่อของตนว่าเขาเป็นคนที่คาร์ลเชื่อฟังมากที่สุด สาเหตุที่ขยะไร้ค่าไม่ถูกขับออกจากเมืองแห่งนี้ก็เพราะพ่อสามารถบันดาลทุกอย่างตามความต้องการของเขา แต่น่าเสียดายที่พ่อของเขาไม่เหมือนพ่อที่แข็งแกร่งเหมือนคนอื่นๆในนิยายเรื่องนี้ เขาไม่มีพลังเวทย์หรืออิทธิพลมากนักเพียงแต่มีเงินจำนวนมากเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับชอบเรื่องนี้มากมันเป็นสภาพของครอบครัวที่เหมาะกับการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอะไรเช่นนี้
และอีกสามคนที่เหลือ แม่เลี้ยงของเขารู้ว่าเขาไม่ชอบเธอจึงพยามเลี่ยงการเผชิญหน้าอยู่เสมอ คนต่อมาน้องชายที่สุดแสนเพอร์เฟ็คที่ยากจะต่อกรได้ และคนสุดท้ายน้องสาวคนเล็กที่เลี่ยงหนีพี่ชายอยู่ตลอดเวลา แต่นั่นล่ะมันไม่ได้หมายความว่าคาร์ลจะใส่ใจพวกเขาหรือพวกเขาจะใส่ใจคาร์ลพวกเราต่างปฏิบัติต่อกันอย่างคนแปลกหน้า นี่ละคือสภาพแวดล้อมที่ยอดเยี่ยมกับการอยู่เงียบๆซะเหลือเกิน
“นั่งสิ”
“ขอรับท่านพ่อ” คาร์ลมองไปที่อาหารบนโต๊ะที่มีมากเกินไปยังกับมีงานเลี้ยงสังสรรค์ไม่ใช่เพียงแค่การรับประทานอาหารเช้ากันธรรมดา เขานั่งลงบนที่นั่งของเขาก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆและเงยหน้าขึ้น
“มีอะไรหรือขอรับ ท่านพ่อ”
“เปล่า ไม่มีอะไร” คาร์ลหันกลับไปที่โต๊ะอาหาร
เคานต์เดอรัช กำลังจ้องมองไปที่คาร์ลพร้อมๆกับคนที่เหลือในครอบครัวต่างก็ทำเช่นกัน คาร์ลมองตอบกลับก่อนที่คนที่เหลือจะหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขายังคงแอบลอบมองมายังคาร์ลที่ยังคงนั่งกินอย่างเงียบๆ
‘นี่คงหาเรื่องจับผิดกันสินะ’ คาร์ลหันศีรษะไปยังโต๊ะอาหารที่หรูหราดั่งงานเลี้ยงซึ่งต่างจากอาหารเช้าที่เขาเคยทานเพียงแค่ให้อิ่มท้องไปวันๆเท่านั้น และนั่นทำให้เขายิ้มออกมาได้ ก่อนจะค่อยๆหั่นไส้กรอกด้วยมีดในมือ
‘อร่อยจัง’ เขาไม่รู้ว่าน้ำที่ไหลออกมาจากไส้กรอกนั่นเป็นเพราะว่ามันเป็นของที่ทำอย่างพิถีพิถันหรือเป็นเพราะมันสุกกำลังพอดี แต่สีสันบนไส้กรอกทำให้เขาเริ่มหิวขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“เคร้ง!”
เขาได้ยินเสียงบางอย่างตกลงมาและได้หันไปมอง ‘บาเซ็น’ น้องชายของเขาก่อนที่เจ้าตัวจะลดส้อมในมือของตัวเองลง
“ขอโทษขอรับ”
บาเซ็นเอ่ยขอโทษอย่างเงียบๆ เช่นเดียวกับบุคลิกที่อธิบายไว้ในนิยาย ข้ารับใช้ได้นำช้อนคันใหม่มาเปลี่ยนพร้อมกับหยิบช้อนที่ตกลงพื้นไปเก็บอย่างรวดเร็ว คาร์ลมองการทำงานของข้ารับใช้อย่างชื่นชมก่อนที่จะจดจ่อกับอาหารตรงหน้าอีกครั้ง เขาพบว่าข้อดีข้อแรกของนิยายเรื่องนี้คืออาหารเช้าที่หรูหราและอร่อยจนกระเพาะอาหารของเขามีความสุขมากที่สุด และนั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่สามารถหายไปจากใบหน้าได้
“โอ้?” และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้ยินคำอุทานอย่างตกใจจากน้องชายของตนเอง