บทที่ 14 ออกเดินทาง 1 (2) [อ่านฟรี]
บทที่ 14 ออกเดินทาง 1 (2)
“ดาบ..”
“หืม...อะไรนะ”
“โปรดซื้อดาบให้น้องด้วยเจ้าค่ะ”
‘เด็กผู้หญิงอายุ 7 ขวบอยากได้ดาบเป็นของขวัญ?’
เมื่อเห็นใบหน้าที่ตกตะลึงเล็กน้อยของคาร์ล บาเซ็นเลยพูดขึ้น
“ความฝันของลิลลี่ในตอนนี้คือการเป็นนักดาบขอรับท่านพี่”
“เช่นนั้นหรือ?”
คาร์ลมองไปที่ลิลลี่อย่างจริงจัง คนในตระกูลนี้มีแขนยาว ขายาวและรูปร่างที่ดี ตอนนี้ลิลลี่มีอายุเพียง 7 ขวบแต่หากเธอโตขึ้นอาจสามารถกลายเป็นนักดาบที่ดีได้ถ้าเธอใส่ความพยายามและตั้งใจลงไป
“ข้าคิดว่ามันเหมาะกับเจ้าดีนะ”
ดวงตาของลิลลี่เริ่มเป็นประกาย
“ข้าจะซื้ออันที่แพงที่สุดมาให้เจ้า”
ลิลลี่เริ่มยิ้ม...เธอเกิดความลำบากใจขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้มศีรษะให้คาร์ลช้าๆ แน่นอนว่าคาร์ลไม่เห็นอาการที่เกิดขึ้นกับลิลลี่ ก่อนที่เขาจะหันไปยังน้องชายวัย 15 ปีของตนผู้ที่กำลังจ้องเขาอยู่ไม่วางตา
“เจ้าอยากได้อะไรบ้างหรือไม่?”
“ปากกาหมึกซึมขอรับ”
“อ่า...ข้าเข้าใจแล้ว”
อาหารเช้าสิ้นสุดลงทันทีที่เขาได้รับปากว่าจะซื้อของขวัญกลับมาให้กับพี่น้องของตน
***********************************************************************************************************************
การแสดงออกของคาร์ลในตอนนี้ แปลกประหลาดเล็กน้อยเมื่อเขายืนอยู่หน้ารถม้าที่จะใช้เดินทางไปยังเมืองหลวง
‘อ่า.....มันแปลก’
เขามีความรู้สึกแปลกใจก่อนที่จะเอ่ยถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆเขา
“ทำไมที่นั่งของพวกมันถึงดีกว่าที่นั่งของข้ามากนัก?”
สายตาของคาร์ลยังจ้องไปที่เบาะราคาแพงและอ่อนนุ่มที่อยู่ข้างๆที่นั่งของเขาตอนนี้มันมีเจ้าแมวสองพี่น้องจับจองเป็นเจ้าของอยู่
“นายน้อยขอรับเราไม่ควรให้ลูกแมวที่มีค่าต้องเดินทางไปกับเราอย่างยากลำบากเช่นนั้น?พวกมันทั้งตัวเล็กและบอบบางมากนะขอรับ”
ฮันส์เป็นคนเอ่ยตอบเขาขณะที่กำลังใส่อาหารสุดพิเศษสำหรับแมวลงในถาดที่เตรียมไว้บนรถม้าเช่นกัน คาร์ลและรอนต่างมีสีหน้าที่ว่างเปล่าเมื่อได้ยินและเห็นภาพตรงหน้า
เป็นเพราะฮันส์ไม่ได้เห็นว่าพวกมันสามารถสร้างหมอกและเติมพิษเข้าไปในหมอกได้ต่างหากเล่าคาร์ลได้เรียกให้ออนและฮงไปหาเขาที่มุมอับของสวนเมื่อสามวันก่อน
‘พวกเจ้าทำอะไรได้บ้าง?’
เพื่อแสดงความสามารถของพวกมันให้คาร์ลได้เห็น ออนได้สร้างหมอกทึบขึ้นรอบตัวก่อนที่ฮงจะใช้เลือดของมันเพื่อกระจายเป็นพิษเข้าไปในหมอกนั่น แน่นอนว่าออนสามารถควบคุมหมอกพิษเพื่อไม่ให้สามารถทำอันตรายแก่คาร์ลได้ และเป็นอันแน่ชัดเช่นกันว่าพิษที่ฮงสร้างขึ้นสามารถทำอันตรายได้จนถึงขั้นพิการหรือตายได้ทีเดียว
‘เจ้าทั้งสองมีประโยชน์มาก’
ออนและฮงพยักหน้าตอบรับคำชมเชยของคาร์ลก่อนจะเอ่ยขึ้นทันที
‘เราสามารถวิ่งหนีจากอันตรายได้ด้วยหมอกพิษของเราเอง’
‘พวกเรามีประโยชน์มาก’
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาออนและฮงก็ได้กินอาหารที่มีรสชาติอร่อยได้ตลอดทั้งวัน และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฮันส์มีความสุขมากที่ได้มอบสิ่งดีๆให้กับลูกแมวทั้งสองตัว
“นายน้อยขึ้นไปนั่งบนรถม้าเถิดขอรับ...กระผมจะนั่งกับคนขับรถม้าเอง”
“ตกลง”
รอนกระโดดขึ้นไปนั่งข้างคนขับรถม้าและคาร์ลกำลังจะขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้วยเช่นกันแต่เชวฮันได้เดินเข้ามาหาเขาก่อน
“ท่านคาร์ลขอรับ”
หลังจากตกลงทำตามความต้องการของคาร์ลแล้ว เชวฮันก็แจ้งกับคาร์ลว่าเขาไม่ต้องการเรียกคาร์ลว่านายน้อยแต่จะเรียกว่าท่านคาร์ลแทน
“มีอะไรหรือ?”
“มันจะดีหรือขอรับที่กระผมไม่ได้นั่งรถม้าคันเดียวกับท่านเพื่อคอยคุ้มครอง...?”
คาร์ลมีอาการชะงักและเกิดความกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย
“....มี....”
‘มีเหตุผลที่จะต้องทำเช่นนั้นด้วยเหรอ?’
นั่นคือสิ่งที่เชวฮันคิดว่าคาร์ลได้แสดงออกมาทางท่าทางและสายตา เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเพียงแค่ก้มหน้าตอบรับให้คาร์ลเพื่อที่จะขอตัวออกไป คาร์ลจ้องมองไปที่เชวฮันที่กำลังจะเดินออกไป
‘นี่มันแปลกมาก.....’
แววตาของเชวฮันยังไม่แจ่มใสนัก จิตใจของเขาดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธและคิดแก้แค้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อวันก่อนคาร์ลได้แจ้งแก่เชวฮันว่าเขาได้ส่งคนไปที่หมู่บ้านแฮร์ริสและนั่นเขาได้เห็นแววตาของความโกรธแค้นของเชวฮันแต่มันมีบางอย่างที่ต่างไปเล็กน้อย เขาไม่ได้อยู่ในความสิ้นหวังเช่นเดียวกับในนิยาย คาร์ลยังจำได้ดีกับประโยคนั้น
‘โลกนี้ไม่ต้องการให้ข้ามีความสุขเช่นนั้นหรือ? ทำไมพวกมันถึงต้องฆ่าคนที่ข้ารักไปจนหมด?’
และนั่นเป็นเหตุผลที่มันแปลก เชวฮันฟื้นสภาพจิตใจได้เร็วมาก
ในนิยายดูเหมือนเขาจะสามารถเริ่มฟื้นสภาพจิตใจได้ตอนที่ร่วมเดินทางไปกับบารอค โรสลินและล็อก ตอนนั้นเขามีเพียงดาบที่เก็บไว้ในใจ [1]แต่ภายนอกต้องแสดงอาการที่เงียบสงบ เขายังคงปล่อยให้มันเป็นเช่นนั้นแม้มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีก็ตาม แต่คาร์ลก็รู้สึกขมในปากและประหลาดในใจยิ่งนัก
ขณะนั้นเอง....
“ข้าคิดว่านี่ไม่ใช่จุดที่เจ้าต้องอยู่”
เป็นเสียงของหัวหน้าคณะผู้ติดตามในครั้งนี้ เขาเป็นรองหัวหน้ากองพลทหารองครักษ์ของเมืองแห่งนี้ เขาค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เชวฮันก่อนพูดประโยคนั้นขึ้น รองหัวหน้าองครักษ์เหลือบมองเชวฮันด้วยรอยยิ้มสดใสเขามองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเย้ยหยันเสียมากกว่า
‘ฉันรู้ดีว่าในคณะพวกเราจะมีคนประเภทนี้อย่างน้อยหนึ่งคนล่ะนะ’
คาร์ลเดาะลิ้นตัวเองเบาๆ
เชวฮันซ่อนความสามารถที่แท้จริงของเขาเอาไว้ มันเป็นเช่นนั้น
ปัญหาก็คือเชวฮันเป็นแขกคนแรกที่เขาพาเข้าไปยังคฤหาสน์เฮนิตัสและความจริงที่ว่าท่านเคานต์เดอรัชปฏิบัติต่อเขาเฉกเช่นแขกคนสำคัญ
และความจริงอีกประการคือเชวฮันกำลังจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมอารักขาแก่คาร์ล ทำให้บางคนเริ่มที่จะไม่ชอบและต่อต้านเชวฮัน พวกเขาไม่ได้เข้ามารบกวนเชวฮันอย่างออกนอกหน้าเพราะเชวฮันยังถือเป็นแขกของคาร์ลแต่พวกเขาก็ยังคงแอบกลั่นแกล้งเชวฮันอยู่เสมอเมื่อสบโอกาส
‘นายน้อยกระผมคิดว่าท่านเชวฮันไม่น่าจะเข้ากับเหล่าทหารองครักษ์ที่จะร่วมเดินทางไปยังเมืองหลวงกับเราได้’
‘เป็นเช่นนั้นหรือ?’
‘ขอรับ...กระผมคิดว่ารองหัวหน้าทหารองครักษ์เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้’
‘อ่า....ข้าเข้าใจแล้วฮันส์ เจ้าหยุดกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เถิด’
คาร์ลนึกถึงรายงานของฮันส์ที่แจ้งต่อเขาและรู้สึกแย่ขึ้นมา ไม่ใช่รู้สึกแย่ต่อเชวฮันแต่เป็นรองหัวหน้าองครักษ์คนนั้นต่างหาก
‘มันยังเร็วไปที่เขาจะรู้ว่าดวงตาของเขามันไม่ได้อยู่บนพื้นดินแต่มันอยู่ใต้พื้นดินต่างหาก’ [2]
มันจะยังใช้ได้ดีตราบใดที่เขายังไม่ถูกทำร้าย
คาร์ลไม่ได้คิดที่จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับพวกเขา รองหัวหน้าองครักษ์จะไม่สามารถนอนหลับได้สนิทนักหากเห็นฝีมือที่แท้จริงของเชวฮัน เขาจะหลับลงได้อย่างไรเพราะเขาจะต้องกลัวมันมากเป็นแน่?
“เราจะออกเดินทางกันตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ?”
รองหัวหน้าองครักษ์เอ่ยถามคาร์ลทันทีเมื่อเห็นคาร์ลจะปิดประตูรถม้า
“ใช่....ออกเดินทางได้”
ทหารยาม 15 นาย ทหารองครักษ์ 5 นายและอีก 1ผู้อารักขาคนพิเศษสำหรับคาร์ล กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้ที่จะดูแลคุ้มครองความปลอดภัยตลอดการเดินทางและรวมถึงข้ารับใช้อีกส่วนหนึ่งก็ได้เริ่มเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง
เช่นเดียวกับการเดินทางท่องเที่ยวในโลกนิยายส่วนใหญ่จะมักไม่ใช่การเดินทางที่ราบรื่นนัก ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ขบวนรถม้าของคาร์ลในอาณาเขตเฮนิตัส ขบวนรถม้านี้ไม่ได้มีธงที่เป็นตัวแทนของตระกูล แต่ตัวรถม้ามีเต่าสีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเฮนิตัสประดับอยู่ มันเป็นตัวแทนของความรักในตระกูลเฮนิตัสที่แสดงถึงความมั่งคั่งและอายุยืน
อย่างไรก็ตามเมื่อพ้นเขตเฮนิตัส พวกเขาก็ต้องพาตัวเองเข้าไปเผชิญสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอยู่ดี
‘ตามที่คาดไว้จริงๆ’
ขณะที่ขบวนรถม้ากำลังวิ่งผ่านภูเขาสูงชัน ก็มีกลุ่มคนหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นที่หุบเขาแห่งนี้
“จงจ่ายค่าผ่านทางมา หากพวกเจ้าต้องการผ่านภูเขาลูกนี้ไป!”
“จงมอบทุกอย่างที่พวกเจ้ามีมาให้พวกข้า หากพวกเจ้าตุกติกแอบซ่อนข้าวข้องมีค่าไว้อีกพวกข้าจะจัดการตบปากพวกเจ้าเท่ากับจำนวนเหรียญทองที่พวกเจ้าซุกซ่อนเอาไว้”
ใช่...พวกนั้นคือโจร
มันได้ถูกกล่าวไว้นิยายเล่มนี้ว่ามีกลุ่มโจรออกปล้น แต่ความจริงที่ว่ามีโจรนับสิบคนทำให้เขารู้สึกประหลาดใจได้เช่นกัน พวกเขาอาจต้องอาศัยจำนวนคนเท่านี้เพื่อโจมตีรถม้าที่มีทหารองครักษ์เพียง 5 นาย คาร์ลหันหน้าไปมองลูกแมวที่กำลังหาวก่อนเอ่ยถาม
“พวกเจ้าคิดว่า...โจรกลุ่มนั้นมองไม่เห็นสัญลักษณ์บนรถม้าของข้าหรือ?”
“ข้าคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น..”
คาร์ลพยักหน้าให้กับการประเมินสถานการณ์ของฮง เขาในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกกลัวโจรเลยสักนิด ทำไมเขาถึงเป็นเช่นนี้?
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะเรียกเบาๆดังมาหน้าต่างบานเล็กๆที่นั่งของคนขับรถม้าก่อนที่หน้าต่างจะเปิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่รอนจะมองเข้ามาภายในรถม้า
“นายน้อยดูเหมือนเราต้องผ่อนหยุดพักครู่...ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมีกระต่ายเป็นจำนวนมาก”
กระต่าย....คาร์ลชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินคำกล่าวของรอน ‘อ่า..............’
ก่อนที่รอนจะขอตัวออกไปพร้อมรอยยิ้มที่เข้ามาแทนที่ทันทีที่พูดจบพร้อมกับกล่าวเบาๆให้คาร์ลได้ยิน
“อา......กระต่ายพวกนี้ดูแตกต่างจากกระต่ายที่กระผมจะจับให้นายน้อย พวกมันจะไม่ถูกกระผมจับแต่พวกมันจะโดนคนอื่นจับแทนเสียนี่...”
คาร์ลได้รับการคุ้มครองโดยกลุ่มคนที่น่ากลัวกว่าพวกโจร เสียงกรีดร้องของพวกโจรลอดผ่านเข้ามาจากด้านนอกรถม้าเมื่อเขาเริ่มคำนวณเวลา
“ประมาณหนึ่งวันครึ่ง”
ประมาณหนึ่งวันครึ่งที่พวกเขาจะไปถึงบริเวณที่มังกรดำถูกทรมาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เชวฮันได้เดินทางมาถึงตามเนื้อหาในนิยาย นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเดินทางโดยไม่ได้หยุดพัก
[1] หมายถึง ดูสงบจริงๆแม้ว่าเขาจะยังมีความปรารถนาที่จะแก้แค้นอยู่ภายในใจก็ตาม
[2] หมายถึง ตาบอดจริงๆ