HK ตอนที่ : 70
วันที่สงบสุขผ่านพ้นไป วันนี้วันที่ 19 ตุลาคม บริษัทไอโกเดินทางมาถึงโรงแรมกรีนเลคในย่านชวนฮูและติดต่อมาหาเป็นครั้งแรกเชิญชิเล่ยไปเพื่อเจรจาธุกิจกัน
ชิเล่ยไม่เห็นด้วยทันที ตอบกลับไปยังบริษัทไอโก บอกกับพวกเขาจะเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 20 ตุลาคม เพราะปัจจุบันมู่ชวงมีความเป็นมืออาชีพอย่างมาก แล้ ววันนี้เธอมีเรียน เธอจะไม่โดดเรียนไปแน่นอน!
สองวันก่อนทางบริษัทไลก้าได้ส่งอีเมลมาแสดงจุดยืนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาจะส่งทีมเจรจาต่อรองทางธุรกิจมาที่เมืองชวนกิ่งเพื่อติดต่อกับชิเล่ย อย่างไรก็ดูจากท่าทีพวกเขาแล้วไม่ได้แสดงออกว่าถึงความสนใจมากเท่าไหร่!
คนประเทศยีสซิ(เยอรมนี)เป็นคนที่เข้มงวดจริงจังและให้ความสำคัญกับสิทธิบัตรอย่างมาก สิทธิบัตรของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มประเทศเซี่ยที่อยู่ในมือของชิเล่ย ไม่ได้ทำให้ไลก้ามีความสนใจมากนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 8.30 น. ชิเล่ยลุกขึ้นจากเตียงและทำธุระของตัวเองเสร็จแล้ว ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ดูเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา ชิเล่ยไม่ลังเลกดรับสายโดยตรง
เสียงในโทรศัพท์พูดขึ้นมาด้วยภาษาอังกฤษที่แฝงไปด้วยความกดดัน "ฮัลโหล คุณชิหรือเปล่าครับ?"
ชิเล่ยที่ถือโทรศัพท์ด้วยมือซ้ายก็ตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษเหมือนกันว่า "ใช่ผมชิเล่ย แล้วคุณเป็นใคร?"
"สวัสดีครับคุณชิ ผมเป็นตัวแทนจากบริษัทไลก้า ชื่อวิลเลี่ยมลุดวิก คุณจะเรียกผมลุดวิกหรือวิลเลี่ยมก็ได้ครับ "ลุดวิกแนะนำตัวเอง "ทางเรามาถึงโรงแรมกรีนเลคย่านชวนฮูแล้วครับ เมื่อคุณชิพร้อมเมื่อไหร่เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มได้ตลอดเวลาเลยครับ"
ชิเล่ยฟังการแนะนำตัวที่ยืดยาว ในใจกำลังคิดว่าพวกต่างชาตินี่รับมือยากจริงๆ!
"คุณวิลเลี่ยมวันนี้เลยก็ได้ครับ!" ชิเล่ยรู้ถึงความตั้งใจของพวกเขาและสไตล์ในการทำงาน พวกเขาเป็นพวกร้อนแรงเหมือนดั่งดวงอาทิตย์ ทำได้ทุกอย่างหากพวกเขาต้องการ ถ้าพวกเขาเจอกับตัวแทนบริษัทไอโกต้องมีกระทบกระทั่งกันแน่
วิลเลียมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังผ่านทางโทรศัพท์ว่า "คุณชิ งั้นเรามาพบกันที่โรงแรมกรีนเลคเวลา 10.00 น. เพื่อหารือถึงข้อตกลงของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มดีไหมครับ?"
ชิเล่ยคิดสักครู่และตอบตกลงไป วันนี้มู่ชวงไม่มีเรียนวิชาหลักจึงโดดเรียนไปช่วยชิเล่ยเจรจาให้ได้
เมื่อวางสาย ชิเล่ยก็ออกไปหน้าหอพัก 502 ทันทีและเคาะประตู
"เสี่ยวโม่ มู่ชวงเปิดประตูให้ที!"
"เปิดให้นายไม่ได้!" เสียงของหลิงหยูโม่รอดออกมา "พิสดารหิน เรากำลังใส่ชุดนอนกันอยู่ นายมีความคิดชั่วร้ายอะไรถึงได้อยากเข้ามาในห้องของเรา!"
ชิเล่ยยิ้มอย่างชั่วร้าย "ไม่เปิดก็ไม่เปิด! พวกเธอรีบไปแต่งตัวได้แล้ว เราจะออกไปหาอาหารเช้ากินกันและไปเจรจาธุรกิจกันต่อที่โรงแรมกรีนเลค!"
เวลา 09.50 น. ชิเล่ยพร้อมกับสองสาวงามมาถึงโรงแรมกรีนเลค และได้เจอกับตัวแทนบริษัทไลก้าในล็อบบี้ ครั้งนี้ตัวแทนของบริษัทไลก้าที่มามีเพียงแค่สองคนเท่านั้น คนหนึ่งคือวิลเลี่ยมลุดวิกและอีกคนเรียกชื่อว่าคอนราดเอ็ดฮาด ซึ่งเป็นวิศวกรด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์กล้องดิจิตอลของไลก้า และวิลเลี่ยมเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
วิลเลี่ยมจองห้องประชุมขนาดเล็กในโรงแรมกรีนเลคเอาไว้ไม่เหมือนกับตัวแทนของโกดักที่จองห้องอาหารไว้เพื่อคุยธุรกิจ จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าประเทศยีสซิและประเทศลี่เจียงแตกต่างกัน
ในห้องประชุมขนาดเล็ก หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวกันเรียบร้อยแล้ว วิลเลี่ยมก็พูดขึ้นมาอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า "คุณชิ โปรแกรมตรวจจับรอยยิ้ม คุณนำมันมาด้วยหรือเปล่า?"
คราวนี้ชิเล่ยเอาโน้ตบุ๊คและกล้องดิจิทัลของตัวเองมาด้วย หยิบโน้ตบุ๊คออกมาวางและจากนั้นก็ส่งให้คอนราด ผู้ชายคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญวิศวกรด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ที่จะเป็นคนตรวจสอบ ไม่ใช่วิลเลี่ยมที่เป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีซอฟต์แวร์
คอนราดเปิดโน้ตบุ๊คขึ้นมาและไม่จำเป็นต้องขออนุญาตชิเล่ย เขาใช้ตัวเองเป็นนายแบบและถ่ายภาพสองสามภาพด้วยกล้องดิจิทัล
จากนั้นก็ถ่ายวิลเลียมรวมทั้งห้องประชุมขนาดเล็กและทุกอย่างในห้อง ขณะที่คอนราดกำลังทดสอบอยู่ วิลเลี่ยมกับชิเล่ยกำลังพูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีในประเทศ
ชิเล่ยคุยกับวิลเลี่ยมอย่างถูกคอ คุยเกี่ยวกับเทศกาลเบียร์อ็อกโทเบอร์เฟสต์(Oktoberfest) ประจำปีของเมืองมิวนิค และคาร์นิวัลในเมืองเบรเมินถึงงานรื่นเริงและความหลากหลาย คุณไม่สามารถมโนขึ้นมาเองได้ เป็นไปไหมที่ชิเล่ยเคยอาศัยอยู่ในประเทศยีสซิ?
วิลเลี่ยมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ชิเล่ยรู้เกี่ยวกับกับประเทศยีสซิ ทำให้ทั้งสองฝ่ายคุยกันอย่างสนุก
"ชิเล่ยเทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ปีนี้ ประเทศของเรายินดีต้อนรับคุณในฐานะแขกของเรา!" หลังจากที่มีการสนทนาที่น่าพอใจ ทำให้วิลเลี่ยมและชิเล่ย ได้มีการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสนิทกันมากขึ้น
ชิเล่ยหัวเราะแล้วพูดว่า "ดี! วิลเลี่ยม เทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ปีนี้ ฉันคนนี้จะต้องเป็นราชาแห่งการดื่มเบียร์แน่นอน!"
วิลเลี่ยมมองไปที่ชิเล่ยด้วยความประหลาดใจ "เพื่อน คุณดื่มเก่งแค่ไหน?"
ชิเล่ยโม้ต่อว่า "เรื่องการดื่มฉันไม่ได้โม้ ตั้งแต่ดื่มเบียร์มาฉันยังไม่เคยเมา!" เรื่องนี้ชิเล่ยไม่ได้โกหก เพียงแต่ว่าเขาไม่เคยดื่มเบียร์ก็เท่านั้น ดื่มแต่นมมะพร้าว!
"โอ้ว้าว!" วิลเลียมมองชิเล่ยอย่างชื่นชม "ชิเล่ย เทศกาลอ็อกโทเบอร์เฟสต์ปีนี้ ผมต้องเชิญคุณไปเข้าร่วมแน่นอน บริษัทไลก้าของเราเป็นหนึ่งในสปอนเซอร์ของอ็อกโทเบอร์เฟส ผมจะให้คณะกรรมการจัดงานส่งบัตรเชิญไปให้คุณ!"
ชิเล่ยยังคงโม้ต่อไม่หยุด "ไม่มีปัญหา! สำหรับตำแหน่งราชาเบียร์ เป็นเรื่องง่ายมากที่จะคว้ามันมา!"
ทั้งสองฝ่ายคุยกันเกือบชั่วโมง วิศวกรคอนราดก็ได้ทดสอบเสร็จสมบูรณ์และคืนโน้ตบุ๊คให้กับชิเล่ย
"คุณคอนราด ผลการทดสอบโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มเป็นอย่างไรบ้าง?" ชิเล่ยถามด้วยรอยยิ้ม
คอนราดสีหน้าอย่างจริงจังและพูดว่า "ยอดเยี่ยมมาก! ทางบริษัทไลก้าของจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ตัวนี้ในกล้องดิจิทัล!"
คนประเทศยีสซิเป็นคนที่จริงจังและตรงไปตรงมา มีเหตุมีผล อยากได้โปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มก็ไม่เสแสร้งแกล้งดัด อ้อมไปอ้อมมา อยากได้ก็บอกอยากได้
วิลเลียมยังคงรอยยิ้มบนใบหน้า "ชิเล่ยแม้ว่าเราจะเป็นเพื่อนกัน แต่นี่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของบริษัท นี่เป็นเรื่องธุรกิจ!"
ชิเล่ยพยักหน้า "นั่นดีแล้ว! วิลเลี่ยมนี่คุณมู่ชวง เธอเป็นตัวแทนของเราที่จะคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเธอมีอำนาจเต็มที่"
มู่ชวงด้วยใบหน้าที่เข้มงวงพูดว่า "สวัสดีค่ะคุณลุดวิก!"
วิลเลี่ยมตอบ "สวัสดีครับคุณมู่ เกี่ยวกับโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มคุณคิดไว้ราคาเท่าไหร่ครับ?"
"2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ!" มู่ชวงชูสองนิ้วขึ้นมาและเปิดปากบอกจำนวนตัวเลขที่ต้องการ
"เป็นไปไม่ได้!" วิลเลี่ยมส่ายหัวปฏิเสธทันที "ซอฟแวร์ตรวจจับรอยยิ้มแม้มันจะดีมาก แต่สิทธิบัตรในประเทศยีสซิอยู่ในมือของโซนี่ แม้ว่าคุณจะขายซอร์สโค้ดของซอฟแวร์ให้กับเรา เราก็ยังต้องมีปัญหากับโซนี่อยู่! ส่วนซอร์สโค้ดก็ไม่ได้มีมูลค่าถึง 2 ล้าน! ผมให้ได้เต็มที่ 300,000 ดอลลาร์ ถ้าแปลงเป็นเงินสกุลเซี่ยก็น่าจะได้ 2.4 ล้านหยวน!"
มู่ชวงพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวลว่า "คุณลุดวิก คุณล้อฉันเล่นอยู่หรือไง? จะใช้เงิน 300,000 ดอลลาร์ ซื้อซอฟต์แวร์ที่สามารถนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่อุตสาหกรรมกล้องดิจิทัลได้เนี่ยนะ มุขคุณนี่ฝืดจริงๆ"
ตัวแทนประเมินของไลก้าได้ประเมินมูลค่าของซอฟต์แวร์ตรวจจับรอยยิ้มไว้ในใจแล้ว แม้ว่าโซนี่จะมีสิทธิบัตรซอฟต์แวร์อยู่ในมือ แต่ซอฟต์แวร์ของชิเล่ยมีความก้าวหน้ามากกว่ามาก บริษัทไลก้าสามารถเผชิญหน้ากับบริษัทโซนี่ได้แน่นอน หรือแม้กระทั่งหลังจากที่วิจัยคิดค้นผลิตภัณฑ์ได้ใหม่ ค่อยไปขอจดสิทธิบัตรใหม่ก็ได้ ดังนั้นความสนใจในโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มไม่ได้เพิ่มขึ้นมามากเท่าไหร่
"350,000 ดอลลาร์" วิลเลี่ยมเพิ่มราคาขึ้นด้วยสีหน้าหนักแน่น "ไม่ว่าอะไรก็ตามสิทธิบัตรของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มยังอยู่ในมือของโซนี่!"
มู่ชวงไม่เต็มใจที่จะประนีประนอมและพูดว่า "คุณลุดวิก ฉันขอแก้ไขข้อผิดพลาดของคุณนิดหน่อย สิทธิบัตรของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มไม่ได้อยู่ในมือของโซนี่ที่เดียว อย่างน้อยสิทธิบัตรซอฟต์แวร์ของประเทศเซี่ยก็อยู่ในมือของเรา! ตอนนี้ในประเทศเซี่ยอุตสาหกรรมต่างๆกำลังพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและก็หลากหลาย การบริโภคสินค้าระดับไฮเอนด์กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ยอดขายกล้องของบริษัทไลก้าของคุณในประเทศช่วงนี้กำลังเพิ่มสูงขึ้น ฉันพูดถูกไหม?"
วิลเลียมตอบโดยใช้จิตวิทยาเข้าช่วย "คุณมู่ งั้นคุณจะขายโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มกับสิทธิบัตรทั้งสองอย่างเลยไหม? ถ้าเป็นอย่างนี้ทางไลก้าของเราจะเพิ่มเงินให้!"
มู่ชวงส่ายหัว "เราจะเก็บสิทธิบัตรไว้!"
"คุณมู่ถ้าคุณขายแค่เฉพาะซอร์ซโค้ดของซอฟต์แวร์เทานั้น ผมสามารจ่ายได้แค่ 350,000 ดอลลาร์เท่านั้น!" วิลเลียมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ตลาดในประเทศเซี่ยที่มู่ชวงพูดมาเป็นเรื่องจริง มันกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากคุณมีสิทธิบัตรในประเทศเซี่ย มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับในการขายกล้องของไลก้าในประเทศเซี่ย!
มู่ชวงเอาผมที่หล่นลงมาไปทัดไว้ที่หู "เราสามารถให้ทางไลก้าขายกล้องในประเทศได้อย่างอิสระ พร้อมกับโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มในประเทศเซี่ย โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์!"
วิลเลี่ยมคิดราคาและเพิ่มขึ้นอีกครั้ง "ถ้าเป็นกรณีนี้ เราสามารถเพิ่มให้ได้ 375,000 ดอลลาร์ ถ้าแปลงเป็นเงินสกุลเซี่ยก็เท่ากับ 3 ล้านหยวน ผมต้องการซอร์สโค้ดของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มและค่าลิขสิทธิ์ฟรี!"
"คุณลุดวิก ราคาที่คุณให้มามันต่ำเกินไป มันไม่พอค่าซอร์สโค้ดของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มและค่าลิขสิทธิ์ฟรี ทั้งหมดมันต้องเป็น 1 ล้านดอลลาร์!" มู่ชวงพูดด้วยโทนเสียงเย็นชา
วิลเลี่ยมกำลังเตรียมที่จะต่อรองต่อ มู่ชวงก็ยืนขึ้นขัดจังหวะ "คุณลุดวิก วันนี้ฉันว่าเราระงับการเจรจาไว้ชั่วคราวก่อนดีกว่า เรายังนัดกับทางบริษัทโกดักจากประเทศลี่เจียงไว้และบริษัทกล้องในประเทศเซี่ยไอโกไว้! หวังว่าครั้งหน้าเราคงได้มีโอกาสร่วมมือกันนะคะ!"
ชิเล่ยลุกขึ้นยืนด้วยความเสียใจและพูดว่า "วิลเลี่ยม คุณลองคิดดูละกัน 1 ล้านดอลล่าร์มันไม่ได้แพงเกินเลย!"
วิลเลี่ยมพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม "ผมจะรายงานกลับไปทางบริษัท และลองชักจูงผู้บริหารดู!"
เขาทั้งสามคนเดินออกมาห้องประชุมเล็ก โทรศัพท์ของชิเล่ยก็เสียงดังขึ้น เขากดกดปุ่มรับและเสียงที่ดูสุภาพที่พูดด้วยภาษาเซี่ยก็ดังออกมา
"ฮัลโหล? น้องชายชิเล่ย? ฉันซ่งโทรมาจากบริษัทไอโก! ไม่รู้ว่าวันนี้น้องชายว่างไหม? เรามาเจอกันที่โรงแรมกรีนเลค แล้วสั่งอาหารง่ายมากินกันเป็นอย่างไร?" ชื่อเต็มของซ่งก็คือ ซ่งหม่าอัน เป็นรองประธานบริหารของบริษัทไอโก ซึ่งเป็นผู้หุ้นถึง 17% ใน บริษัทไอโก
เมื่อวานนี้เขาโทรไปคนที่ชื่อว่าชิเล่ยและถูกปฏิเสธ แต่ก็ทำให้เขาอารมณ์เสียนิดหน่อยแค่นั้น จากตรงนี้บอกได้เลยว่าคนๆนี้เป็นคนตรงไปตรงมาใจกว้างและรู้วิธีที่จะอดกลั้นในเวลาเดียวกัน!
ชิเล่ยเหลือบมองไปที่วิลเลี่ยมเผยรอยยิ้มจางๆและพูดว่า "ได้สิพี่ชายซ่ง ผมก็อยู่โรงแรมกรีนเลค แล้วพี่อยู่ที่ไหน"
ในสายเสียงของซ่งหม่าอันเต็มไปด้วยความประหลาดใจและมีความสุขพูดว่า "น้องชายชิเล่ย คุณอยู่ในโรงแกรมกรีนเลคแล้ว? รอสักครู่ เดี๋ยวฉันออกไปรับ!"