ตอนที่ 52 ตรวจจับ
"ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป... "
นัทสึยะมองตรงไปที่เซจิ
"ทางที่ดีที่สุดคือการที่เราสามารถขัดขวางการโจมตีของศัตรูได้สำเร็จ และทำให้พวกนั้นพ่ายแพ้หรือบังคับให้พวกนั้นล่าถอยไป ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็คือ... เราทั้งสามคนอาจจะตายกันหมด"
ตาย
แม้ว่านัทสึยะจะพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ แต่เซจิยังคงสามารถตรวจพบได้ถึงเศษเสี้ยวของความกลัวที่ลึกเข้าไปภายในตัวเธอได้
"การดวลกันระหว่างหยินหยางมาสเตอร์... ต้องจบลงด้วยความตายเท่านั้นเหรอครับ?"
"ไม่ แต่ ‘การดวล’ ทั้งสองฝ่ายจะต้องใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้รับชัยชนะ ดังนั้นการบาดเจ็บหรือตายก็ถือเป็นเรื่องปกติ "
นัทสึยะค่อยๆจิบชาของเธอ
"สำหรับโรงเรียน มันอาจจะไม่ได้รับผลกระทบ การดวลกันระหว่างหยินหยางมาสเตอร์มักจะไม่เกี่ยวข้องกับคนปกติ"
เซจิวิเคราะห์คำพูดของนัทสึยะอย่างรวดเร็ว
"เวลาคุณพูดว่า 'อาจจะ' และ 'มักจะ' นี้ คุณดูเหมือนจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรเลยนะครับ"
"...ชั้นไม่สามารถพูดได้ด้วยความมั่นใจเลยว่าผู้บริสุทธิ์จะไม่ได้รับอันตราย" นัทสึยะถอนหายใจก่อนพูดต่อ "หยินหยางมาสเตอร์อาศัยอยู่ภายใต้กฎที่ต้องไม่ดึงดูดความสนใจของคนทั่วไป... แต่กลับกันคือตราบใดที่มันไม่ได้อยู่ในระดับที่ดึงดูดความสนใจจำนวนมาก ก็จะมีผู้เสียชีวิตเพียงไม่กี่คน"
"ดังนั้นถือเป็นปกติที่สิงโตสองตัวสู้กันแล้วมีแมลงสักตัวสองตัวตายไปสินะครับ?" เซจิขมวดคิ้วขึ้น
เขารู้สึกอึดอัดใจตอนมองไปที่ภาพถ่ายของกลุ่มจูมอนจิ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ค้ายานั้นตายไปแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีใครสนใจ แต่พวกเขาจะยินดีที่จะถูกนำมาใช้ประโยชน์งั้นเหรอ และการตายของพวกเขาก็ถูกใช้โดยความโลภของพวกมัน ความจริงที่ว่าชีวิตของมนุษย์ถูกนำมาอย่างไร้ความปรานีมันยังคงมีผลกระทบต่อเขาอยู่มาก
และตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีความเป็นไปได้ที่นักเรียนของเธอ อาจมีความเสี่ยงจากความทุกข์ทรมานจากชะตากรรมเดียวกันในการถูกแช่แข็งจนตาย ความรู้สึกที่อึดอัดอยู่ภายในใจของเขาก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น
รอยยิ้มของเซจิยกขึ้น ขณะที่คิดถึงมิกะและชิอากิมันก็ทำให้ใบหน้าของเขามีความสุข
"ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจเหตุผลที่คุณหญิงผู้สูงส่งไม่ต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับนักเรียนธรรมดาๆแล้วละครับ"
นัทซึยะยิ้มแห้งๆกับคำตอบ
ฮิตากิจ้องมองไปที่เซจิก่อนที่จะพูดว่า "นายจะไปรู้อะไร? นายหญิงนะ... "
"ฮิตากิ!" นัทซึยะพูดขัดจังหวะ
สาวผมสีแดงคนนั้นทำได้แค่กัดริมฝีปากของเธอเท่านั้น
'มีบางอย่างที่พวกเธอยังซ่อนเอาไว้อยู่อีกสินะ... ' เซจิสามารถบอกเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
แต่ถ้าพวกเธอตัดสินใจที่จะไม่บอกให้เขารู้ เขาก็จะแกล้งทำเป็นโง่ต่อไป
"ชั้นต้องอโทษด้วยนะ คำพูดของชั้นอาจจะทำให้นายเป็นอันตรายได้"
"ไม่ คุณพูดถูก"
เซจิและนัทสึยะสบตากัน
"เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด สิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือการหยุดผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวารของศัตรู" เซจิถูคางขณะใช้ความคิด
จริงๆแล้วเขาเองก็มีความคิดของเขาอยู่แล้ว
การแก้ปัญหาค่อนข้างจะง่าย ทั้งหมดที่เขาต้องทำก็คือหาว่าอะไรคืออะไรและเหตุการณ์ไหนที่เกี่ยวกับผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวาร พอเป็นแบบนี้ เขาก็แค่โหลดกลับมาและบอกนัทสึยะและฮิตากิเกี่ยวกับเรื่องนี้
ปัญหาเดียวที่เขาพบคือเขาจะบอกพวกเธอยังไงดี!
'ฉันควรจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับความสามารถในการเซฟและโหลดของฉันดีไหม?' เซจิปฏิเสธความคิดนี้อย่างหนักแน่นในใจ เขารู้ว่าระบบของเขาและเซฟ/โหลดและการ์ดเป็นพลังของเขา เขาต้องรักษาความลับส่วนตัวนี้เอาไว้เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
ดังนั้นเขาควรจะหลอกพวกเธอโดยแสร้งทำเป็นว่าเขามีพลังบางอย่าง อย่างการทำนายอนาคต หรือบอกว่าเขามีสัมผัสพิเศษหรือสัญชาตญาณอะไรพวกนี้ดี?
เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้... สำหรับมือสมัครเล่นอย่างเซจิ ที่จะไปหลอกคนที่มีพลังลึกลับอย่างพวกเธอคงต้องขอให้เขาทำให้แน่ใจว่าเรื่องของมันไม่ได้เป็นเพียงธาตุอากาศ
แล้วเขาควรทำยังไงดีล่ะ?
เซจิยังคงคิดต่อ
"คุณบอกว่าคุณได้ใช้เวทมนตร์ในการค้นหาผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวารของศัตรู คุณทำได้ยังไง?" เขาถามขึ้น
"ชั้นได้สร้างอาคมเวทย์ตรวจจับขึ้นมา ตราบใดที่ผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวารใช้พลังลึกลับภายในพื้นที่อาคมตรวจจับ อาคมจะตรวจพบและแจ้งให้ชั้นรู้โดยอัตโนมัติ"
"แล้วคุณจะบอกให้คุณฮิตากิรู้และสั่งให้เธอให้ไปจับคนร้าย แต่คุณก็ยังสายเกินไปทุกครั้ง... ไม่มีใครคนไหนที่สามารถช่วยคุณได้งั้นเหรอ?"
นัทสึยะถอนหายใจ
"แน่นอน ว่าชั้นสามารถขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของชั้นได้ แต่ถ้าชั้นไม่จำเป็น ชั้นก็ไม่ต้องการทำอย่างนั้น"
"ดูเหมือนจะมีเหตุผลลึกๆอยู่เบื้องหลังสินะ... "
"ใช่ ชั้นไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นได้โปรดอย่าถามเพิ่มเลย" นัทสึยะดูอึดอัดกับคำพูดขณะที่เธอเบนสายตาของเธอไปทางอื่น
"ผมเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่มีสามัญสำนึกมากซักหน่อย" เซจิเกาไปที่ใบหน้า "แล้วถ้ามองอีกมุมล่ะ- ทำไมคุณถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากคนธรรมดาล่ะ?"
"ชั้นเพิ่งบอกไปว่าคนธรรมดาไม่ควรมีส่วนร่วมใช่มั้ย?" นัทสึยะดูสับสนขณะที่เธอขมวดคิ้วของเธอ "ฮารุตะคุง ท่าทางของนายก่อนหน้านี้เป็นแค่ของปลอมงั้นเหรอ?"
"แน่นอน ว่าผมไม่ได้บอกว่าให้คนปกติไปสู้กับผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวารหรืออะไรแบบนั้น" เซจิโบกมือให้เธอ
"ผมแค่อยากจะบอกแบบนี้ เป็นไปได้หรือไหมที่พวกเขาจะช่วยเหลือในการตรวจจับของคุณได้โดยที่ไม่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวารของศัตรู ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพลังในการตรวจจับของคุณได้ทั้งหมด... มันเป็นไปได้หรือเปล่า"
"ช่วยเหลือ... " นัทสึยะแสดงความประหลาดใจกับความคิดของเซจิ แม้กระทั่งก่อนที่เธอจะคุยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เซจิต้องการดื่มน้ำชาเพิ่ม แต่เขาก็พบว่าถ้วยของเขาว่างเปล่าแล้ว เขาชี้ไปที่ฮิตากิและบอกว่าถ้วยของเขาว่างเปล่า และเขาต้องการให้เธอเติมให้เขาอีก แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเขาแบบสุดๆเลย
'อ่า นี้เธอไม่ชอบฉันมากแค่ไหมกัน... ' เซจิทำได้เพียงยิ้มเพียงเล็กน้อยในใจ ขณะที่เขาต้องลุกขึ้นเพื่อจับกาน้ำชา จากนั้นเขาก็เทชาเพิ่มให้ทั้งสามคน
ใช้เวลาเพียงไม่นานนักสำหรับนัทสึยะเพื่อที่จะพิจารณาถึงความคิดของเซจิเสร็จ
"สิ่งที่นายเพิ่งพูดไว้... มันเป็นไปได้" เธอกล่าวออกมาอย่างช้าๆ "ชั้นสามารถสร้างยันต์ที่จะช่วยให้คนธรรมดาสามารถเพิ่มพลังในการตรวจจับได้ ตราบใดที่มันติดอยู่บนร่างกายของพวกเขา และพวกเขาเพียงแค่เคลื่อนที่ไปรอบๆภายในระยะอาคมเวทย์ตรวจจับ ถึงอย่างนั้น ประสิทธิภาพของมันก็ค่อนข้างจะต่ำและต้องใช้คนจำนวนมาก มันเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะใช้เสริมอาคมเวทย์ตรวจจับอย่างมาก ชั้นไม่ได้มีคนมากมายพอที่ชั้นสามารถสั่งได้... และแม้ว่าชั้นจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าให้พวกเขาเดินไปทั่วทุกที่ภายในระยะอาคมเวทย์ตรวจจับมันจะเด่นมาก และอาจจะทำให้ผู้ใช้ตราแห่งจิตวิญญาณบริวารของศัตรูสังเกตเห็นพวกเขาได้ "
เซจิยิ้มเล็กน้อยขณะที่เขาตั้งใจฟัง
"คนจำนวนมากที่จะไม่ถูกสังเกตเห็นได้ง่าย แม้ว่าพวกเขาจะเดินไปตามถนนใช่มั้ยครับ? บังเอิญว่าผมเพิ่งพบกลุ่มคนเมื่อวานนี้ซึ่งเหมาะสถานการณ์นี้พอดี"
นัทสึยะ โยรุฮานะกระพริบตา
"นายกำลังพูดถึงพวกมาเฟียเจ้าถิ่นนั้นใช่ไหม"
"แน่นอน พวกเขาเป็นผู้นำของพวกใต้ดินในถิ่น พวกเขาสามารถขอให้พวกอันธพาลในถิ่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของพวกเขาที่ยู่บนท้องถนนทุกวันเพื่อทำสิ่งเล็กน้อยได้ อย่าง การสวมเครื่องประดับ มันควรจะง่ายสำหรับพวกเขาที่จะทำ"
"พวกเขาจะยินดีช่วยเรางั้นเหรอ? โดยปกติแล้วการจะพูด... "
"โดยปกติแล้วพวกเขาจะหลีกเลี่ยงกับสถานการณ์ที่ตำรวจยังคงนิ่งเงียบใช่มั้ยครับ? แต่กลุ่มจูมอนจินี้เป็นข้อยกเว้น ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขามีพื้นหลังที่ไม่แม้แต่ตะกลัวตำรวจ พวกเขาก็คงไม่สนใจที่แม้แต่จะเชิญผม ไม่งั้นผมก็คงจะไม่มาปรากฏตัวต่อหน้าคุณอย่างนี้"
เซจิยื่นฝ่ามือออกไป
"พวกเขาต้องการที่จะปกป้องดินแดนของตนเองแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าศัตรูเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้ แต่พวกเขาก็รู้ว่าความภาคภูมิใจในหัวใจของพวกเขาคืออะไร... เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้เข้าใจเสียทุกอย่าง และบางทีเมื่อมองจากมุมมองที่ต่างกัน มันอาจเป็นเพียงความดื้อรั้นที่ดูโง่ก็ได้ แต่ก็สมกับเป็นมาเฟียจริงๆอยู่! เจ้านายของพวกเขาได้คุกเข่าข้อร้องผมและยอมก้มหัวเพื่อถามข้อมูล!"
"นั่นคือเหตุผลที่ผมมาหาคุณ และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าเขาจะไม่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือเรา เมื่อผมให้ข้อมูลที่เขาต้องการอย่างแน่นอน เขาเป็นหัวหน้ามาเฟีย ดังนั้น บางทีเขาอาจจะเพิ่มในเงื่อนไขพิเศษบางอย่าง ถ้าเป็นกรณีนี้คุณสามารถไปเจรจากับเขาได้ ผมเชื่อว่าคุณสามารถเข้ากับเขาได้ "
ความเงียบค่อยๆปกคลุมลงที่ห้อง ในขณะที่นัทสึยะเริ่มพิจารณาข้อเสนอของเซจิอีกครั้ง
คราวนี้เธอใช้เวลาคิดสั้นมาก
"มาเฟีย... " เธอถอนหายใจ
"การใช้อำนาจของมาเฟีย... เอาจริงๆ มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องกังวลกับเรื่องเกียรติ ความจริงที่ว่าพลังของชั้นมีไม่เพียงพอ มันคือเรื่องที่เถียงไม่ได้ เพื่อชดเชยพลังที่ขาดไปนั้น ชั้นควรจะตัดความภาคภูมิใจบางส่วนของชั้นทิ้งไปในฐานะที่หยินหยางมาสเตอร์ "
"นายหญิง... " ฮิตากิ โชโฮะขมวดคิ้วของเธอ ก่อนที่เธอจะมองไปที่เซจิอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเธอโทษเขาเพราะการตัดสินใจที่น่าอับอายของนัทสึยะ
นัทสึยะหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเซจิด้วยการแสดงออกอย่างจริงๆจังบนใบหน้าของเธอ
"ความคิดของนายยอดเยี่ยมมาก ชั้นรู้สึกขอบคุณนายจากใจจริงมาก ฮารุตะคุง ชั้นจะต้องรบกวนนายช่วยไปพูดกับหัวหน้ากลุ่มจูมอนจิอีกที และขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ถ้าจำเป็นจริงๆให้โทรหาชั้นทันที ถ้าชั้นจำเป็นต้องพูดคุยกับหัวหน้าของพวกเขาโดยตรง ชั้นขอฝากเรื่องนี้ให้นายจัดการด้วยนะ!"
นัทสึยะหันหน้าไปทางเซจิ
"ไม่จำเป็นต้องสุภาพกับผมก็ได้ครับ ประธานโยรุฮานะ" เซจิยิ้มก่อนจะพูดต่อ "มันก็ไม่เป็นไร จริงๆ"