ตอนที่ 67 โชคที่คาดไม่ถึง
"อืม... บรรณาธิการโยชิซาว่าจริงๆแล้วผม... " เซจิต้องการอธิบาย
"นายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกแล้ว ฮาราโนะ ตอนนี้ฉันรับรู้ถึงความรู้สึกของนายแล้ว" ซากิพูดขัดเขา แก้มของเธอยังคงแดงจางๆอยู่ "คุณอะมามิเชื่อว่านายเป็นพนักงานที่ยอดเยี่ยมและเป็นคนทำงานหนัก และฉันก็วางใจเธอ บวกกับสิ่งที่ฉันสามารถบอกได้ว่า นายมีรูปร่างและมีบุคลิกที่ดี และนายก็มีความสนใจแบบเดียวกับมายาซูมิและความสามารถในอาชีพเดียวกันกับเธอ และนายจะเป็นแฟนที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับเธอ "
เซจิคิดคำพูดที่จะใช้ปลอบตัวเองไม่ออก
"ถึงแม้ว่านายอาจจะไม่ได้แต่งงานกับมายาซูมิ ฉันก็คิดดีแล้วว่านายได้เตรียมตัวสำหรับผลลัพธ์นั้นไว้แล้ว มายาซูมิ เธอ... เป็นผู้หญิงที่ต้องการใครสักคนดูแลเธออย่างดี ดังนั้นฉันจึงขอร้องให้นายปฏิบัติต่อเธอด้วยความรักและความเคารพด้วย" ซากิพูดจบพร้อมกับคำนับเซจิอย่างจริงจัง "นี้ก็จบเรื่องที่จะคุยกันแล้ว ฉันยังมีเรื่องอื่นๆที่ต้องไปต่ออยู่ ดังนั้นลาก่อน"
ซากิคำนับริกะ อามามิเช่นกันก่อนที่จะมองไปที่เซจิและออกไป ใบหน้าของเธอยังคงแต่งแต้มไปด้วยสีแดงขณะที่เธอเดินออกไปและจังหวะเท้าของเธอก็ดูเหมือนจะเร่งรีบ
นี้เธอ... หนีงั้นเหรอ? เซจิรู้สึกตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
เขาหันไปหาเจ้าของร้านและพบว่าเธอยังคงปิดปากปากของเธอพยายามอย่างมากที่จะปิดบังความสนุกสนานของเธอไว้โดยการหันหน้าไปทางอื่น เมื่อมองลงไป เซจิสังเกตเห็นว่าไหล่ของเธอยังคงสั่นอยู่
"ผู้จัดการร้าน!"
"ขอโทษที... ฮารุตะคุง ฉันหยุดตัวเองไม่ได้แล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" สุดท้ายริกะก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
นี้เป็นครั้งแรกที่เซจิเคยเห็นผู้จัดการร้านหัวเราะแบบนี้
ผู้จัดการร้านที่มีเสน่ห์และงดงามกำลังใช้มือปิดปากตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของเธอได้ และหน้าอกของเธอที่สั่นอยู่ภายใต้เสื้อของเธอ ขณะที่เธอหัวเราะ มันเป็นภาพที่ทำให้คนเกือบสติหลุดได้เลย
เฮอ... ขณะที่เซจิกำลังเตรียมที่จะพูดขึ้น
แม้ว่ามันจะเป็นเสียงลมเบาๆ แต่ก็ยังคงได้ยินชัดเจน แหล่งที่มาของเสียงอยู่ที่ตรงหน้าอกอันใหญ่โตของผู้จัดการร้าน
ต้นเหตุของเสียงเล็กๆ นั้นคือ... กระดุม!
เซจิก็เบิกตากว้างและจดจ่ออยู่กับมัน
เวลาดูเหมือนจะช้าลงทำให้เขาเห็นเส้นทางของกระดุมอย่างชัดเจน นอกจากนี้เขายังได้เห็นรูปลักษณ์ของภายใต้เสื้อที่เปิดนั้นเล็กน้อย ซึ่งเผยให้เห็นถึงความยั่วเย้าของร่องหน้าอกขนาดใหญ่สีขาวของผู้จัดการร้านด้วย...
นะ นี้มันเป็นอีเวนของโชคที่คาดไม่ถึงในตำนาน "กระดุมเปิดหน้าอก!!!"
ฉากทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
ถึงอย่างนั้นเซจิก็รู้สึกราวกับว่ามันเป็นชั่วเวลานิรันดร!
แล้วถ้าเขาถูกเยาะเย้ยหรือถูกเข้าใจผิดล่ะ? ทุกอย่างมันคุ้มค่าพอกับการที่ได้เป็นสักขีพยานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้!
กระดุมนั้นตกลงบนพื้นและบังเอิญกลิ้งมาที่ตรงหน้าเขา
ด้วยความรู้สึกศรัทธาจากใจของเขา เซจิเอนตัวก้มลงและหยิบกระดุมขึ้นมา
"โอ้! ตายแล้ว ดันหลุดออกมาซะได้!" ริกะต้องบังคับให้ต้องหยุดหัวเราะ ขณะที่ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย เธอเอามือปิดหน้าอกไว้และพูดว่า "ฮารุตะคุง กระดุมนั้น... "
"ผู้จัดการร้านครับ"
เซจิจับกระดุมไว้อย่างแน่น พร้อมด้วยการแสดงออกที่ดูจริงจัง เขาเกือบจะดูเหมือนพระภายใต้การชี้นำของพระเจ้า
"อนุญาตให้ผมเก็บสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ไว้ได้ไหมครับ"
"…อะไรน่ะ?" ริกะที่ไม่แน่ใจว่าเธอจะได้ยินที่เขาพูดถูกต้องไหม "สิ่งศักดิ์สิทธิ์... นายพูดอะไรน่ะ?"
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์" เซจิพูดอย่างหน้าไม่อายก่อนที่จะพูดต่อ "กระดุมนี้... ขอให้ผมเก็บไว้ได้ไหมครับ?"
"ทำไมนายถึงต้องการกระดุมนี้ล่ะ?" ริกะงุนงงมองไปที่ชายหนุ่มข้างหน้าเธอ ก่อนที่หน้าของเธอจะแดงขึ้นเรื่อยๆ
"ไม่! เอากระดุมคืนมาให้ฉัน!"
"เอ๊ะ? ไม่ได้เหรอ? ผมแค่อยากจะเอามันกลับที่บ้านและบูชามัน... "
"จะเอาไปบูชาทำบ้าอะไรกัน!!?"
นี้เป็นครั้งแรกที่ ริกะ อามามิได้ตำหนิเซจิอย่างรุนแรง ขณะที่เธอมองเขาด้วยใบหน้าที่แดงขึ้น ขณะที่เอามือไปปิดที่หน้าอกอันใหญ่โตด้วยมือทั้งสองข้าง และมันได้ทำลายภาพลักษณ์ที่แสนเข้มงวดของเธอในฐานะผู้จัดการและเจ้าของร้านไปเรียบร้อยแล้ว
"เร็วเข้า รีบส่งกระดุมนั้นมาให้ฉัน แล้วออกไปซะ!"
"ครับ" เซจอตอบกลับด้วยท่าทางเสียใจ เซจิวางกระดุมไว้บนโต๊ะขณะที่เห็นได้ชัดว่าไม่เต็มใจที่จะทำแบบนั้น
"นายต้องการมันมากขนาดไหนเลยงั้นเหรอ?" ริกะยังคงหน้าแดงอยู่ "เอาตรงๆนะ ฮารุตะคุง... นายนะเห็นได้ชัดว่าหล่อมาก แต่นายก็ยังมีนิสัยแปลกๆอยู่... "
"ผู้จัดการร้านครับ คุณก็รู้แล้วว่าผมเป็นโอตาคุ" เซจิหันออกไปมองที่นอกหน้าต่างและทำตัวราวกับกำลังมองเข้าไปในไกลๆ "โอตาคุทั้งหมดนะ ได้ปกปิดจิตวิญญาณที่ชั่วร้ายในตัวพวกเขาไว้ภายใต้ความเป็นสุภาพบุรุษนะครับ"
ริกะพูดไม่ออกเมื่อได้ฟังสิ่งที่เขาพูดออกมาอย่างไร้ยางอาย
และแล้ว สุภาพบุรุษผู้ไม่สามารถนำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (กระดุม) กลับไปได้ ก็เดินออกจากห้องทำงานของผู้จัดการร้านไปด้วยความเสียใจ
ขณะที่เขาบอกด้วยความจริงใจว่า "ขอบคุณที่ดูแลครับ" ก่อนที่จะออกจากห้องทำงานของเจ้าของร้านสาวสวย ที่ทำให้เขาเสียชีวิตจากความเจิดจรัส
แต่นั้นก็ไม่สำคัญ!
เซจิยังอยู่ในอารมณ์ที่มีความสุขมาก
เพราะเหตุการณ์ในตำนานนั้นทำให้เขาได้รับความประทับใจที่ลึกซึ้งและมั่นคง มันไม่สำคัญหรอก ถ้าบรรณาธิการผู้เข้มงวดจะเข้าใจเขาผิด หลังจากนั้น นั้นมันก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆเท่านั้น! ทั้งหมดที่เขาต้องทำคืออธิบายเรื่องทั้งหมดในภายหลัง
เขาต้องกลับไปทำงานด้วยจิตวิญญาณที่เต็มร้อย
...
หลังจากเสร็จจากการทำงานของเขาแล้ว
เซจิจึงนำสมุดไปกับเขาด้วย และพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ หลังจากเขียนลงบนเอกสารแล้วเขาก็ส่งไปที่อีเมลของซากิ โยชิซาว่า
'นี้คงไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันสงสัยว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้รับการตอบกลับ... หวังว่ามันคงจะเร็วๆนี้นะ "จากนั้นเขาก็ยืดตัวขึ้น
ในที่สุดเซจิก็ตรวจสอบระบบของเขาเพื่อยืนยันจำนวนแต้มที่เขาได้รับจากตัวเลือก [เขียนเรื่อง] ทั้งหมด
ผลที่ได้คือน่าตกใจมากเพราะมันคือ 10 แต้ม!
ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างสูง แต่เมื่อพิจารณาแล้วความชำนาญก็ค่อนข้างต่ำทีเดียว
"ไม่เพียงแค่นั้น เมื่อตัวเลือกนี้เป็นสีดำแล้ว ฉันไม่สามารถเลือกได้อีกตลอดทั้งวัน... ดังนั้นเมื่อวานนี้เมื่อเลือก [เขียนเรื่อง] ตัวเลือกนี้ก็ต้องใช้เวลาสองวันนับจากวันนี้ด้วย มันเป็นแต้มที่คุ้มค่าสำหรับสองวัน "เซจิถูคางเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
เขาได้ 10 แต้มในสองวันซึ่งหมายความว่าเขาจะได้วันละ 5 แต้มต่อวัน... ดูเหมือนจะดีทีเดียว แต่ถ้าการกระทำแบบนี้ใช้เวลานานไปก็จะไม่ดี
'ลองดูอีกครั้งวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ถ้าฉันแค่ [เขียนเรื่อง] แบบปกติและไม่เขียนทั้งคืน ฉันจะได้กี่แต้ม?
เซจิมองไปที่การกระทำอื่นๆ ของเขา
เหมือนปกติเขาสามารถที่จะฟาม [เขียนไดอารี่] และ [วาด] ได้ นอกจากนี้เขายังสามารถ[เขียนเรียงความ] ซึ่งจำเป็นสำหรับต้องมีความรู้ 40 และ[เขียนบทกวี] ก็จำเป็นต้องมีความรู้ 40 และความสามารถพิเศษ 25
แน่นอนถึงเวลาที่จะต้องฟามแล้ว
การเขียนเรียงความนั้นค่อนข้างง่าย สิ่งที่เซจิต้องทำก็คือคิดถึงหัวข้อและเขาก็สามารถที่จะใส่ความรู้สึกของเขาลงไปในการเขียนเรียงความของเขาได้ ด้วยความสามารถในการเขียนใหม่ของเขา
สำหรับการเขียนบทกวี... เซจิต้องเกาหัวเล็กน้อย
ส่วนใหญ่จะคล้ายกับการเขียนเรียงความ เขาเพียงแค่ต้องจินตนาการถึงฉากและใส่อารมณ์ลงในนั้น แต่เมื่อเทียบกับการเขียนเรียงความแล้วมันก็ลึกซึ้งขึ้น การเลือกคำพูดของเขาจำเป็นต้องมีความถูกต้องและเรียบง่ายให้มากขึ้น
มันมีการใช้ที่คล้ายๆกัน เซจิเชื่อว่าการเขียนเรียงความก็เป็นเหมือนกับการเททรายอย่างลวกๆง่ายๆ ในขณะที่ การเขียนกวีนั้นเป็นเหมือนกับนาฬิกาทราย เขาไม่สามารถเททรายได้ทุกที่ เขาจำเป็นต้องใช้รูปแบบเฉพาะเพื่อให้เททรายลงมาและทำให้การเป็นเนินเขาที่สวยงาม
มันเหมือนจะยากมาก
หลังจากที่เขียนทกวีจบแล้ว เซจิอ่านมันแต่ไม่สามารถบอกได้ว่ามันดีหรือเปล่า
เขาได้รับ 2 แต้มสำหรับการเขียนเรียงความและ 3 แต้มสำหรับบทกวี
ไม่เลวๆ
เซจิเปรียบเทียบกับ [เขียนเรื่อง] แบบปกติแล้วมันจะให้เขา 3 หรือ 4 แต้มละมีโอกาสได้มากสุดคือ 4 แต้ม
'ลองคำนวณแบบขั้นต่ำว่าจะได้อย่างน้อย 3 แต้ม ซึ่งหมายความว่าการ [เขียน] ของหัวข้อย่อยทั้งหมด จะทำให้ฉันได้ 8 แต้มในทุกๆวัน และเหลือเวลาแค่สี่วันเท่านั้นที่ฉันจะได้ใช่มัน'
เซจิเชื่อว่าเขาได้ตัดสินใจได้ถูกต้อง กับการจะมุ่งเน้นไปที่วิธีต่างๆเพื่อที่จะได้รับแต้ม
ดังนั้นแล้วเขาควรจะเพิ่มการ์ดให้มากขึ้นแทนที่จะแลกเปลี่ยนกับทักษะดีไหม? เขารู้สึกว่าจะเป็นทางเลือกที่ดี
มันไม่สำคัญหรอกถ้าเขาต้องพิมพ์เรื่องของเขาลงในคอมพิวเตอร์ หลังจากที่เขียนมัน เพราะมันแค่จะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องรีบร้อนและแลกกับ [ทักษะการเขียน-พิมพ์]
ทักษะที่ดูเหมือนจะต้องเสียไป 55 แต้ม!
ในที่สุดเซจิก็รู้ว่าจนกว่าเขาจะมีการกระทำที่พอจะหาแต้มได้ การ์ดทักษะเป็นกับดักที่ขนาดใหญ่สำหรับแต้มของเขา!
แม้กระทั่ง [เร็วดั่งกระสุน] ...
แต่ [เร็วดั่งกระสุน] มันอยู่ในช่วงลดราคาที่จำกัดเวลาโดยเฉพาะ แม้มันว่าจะทำให้การพัฒนาของเขาช้าลง แต่ก็ช่วยให้เขาประหยัดได้ถึง 75แต้ม
เขาได้กำไรหรือเปล่า? เซจิเองก็ไม่แน่ใจ
'ช่างมันเถอะ หยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีกว่า'
เซจิอ้าปากหาวขณะที่เขาเสร็จจากการเขียนตลอดทั้งคืนจากการทำงานตลอดทั้งวัน ถึงเวลาที่จะได้พักผ่อนแล้ว
หลังจากที่จะมีการต่อสู้เกิดขึ้นในคืนถัดไป