Royal Roader on My Own – Chapter 6: แค่สลัดทิ้งแล้วเริ่มใหม่
ไม่ใช่แค่นั้น เงินในเกมส์นั้นได้ลดลงไปด้วย เหลือ 199,991 วอน
จริงเหรอ? เงินนั่นโอนมาจริงๆเหรอ ? มันเข้าท่ามั้ยเนี้ย ?
ฉันแทบไม่เชื่อแต่มือฉันน่ะได้เอื้อมไปหาเมาส์กับคีย์บอร์ดแล้ว ฉันกำลังจะดูบัญชีของ Saemaool Safe เพื่อดูว่าเงินน่ะโอนมารึยัง ถ้ามันโอนมาจริง มันก็น่าจะมีบันทึกไว้ในบัญชีด้วย
มือฉันเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วด้วยความคุ้นเคย ภายในไม่กีวินาทีฉันก็ได้เปิดบัญชีตัวเองขึ้นมา
ตอนนั้นเองฉันก็ต้องอ้าปากค้าง ‘ พระเจ้า ! ‘
เงินถูกฝากเข้ามา จำนวน 99,999 วอนที่ฝากเข้ามา วันที่โอนเข้ามาก็วันนี้ด้วย ฉันมั่นใจว่าเป็นเงินในเกมที่ฉันเพิ่งโอนมา ‘ นี่มันอะไรกัน ? ‘
สมองฉันว่างเปล่าไปสักพัก ‘ เงินในเกมถูกโอนเข้ามาในบัญชีฉันได้ยังไง ? โดยเฉพาะเกมมันเลิกให้บริการแล้ว ‘
แต่ยิ่งฉันคิดมากเท่าไหร่ ยิ่งได้เพียงข้อสรุปเดียว ฝันที่ฉันฝันถึงเมื่อคืนนี้มันไม่ใช่ความฝัน
มันเป็นเรื่องที่แทบไม่น่าเชื่อ ฉันเองก็แทบจะไม่เชื่อมัน มันมีหลักฐานชัดเจนอย่างมากว่ามันไม่ใช่ความฝัน
หลักฐานอย่างแรกนั้นคือตัวฝันเอง ไม่ว่ามันจะสมจริงขนาดไหนแต่คุณจะจำมันได้ทั้งหมดอย่างชัดเจนได้ยังไง ? อีกอย่างฉันจำสิ่ง่ที่เกิดขึ้นตลอดสิบวันได้ไม่พลาดเลยแม้แต่นาทีเดียว
หลักฐานอย่างที่สองคือบัญชีจัดการนี้ จำนวนเงินที่ฉันจำได้ในฝันนั้นก็เท่ากับจำนวนที่บัญชีจัดการมี ฉันไม่ต้องการหลักฐานอื่นด้วยซ้ำ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
‘ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ‘ ไม่มีทางที่ฉันจะฝันอยู่หรอกนะ ?
กริ๊งงงง ! เสียงโทรศัพท์ทำให้ฉันสะดุ้งขึ้นมา
“อ่า ! ฉันสายแล้ว !” – ฉันมักจะนอนไม่พอ นั่นเพราะหลังจากเลิกงานที่ร้านล้างรถแล้ว ฉันมักจะนอนดึกเพราะเล่น Royal Roader นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้สองอันทุกเช้า อันแรกเพื่อปลุกให้ลุกจากเตียง อันที่สองเพื่อให้กินข้าวซึ่งหมายความว่าแม้ว่าฉันจะรีบแต่ฉันก็ยังสายอยู่ดี ฉันรีบแต่งตัวแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างกับลูกธนู ฉันหิวแต่ไม่มีเวลามากินข้าวช้า ฉันวิ่งออกไปด้วยแรงที่มีทั้งหมดไปยังร้านล้างรถ
โชคร้ายที่เจอไฟแดงหลายอันเข้า
สุดท้ายแล้วฉันก็สายไป 5 นาที
ผู้จัดการจัง กำลังรอฉันอยู่และเริ่มด่าฉันอย่างกับหมา
“คังไฮแรม แกสายอีกแล้วเหรอ ?”
ฉันรู้สึกแย่อย่างมากกับการมาสายแต่ทำไมเขาต้องพูดว่า ‘ อีกแล้ว ‘ ด้วย ? ระหว่างสองปีที่ฉันทำงานที่นี่ ฉันสายไม่ถึงห้าครั้ง เหตุผลเดียวที่เขาทำแบบนี้ก็แค่อยากด่าฉัน
“แกเริ่มมีข้อเสียเยอะขึ้นเรื่อยๆเลย ! แกไม่ได้ขยันในการล้างรถและยังต้อนรับลูกค้าได้ห่วยแตก ! แกไม่อยากทำงานที่นี่แล้วใช่มั้ย?” -เอาจริงๆแล้วฉันไม่เข้าใจเลย
“ทำไมผู้จัดการจังถึงทำกับผมแบบนี้ได้ล่ะ ?”
เมื่อคิดถึงสภาพแวดล้อมในการทำงานแล้วร้านล้างรถของเรานี่ถือว่าดีเลย ประธานปฏิบัติต่อลูกน้องดีมากด้วยและนี่แหละคือวิธีที่ทำให้ร้านเราน่ะประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ที่ประธานปฏิบัติต่อลูกน้องเหมือนคนในครอบครัว ลูกน้องเองก็จะอดทนไหวไม่ว่าลูกจ้างนั้นจะหยาบคายแค่ไหนและให้บริการอย่างดีที่สุด
ผู้จัดการจัง ได้เรียนรู้มากมายจากการดูจากพ่อตัวเอง ประธานนั่นเอง ดังนั้นแล้วเขาจึงดีต่อลูกจ้างยกเว้นแค่ฉัน
แต่บรรยากาศนั้นได้เปลี่ยนไปทันทีที่ประธานเข้าโรงพยาบาลหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ ผู้จัดการจังจึงเลือกฉันไว้คอยด่าอยู่ตลอดเวลา
ด่าแต่ละทีก็ไม่ใช่น้อยๆ เขาเพิ่มความเครียดขึ้นทุกวันๆทำให้เหมือนกับรู้สึกว่าเขาอยากให้ฉันลาออก
วันนี้นั้นแย่เป็นพิเศษ เขาดูเหมือนว่าจะตัดสินใจที่จะจัดการให้หนักขึ้นไปอีก
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แกต้องฝึกบริการลูกค้าสัก 30 รอบก่อนจะเริ่มงานได้ เข้าใจมั้ย ? วันนี้ ไม่ว่าจะไปไหนก็ต้องทำ”
ฝึกบริการลูกค้า
ห้ามหัวเราะแล้วพูดว่า ‘ ยินดีต้อนรับ ‘, ‘ ขอบคุณมาก ‘ และ ‘ มีวันที่ดี ‘ พูดแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ตอนนั้นเองก็ได้มีความคิดหนึ่งที่แว็บขึ้นมาในหัวของฉัน
‘ ฉันเดาว่านี่แหละคือจุดจบของร้านนี้
ถ้าฉันซื่อสัตย์ ฉันจะติดหนี้ประธานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาแม่รึค่าเทอมน้อง เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันอยากเบิกก่อน เขามักจะให้ฉันยืมก่อนสัก 500,000 รึแม้แต่ล้านนวอนเลยก็มี
แน่นอนว่าฉันจะรีบคืนเงินที่ยืมมาทันที
เพราะความรู้สึกขอบคุณและภักดีนี้ทำให้ฉันทำงานที่นี่ต่อแต่ถ้าเอามาอยู่กับ ผู้จัดการจัง แล้ว เราน่ะโดนลูกค้าหลายคนด่าแต่ทำไมต้องมารับคำด่าจากคนพวกเดียวกันด้วย ?
ฉันทำไม่ได้ ?
ในอีกด้าน ฉันคิดว่ามันเยี่ยม สมองของฉันน่ะคิดเรื่องอื่น เอาจริงๆแม้แต่ตอนนี้สมองฉันก็เต็มไปด้วย Royal Roader ฉันต้องการที่จะกลับไปที่โกชิวอนและลองฝันแบบเดิมอีกสักรอบ
ฉันรู้สึกว่ามันเป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าฉันยืนยันแล้วเหรอว่าเงินเข้ามาในบัญชีด้วยตาตัวเอง ?
ถ้ามันเป็นแบบนี้ต่อไปได้ ชีวิตของฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องงานที่ร้านนี้อีก
อีกอย่างแล้วงานแบบนี้น่ะหาง่ายถ้าฉันตั้งใจหา คนเรามักบอกว่าคนตกงานน่ะสูงแต่ร้านล้างรถและงานใช้แรงงานอื่นๆน่ะต่างก็มองหาคนงานตลอด
เมื่อคิดได้แบบนั้น ฉันก็ได้ตัดสินใจ ‘ เอาล่ะ ! ออกเลย ! ฉันเองก็ไม่มีหนี้รึต้องได้ค่าจ้างอีกแล้วนิ ‘
แม้ว่าฉันจะออกเองแต่ก็ต้องมีบางอย่างต้องยืนยันก่อน ฉันมีคำถามมากมายที่จะถาม ผู้จัดการจัง
“ เหตุผลอะไร ?” – ผู้จัดการคงคิดว่าความคิดฉันแย่ ทั้งความคิดและน้ำเสียงนั้นเหมือนกับฉันกำลังเถียงอยู่
เพราะฉันได้ตัดสินใจลากออกแล้วทำไมฉันถึงต้องสนด้วย ? ด้วยเหตุผลอะไร ? ผู้จัดการดูลังเลไปสักพัก
“...แกพูดอะไรนะ ?”
“ไม่กี่วันก่อน คุณเริ่มด่าผมโดยไม่มีเหตุผล หยุดทำตัวเหมือนลูกแหง่ได้แล้ว ผมไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจรึไง ?”
“ดูไอ้บ้านี่สิ ! แกพูดกับฉันแบบนี้งั้นหรอ ?”
“บ้า ? แค่เพราะผมเด็กกว่านิดหน่อยไม่ได้หมายความว่าคุณจะพูดแบบโตกว่าได้และนี่ไม่ได้เป็นการไม่ให้เกียรติเลย ผมแค่ถามคำถามว่าทำไมอยู่ๆคุณถึงได้ทำกับผมแบบนี้ ?”
ตอนนี้ฉันเดินหน้าจนยากที่จะหันหลังกลับแล้ว ผู้จัดการเองก็คงรู้สึกแบบนั้นด้วย เขาควรที่จะรู้ว่าฉันตัดสินใจที่จะออก นั่นอาจเป็นเหตุผลแต่เขาได้หยุดทำตัวหยาบคายต่อฉันแล้ว – “ฉันแค่ไม่ชอบแกในตอนแรก ดังนั้นหายไปเงียบๆซะ เราไม่ต้องการคนแบบแกที่ร้านของเรา”
นี่มันแปลกจริงๆ
ฉันทำงานที่นี่สักพักแล้วและขยันด้วย อันที่จริงฉันได้รับคำชมจากลูกค้ามากมายซึ่งหมายความว่าถ้าฉันออก ร้านนี้น่ะเสียหายอย่างมากแน่
ผู้จัดการเองก็น่าจะรู้เรื่องนี้ด้วย แล้วทำไมเขาถึงอยากกให้เป็นแบบนั้น ? มันต้องมีเหตุผลอื่น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ?
ไม่ว่ายังไงฉันก็คิดไม่ออกอยู่ดี ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันอยู่แล้ว ที่สำคัญกว่านั้น Royal Roader กำลังรอฉันอยู่ อย่ามาเสียเวลาที่นี่เลย
“ดี งั้นบอกประธานด้วยว่าขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง”
เมื่อพูดจบฉันก็หันหลังกลับโดยไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด
เพราะบางอย่าง สมองของฉันรู้สึกปลอดโปร่ง บางทีมันอาจเป็นเพราะความตื่นเต้นแต่การวิ่งของฉันกลับไปที่โกชิวอนนั้นคงเร็วกว่านี้ไปไม่ได้แล้ว