บทที่ 11 เอามันออกมา 4 (1) [อ่านฟรี]
บทที่ 11 เอามันออกมา 4 (1)
‘นายน้อยกระผมได้ฟังมาจากรองพ่อบ้านฮันส์แล้ว กระผม...รอน...จะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อให้แน่ใจว่านายน้อยจะเปล่งประกายที่สุดในเมืองหลวง’
ไหล่ของคาร์ลสั่นขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขาเดินทางออกจากคฤหาสน์เฮนิตัส เขากำลังคิดถึงบทสนทนาที่เขามีกับรอนทันทีที่ตื่นมาในตอนเช้า
‘นี่เป็นครั้งแรกที่นายน้อยจะได้ไปนอกเมืองเฮนิตัสใช่มั้ย? กระผมเก่งในการล่ากระต่ายมากและกระผมจะล่ากระต่ายสำหรับนายน้อยเมื่อเราหยุดพักค้างแรมกันข้างนอกนั่น’
เสียงสงบและอ่อนโยนของรอนยังสะท้อนก้องอยู่ในหูของคาร์ล เขารู้สึกราวกับว่าเขายังสามารถได้ยินเสียงของรอนเหมือนภาพหลอนอยู่ตลอดเวลาเหมือนหมอกที่กำลังอบอวลอยู่ด้านนอกอยู่ในขณะนี้ คาร์ลกลัวว่ารอนจะอธิบายให้เขาฟังเกี่ยวกับการล่าสัตว์โดยเฉพาะกระต่ายในตอนเช้า
‘นายน้อยต้องระวังเมื่อจะจัดการกับสัตว์ขนาดเล็กแบบกระต่ายมันเป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย เนื่องจากเราไม่รู้ว่ามันจะวิ่งหนีเราไปเมื่อไหร่นายน้อยจึงต้องใส่ใจกับสภาพแวดล้อมรอบข้างแล้วลงมือฆ่ามันทันที!อา...นายน้อยต้องเอาเครื่องในมันออกมาหลังจากที่จับมันได้ กระผมเก่งในเรื่อง.........’
คาร์ลต้องหันไปมองเมื่อเห็นรอนเลียนแบบการตัดหัวกระต่ายด้วยมือของเขา รอนดูตื่นเต้นมาก อย่างไรก็ตามความคิดเดียวของเขาตอนนี้คือรอนกำลังเล่นสนุกกับเขา แต่คาร์ลก็ยินดีที่รู้ว่ารอนจะเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกับเขา
‘ฉันสามารถเอาบารอคไปเป็นพ่อครัวส่วนตัวได้...’
รอน...บารอค...เขาได้แจ้งความต้องการแก่ฮันส์เพื่อที่จะได้พาพ่อลูกคู่นี้ไปเมืองหลวงด้วย แน่นอนว่าตอนนั้นรอนก็อยู่ที่นั่นด้วย
‘ฮันส์ ...ข้าอยากได้ตัวบารอคไปเป็นพ่อครัวส่วนตัวสำหรับการเดินทางในครั้งนี้’
‘กระผมต้องถามพ่อครัวบารอคกอ่นขอรับ? ช่วงนี้เขายุ่งกับงานในครัวมาก...’
‘ไม่รู้สิ..แต่ข้าไม่สามารถกินอะไรนอกจากอาหารที่บารอคเป็นคนปรุงเท่านั้น ยังไงข้าต้องพาเขาไปให้ได้ดังนั้นนายต้องจัดการให้ได้...’
ฮันส์เริ่มกังวลแต่รอนดูเหมือนจะมีความสุขที่จะได้เดินทางไปพร้อมลูกชายของตน
‘นายน้อย..ลูกชายของกระผมจะมีความสุขมากหากเราได้ไปที่เมืองหลวง กระผมจะไปแจ้งให้เขาได้ทราบ..’
คาร์ลเริ่มผ่อนคลายลงหลังจากได้ยินประโยคของรอน เขากังวลว่าพวกเขาจะบอกว่าไม่สามารถทำได้แต่ บารอคสมควรจะได้ออกไปจากที่นี่และเดินทางไปยังเมืองหลวงเช่นกัน
คาร์ลเดินผ่านหมอกที่ปกคลุมไปทั่วเมืองเวสเทิร์น ในขณะที่เขานึกถึงคนที่จะไปเมืองหลวงพร้อมเขา เรื่องราวในนิยายอ่านเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแต่ใช่ว่าเขาจะยอมแพ้ในการหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง
“นายน้อยมาถึงแต่เช้าตรู่เลยนะขอรับ...”
พ่อค้าขนมปังดูผ่อนคลายมากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าคาร์ลหลังจากที่ได้พบกับเขา 2-3 ครั้ง ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถาม
“ขนมปังล่ะ?”
พ่อค้าขนมปังส่งยิ้มให้เขาก่อนจะยื่นถุงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนมปัง
“แน่นอนขอรับ กระผมได้เตรียมมันพร้อมแล้ว แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายจริงๆหรือขอรับ?”
“ทำไม? อยากได้เงินจากข้าเพิ่มรึ...”
“ใช่ขอรับ...มันเป็นเช่นนั้น...”
คาร์ลอมยิ้ม เขาชอบคำตอบที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ คาร์ลตบไปที่ไหล่ของพ่อค้าขนมปังเบาๆซึ่งเขาดูเหมือนจะมีท่าทางผ่อนคลายกว่าเดิมเมื่ออยู่กับตน
“ข้าจะกลับมาเมื่อข้าต้องการกินมันอีก....”
พ่อค้าขนมปังมองคาร์ลเดินจากไปช้าๆก่อนจะหายลับไปกับหมอกทึบ เขาเริ่มอธิษฐานให้คาร์ลกลับมาอุดหนุนอีกครั้งและให้เงินแก่เขาเป็นจำนวนที่มากกว่าเดิม
คาร์ลไม่ทราบถึงคำอธิษฐานของพ่อค้าขนมปังเขายังคงมุ่งหน้าไปที่สลัมและได้พบสองพี่น้องที่รอเขาอยู่
‘เด็ก 2 คนนี้ไม่มีบ้านอยู่หรือไง?’
วันนี้คาร์ลมาเช้ากว่าปกติ พี่น้องสองคนนี้ก็ยังรอเขาอยู่เหมือนกับว่าได้รอเขาอยู่ที่เนินเขาตั้งแต่เมื่อคืน เด็กชายท่าทางง่วงงุนจึงเอนซบเข้าหาพี่สาวของตน เด็กทั้งสองค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคาร์ล ผมและเสื้อผ้าของพวกเขาดูเปียกชื้นอาจเป็นเพราะพวกเขาอยู่ที่นี่ในช่วงเช้าที่มีหมอกลงทึบ
แน่นอน ว่าคาร์ลแกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น
“มาเอาไปสิ?” เด็กทั้งสองส่งยิ้มให้กลับคาร์ลพลางยื่นมือเพื่อหยิบเอาอาหารอีกครั้ง คาร์ลรอจนกระทั่งเด็กทั้งคู่หยิบมันไปและมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตของต้นไม้กินคน
‘ฉันดีใจที่วันนี้หมอกลงหนามาก....’
หมอกทำให้ทัศนวิสัยในการมองดูแย่มากขึ้นเนื่องจากเนินเขานี้เป็นจุดที่สูงที่สุดในเมืองเวสเทิร์น ยกเว้นอาณาเขตของท่านเคานต์ เมื่อหมอกหนาถูกปกคลุมในบริเวณนี้ทำให้ไม่มีใครสามารถเห็นสิ่งที่คาร์ลกำลังทำอยู่หรือที่สำคัญกว่านั้นอาจเป็นสิ่งที่เขาจะได้รับจากต้นไม้กินคนนั่น
~ เอาอีก มากกว่านี้ ขอเพิ่มมากกว่านี้ ~
คาร์ลเทขนมปังจากถุงเข้าไปในโพรงของต้นไม้ขณะที่ต้องฟังเสียงที่น่ากลัวชวนขนลุกนี้อยู่ตลอดเวลา ทันใดนั้นความมืดภายในโพรงก็ค่อยๆเปลี่ยนจากสีเทาเป็นสีขาว คาร์ลเริ่มยิ้ม......ความพยายามของเขาไม่ใช่เรื่องไร้สาระ และตอนนั้นเอง.......
~ มากกว่านี้ มากกว่านี้ มากกว่านี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ~
‘นี่มันอะไรกัน.....’ คาร์ลเริ่มสับสนและก้าวถอยหลังออกมาหลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
‘นิยายไม่ได้บอกว่าจะเป็นแบบนี้นี่นา....’
~ ให้มากกว่านี้ ให้ข้ามากกว่านี้ ข้าจะให้รางวัลแก่เจ้า รางวัล รางวัล รางวัล ~
ประโยคนั้นทำให้คาร์ลตาเป็นประกาย เขาไม่คาดหวังว่าวิญญาณบ้านั่นจะมอบความต้องการให้เขาได้เร็วเพียงนี้
“รอสักครู่....”
ต้นไม้สีดำขยับก้านของมันไปมาราวกับพยักหน้าให้เขา คาร์ลรู้สึกเหมือนอยู่ในฉากภาพยนตร์สยองขวัญ เขาเริ่มตัวสั่นเล็กน้อยก่อนจะสาวท้าวฝ่าหมอกทึบออกไป ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่แต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นและหมอกก็ยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ดูเหมือนฝนจะตกในไม่ช้า...สองพี่น้องนั่นคงไปที่ไหนสักแห่งเมื่อคาร์ลกลับมาแล้วไม่พบกับทั้งคู่ เขาคิดว่าเด็กทั้งสองคงไปหาที่หลบฝนแถวๆนี้อยู่ คาร์ลวางถุงขนมปังถุงที่สามของวันนี้ลงตรงหน้าของต้นไม้กินคน
‘หวังว่านี่คงเป็นถุงสุดท้าย....’
แสงภายในโพรงต้นไม้สว่างเป็นสีขาวเหมือนหมอกสีขาวที่โอบรอบคาร์ลไว้
‘มันจะกลายเป็นแสงสว่างที่ขาวกว่านี้เมื่อฉันใส่ขนมปังถุงสุดท้ายนี้เข้าไป’
และในที่สุด.......
~ อร๊างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ~
เสียงที่ดังกึกก้องขึ้นมันเป็นเสียงที่แตกต่างจากเสียงพูดที่คาร์ลเคยได้ยิน เสียงที่ดังออกมาจากต้นไม้ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาเท่ากับสิ่งที่เห็นตรงหน้า โพรงของต้นไม้กำลังโปร่งแสงสว่างขึ้นช้าๆในโพรงของมันที่ควรจะมีความมืดมิดปกคลุมเพราะเงาของมัน แต่ในสถานการณ์ตอนนี้กับไม่เป็นเช่นนั้น...
นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณ
ช่วงเวลาที่คาร์ลได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่นั่นเขาก็ยังได้ยินเสียงพูดที่เรียกร้องให้เขาหาอาหารให้มาจนถึงบัดนี้
มันเป็นสิ่งที่วิเศษมาก!
เสียงนั้นมัน.........น่าสะพรึงกลัว
~ ขนมปังมันเนื้อนุ่ม!....ข้าชอบขนมปังในถุงที่สามที่เจ้านำมันมาให้ข้ายิ่งนัก ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปอาหารจะพัฒนาได้ขนาดนี้ สมัยของข้า!....ไม่มีสิ่งใดที่อร่อยเช่นนี้...แม้กระทั่งข้าวสาลีก็ต้องเติบโตบนแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์จริงๆ...ไม่!....ไม่ใช่แค่ข้าวสาลีไม่ว่าอะไรก็เป็นเช่นกัน ~
เสียงนั่นกำลังวิจารณ์รสชาติของขนมปัง
พลังของเสียงนั่นพุ่งตรงไปที่คาร์ล
‘เรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ในนิยาย.....’
จิตวิญญาณที่ผูกติดกับผืนดินเพราะความเสียใจกำลังถูกแก้ไขด้วยการวิจารณ์รสชาติของขนมปัง คาร์ลเริ่มกระพริบตาอีกครั้ง เขากำลังคิดถึงพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณในนิยายเรื่องกำเนิดวีรบุรุษได้กล่าวว่าโล่นิรันดร์กาลคือพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเพียงอย่างเดียวที่ถูกเขียนขึ้นในนิยายเรื่องนี้ แต่มันไม่เคยได้รับการถูกกล่าวอ้างว่าผู้ใดเป็นผู้ครอบครอง
‘ไม่ต้องสงสัยใดๆเลย คงไม่มีใครสามารถควบคุมพลังมันได้ แต่คนเขียนนิยายกลับสร้างสิ่งที่มีประโยชน์เช่นนี้ขึ้นมาแต่กลับไม่ให้ใครได้ครอบครอง?’
นั่นคือความคิดให้หัวของคาร์ล แต่เสียงอันน่าสะพรึงกลัวยังคงพูดพล่ามต่อไปทำให้เขาไม่สามารถจะโฟกัสต่อสิ่งใดได้
~ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้ารู้สึกเติมเต็ม! มันอร่อยยิ่งนัก! ~
เสียงน่าสะพรึงยังคงพูดพล่ามไม่หยุดเหมือนรู้สึกไม่พอใจที่ไม่เคยได้ทานอาหารที่อร่อยเช่นนี้มาก่อน หลังจากได้ฟังเสียงนั่นพล่ามประมาณ2-3นาทีเกี่ยวกับการวิจารณ์รสชาติอาหารที่คาร์ลนำมาให้ คาร์ลพยักหน้าตอบรับและพยายามไม่ส่งเสียงเพื่อขัดจังหวะมัน ขนมต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถมีในสมัยในอดีต คนของป่าแห่งความมืดอ้างว่าตนคือคนรับใช้พระเจ้าแต่ได้รับเพียงอาหารที่จืดชืดรสชาติแย่เท่านั้น อย่างไรก็ตามคาร์ลตัดสินใจที่จะรออีกสักพักหลังจากที่ได้ยินเสียงของวิญญาณนั่นพูดถึงเรื่องราวในอดีต
~ข้าถูกเนรเทศออกจากที่นั่น พวกมันกล่าวว่าข้าเป็นคนตะกละโลภมาก! ตะกละตูดมันสิ...แน่นอนว่าข้าออกมาพร้อมกับเพื่อนของข้า..พวกเรากำลังวางแผนที่จะทำให้โลกนี้กลับสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ......~