ตอนที่ 64 ผมจะตายถ้าผมไม่กลายเป็นคนหล่อ
หลังจากนั้นทั้งคืน
"เอ่อ... ทำไมข้างนอกถึงสว่างล่ะ?"
ในที่สุดเซจิก็รู้สึกตัวหลังจากที่ได้ใช้เวลาทั้งคืนในการเขียนเรื่องราว แสงแดดที่สาดส่องผ่านหน้าต่างทำให้เขารู้สึกตัว
เขารีบดูเวลา
บ้าอะไรว่ะเนี่ย! นี้เขานั่งเขียนเรื่องนี้ตลอดทั่งคืนเลยงั้นเหรอ!?
เขามองตรงไปที่สมุดหนาๆ ตรงหน้าเขา ก่อนหน้าที่หน้านั้นมีหน้าเปล่าเป็นจำนวนมากมาก แต่ตอนนี้เหลือเพียงสามหรือสี่หน้าเท่านั้น
เขาเสียการควบคุมตัวเองตอนที่เขียนเรื่องราวของเขางั้นเหรอ...
ความจริงที่ว่าการเลือกตัวเลือกอย่าง [เขียนเรื่องราว] จะส่งผลที่ไม่อาจต้านทานได้ภายในตัวเขา เซจิยังได้ให้ความสนใจจากความสนุกจากเรื่องที่เขาสร้าง ที่เป็นเรื่องราวของตัวเขาเอง ดังนั้นเขาก็เลยไม่สามารถหยุดตัวเองได้
'งั้นหยุดไว้ก่อนก็แล้วกัน' เขาวางปากกาไว้และบิดขี้เกียจ
จากนั้นเขาก็หยิบสมุดขึ้นมาและอ่านเรื่องที่เขาสร้างขึ้นมาตลอดทั้งคืน
'…ว้าว'
คิ้วของเซจิค่อยๆยกขึ้นขณะที่เขาอ่านต่อ
'นี้มัน... ว้าว "
เขาพลิกดูหน้าต่อไปอย่างรวดเร็ว
"เหลือเชื่อ... ว้าว"
ดวงตาของเขาสะบัดจากบรรทัดหนึ่งไปอีกบรรทัดหนึ่ง และในที่สุดเขาก็อ่านเสร็จ
* ตุบ! * เซจิปิดสมุดโน้ต
'นี้ฉัน... เป็นคนเขียนเรื่องนี้จริงๆใช่ไหม? '
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะยับยั้งความตื่นเต้นของตัวเอง
ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น เขาจะรู้สึกว่าเขาจะต้องร้องตะโกนออกไปด้วยความตื่นเต้นแล้วตอนนี้แน่
นั่นมันเป็นเพราะนี้มันเป็นเรื่อง... ของเขาเอง!
เซจิวางสมุดไว้ก่อนที่จะกระโดดตีลังกาหลับหลังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะจบด้วยการโพสท่าชนะ
'เยส!!'
เขาตะโกนออกเสียงดังที่สุดเท่าที่เขาทำได้ ภายในใจ
นี้เป็นเรื่องแรกที่เซจิเคยเขียนมา มันเป็นเรื่องสั้น โดยใช้ชื่อว่า "ผมจะตายถ้าผมไม่กลายเป็นคนหล่อ"
ตัวละครหลักคือชายหนุ่มผู้เคยเลือดร้อนตกอยู่ในภายใต้ความเลวทรามและกลายมาเป็นนีท หลังจากที่ชีวิตของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง อยู่มาวันหนึ่งก็มีวิญญาณลึกลับเข้ามาสิงเขา และบังคับให้เขากลายเป็นคนหล่อ ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามวิญญาณตนนั้นขู่ว่าจะสาปเขาให้ตาย
สรุปย่อๆได้ว่า หนึ่งจะคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพวกพลังเหนือธรรมชาติและเป็นแรงบันดาลใจของนิยายเรื่องนี้ แทนที่จะคิดว่าเป็นสงครามระหว่างความดีและความชั่ว
ในตอนแรก ตัวละครหลักจะต้องมีไปทำสิ่งที่เขาไม่ชอบเพราะความกลัวจากวิญญาณที่ลึกลับ เขาจึงต้องออกจากบ้าน ทำงานอย่างหนักเพื่อลดน้ำหนัก และพยายามทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขาเพื่อกลายเป็นหนุ่มหล่อ
ความตลกของในเรื่องนี้ เกิดขึ้นจากความแตกต่างระหว่างความเห็นภายในของตัวเอกและการกระทำของเขา หัวใจที่โศกเศร้าของเขาโกรธที่ถูกบังคับให้ทำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเขาเอง แต่วิญญาณบังคับให้เขาทำตัวเหมือนกล้าได้กล้าเลีย สดใส แม้แต่เป็นคนกล้าหาญ และช่วยให้เขาได้รับความรักของหญิงสาวแสนสวยมากมาย
จากนั้น หลังจากได้รับความรักและความสนใจจากตัวละครหญิงแล้ว ตัวเอกก็เปลี่ยนใจและเริ่มใช้ชีวิตจริงจังอีกครั้ง ถึงอย่างนั้นเมื่อถึงจุดนี้ ก็มีเรื่องเกิดขึ้น
ศัตรูลึกลับได้ปรากฏตัวขึ้นและได้ทำร้ายเพื่อนในวัยเด็กของเขา ที่ได้ดูแลเขาเสมอมาก่อนหน้านี้ เมื่อวิญญาณสิงเขาได้ให้พลังอันแปลกประหลาดแก่เขา มันก็ทำให้เขาสามารถบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามหนีไปได้
หลังจากนั้นวิญญาณก็ได้อธิบายถึงตัวตนและความหมายของการดำรงอยู่ของตัวเอก มันบอกไว้ว่าทำไมมันถึงต้องต่อสู้กับศัตรู และอื่นๆ
มันต้องการความช่วยเหลือจากตัวละครหลัก และต้องการให้เขากลายเป็นหนุ่มหล่ออย่างแท้จริงทั้งด้านนอกและเป็นวีรบุรุษด้านใน เพื่อเอาชนะกองกำลังชั่วร้ายที่กำลังบุกมาและปกป้องดินแดนของพวกเขาไว้
ภายใต้ความกดดันอย่างมากและกลัวความตายทำให้ตัวเอกเลือกที่จะหนีจากความเป็นจริง เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องของเขาไม่ต้องการที่จะทำอะไร และในตอนท้ายวิญญาณก็ผิดหวังและจากเขาไป และเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายโดยไม่มีร่างกาย
ในช่วงสุดท้าย ต้องขอบคุณของขวัญจากเพื่อนสมัยเด็กของเขาตัวละครหลักที่ทำให้ได้นึกถึงตัวเองที่เลือดร้อนในอดีตที่เชื่อมั่นอย่างมากในความยุติธรรม
"ฉันจะตายแล้วมันจะยังไงฟ่ะ!? แทนที่จะใช้ชีวิตแบบไร้ค่า ฉันเองก็อยากจะตายแบบเท่ๆเหมือนกัน! "
ตัวละครหลักรีบวิ่งไปที่สนามรบขณะที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
เขารวมเข้ากับวิญญาณและได้เปลี่ยนสถานการณ์ในสนามรบ หลังจากการต่อสู้ที่รุนแรงผ่านไป เขาก็พ่ายแพ้ให้กับศัตรูและไม่สามารถปกป้องเพื่อนในวัยเด็กของเขาได้
เมื่อเพื่อนวัยเด็กของเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ได้กลับกลายมาเป็นมนุษย์ ขณะที่ตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็ร้องไห้และขอโทษต่อหน้าเธอด้วยท่าทางที่ดูไม่ได้บนใบหน้าของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา
แม้ว่าหญิงสาวคนนั้นหมดสติระหว่างการต่อสู้ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นพร้อมกับค่อยๆจับไปที่หน้าของตัวเขาเบา
"ตอนนี้นายดูแย่สุดๆเลยนะ... นายดูแย่กว่าตอนที่นายซ่อนตัวอยู่ในบ้านของนายซะอีก ถึงอย่างนั้นสำหรับฉันแล้ว ก็ยังคงรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้ สำหรับนายเอง... ก็เป็นเหมือนแบบเดียวกับก่อนหน้านี้... นายเป็น... ผู้ชายที่หล่อที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจออยู่ดี!"
และเรื่องราวก็จบลงลงในประโยคนั้น
ภายใต้ทักษะการเขียนใหม่ของเซจิ เรื่องราวที่ค่อนข้างหยาบ(ลวกๆ)ซึ่งเต็มไปด้วยการอ้างอิงจากโอตาคุ และเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นที่กลายเป็นเรื่องที่ขายดีที่สุดในระดับสุดยอด
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คือความชั่วร้ายและความไม่เต็มใจของตัวละครหลักที่เข้าไปขัดแย้งกับจิตวิญญาณที่เย่อหยิ่งและโง่เขลา ซึ่งทำให้เกิดความตลกขึ้น ผู้หญิงแต่ละคนมีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นของตัวเองและบุคลิกภาพที่ดูเหมือนเกือบเหมือนมีชีวิตจริงๆ พวกเธอทั้งหมดเต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ่อนและมีจุดที่น่ารักเป็นของตนเอง
ในส่วนหลังของการกระทำที่โหดร้ายของศัตรู และความแปลกประหลาดทำให้ตัวละครหลักรู้สึกกลัวและด้อยกว่า ทำให้เขาสูญเสียแรงจูงใจและกลายเป็นคนเลวทรามอีกครั้ง จากนั้นความทรงจำของเขากับเพื่อนในวัยเด็กของเขา ที่ปลุกความกล้าหาญของเขามาอีกครั้ง ในขณะที่เขากล้าเป็นคนที่เลือดร้อนเหมือนเดิม นี้เป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่สุดยอดและรู้สึกที่โล่งใจและเสียใจหลังจากได้ชัยชนะ... ทุกฉากได้อธิบายไว้อย่างละเอียดด้วยทักษะของเซจิ!
นี้เป็นเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมมาก
อย่างน้อยที่สุดในความเห็นของเซจิ นี้ก็เป็นเรื่องที่เขาจะจบมันได้ในตอนเดียว มันมีทั้งอารมณ์ขัน ความตึงเครียดและแม้แต่ฉากต่อสู้ในตอนท้าย มันเป็นไลท์โนเวลที่สนุกจนทำให้เขาไม่มีความรู้สึกไม่เชิงลบหลังจากที่เขาอ่านมันเสร็จ!
ที่สำคัญคือมันสั้น... แต่นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นเรื่องสั้น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดีมากจนแทบจะไม่เชื่อเลยว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเขียนด้วยมือของตัวเอง
แถมยังใช้เวลาเพียงคืนเดียวเท่านั้น!
เซจิค่อยๆบังคับให้ตัวเองสงบลง
เขาต้องการที่จะให้มันได้เผยแพร่ทันที... แต่อย่างแรกเขาต้องพิมพ์ก่อนในคอมพิวเตอร์ และบันทึกไว้ในเอกสารและพิมพ์ออกมา
หรือควรเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตแทนดีไหม?
'อืม ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งการเผยแพร่มันต้องใช้ความคิดบางอย่างสินะ'
เซจิเหลือบไปมองที่นาฬิกาและสังเกตเห็นว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องไปทำงานแล้ว
'ใช่แล้ว ที่ทำงาน... ' เขานึกถึงเจ้าของร้าน ริกะ อามามิและญาติของเธอ มายาซูมิ อะมามิ ซึ่งเป็นผู้เขียนที่ชื่ออาจารย์พีช
แม้ว่าอาจารย์พีชจะเป็นผู้เขียนมังงะแต่ก็เป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับไลท์โนเวล ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าพวกเธอเป็นสาขาที่เชื่อมกัน บางทีเธออาจจะสามารถให้คำแนะนำแก่เขาได้บ้าง?
เธออาจจะยุ่งมากๆก็ได้... ถ้าอย่างนั้นเขาควรจะถามผู้จัดการร้านริกะก่อนเพราะเธออาจจะรู้บ้างก็ได้
หลังจากคิดได้แล้วเซจิก็ตัดสินใจนำสมุดของเขาไปยังร้านขายขนมหวาน... แน่นอนเขาต้องฉีกส่วนที่เขียนไดอารี่ไว้ก่อน
มันคงจะดีนะถ้าอาจารย์พีชสามารถอ่านเรื่องของเขาได้ แม้ว่าเธอจะเป็นโรคกลัวผู้ชายก็ตาม เรื่องนี้ควรจะไม่มีปัญหาใช่มั้ยล่ะ อย่างน้อย?
เซจิไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะมีเวลาว่าง แต่อย่างที่รู้ว่ามังงะนั้นเป็นที่นิยมก็ต้องกินเวลาเป็นซะส่วนใหญ่
...
ที่ร้านขายขนมหวาน ดีไวท์ เทซท
เซจิเดินตรงไปที่ห้องผู้จัดการร้าน / เจ้าของร้านหลังจากมาถึงที่ร้าน
"สวัสดี ฮารุตะ... เอ่อ ฮาราโนะคุง แล้วนายมาทำอะไรที่ออฟฟิศของฉันในวันนี้ล่ะ?" ริกะ อามามิกระพริบตาเมื่อเห็นเซจิเข้าไปในห้องทำงานของเธอ
"สวัสดีครับ ผู้จัดการร้าน" เซจิยิ้มทักทาย "ที่จริงผมเพิ่งเขียนเรื่องสั้น ในรูปแบบไลท์โนเวลเสร็จและต้องการที่จะตีพิมพ์มัน... "
เขาอธิบายสถานการณ์และแสดงสมุดให้เธอดู
'ไลท์โนเวล?'
ริกะ อามามิค่อนข้างอยากรู้อยากเห็นกับเรื่องนี้
เธอรู้ว่าเซจิเป็นโอตาคุ แต่การที่ผู้บริโภคจะเป็นผู้สร้าง ทั้งสองอย่างนี้ต่างไปกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าคุณจะอ่านไลท์โนเวลของโอตาคุหลายเล่มแล้ว คุณก็ไม่จำเป็นต้องมีความสามารถในการสร้างสรรค์ในการเขียนไลท์โนเวลก็ได้
แน่นอน หลังจากได้เห็นและอ่านหนังสือมากมายแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องการจะสร้างเรื่องของตัวเองขึ้นมา ในความเป็นจริงผู้เขียนส่วนใหญ่เริ่มต้นแบบนี้
ถึงอย่างนั้นงานอดิเรกหรือการกระทำที่ห่ามก็ไม่เข้ากับพรสวรรค์ มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่จำเป็นต้องมีเท่านั้น คุณคิดไร้เดียงสาขนาดที่ว่าจะสามารถเข้าสู่โลกของมืออาชีพนี้ ได้ด้วยเพียงความสามารถเดียวอย่างงั้นเหรอ
ริกะ อามามิไม่รู้สึกว่า เซจิ ฮารุตะเป็นคนไร้เดียงสา
ถ้าเขาอยากจะตีพิมพ์เรื่องนี้อย่างจริงจังอาจ มันอาจจะไม่ใช้เรื่องที่แย่มากหรือไม่อย่างนั้นเขาจะถูกไม่ได้รับการอนุมัติจากเธอ
ความรู้สึกของความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นภายในเธอ... อะไรคือเรื่องที่เขาเขียนขึ้นที่ทำให้เขาทำท่าจริงจังขนาดนี้?
"แม้ว่าฉันจะไม่ได้อยู่ในธุรกิจพวกนี้ แต่ฉันก็พอรู้พื้นฐานจากความสัมพันธ์ของฉันกับมายาซูมิอยู่บ้าง ถ้านายต้องการ ฉันสามารถให้แนะนำตัวที่ยอดเยี่ยมให้แก่นายได้ แต่ก่อนหน้านี้ฉันขออ่านเรื่องของนายได้ไหม" ริกะ อามามิยิ้มขณะพูดมันออกมา