GE66 ภูติผีทาส [ฟรี]
แม่น้ำคราม... แม่น้ำที่กระจ่างใสราวกับหยก แม่น้ำแห่งนี้อยู่ติดกับเผ่าคราม ห่างจากแม่น้ำไป 100 ลี้ มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ปราณหยินหนาแน่น เหมาะแก่ภูติผีอยู่อาศัย
ยามนี้ นามซัวหมิงได้เป็นที่รู้จักในเผ่าคราม เพราะมันเพิ่งเข้าร่วมเผ่า
ข่าวลือว่าซัวหมิงมีกลิ่นอายพลังที่ผันผวน บ้างเป็นขอบเขตประสานวิญญาณ บ้างเป็นแก่นทองคำขั้นกลาง ผู้คนจึงสรุปว่าระดับพลังของมันไม่คงที่และไร้ประโยชน์
ยังมีข่าวลืออีกว่า ซัวหมิงอวดดี ละทิ้งเผ่าเดิม และออกเดินทางอย่างอิสระ
ข่าวลือเกี่ยวกับซัวหมิงนั้น เป็นไปในทางลบ
หากข่าวลือไม่ถึงหู ข่าวลือย่อมเป็นสายลม... ในเผ่า ซัวหมิงเป็นที่สนใจของภูติผีสาวมากมาย พวกนางทั้งแอบมองและหมายตา
หากภูติผีสาวเหล่านั้นดูดซับพลังจากซัวหมิงได้ พวกนางย่อมได้ประโยชน์
ข่าวลือต่างๆที่ปรากฏไม่เป็นผลดีต่อหนิงฝาน เพราะซัวหมิงคือหนิงฝาน...
ภายในบ้านไม้ไผ่หลังเล็กในเผ่าคราม หนิงฝานผ่อนลมหายใจพลางฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้
เมื่อยามรุ่ง เขาสังหารผู้เชี่ยวชาญของเผ่าคนหนึ่งเพื่อชิงตำแหน่งในเผ่าของมัน กระทั่งตนเองได้รับบาดเจ็บ
หนิงฝานใช้ ‘เผาวิญญาณ’ ไม่ได้ ใช้กระบี่แยกสวรรค์ไม่ได้ ใช้เพลงกระบี่ของตนไม่ได้ ทั้งยังใช้สัตว์อเวจีไม่ได้
นอกจากสมบัติของซัวหมิงแล้ว หนิงฝานใช้สิ่งใดไม่ได้อีก เขาไม่อยากเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง จึงใช้เพียงสัมผัสเทพ โล่กระดูดโลหะ และเล็บบัวทมิฬเป็นอาวุธ
แต่ถึงอย่างนั้น เป้าหมายในการเข้าร่วมเผ่าครามของเขาก็สำเร็จ
เดิมทีหนิงฝานตั้งใจจะท้าทายผู้อาวุโสของเผ่าตนหนึ่ง ที่เป็นผู้เฝ้ารักษาคลังสมบัติของเผ่า แต่น่าเศร้าที่มันเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูง ต่อให้ตนเองใช้พลังทั้งหมด ย่อมไม่สามารถสังหารมันได้ จึงได้ล้มเลิกแผนการนี้ไป
แต่หากหนิงฝานสามารถสังหารผู้อาวุโสตนนั้นได้ เขาจะสามารถชิงเอามุกภาวนาและสมุนไพรมาได้อย่างง่ายดาย
“ช่างยุ่งยาก... แต่อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า ต้องล้มเหลวก่อนจึงจะสำเร็จ เช่นนั้นข้าต้องทน...”
เมื่อยามราตรีมาเยือน อาการบาดเจ็บของหนิงฝานก็หายสนิท เขาจึงเริ่มขบคิดหาวิธีเข้าใกล้คลังของพวกมัน
คลังเก็บสมบัติของเผ่ามีการคุ้มกันแน่นหนา นอกจากผู้อาวุโสที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง 10 ตน และผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นแรก 50 คนคอยคุ้มกัน
หนิงฝานเปิดประตูบ้านออกไปเพื่อหวังจะเดินสำรวจหาโอกาส แต่ผู้ใดจะทราบว่าทันทีที่เปิดประตู ภูติผีสองตนได้ร่อนลงจากท้องนภาและขวางทางไว้
ภูติผีตนหนึ่งสวมใส่อาภรณ์ขาว รองเท้าถักสีขาว แต่ดวงตาทั้งสองข้างกลวงโบ๋ราวกับถูกผู้ใดควักออกไป ใบหน้าของนางงดงาม หน้าอกขาวนวลได้รูป เอวคอดกิ่ว นางนับเป็นสตรีที่งดงามนางหนึ่ง
ภูติผีสาวอีกตนมาในอาภรณ์สีแดง ริมฝีปากแดงราวกับโลหิต ดวงตาแดงก่ำ หน้าอกเป็นหลุมโลหิตราวกับไม่อาจรักษา ดวงตาปรากฏโลหิตไหลรินราวกับไร้ที่สิ้นสุด แม้เรือนร่างโดยรวมนางดูคล้ายสตรีที่งดงาม แต่จากสิ่งที่บรรยาย นางกลับดูน่าหวาดกลัว
“ท่านซัวหมิงโปรดพักอยู่ในบ้านของท่าน! ตามกฏของเผ่าครามแล้ว ผู้ที่เข้าร่วมเผ่าได้ไม่ถึง 10 ปี ห้ามเที่ยวเดินไปทั่วใรยามราตรี” สตรีในอาภรณ์ขาวกล่าว น้ำเสียงของนางไพเราะราวกับสายน้ำไหล หากหลับตา เสียงของนางสามารถทดแทนใบหน้าที่น่าหวาดกลัวได้
แต่สตรีอาภรณ์แดงไม่เป็นเช่นนั้น นางดูโหดเหี้ยม ดุร้าย นางจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาราวกับดูหมิ่น
“ฮึ่ม! ยามราตรีเช่นนี้ เจ้าห้ามไปไหนเด็ดขาด” นางชี้นิ้วที่มีเล็บแหลมคมมายังหนิงฝาน
“ข้าเป็นคนของเผ่าแล้ว เหตุใดข้าจะออกมาเดินเล่นยามค่ำคืนไม่ได้?...”
หนิงฝานขบคิด จากนั้นจึงเข้าใจว่าเหตุใดเผ่าครามจึงตั้งกฏเช่นนี้ขึ้นมา
นั่นเพราะภูติผีที่เข้าร่วมเผ่าใหม่ ยากจะรับรองได้ว่ามีเจตนาดีหรือร้าย อย่างหนิงฝานเองก็เข้าร่วมเผ่าเพราะมีเจตนาแอบแฝง ดังนั้นใน 10 ปีนี้ ภูติผีที่เข้าร่วมเผ่าใหม่จะเป็นที่เฝ้าจับตาของคนอื่นๆในเผ่า
และผู้ที่จับตาหนิงฝานนั้น เป็นสตรีสองนางนี้
หนิงฝานจับจ้องสตรีในอาภรณ์ขาว นางเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น ส่วนสตรีอีกนางเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง ทั้งสองนางปิดซ่อนปราณได้เป็นอย่างดี ราวกับพวกนางผ่านประสบการณ์มามาก
ถึงแม้พวกนางแข็งแกร่ง แต่พวกนางยังคงเป็นสตรี... แววตาหนิงฝานเป็นประกายราวกับจะทำบางสิ่ง
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหนิงฝาน เขาเริ่มใช้ร่างวิญาณของตนลงไปในพื้นแล้วแอบเคลื่อนเข้าใกล้พวกนางอย่างช้าๆ
หากเข้าใกล้พวกนางได้สำเร็จ หนิงฝานก็มั่นใจว่าจะสัมผัสร่างของพวกนางได้ เพราะดรรชนีคลายหยินเป็นภัยคุกคามต่อสตรี
ในขณะที่ร่างวิญญาณของหนิงฝานเกือบจะเข้าใกล้พวกนาง พวกนางกลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและเร่งถอยห่างจากหนิงฝานทันที ในมือของพวกนางปรากฏคันศร หากหนิงฝานขยับ นางจะยิงสัญญาณเพื่อปลุกผู้เชี่ยวชาญทั้งเผ่า
“ท่านจะทำอันใด?!”
สตรีอาภรณ์ขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ สีหน้าแปรเปลี่ยน นางคาดไม่ถึงว่าผู้เยาว์ที่คล้ายมนุษย์ผู้นี้จะลอบจู่โจมพวกนาง
แววตาของสตรีอาภรณ์แดงปรากฏเจตนาสังหารและเตรียมจู่โจม
พวกนางระวังตัว สมแล้วที่พวกนางเป็นภูติผีที่มีสติปัญญา
หนิงฝานหวังจะใช้ร่างวิญญาณลอบจู่โจมพวกนาง แต่พวกนางระวังตัวและหลบการจู่โจมได้อย่างคาดไม่ถึง การจะลอบจู่โจมพวกนางไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไม่ได้ทำอันใด... ยามราตรีเช่นนี้ช่างเปลี่ยวเหงา ข้าเพียงต้องการสตรีที่งดงามเช่นแม่นางทั้งสอง เป็นสหายพูดคุย ไม่รู้ว่าแม่นางทั้งสองจะยอมหรือไม่?”
“ไม่... เจ้าอยู่ในบ้านไป ห้ามท่องเที่ยวไปที่ใดยามราตรี... หากไม่ตาบอดย่อมเห็นว่าข้าไม่ใช้สตรีที่งดงามต้องตา”
สตรีชุดขาวคาดไม่ถึงว่าหนิงฝานจะเชื้อเชิญนาง ทั้งยังเรียกขานนางว่าสตรีที่งดงาม ใบหน้าของนางแดงระเรื่อมาจนถึงลำคอ
แต่สตรีในอาภรณ์แดงกลับรั้งเจตนาสังหารและหัวเราะขบขัน
“เจ้ากล่าวว่าพวกข้างดงาม? ฮ่าฮ่า เจ้าช่างโง่เขลา... รีบกลับเข้าไปได้แล้ว ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ หากยังมีครั้งหน้า ไม่ว่าเจ้าเข้าร่วมเผ่าครามด้วยเหตุใด ข้าจะไม่ยกโทษให้”
แล้วพวกนางก็จากไปในท้องนภาที่มืดมิด แต่หนิงฝานรู้ว่าพวกนางยังคงเฝ้าจับตามอง
หากยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก พวกนางไม่ปล่อยหนิงฝานไว้แน่
“ช่างน่าสนใจ... การมีพวกนางจับตามอง ข้าคงทำตามแผนได้ยาก... แม้ยามราตรีไม่อาจลงมือ ไม่ได้หมายความว่ายามกลางวันจะลงมือไม่ได้”
หนิงฝานยิ้มเล็กน้อยก่อนกลับเข้าไปในบ้าน
แต่ในขณะที่หนิงฝานหันหลังกลับ เขากลับกล่าวออกมาเบาๆ
“ข้าขอทราบชื่อนามของเทพธิดาทั้งสองได้หรือไม่?”
เมื่อหนิงฝานกล่าวจบ เสียงอาภรณ์สัมผัสพุ่มหญ้าที่อยู่ไม่ไกลก็ดังขึ้น
สตรีอาภรณ์ขาวเมื่อครู่แตกตื่น กระทั่งตกลงจากก้อนหินเหนือพุ่มหญ้า นางเขินอายเป็นอย่างมาก
“ข้า... ข้าไม่ใช่เทพธิดา... ข้า...”
ขณะที่นางจะกล่าว สตรีในอาภรณ์ก็เอื้อมมือปิดปากไว้
“สาวน้อย ห้ามบอกนามของเจ้า...”
สตรีในอาภรณ์แดงยิ้มพลางกล่าว
“เรียกข้าว่า ‘ความเจ็บปวดและโศกเศร้า’ ส่วนนาง ‘มีตาแต่ไม่อาจมองเห็น’ ส่วนตัวเจ้า ‘เก็บงำเจตนาร้าย’... เจ้าต้องระวังเอาไว้ คนในเผ่าครามใช่ว่าจะมีเจตนาดีเหมือนพวกข้า หากเจ้าประมาท...เจ้าจะประสบชะตากรรมเช่นพวกข้า”
“ขอบคุณแม่นางที่เตือน...”
หนิงฝานกลับเข้าไปในห้อง บนร่างกายของพวกนางทั้งสอง ดูราวถูกกระทำบางสิ่ง
“บางทีพวกนางอาจไม่ใช่คนของเผ่าคราม พวกนางอาจถูกจับตัวมา ควักดวงตาและหัวใจ... ‘ภูติผีทาส’!”
คำนั้นปรากฏขึ้นในความคิดของหนิงฝาน
ในส่วนที่ 3 ของป่าแบ่งแยกเป็น 15 เผ่า สตรีทั้งสองนางอาจเป็นภูตผีของเผ่าอื่น แต่ถูกจับตัวมายังเผ่าครามเพื่อเป็นทาส
“ข้าอยากปลดพันธนาการพวกนาง... แม้พวกนางมีร่างกายเป็นภูติผี และไม่สามารถดูดซับพลังได้ แต่ข้าก็ไม่เกี่ยงหากพวกนางจะมาเป็นกระถางขัดเกลาของข้า...”
หนิงฝานไม่สามารถดูดซับพลังของพวกนางได้ ไม่เช่นนั้นพลังของเขาจะเสียหายใหญ่หลวง แต่พวกนางยังช่วยให้แอบเข้าไปในคลังสมบัติได้
ภูติผีไม่ได้ไร้หัวใจเสมอไป จึงไม่จำเป็นต้องสังหารพวกมันไปซะทุกตน...