ตอนที่แล้วตอนที่ 367 เดินหน้า (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 369 ยอมจำนน (FREE)

ตอนที่ 368 ความรู้สามารถเปลี่ยแปลงชะตากรรม (FREE)


ภายในกระโจมขององค์หญิง ฉาน ยู่

เมื่อข่าวของ ฟาง เจิ้งจือ ส่งมาถึง ดวงตาสีดำของค์หญิงก็เปล่งประกายออกมาจางๆ  ลายเมฆสีแดงบนร่างกายของนางปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง

"โจมตีถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง?  เจ้ามั่นใจใช่ไหม?"

"ข้ามั่นใจเต็มร้อย!" ทหารผู้ส่งข่าวตอบอย่างมั่นใจ

"เอาล่ะ พี่ชาย3 รู้เรื่องนี้แล้วหรือยัง?"หลังจากที่องค์หญิงได้รับการยืนยันจากทหาร นางก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้และถามขึ้นมาอีกครั้ง

"เรียนองค์หญิง หลังจากที่ข้าได้รับข่าวก็ได้รายงานไปที่วกชนชั้นสูงทันที  พวกเขาน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ข้าเชื่อว่าม้แต่เขาก็ต้องมีคำสั่งลงมาแน่นอน" ทหารตอบในทันที

"ฮาฮ่า ไม่เลว หลังจากที่ข้าต้องทนรอมานาน ได้เวลาที่ข้าจะยืดเส้นยืดสายเสียที!"เมื่อองค์หญิงได้ยินคำพูดของทหาร นางก็ยิ้มออกมาในทันที  รอยยิ้มของนางเป็นประกาย ราวกับดอกไม้ที่สวยงามและยั่วยวน

ถิ่นฐานที่ยิ่งใกล้กับเมืองภูเขาเซียนเท่าไร ยิ่งมีการป้องกันที่แน่นหนามากขึ้นเท่านั้น พูดได้ว่ามันมีการป้องกันที่มากที่สุดในบรรดาถิ่นฐานหลักๆ

หากถิ่นฐานราชสีห์คำรามเรียกได้ว่าเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่แล้วละก็

ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งก็เปรียบได้กับเขี้ยวเล็บของเมืองภูเขาเซียน

พื้นที่ของถิ่นฐานนี้ไม่ใหญ่เท่าไรนัก  อย่างไรก็ตามมันตั้งอยู่บนพื้นที่โล่งกว้างขนาดใญ่  ไม่มีข้อไดเปรียบด้านภูมิศาสตร์จำพวกภูเขาหรือป่าไม้ที่ช่วยเป็นโล่ป้องกันให้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามมันก็ยังถูกเรียกว่าเขี้ยวเล็บของดินแดนภูเขาทางใต้

เพราะด้านหน้าของถิ่นฐานวานรน้ำแข็งนั้นมีหุบเขาสายลมอยู่  มันเป็นหุบเขาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีทางที่ใครจะผ่านเข้าไปได้ง่ายๆ

หุบเขานั้นแตกต่างกับถิ่นฐานวานรน้ำแข็งอย่างสิ้นเชิงราวกับคนละโลก  ภายในหุบเขานั้นเต็มไปด้วยกระแสลมอันเยือกเย็น  แต่ถัดจากหุบเขาก็เป็นถิ่นฐานวานรน้ำแข็งที่คึกคักและเจริญรุ่งเรือง

ภายในถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง ณ บ้านหินขนาดใหญ่หลังหนึ่ง หนานกง เฮา ผู้สวมชุดนักปราชญ์สีขาวกำลั่งนั่งอยู่เงียบๆอยู่ด้านหน้าของหน้าต่าง ในมือของเขาถือหนังสือเล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วยอักขระโบราณ

คำที่ใช้ในหนังสือนั้นดูค่อนข้างแตกต่างกับที่ใช้กันในอาณาจักรเซี่ย  รูปร่าตัวอักษรของมันค่อนข้างแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม หนานกง เฮา ดูเหมือนกำลังจมอยู่ในความคิด

"นายน้อย" ผู้บัญชาการในชุดเกราะเคาะประตูเบาๆและเรียก หนานกง เฮา อย่างสุภาพ จากนั้น เขาก็เดินเข้ามาในบ้านหิน

" ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ อยู่ที่ไหนแล้ว?" หนานกง เฮา ไม่ได้เงยหน้าขึ้น สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ พร้อมกับพึมพัมบางอย่างออกมา

"ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องเดินทางมาถึงหุบเขาสายลมในอีก 2 วัน" ผู้บัญชาการทหารตอบ

"อืม"

"พวกเราต้องเตรียมพร้อมหรือไม่?"

" ไม่จำเป็น ทำในสิ่งที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ"

"รับทราบ"

ผู้บัญขาการทหารพยักหน้า จากนั้นเขาก็ออกไปจากบ้านด้วยความเคารพ  ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไป ใบหน้าของเขาก็แสดงถึงการตัดสินใจอันแน่วแน่บางอย่าง  มันเป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความหยิ่งยโส

...

กลางดึง มีร่างสีดำกระโดดไปมาอย่างรวดเร็ว  หลังจากนั้นเขาก็เลือกที่จะหยุดยืนอยู่บนภูเขาหินลูกหนึ่ง

เขายืนอยู่บนยอดสูงสุด

เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋าจากนั้นก็หยิบแผนที่สีเหลืองขึ้นมา

หลังจากเหลือบมองเพียงรอบเดียว เขาก็เอามันเก็บใส่กระเป่าอีกครั้ง  จากนั้นเขาฏ้ก้มลงเอาหูแนบพื้น  ฟังเงียบๆอยู่สักพักหนึ่ง

จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและพุ่งออกไป

เขาดูเร่งรีบมาก

ฟาง เจิ้งจือ ไม่เคยควบคุมกองทัพมาก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับแม่ทัพหรือผู้บัญชาการทางทหารนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี

การเคลื่อนพลหรือกลยุทธฺทางทหารสำหรับเขานั้นมันง่ายราวกับกินข้าวมื้อหนึ่ง  แม้จะไม่ได้คุ้นเคยกับภูมิประเทศของดินแดนภูเขาทางใต้ทางเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้สำคัญอะไร

เพราะ ฟาง เจิ้งจือ มี เถิง ซือเซิง เป็นผู้นำทาง

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความสามารถในการระบุที่อยู่ของสัตว์ร้ายเพียงแค่ฟังเสียงรอบๆตัวเท่านั้น  รวมกับทหารจำนวน40,000คนแล้ว สัตว์ร้ายก็ไม่มีทางทำอะไรพวกเขาได้แม้แต่น้อย

ดังนั้นระหว่างการเดินทางเขาจึงไม่ได้พบอุปสรรค์อะไรแม้แต่น้อย

2 วันถัดมา ทหารทั้งหมดได้ปรากฎตัวใกล้ถิ่นฐานของศัตรู ณ บริเวณที่เป็นปราการธรรมชาติของถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง

หุบเขาสายลม!

ฟาง เจิ้งจือ นั้นมีความเข้าใจเกี่ยวกับหุบเขาสายลมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ ความเข้าใจนี้ก็เป็นเพราะการอธิบายของ เถิง ซือเซิง สำหรับรายละเอียดเชิงลึกแล้วนั้น ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองเขาก็จะไม่มีทางเข้าใจ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเห็นที่จริงแล้ว มันก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดคิดได้เลยว่าสถานที่นี้พิเศษเป็นอย่างมาก เพราะว่า ก่อนที่จะถึงหุบเขาสายลมนั้น เขาได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากด้านใน

หุบเขาสายลมนั้นราวกับภูเขาขนาดใหญ่ที่ถูกตัดออกเป็นสองซีกด้วยคมดาบ ทำให้ระหว่างกลางมีขนาดพอให้คน 10 คนเดินผ่านเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ...

ที่สำคัญที่สุด ผนังทั้งสองด้านของหุบเขา มันเต็มไปด้วยน้ำแข็ง

เกล็ดน้ำแข็งราวหนามที่แหลมคม ทำให้ไม่สามารถเฉียดกายเข้าไปใกล้ๆ หรือแม้แต่จะปีนขึ้นไปด้านบนก็ทำไม่ได้เช่นกัน

"ผู้ส่งสารฟาง หุบเขาสายลมอยู่ด้านหน้าแล้ว หากเราผ่านหุบเขาสายลมนี้ไปได้ ก็จะถึงถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง" ตอนนั้นเอง เถิง ซือเซิง เดินไปข้างๆ ฟาง เจิ้งจือ แล้วก็พูดออกมาเบาๆ

"หุบเขาสายลมนี้สามารถผ่านไปได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ?" ฟาง เจิ้งจือ มองไปทางหุบเขาด้านหน้าและหันมองกองทัพของเขาที่ด้านหลัง

ถ้าเขาจะผ่านมันไปแค่คนเดียวละก็

แน่นอนว่าไม่ต้องสงสัยอะไร เขาก็แค่พุ่งเข้าไปตรงๆและใช้ความแข็งแกร่งที่เขามีฝ่ามันไป

อย่างไรก็ตาม ถ้ากองทัพกว่า 40,000 จะต้องตามไปด้วย แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นตัวถ่วงแน่นอน ตอนนี้เองที่ ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจความหมายของแม่ทัขึ้นมา

"คงไม่ง่าย" เถิง ซือเซิง ส่ายหัวโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

"มีสิ่งที่ข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า เขาคิดแล้วว่า เถิง ซือเซิง จะตอบอย่างไรจึงไม่แปลกใจมากนัก

"ผู้ส่งสารฟาง โปรดถาม" เถิง ซือเซิง ตอบอย่างเคารพ

"หุบเขาสายลมเป็นทางเข้าสู่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง เพื่อเข้าสู่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง อย่างแรกคือต้องผ่านหุบเขาสายลมไปให้ได้ก่อน แต่ในกรณีเดียวกันคนด้านในนั้นจะออกมาได้ยังไง?" มันเป็นคำถามที่อยู่ในหัวของ ฟาง เจิ้งจือ

" การเปิดหุบเขาสายลมนั้นสามารถควบคุมจากถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง ทางออกของหุบเขาสายลมจะมีหินก้อนใหญ่ ถ้ามีใครเคลื่อนก้อนหินไปทางซ้าย สายลมในหุบเขาสายลมก็จะหยุดพัดลงถ้าเคลื่อนก้อนหินไปทางขวาสายลมก็จะพัดอีกครั้ง สำหรับเหตุผลนั้น ยังไม่มีใครรู้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเช่นนั้นเสมอใน 2-3 ร้อยปี ที่ผ่านมา" เมื่อ เถิง ซือเซิง ได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ เขาจึงเริ่มอธิบายออกมา

"เคลื่อนย้ายก้อนหิน?"ดวงตาของ ฟาง เจิ้งจือ เบิกขึ้นเล็กน้อย ในชั่วพริบตาเขาคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง "ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ราบอันกว้างใหญ่งั้นหรือ?"

"ใช่แล้ว ผู้ส่งสารฟางรู้เรื่องนั้นได้ยังไง?" เถิง ซือเซิง ดูแปลกใจเมื่อได้ยินเพราะว่าเขายังไม่ได้อธิบายรายละเอียดของถิ่นฐานวานรน้ำแข็งเลย

"ฮ่าฮ่า ข้าแค่เดาน่ะ" ฟาง เจิ้งจือ ยิ้มเยาะ แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมเพราะว่ามันต้องมีความรู้ด้านฟิสิกส์ที่จะอธิบายเรื่องนี้แล้วเข้าใจ

ตามจริงแล้ว ภูมิประเทศของหุบเขาสายลมนั้นเป็นเรื่องที่บังเอิญยิ่งนัก อย่างไรก็ตามในโลกก่อนหน้าของ ฟาง เจิ้งจือ ก็มี 2-3 สถานที่ที่คล้ายๆกันนี้

จากแนวคิดด้านวิทยาศาสตร์ สายลมคือแหล่งพลังธรรมชาติ

สายลมจะพัดแรงหรือแผ่วเบาขึ้นอยู่กับภูมิศาสตร์ของภูมิประเทศ ยกตัวอย่างเช่นในทะเลทราย เมื่อสายลมเริ่มพัดมันจะก่อเกิดพายุ

โดยเฉพาะในพื้นที่โล่งกว้าง

ถ้ามีหินขนาดใหญ่ 2 ก้อนตั้งอยู ตรงกลางก็จะกลายเป็นช่องลม

ส่วนหินที่อยู่ด้านหลังหุบเขาสายลมนั้นมีไว้ควบคุมลม

ภูมิประเทศของถิ่นฐานวานรน้ำแข็งทั้งราบเรียบและกว้างใหญ่ มีภูเขายักษ์ 2 ลูกขนาบข้างราวกับถูกตัดแบ่งเป็นสอง ดังนั้นการจะเกิดเป็นหุบเขาสายลมย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก

สำหรับการใช้หินก้อนใหญ่เพื่อควบคุมจากภายในนั้นก็ใช้ทฤษฎีเดียวกันนี้ ถ้ามีการเคลื่อนย้ายก้อนหินไปในที่ที่ถูกต้องแล้วละก็ ลมจะถูกพัดขึ้นด้านบน ไม่พัดมาที่หุบเขาสายลมอีกต่อไป

นี่สินะที่เขาบอกว่า

ความรู้สามารถเปลี่ยแปลงชะตากรรมได้!

ฟาง เจิ้งจือ เข้าใจในทฤษฎีเหล่านี้อย่างไรก็ตาม เถิง ซือเซิง ไม่เข้าใจเพราะฉะนั้น หลังจากที่ได้ยิน ฟาง เจิ้งจือ บอกว่าแค่คาดเดา เขาจึงมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยท่าทีจริงจัง

เถิง ซือเซิง ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆว่า ฟาง เจิ้งจือ สามารถเดาได้ยังไง?

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด