ตอนที่ 45 สรรเสริญดั่งดวงอาทิตย์
เอาจริงๆเซจิรู้สึกชื่นชมมิจิโร่ จูมอนจิเป็นอย่างมากที่จะหลอกใช้เซจิเพียงเพื่อประโยชน์ในการปกป้องเขตการดูแลของกลุ่มของเขาเอง แน่นอนว่ากลุ่มจูมอนจินั้นเป็นกลุ่มมาเฟียที่ทำกิจกรรมผิดกฎหมาย ไม่ใช่กลุ่มที่น่ายกย่อง แต่แม้แต่ในสังคมใต้ดินบางคนก็เป็นคนที่ชั่วโดยสมบูรณ์ ในขณะที่คนบางคนก็มีศีลธรรมและศักดิ์ศรีของตัวเอง
มันไม่ได้เหมือนกับว่ากลุ่มที่สองนี้จะมีคุณธรรมที่สูงส่ง แต่เซจิยังคงรู้สึกเคารพต่อคนที่ยังสามารถรักษาหลักจริยธรรมในสังคมได้เช่นกัน ผู้ที่อยู่ในเบื้องล่างของสังคม อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนชั่วร้ายเสมอไป แบบเดียวกับผู้ที่อยู่ด้านบนอาจไม่ได้เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับทุกคน นั่นมันก็เป็นเหตุผลเดียวกัน เพราะทุกคนเป็น... มนุษย์
เมื่อเผชิญหน้ากับพ่อมาเฟียที่กำลังก้มหมอบให้กับเขาเป็นครั้งที่สอง เซจิก็ยังคงเงียบอยู่เป็นระยะเวลานาน
'แม้ว่าคุณจะต้องการคำตอบจากฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันหรอกนะ ลุง... ' เขารู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับสถานการณ์พวกนี้ เขาควรจะหลอกมิจิโร่ จูมอนจิยังไงดี? เขาเองก็ไม่อยากทำลายความประทับใจของมิจิโร่ในตัวเขาซะด้วย
"ลุกขึ้นเถอะครับ คุณจูมอนจิ" อย่างน้อยที่สุดเขาต้องป้องกันไม่ให้มิจิโร่โกรธเคืองเขา
"ผม... รู้จริงๆบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดกับคุณได้มากแค่ไหน" เซจิถูคาง "ผมต้องกลับไปคิดถึงเรื่องนี้ทั้งหมดและ... พูดคุยกับคนอื่นๆ ถ้ามีบางอย่างที่ผมสามารถบอกให้คุณรู้ได้ผมจะติดต่อหาคุณ... แค่นี้พอหรือเปล่าครับ?"
ดวงตาของมิจิโร่ จูมอนจิเริ่มสว่างขึ้น ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น "ท่านฮารุตะ... ถึงแม้ว่าคุณจะถูกไล่ออกจากครอบครัวของคุณ ผมก็คิดว่ายังมีกฎที่คุณต้องปฏิบัติตาม ผมรู้ดีว่าอาจไม่สามารถถามคุณเกี่ยวกับสถานการณ์นี้และให้คุณจะบอกได้ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านฮารุตะอยากจะพิจารณาเรื่องต่างๆ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับผม แต่ผมจะ... รอข่าวจากคุณด้วยความจริงใจครับ... ผมขอร้องคุณล่ะครับ! " เมื่อพูดเสร็จแล้วเขาก็ก้มหัวอีกครั้ง
"ผมจะพิจารณาอย่างรอบคอบนะครับ" เซจิตอบได้เพียงแค่นี้เท่านั้น
และการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการของพวกเขาก็สิ้นสุดลง
...
ทาคาชิ โคบายาชิและโคเฮ วาตาริที่กำลังรออย่างเงียบๆในจุดเดียวกัน
ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปได้ไม่นานแล้ว แต่พวกเขาก็รู้สึกเหมือนว่าความคิดของพวกเขานั้นได้ผ่านพ้นไปเร็วมาก
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอะไรพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ความรู้สึกหมดหนทางพวกนี้และรู้สึกหงุดหงิด!
"เฮอ... โคเฮ เราเป็นอะไรกันแน่?" โคบายาชินั่งอย่างหดหู่และส่ายศีรษะอย่างหดหู่
"ทาคาชิ..."
"พวกเราเกือบจะแพ้และตายไปแล้ว ตอนที่สู้กันอยู่บนถนน... พวกเราถูกช่วยได้โดยเพื่อนร่วมชั้นของพวกเรา แต่เราขายเขาไป... และแม้ว่าเราจะตามเขามาที่นี้ เราก็ทำได้แค่ยืนอยู่ที่นี่ได้แบบโง่ๆเท่านั้น... ฉันไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ขนาดนี้มาก่อน! "
วาตาริซบลงเงียบๆที่ข้างๆเขา
"ไม่มีอะไรช่วยอะไรเราได้หรอก เรามันไม่มีประโยชน์จริงๆ เพราะเราไม่มีพลัง" เขาพูดมันออกมาเบาๆ
ถ้าพวกเขามีพลังแล้ว พวกเขาก็คงจะไม่ให้เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาฮาราโนะมาเกี่ยวข้องกับที่นี้ตั้งแต่แรก
"พลัง... อย่างงั้นเหรอ? ถ้าเรามีพลังล่ะก็... " ดวงตาของโคบายาชิส่องประกายไปด้วยสงที่อาจอธิบายได้
"ยังไงซะ ทำไมฮาราโนะถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น?"
'ฉันจะทำยังไง... ให้มีพลังมากอย่างฮาราโนะได้? เขาอายุเท่าๆกับพวกเราแท้ๆ แต่เขากลับมีทักษะการต่อสู้ที่ไม่สามารถจินตนาการได้'
คืนนั้นแบบเดียวกับความประทับใจที่เขาให้กับพวกเขาในวันนี้ได้ฝังลึกเข้าไปในความทรงจำที่ลึกที่สุดพวกเขา
โคบายาชิก็นึกได้ว่าฮาราโนะความสามารถใช้ความแข็งแกร่งเต็มที่ของเขาและสามารถที่จะหลบหนีออกจากคฤหาสน์นี้ได้ แม้ว่าทุกคนจะรุมโจมตีเขาก็ตาม
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ใช่เขาและวาตาริตามเขามาที่นี้ ไม่มีอะไรนอกจากเป็นภาระให้แก่เขางั้นเหรอ!?
เขาที่บังเอิญขายเพื่อนร่วมชั้นของเขาไปด้วยความประมาทของเขา และเขายังเห็นแก่ตัวและอยากจะมาด้วยกัน แต่เขากลับกลายเป็นคนไร้ประโยชน์... นี้เขามันไร้ค่าขนาดไหนกัน!
ทาคาชิ โคบายาชิได้กล่าวโทษตนเองในใจ
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่ามีอะไรผิดปกติกับชีวิตของเขา แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มได้เห็นชีวิตของเขาแล้ว
ข้างๆเขาคือโคเฮ วาตาริมีความคิดคล้ายๆกัน
อันธพาลทั้งสองยังคงนั่งด้วยท่าทางหดหู่ จนกระทั่งเซนโจ ฮาราโนะปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา
"ฮาราโนะคุง... นายโอเคไหม!?"
"โอ้... ผมสบายดี" เซจิโบกมือให้ทั้งสองคน "ผมได้คุยกับหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาแล้วนิดหน่อย"
นี้เขา... แค่คุยกับเจ้าพ่อมาเฟียงั้นเหรอ!?
โคบายาชิและวาตาริจะจินตนาการถึงสถานการณ์ตัวอย่างที่แปลกประหลาดได้หลายอย่าง
ตัวอย่างเช่น ชายหัวล้านที่มีรอยสักจำนวนมากบนร่างกายของเขาและหันหน้าไปเผชิญกับนักเรียนม.ปลายที่เงียบครึมและเกิดการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัว... และอื่น ๆ
"แม้ว่าผมจะบอกว่ามันไม่จำเป็น แต่เขาก็ยืนยันที่จะชวนเราไปทานอาหารเย็นด้วย ดังนั้นเรามาพักอยู่ที่นี้กันอีกสักหน่อยและสนุกกับมื้ออาหารของเรากันไหม" เซจิยิ้มให้ทั้งสองคน
เขาได้ทำความรู้จักกับเจ้าพ่อมาเฟียหลังจากที่มีการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวถึงตายแล้วงั้นเหรอ!?
โคบายาชิและวาตาริเหลือบไปมองด้วยความอึดอัดใจ ในขณะที่จินตนาการของพวกเขาได้คิดไปไกลแล้ว
เซจิไม่ได้เข้าใจความคิดของพวกเขา แต่ถ้าเขารู้ว่าเขาคงจะมีความเห็นที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับพวกเขาแน่
ทั้งสามคนถูกนำตัวไปที่ห้องโถงใหญ่ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างสง่างาม แต่ขาดเก้าอี้
เซจิถูกนำตัวไปที่สุดขอบโต๊ะซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับคนสำคัญที่สุด ในขณะที่ โคบายาชิและวาตาริถูกจัดให้นั่งข้างขวาของเขา
พักต่อมามิจิโร่ จูมอนจิก็ได้เข้ามาและต้อนรับเซจิด้วยความเคารพ ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆเซจิที่เบาะนั่งอื่นๆที่สงวนไว้สำหรับคนที่นับถือมากที่สุด
นี้คือเจ้าพ่อมาเฟียงั้นเหรอ? รูปลักษณ์ของมิจิโร่ จูมอนจินั้นได้ทำลายจินตนาการของโคบายาชิและวาตาริทั้งหมดออกไปอย่างรวดเร็ว
ข้างหลังของมิจิโร่ จูมอนจิคือคาเอเดะรวมถึงชายที่มีผมสีบลอนด์ที่ยุ่งเหยิงและตัวโค้งเล็กน้อย
ชายคนนี้สวมเสื้อปกติและกางเกงหลวมๆ ซึ่งทำให้เขาดูคล้ายคนธรรมดาและดูเหมือนว่าเขาจะหล่อมาก ถึงอย่างนั้นแว่นตาคู่ดำของเขารวมกับท่าทางที่ง่วงนอนและคอบตาที่ดำมืดใต้ตาของเขา ทำให้เขาดูน่าอนาถมากกว่าจะหล่อ
มันเกือบจะน่าตลกเกี่ยวกับเพื่อนคนนี้ที่เดินอยู่ด้วยกันกับสาวสวยที่ส่องประกายสดใส
ทั้งสองเดินเข้ามาและนั่งลงตรงข้ามจากวาตาริและโคบายาชิ
"ท่านฮารุตะคงคุ้นเคยกับคาเอเดะแล้วใช่มั้ยครับ นี้เป็นลูกชายของผม ฮิซาชิ จูมอนจิ ผมต้องขออภัยที่เขาขาดความเคารพด้วยนะครับ เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ" มิจิโร่ถอนหายใจ
เขาชอบที่จะปล่อยให้ลูกชายคนโตซาคิตะเข้าร่วมกับพวกเขา แม้ว่าซาคิตะจะเป็นคนงี่เง่า แต่ซาคิตะก็ให้ภาพลักษณ์ที่ดีได้ แต่ลูกชายบ้านั้นของเขานั้นกำลังนอนอยู่ในโรงพยาบาล... ดังนั้นเขาจึงต้องให้ฮิซาชิลูกชายคนสุดท้องเข้าร่วมกับพวกเขาแทนเพื่อให้มีคนมากพอ
สำหรับลูกชายคนสุดท้องของเขา มิจิโร่รู้สึกหมดหนทางเมื่อคิดถึงเขา การปรากฏตัวของลูกชายคนสุดท้อง และความเฉลียวฉลาดของเขาทั้งสองถือเป็นที่สุด มันไม่สำคัญกับเขาว่าลูกชายของเขาอ่อนแอทางร่างกาย แต่ยุคนี้มันขึ้นอยู่กับสมองมากกว่ากล้ามเนื้อ
เขายังคงลูกชายของเขาและสนุกกับงานอดิเรกที่ค่อนข้างแปลก และผันตัวเองไปในทางนั้น จนมาเป็นเขาในวันนี้
มิจิโร่เคยถามลูกชายหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ลูกชายของเขาก็ยังคงทำตามที่เขาพอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าลูกชายคนสุดท้องของเขามีส่วนร่วมในแบบตัวเองให้กับองค์กร เขาคงจะเตะลูกชายของเขาออกไปนานแล้ว!
'นี้เป็นแค่การทานอาหารร่วมกันเท่านั้น มันคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อหน้าท่านฮารุตะหรอกน่า... ' มิจิโร่คิด
แต่เมื่อจ้องมองของเขาที่เดินผ่านท่านฮารุตะ เขาสังเกตเห็นว่าเขากำลังเฝ้ามองลูกชายคนเล็กของเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด
"คุณฮิซาชิ จูมอนจิ… ใช่มั้ย?" เขามองไปที่เซจิมากขึ้น ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเขาคิดบางเรื่องถูก "ผมมีคำถามที่ผมอยากถามจะคุณซักหน่อย ... "
"โอ้?" ฮิซาชิ จูมอนจิรู้สึกประหลาดใจและในที่สุดเขาก็ได้หันหน้าไปทางชายหนุ่มในที่นั่งแบบทับเข่าเป็นครั้งแรก
ช่วงเวลาที่พวกเขาได้สบตากันมีประกายราวกับว่าทั้งสองคนได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง [ดูมัน... ยังกะสายเหลือง]
มีคำถาม?
มิจิโร่รู้สึกประหลาดใจและคาเอเดะที่อยู่ข้างๆเขาก็ประหลาดใจเช่นกัน
โคบายาชิและ วาตาริยิ่งสับสนมากกว่าที่เคยเป็นมา
พวกเขาเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก! แล้วอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการถามกันแน่?
"เมื่อเทียบกับไอเลเลีย เลย์ล่าเหมาะดีกว่าที่จะเป็นรักแท้ของซะไปโร่จริงไหม คุณเห็นด้วยใช่มั้ย"
ความเงียบปกคลุมทั่วโต๊ะ
ขณะที่มิจิโร่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดวงตาของฮิซาชิซึ่งดูเหมือนจะน่ากลัวอย่างฉับพลัน และเขาก็ตบไปที่โต๊ะด้วยความโกรธและลุกขึ้น!
"ผิดแล้ว!!!"
เขาแทบจะตะโกนไปสุดปอดของเขาเลย
"แม้ว่าเลย์ล่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในตอนล่าสุด และถึงแม้ไอเลเลียเองจะยังไม่ได้รับความสนใจก็ตาม แต่ไม่ว่านายจะมองจากมุมมองของอาจารย์พีชหรือมุมมองของซะไปโร่ก็ตาม ไอเลเลียนั้นคือรักแท้แน่นอน! "
"ตอนล่าสุดเป็นเพียงวิธีที่จะใช้สร้างเรื่องราวที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในอนาคตเท่านั้น! แม้ว่าเลย์ล่าจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจเมื่อเร็วๆนี้ แต่เธอก็ยังคงหินให้ไอเลเลียก้าวเหยียบไป แม้มันจะเรื่องที่โหดร้ายเล็กน้อย แต่นั่นคือความจริงและทิศทางของเรื่องในปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้เช่นกัน... เลย์ล่าจะหายตัวไปจากเรื่องราวในขณะที่ซะไปโร่และไอเลเลียจะได้พบรักกัน และไปถึงจุดสำคัญที่สุดของเรื่องราว! "
"ไอ้พวกโง่ที่เชื่อในเลย์ล่าจนถึงตอนนั้นก็จะพบว่าสิ่งที่พวกเขาเชื่อนั้นเป็นเพียงเชื้อเพลิงชั่วคราวให้แก่ผู้เขียนเท่านั้น! ในฐานะหนึ่งในกองอวยของกลุ่มไอเลเลีย ฉันจะประสบความสำเร็จภายใต้การนำของพระแม่ผู้สร้าง อาจารย์พีช!"
ฮิซาชิยกมือขึ้นไปในอากาศขณะที่คุกเข่าลงบนเข่าหนึ่งในท่าทางที่ดูเหมือนว่าเขากำลังสรรเสริญดวงอาทิตย์ ขณะที่เขาตะโกนขึ้นไปในอากาศ
ทุกคนที่อยู่ที่โต๊ะก็ถูกทำให้เงียบโดยคำพูดที่หลงใหลของฮิซาชิ
ดวงตาของมิจิโร่เบิกกว้างอย่างตกใจ ขณะที่คาเอเดะจับหน้าผากและถอนหายใจ โคบายาชิและวาตาริไม่มีความคิดเห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น
เซจิเองก็ไม่สามารถที่จะอดหัวเราะได้อีกต่อไปแล้ว
เขารู้ว่า เขาพูดถูก!
ผู้ชายคนนี้ฮิซาชิ จูมอนจิลูกชายคนสุดท้องของเจ้าพ่อมาเฟียคือโอตาคุอย่างแท้จริงและเป็นสิ่งที่ไม่อาจลบล้างได้!