ตอนที่ 47 ตีสนิท
หลังจากที่ได้เล่นอย่างสนุกสนานในห้องของฮิซาชิในคืนนี้แล้ว เซจิก็ได้ออกไปด้วยความพึงความพอใจ
ตอนแรก คาเอเดะก็มาเล่นกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน แต่เธอก็หลับไปขณะที่เธอเล่น ดังนั้นฮิซาชิจึงเรียกสาวใช้เพื่อพาน้องสาวของเขาออกไปขณะที่พวกเขายังคงเล่นเกมกันต่อไป
โอตาคุนั้นไม่ใช่ซิสคอน...
หลังจากที่ใช้เวลาตอนกลางคืนที่บ้านของเขาแล้วเซจิก็รู้ว่านอกจากการเป็นโอตาคุแล้ว ฮิซาชิก็ยังเป็นนักลงทุนที่เก่งอีกด้วย ของโอตาคุที่ฮิซาชิซื้อมานั้น ซื้อมาด้วยเงินของตนเองที่ได้รับจากการลงทุนในตลาดหุ้น ในการลงทุนที่มีความเสี่ยงในอนาคต
ครอบครัวของเขามอบเงินให้เขาก้อนแรก และเขากลับมาพร้อมเงินที่มากกว่าเก่า และตอนนี้เขาได้รับอนุญาตให้เข้าถึงและควบคุมจำนวนเงินทั้งหมดได้ครึ่งหนึ่งของกลุ่มจูมอนจิ
นอกจากนี้ฮิซาชิยังเป็นแฮ็กเกอร์ที่มีทักษะสูง เขาพิสูจน์ตัวเองด้วยการเจาะเข้าไปในเว็บไซต์ของบริษัทสำคัญหลายแห่งก่อนที่ตาของเซจิจะเกิดประกายขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ความเร็วในการพิมพ์และความสามารถในการเขียนโปรแกรมของเขาเป็นเรื่องยากที่จะตามทัน และแม้แต่เซจิเอง ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทักษะการแฮ็กที่น่าทึ่งของเขานี้เลย!
หลังจากเจอกับคนอย่างฮิซาชิ จูมอนจิแล้ว เซจิรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองนั้นเป็นโอตาคุขยะยังไงยังงั้น
ฮิซาชิเป็นโอตาคุที่มีฝีมืออย่างแท้จริง!
ขณะที่พวกเขากำลังจะจากกัน พวกเขาก็แลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อไว้ให้กัน และสัญญาว่าจะติดต่อกันอีก
...
"ฮิซาชิ แกคิดยังไงกับ ฮาราโนะ... ท่านเซจิ ฮารุตะ?"
หลังจากที่เซจิได้ออกไป มิจิโร่ก็ได้เรียกลูกชายคนเล็กของเขามาเพื่อปรึกษาและถามเขาด้วยน้ำเสียงอันดุดัน
ฮิซาชิปรับแว่นตาของเขา
"ความจริงที่ว่าเรามีความสนใจเหมือนกันและเขาก็ดีกับผม เขาเป็นคนที่คุ้มค่าในการเป็นเพื่อนสนิทกับของเราแน่นอน"
ฮิซาชิในตอนนี้นั้นไม่ได้แสดงท่าทางที่ดูให้เห็นถึงความเป็นโอตาคุที่นิสัยเสีย ขณะที่เขาสวมหน้ากากที่มีสีหน้าที่ดูเข้มครึม และดวงตาของเขาเองก็ประกายไปด้วยความเฉลียวฉลาด
"เขาเป็นคนจริงใจและตรงไปตรงมา แต่ขาดความซื่อตรง เขาไม่ได้เป็นคนชอบวางแผนกับคนอื่น แต่เขามีความสามารถในการมองเห็นผ่านความเจ้าเล่ห์และความชั่วร้าย หลังจากที่ได้รู้ความสามารถและสถานะของผมในครอบครัว ท่าทางของเขาที่มีต่อผมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหมายความว่าเขาถือว่าผมเป็นเพื่อนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่คนที่เขาสามารถใช้ประโยชน์ได้ แน่นอน นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่เขาจะให้ความสนใจกับความสามารถของผมน้อยมาก แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากเขาถูกไล่ออกมาและควรอยู่ในสถานะที่เขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ผมทำได้... รวมทั้งกลุ่มจูมอนจิเองก็มีค่าต่อเขาอยู่ในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยสนใจในเรื่องนี้ ผิวเผินเขาไม่ดูหมิ่นเราว่าเราเป็นใคร และเขาไม่ได้มองว่าเราเป็นเพียงเครื่องมือที่จะใช้งาน เขาปฏิบัติต่อเราอย่างเท่าเทียมกัน รวมๆแล้วก็เป็นสิ่งหายากมาก"
มิจิโร่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของฮิซาชิ
"แล้วแกคิดว่า ท่านเซจิ ฮารุตะมีค่ามากแค่ไหนกับเรา?"
"เรามีข้อมูลเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสิน ถึงอย่างนั้นก็มีข้อเสียที่ไม่มีการตีสนิทกับเขา เพราะเขาไม่ใช่คนที่จะละทิ้งเพื่อนและพวกพ้องของเขา ในความเป็นจริงยิ่งเราช่วยเขามากแค่ไหน เขาก็จะต้องการตอบแทนเรามากมากแค่นั้น ไม่ต้องสนใจว่าเขาจะสามารถกลับไปหาครอบครัวได้หรือไม่ในอนาคต เพียงแค่ความสามารถด้านการต่อสู้ของเขาเพียงอย่างเดียวก็อาจช่วยให้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่ยากลำบากต่างๆได้แล้วหากเขายินดี... เมื่อเขากำลังเผชิญหน้ากับลูกน้องของเรา ฟุรุจังและพี่ซาคิตะ เขาก็แทบจะไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงของเขาเลย ถ้าเขามีปืนหรือใส่แรงอย่างสุดกำลังแล้วล่ะก็ ผมแน่ใจเลยว่าความสามารถในการทำลายล้างของเขานั้นจะน่ากลัวมากจริงๆ! อย่างน้อยที่สุด ผมก็สงสัยว่าทั้งกลุ่มจูมอนจิอาจถูกทำลายได้โดยเขา "
ความเงียบได้ปกคลุมไปทั่วห้อง
มิจิโร่ไม่พบข้อผิดพลาดใดๆเลยกับการตัดสินของฮิซาชิ
อันที่จริงเขายังได้พิจารณาถึงสถานการณ์ในช่วงดึกนี้และในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุปแบบเดียวกับลูกชายของเขา
ถ้าเซจิ ฮารุตะมีปืน เซจิอาจจะทำลายได้ทั้งกลุ่มจูมอนจิด้วยตัวเอง! นี้ไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงแต่อย่างใด
ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะไม่สนิทสนมกับเขาก็ตาม... ก็ไม่มีทางที่จะสร้างศัตรูจากคนที่มีพลังมหาศาลนี้ได้หรอก
"และถ้าเราพิจารณาตามความจริง ถ้าเขาได้กลับไปที่ครอบครัวของเขา คุณค่าของเขาที่มีต่อเราจะเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด !" ตาของฮิซาชิประกายไปด้วยความตื่นเต้น
"เอาจริงๆ ผมเชื่อว่าในที่สุดเขาจะได้รับอนุญาตให้กลับไปที่ครอบครัวของเขา เพราะเขาถูกไล่ออกเป็นครั้งแรกเนื่องจากความเลวทรามในอดีตของเขา ไม่ใช่เพราะทุกคนวางแผนต่อต้านเขา และตอนนี้ที่เขาเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นแล้วและมีโอกาสสูงมากที่ครอบครัวของเขาอาจยอมรับเขาอีกครั้ง ถ้าผมเป็นได้แค่รองเท้าให้ครอบครัวฮารุตะ ฉันก็จะไม่ทิ้งคนที่มีความสามารถพิเศษแบบเขาที่ได้กลับตัวกลับใจแล้ว เขาควรจะมีคุณค่ากับพวกเขา แม้ว่าเขาจะอยู่ในอันดับล่างๆ"
มิจิโร่พยักหน้าเห็นด้วย
เซจิเป็นสมาชิกที่ถูกไล่ออกจากครอบครัวของเขา แต่เขายังมีพลังลึกลับ นั่นหมายความว่าเขายังคงมีโอกาสกลับไปหาครอบครัวเขาได้ ตอนนี้เขาอาจจะอยู่ในสถานะที่น่าสงสารที่สุดเท่าที่เขาเคยอยู่มาก่อน แต่บุคลิกและศีลธรรมของเขาไม่เป็นอันตราย นอกจากทักษะการต่อสู้ของเขาเพียงอย่างเดียวก็ยังอยู่ในจุดสุดยอดของสิ่งที่มนุษย์จะทำได้แล้ว!
ไม่จำเป็นต้องพิจารณาถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ถ้าพวกเราปล่อยให้โอกาสที่จะเป็นเพื่อนกับเขาลื่นหลุดไป พวกเราก็คงจะเป็นพวกโง่อย่างสมบูรณ์!
"ดังนั้นเราควรจะทำยังไงเพื่อที่จะได้เป็นเพื่อนกับท่านฮารุตะ?"
ฮิซาชิยิ้มอย่างมีชัย
"เขาเป็นแบบเดียวกันกับที่ผมเป็นอยู่ ดังนั้นผมจึงมีความได้เปรียบในการพูดคุยกับเขาตราบเท่าที่ผมรักษาความจริงใจของผมไว้ มันจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทกับเขาจริงๆ... ถึงแม้ว่าผมจะเป็นเพื่อนของเขาแล้วก็ตาม ผมจะพยายามที่จะได้ใกล้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นระหว่างเรา นอกจากนี้คาเอเดะยังตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น เพียงให้เธอทำตามที่เธอพอใจ ผู้ชายมักอ่อนแอกับสาวสวยอย่างคาเอเดะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอพยายามอย่างจริงใจที่จะได้รับความรักของเขา มันจะดีที่สุดถ้าน้องสาวของผมสามารถคว้าหัวใจของเขามาได้อย่างรวดเร็ว แต่แม้ว่าจะไม่ได้ผลในระยะสั้นตราบเท่าที่เธอสามารถติดต่อกับเขาได้ตลอดเวลา มันจะเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะกลายเป็นใกล้ชิดกับเขาได้เหมือนกัน"
"สรุปแล้ว เราควรใช้วิธีปกติ เราต้องตรงไปตรงมาและจริงใจและซื่อสัตย์ และแสดงให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจที่จะสร้างมิตรภาพกับเขา และเรายินดีที่จะช่วยเหลือเขาในเพราะความเป็นเพื่อนกับเขา นี้เป็นวิธีเดียวที่จะไม่ทำให้เกิดความรังเกียจกับเขา ถึงอย่างนั้นเราไม่สามารถเป็นแสดงความเป็นมิตรได้มากเกินไปมิฉะนั้นจะทำให้เขารำคาญเรา... วิธีการควบคุมเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ของเขากับผม? ผมจะทำให้ดีที่สุดและทำให้ทุกอย่างสมดุลเองครับ"
มิจิโร่ขมวดคิ้วขึ้น
"ถามถึงความรู้สึกของตัวเองเกี่ยวกับงาน... นี้ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกของแกเลยนะ ฮิซาชิ"
"เพราะผมรู้สึกว่างานนี้เป็นงานที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผม เพราะไม่มีใครในองค์กรของเราสามารถทำได้ดีกว่าผมอีกแล้ว แม้แต่กับคาเอเดะเนื่องจากเธอตกหลุมรักเขา ซึ่งจะส่งผลต่อความมีเหตุมีผลของเธอ แต่ที่สำคัญที่สุดคือผมค่อนข้างสนใจเขาด้วยเหมือนกัน... ถ้าเขาแต่งงานกับคาเอเดะในอนาคตและจะกลายเป็นผู้นำในอนาคตของกลุ่มจูมอนจิ... นั่นจะเป็นอนาคตที่ดีที่สุดแน่นอนที่ผมสามารถคาดการณ์ได้สำหรับเรา! "
ดวงตาของฮิซาชิเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย
มิจิโร่ก็ได้แต่ยิ้มเท่านั้น เมื่อได้เห็นท่าทางที่ไม่เหมือนใครของลูกชายคนเล็กของเขา
"แก... ทั้งแกและพี่ชายของแก... เหมาะกับการเป็นผู้สืบทอดเป็นผู้นำของกลุ่มจูมอนจินิน่า?"
"ผมเป็นแค่โอตาคุเท่านั้น ที่ผมอยากจะทำก็คือทำแค่บางครั้งบางคราว ลืมไปได้เลยเกี่ยวกับการทำงานให้หนักเหมือนพ่อ! และซาคิตะเองก็เป็นพวกโง่ แม้ว่าเขาจะรู้ถึงความจริงข้อนี้ก็ตาม คาเอเดะเอง... แม้ว่าเธอจะมีคุณสมบัติอยู่ แต่เธอยังขาดอยู่ในบางอย่าง และคนที่เธอรักอยู่ก็อาจเป็นผู้สมัครที่สมบูรณ์แบบ พ่อไม่คิดอย่างนั้นเหรอ เมื่อเปรียบเทียบกับผม ซาคิตะและคาเอเดะ เขารู้สึกไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำในอนาคตของกลุ่มของเราอย่างงั้นเหรอ? "
มิจิโร่ จูมอนจินึกถึงการกระทำของเซจิ ท่าทาง คำพูด ทัศนคติ ลักษณะ และสายตาของเขาก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยๆปรากฏบนใบหน้าของเขา
อันที่จริง ถ้าเขามีลูกชายคนอย่างเซจิ เขารู้สึกมั่นใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับอนาคตของกลุ่มจูมอนจิ
มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสนิทสนมกับเขาในระดับหนึ่ง แต่คุณไม่สามารถรู้มันได้โดยไม่ได้พยายาม
"งั้นฉันจะปล่อยให้มันขึ้นอยู่กับแก ฮิซาชิ ทำทุกอย่างที่แกทำได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้"
"ครับ พ่อ"
----------------------------------------
หลอกพระเอกตู!!