ตอนที่แล้วGE64 ตายไปพร้อมกับข้า [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE66 ภูติผีทาส [ฟรี]

GE65 ปลอมเป็นซัวหมิง มุ่งหน้าสู่เผ่าคราม [ฟรี]


ส่วนที่ 3 ของป่าเป็นป่าไผ่สูงตระหง่านกินพื้นที่หลายร้อยลี้ ทิวทัศน์โดยรอบงดงาม แต่นั่นเป็นเพียงภาพลวง ไม่มีผู้ใดกล้าย่างย่างกราย เพราะที่นี่ มีภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำอยู่

ที่แห่งนี้ไม่ใช่สรวงสวรรค์ แต่เป็นขุมนรก!

ด้วยกฏของข่ายอาคมที่สร้างป่าแห่งภูติพราย ส่วนที่ 3 ของป่านี้จึงมีภูติผีที่มีสติปัญญา พวกมันรับคำสั่งของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ให้ออกสำรวจทั่วป่าเพื่อตามหาบุคคลสองคน

คนแรกคือองค์หญิงเหม่ยที่ขโมยสมบัติของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ไป แม้ภูติผีที่รับคำสั่งจะหวาดกลัวนาง แต่ยามนี้นางบาดเจ็บ ย่อมไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้

คนที่สองคือคนที่สังหารปีศาจกระดูกขาว! และตามที่จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่สัมผัสได้ ผู้ที่สังหารเป็นมนุษย์ เป็นผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม!

คำสั่งของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่เทียบเท่าคำสั่งตาย!

บริเวณป่าแห่งหนึ่ง... แสงสีทองเป็นประกายวาบผ่าน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำนำกำลังตามล่าบางคน ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเหล่านี้ แข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำในโลกภายนอก

บนยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง... หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพอย่างระมัดระวัง เพื่อหลอกล่อภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำที่กำลังไล่ล่าเขาไปอีกทาง

เมื่อครู่เขาซ่อนตัวอยู่ใต้แม่น้ำและเข้าจู่โจมภูติผีอย่างรวดเร็ว เมื่อสังหารมันได้เขาก็ชิงมุกภาวนามา แต่การสังหารเมื่อครู่ทำให้เกิดเสียงดัง ภูติผีตัวอื่นๆจึงทราบและตามล่าเขา

สังหารภูติไป 1 ตัว แต่กลับถูกภูติผีจำนวนมากตามล่า เรื่องนี้ผิดปกติ เพราะหนิงฝานไม่เชื่อว่าภูติจะแก้นแค้นให้กัน

หนิงฝานนำมุกภาวนาของภูติผีที่เพิ่งสังหารออกมา จากนั้นจึงอ่านความทรงจำของมัน

ภูติผีตัวนี้มีนามว่า ‘ซัวหมิง’ เป็นภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่มันมีชีวิตนั้นเลือนลาง แต่ในยามที่มันกลายเป็นภูติผี ความทรงจำกลับชัดเจน

ในส่วนที่ 3 ของป่าประกอบด้วย 15 เผ่า... ในจำนวนนั้น มี 3 เผ่าที่รวมตัวเพื่อต่อต้านคำสั่งของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ และผู้ที่ตามล่าหนิงฝานอยู่นี้ เป็นอีก 12 เผ่าที่เหลือ

“ปีศาจในขอบเขตไร้แบ่งแยก...จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่! เหตุที่เผ่าทั้ง 12 ไล่ล่าข้าเพราะคำสั่งของมัน!” แววตาของหนิงฝานเย็นชาพลางอ่านความทรงจำของมันต่อไป

ซัวหมิงผู้นี้หยิ่งในศักดิ์ศรี มันจึงได้ปฏิเสธการเข้าร่วมกับ 12 เผ่าที่เหลือและออกเดินทางพียงลำพัง และสุดท้ายก็ถูกหนิงฝานสังหาร

ในความทรงจำของซัวหมิง ภูติผีในแต่ละเผ่าเก็บมุกภาวนาเอาไว้มากมาย มุกภาวนาเหล่านั้นเก็บไว้เพื่อสร้างสมบัติที่ทรงพลังให้พวกมัน

เมื่ออ่านความทรงจำของซัวหมิงในมุกภาวนาเสร็จ จิตวิญญาณของมันในนั้นก็สูญสลายไป ยามนี้ หนิงฝานจึงเริ่มขบคิดบางสิ่ง

การสังหารภูติผีในส่วนที่ 3 ของป่ามีความเสี่ยงสูง หากเที่ยวท่องไปทั่วทุกที่ อาจถูกพวกมันจับตัว และหากสังหารพวกมันสักตน ภูติผีตัวอื่นๆจะรู้และออกไล่ล่าเขา

ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะอำนาจของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ เพียงคำสั่งของมันไม่กี่คำ ภูติผีมากมายนับไม่ถ้วนก็พร้อมจะถวายชีวิตให้

ดูเหมือนหนิงฝานจะอยู่ในส่วนที่ 3 ของป่าแห่งนี้ไม่ได้... หรือเขาจะกลับไปล่าสังหารภูติผีในส่วนที่ 2 ของป่าเหมือนเดิม?

ในกระเป๋าของหนิงฝานมีมุกภาวนาของภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณมากมาย ตั้งแต่ที่สัมผัสเทพของเขาบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง เขาพบว่า มุกภาวนาเหล่านี้เริ่มไม่เป็นประโยชน์กับตน

หากกลับไปยังส่วนที่ 2 ของป่าและรอจนจบการทดสอบอาจปลอดภัยกว่า แต่นั่นไม่อาจทำให้สัมผัสเทพของตนบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม

ขณะที่หนิงฝานขบคิดและได้ความคิดบางอย่าง... ‘ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว’!

หากตนเองปลอมเป็นตัวเป็นซัวหมิงแล้วไปยังเผ่าของภูติผีสักแห่ง จากนั้นช่วงชิงมุกภาวนาและสมุนไพรของพวกมัน...

อย่างน้อยหนึ่งเผ่าก็เก็บมุกภาวนาไว้หลายร้อยเม็ด มุกภาวะนาจำนวนนั้นเพียงพอให้สัมผัสเทพของหนิงฝานบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง!

หนิงฝานรู้ตระหนักถึงระดับพลังของตนดี ด้วยเวลาการทดสอบที่เหลือ ต่อให้เหม่ยเฉินช่วยเหลือก็สังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำได้เพียงไม่กี่ตน มิหนำซ้ำยังจะถูกพวกมันตามล่า

หากเอาชัยได้โดยไม่ต้องสู้ วิธีนั้นย่อมดีที่สุด!

ขณะที่หนิงฝานขบคิด เขาก็กล่าวกับเหม่ยเฉินที่ซ่อนตัวอยู่ในอาภรณ์ “ทมิฬน้อย ข้าต้องการปลอมเป็นภูติผีเพื่อชิงสมบัติของพวกมัน”

เมื่อนางได้ยินคำกล่าวของหนิงฝาน นางถึงกับขนลุกซู่พลางกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “เจ้ามันบ้า! เจ้าเป็นมนุษย์จะปลอมเป็นภูติผีได้อย่างไร? เจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือ? หากเจ้าไปเผ่าของพวกมัน ต่อให้เป็นเผ่าที่ด้อยที่สุด ก็ย่อมมีภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดไม่ต่ำกว่า 10 ตน หากพวกมันร่วมกันสังหารเจ้า... เจ้าไม่มีทางรอดแน่ เจ้าโง่!!”

“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล ข้ามีวิธีอำพรางความเป็นมนุษย์”

“ผู้ใดกังวลกับเจ้า? ข้าเพียงกลัวว่าเจ้าพาข้าไปตายเท่านั้น!” นางขดปากพลางกล่าว

“...เช่นนั้นก็ระวัง...อย่าได้ตายเด็ดขาด”

หนิงฝานยิ้มเล็กน้อย สัมผัสเทพแผ่ออกจากร่าง เปลี่ยนให้ร่างกายของเขาแผ่กลิ่นอายของภูติผีออกมา เพียงแต่ระดับพลังยังคลุมเครือ มองเห็นไม่ชัด

บ้างดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง บ้างดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง

หนิงฝานใช้วิชาลับสัมผัสเทพที่ 2 วิชาลับสัมผัสลวง เป็นการแผ่กลิ่นอายของร่างวิญญาณปกคลุมร่างจริง ทำให้ดูคล้ายภูติผี แต่ไม่อาจแสดงพลังในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง และไม่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนได้

“ตั้งแต่ข้าเข้ามาส่วนที่ 3 ของป่า ไม่มีภูติผีตนใดจดจำใบหน้าข้าได้ เจ้าซัวหมิงเองก็มักจะออกเดินทางอย่างอิสระ จึงไม่มีผู้ใดรู้จักมันเช่นกัน”

แม้หนิงฝานจะปลอมกลิ่นอายของตนได้ แต่ยังไม่สามารถปลอมระดับพลังและใบหน้า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

ผู้ที่รู้จักซัวหมิงมีอยู่เพียงหยิบมือ หรืออาจกล่าวได้ว่า แทบไม่มีผู้ใดเคยพบมัว

เพียงแต่ระดับพลังอาจเป็นปัญหาอยู่บ้าง ซัวหมิงเป็นภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น แต่ร่างวิญญาณของหนิงฝานกลับมีพลังระดับแก่นทองคำขั้นกลาง

แต่ถึงอย่างนั้น ปัญหาใหญ่ที่จะทำให้การปลอมเป็นซัวหมิงบกพร่องคือเหม่ยเฉิน! เพราะนางเป็นสัตว์อเวจี ความแข็งแกร่งของนางเป็นที่หวาดกลัวต่อภูติผี ทำให้พวกมันสัมผัสถึงตัวตนของนางได้ง่าย ดังนั้น หนิงฝานต้องเก็บนางไว้ในแหวนชั่วคราว

หนิงฝานนำกระเป๋าของซัวหมิงขึ้นมา ในนั้นมีมุกภาวนาที่ถูกแปรสภาพเป็นสมบัติวิญญาณอยู่ 2 ชิ้น ชิ้นแรกคือโล่สีดำขนาดเล็ก นามว่า ‘โล่กระดูกโลหะ’ อีกชิ้นคืออาวุธลับนามว่า ‘เล็บบัวทมิฬ’ ทั้งสองชิ้นเป็นสมบัติขั้นกลาง

นอกจากสมบัติแล้วยังมีแผ่นไม้ที่สลักชื่อซัวหมิงเอาไว้ ราวกับเป็นเหรียญตราประจำเผ่า

ด้วยสมบัติทั้งหมดที่มี หากนำเหม่ยเฉินเข้าไปในแหวนได้ หนิงฝานย่อมปลอมตัวเป็นซัวหมิงได้อย่างแนบเนียน กระทั่งช่วงชิงมุกภาวนาจำนวนมากได้ และเมื่อนั่น สัมผัสเทพของเขาจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง

หนิงฝานกล่าวกับเหม่ยเฉิน “ข้าจะแอบเข้าไปขโมยมุกภาวนาของพวกมัน และเพื่อให้ปลอดภัยที่สุด ข้าเลือก ‘เผ่าเขี้ยว’ นั่นเป็นเผ่าที่อ่อนด้อยที่สุด หากในนั้นมีสมุนไพรและมุกภาวนา สมุนไพรเป็นของเจ้า มุกภาวนาเป็นของข้า หากข้าถูกพวกมันพบตัว ข้าจะหนีทันที หรือหากมีโอกาส ข้าจะทำลายเผ่าของพวกมัน”

นางขมวดคิ้ว เพราะหนิงฝานไม่มีช่องว่างเหลือนางปฏิเสธ

ลอบเข้าเผ่าเพื่อช่วงชิงมุกภาวนา... ในเมื่อหนิงฝานต้องการ เหตุใดนางจะยับยั้งเขาได้? ยิ่งเมื่อได้ยินว่าหากมีโอกาสจะทำลายเผ่าเขี้ยว นางยิ่งแทบจะร่ำไห้

“เจ้าไปเผ่าเขี้ยวไม่ได้...”

“เพราะเหตุใด?” หนิงฝานขมวดคิ้ว หรือนางจะเกี่ยวพันธ์กับเผ่านี้

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ เผ่าเขี้ยว.. เผ่าม่วง.. และเผ่าแดง.. สามเผ่านี้เจ้าไปไม่ได้เด็ดขาด! พวกมันเคยเป็นข้ารับใช้ของข้า...แม้ยามนี้จะทรยศข้าแล้วก็ตาม...” นางกล่าวอย่างแผ่วเบา แววตาปรากฏความเศร้า

เผ่าเขี้ยวเป็นเผ่าที่อ่อนด้อยที่สุดและเล็กที่สุด หากหนิงฝานเลือกลงมือกับมัน อัตราความสำเร็จและความปลอดภัยจะมีมากที่สุด แต่ความโศกเศร้าของนางกลับทำให้หนิงฝานหวั่นไหว และต้องเปลี่ยนแผน

อารมณ์ของสตรีนางนี้ช่างซับซ้อน เรรวน... หวาดกลัว... เขินอาย... ไม่สมเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก แต่ถึงอย่างไร หนิงฝานกลับชื่นชอบที่นางเป็นเช่นนี้ นางดูราวกับสหายคนสนิท ดูราวกับผูกพันกันมานาน เช่นนั้นแล้ว หนิงฝานจะไม่ยอมให้นางได้รับใดอันตรายใดๆ

“เอาหล่ะ... ข้าจะไม่ลงมือสมเผ่าที่เจ้าว่า ข้าจะเปลี่ยนไปลงมือกับ ‘เผ่าคราม’ แทน ที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุดอยู่ 11 ตน หากข้าระวังย่อมไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น”

“ขะ...ขอบคุณ แต่หากเจ้าปลอมเป็นภูติผีแล้ว...ข้า...จะซ่อนตัวอยู่ที่ใด? หรือให้ข้ารออยู่ในนั้น?” นางจ้องมองหนิงฝานทั้งใบหน้าแดงก่ำ นางรู้ว่าแหวนวงนั้นคืออะไร มันไม่ใช่สมบัติวิญญาณที่ใช้เก็บสิ่งของ แต่ใช้สำหรับเก็บกระถางขัดเกลาโดยเฉพาะ...ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะมีสตรีในครอบครองมากมาย

“เจ้าจะถามในสิ่งที่รู้แล้วเพื่อเหตุใด...”

หนิงฝานเย้าหยอกนางพลางจ้องมองมุกภาวนาในมือ ยามนี้ร่างของซัวหมิงสูญสลายไป เหลือเพียงมุกภาวนานี้

ภายในมุกภาวนามีเส้นสายโลหิตจำนวนมาก เส้นโลหิตเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง ทั้งภายในยังอัดแน่นด้วยพลังชั่วร้าย จนทำให้จิตใจของหนิงฝานสั่นสะท้าน หากจะนำพลังชั่วร้ายของมุกภาวนาเม็ดนี้ออกไป หนิงฝานต้องเปลี่ยนให้มันกลายเป็นโอสถเสริมวิญญาณ เขาจึงจะดูดซับพลังของมันได้

ในเมื่อไม่มีโอสถระดับสูงที่ช่วยยกระดับพลังวิญญาณ หนิงฝานจึงต้องออกตามหามุกภาวนาในขอบเขตแก่นทองคำแทน

เพราะยามนี้ โอสถเสริมวิญญาณที่ปรุงขึ้นด้วยมุกภาวนาในขอบเขตประสานวิญญาณ ไม่เป็นประโยชน์กับเขาแล้ว

ขณะขบคิด สีหน้าของหนิงฝานพลันแปรเปลี่ยน เขาเร่งนำเหม่ยเฉินเข้าสู่แหวนโดยไม่อธิบาย

นางเปล่งเสียงอุทานด้วยความตกใจแต่ไม่อาจตอบสนองต่อการกระทำได้ทัน กระทั่งยามนี้ นางปรากฏตัวยังสถานที่งดงามแห่งหนึ่ง

“ข้าเกลียดเจ้า! เจ้าเก็บข้าไว้ในแหวนจริงๆ! ฮึ่ม!”

ไม่นานนัก สมุนไพรพันปีจำนวนมากก็ร่วงหล่นใส่นางราวกับห่าฝน พร้อมกับเสียงของหนิงฝานดังขึ้น

“เจ้าอยู่ในแหวนกระถางขัดเกลาของข้าก่อน... กินสมุนไพรเหล่านั้นแล้วเร่งฟื้นฟูพลัง หากเจ้าบรรลุถึงขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดเมื่อใด เจ้าต้องช่วยข้า ยามนี้มีคนกำลังมุ่งหน้ามา พวกมันอาจติดตามกลิ่นอายของเจ้า”

คำกล่าวของหนิงฝานทำให้สีหน้าของนางแปรเปลี่ยน นางหวาดกลัวและรู้ว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆได้ติดตามมา

ตั้งแต่นางเข้าสู่แหวนของหนิงฝาน นางคงร่างสัตว์อเวจีได้อย่างยากลำบาก กระทั่งยามนี้ นางกลับคือสู่ร่างมนุษย์

“คาดไม่ถึงว่าข้าเหม่ยเฉิน จะต้องเข้ามาอยู่ในแหวนกระถางขัดเกลาจริงๆ... เจ้าบ้า เจ้าอยากให้ข้าเป็นกระถางขัดเกลาของเจ้า! เจ้าคิดจะดูดซับพลังของข้าใช่หรือไม่?”

ไม่นานนัก ชุดคลุมของหนิงฝานก็ร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

แม้นางจะเกลียดกลิ่นตัวของหนิงาน แต่นางต้องจำใจสวมใส่ นางไม่อยากอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าให้หนิงฝานได้แอบมองเช่นนี้

แต่เมื่อนางมองสมุนไพรจำนวนมากที่วางเกลื่อนอยู่ทั่ว อารมณ์ของนางก็ดีขึ้น

“ไว้ข้าบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดเมื่อใด ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้เข็ด!” นางนั่งลงในทุ่งหญ้าพลางกินสมุนไพรอย่างเอร็ดอร่อยกระทั่งเปื้อนไปทั้งปากของนาง

“สมบัติโบราณชิ้นนี้พิศวงนัก เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นด้วยตาตนเอง แต่ทุกสิ่งช่างพร่ามัว ไม่ชัดเจน...” อารมณ์ของนางค่อยๆดีขึ้น แต่เมื่อนางมองไปรอบๆ แววตาของนางกลับเผยความสงสัย

สมบัติสวรรค์เช่นนี้...หนิงฝานได้มาอย่างไร...

ที่โลกภายนอก หนิงฝานกำลังขมวดคิ้ว

ที่ตีนเขา มีกลิ่นอายที่ทรงพลังหลายสายกำลังมุ่งหน้าขึ้นมา พวกมันไล่ล่ากลิ่นอายของเหม่ยเฉิน

“บนนั้นมีกลิ่นอายขององค์หญิงเหม่ยอยู่ ไปฆ่ามัน!”

ผ่านไป 2 ลมหายใจ ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำกว่า 60 ตนปรากฏตัวและเข้าล้อมหนิงฝาน

แต่เมื่อพวกมันมาถึง กลิ่นอายขององค์หญิงเหม่ยกลับหายไปทำให้พวกมันงุนงง พวกมันไม่เห็นเงาร่างขององค์หญิงเหม่ย... หรือนางจะหายไป?

ชายชราที่สวมหมวกโครงกระดูกจ้องมองหนิงฝาน แม้มันจะเห็นหนิงฝานเป็นภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง แต่มันกลับไม่คุ้นหน้า จึงเริ่มเกิดข้อสงสัย

“ข้าคือผู้อาวุโสใหญ่แห่ง ‘เผ่ากระดูก’ นาม ‘กู่โม่ เจ้าเป็นคนของเผ่าใด? ชื่อเสียงเรียงนาม? แล้วเจ้าเห็นองค์หญิงเหม่ยหรือไม่?”

ชายชรากล่าวถาม มันเป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งก้าวบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม เป็นผู้อาวุโสใหญ่เผ่ากระดูก มันกล่าวอย่างเย่อหยิ่งและไม่เห็นหนิงฝานอยู่ในสายตา

ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง... แค่ยกมือมันก็สังหารได้แล้ว หากไม่เพราะต้องกล่าวถามเรื่ององค์หญิงเหม่ย มันคงไม่สนใจหนิงฝาน

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่จู่โจม หนิงฝานก็แอบยิ้มในใจ ดูเหมือนการปลอมเป็นภูติผีจะลุล่วงไปได้ด้วยดี กระทั่งภูติผีอีกครั้งก้าวบรรลุดวงจิตแรกเริ่มยังมองไม่ออก

หนิงฝานแกล้งป้องมือคารวะ ร่างกายสั่นเทา และกล่าวด้วยความหวาดกลัว

“ผู้เยาว์มีนามว่าซัวหมิง ข้าออกเดินทางอย่างอิสระ แต่เคยอยู่เผาภูติผีมาก่อน...”

“กล่าวให้ได้ใจความ! ข้าไม่สนใจพื้นเพของเจ้า! บอกมาว่าเห็นองค์หญิงเหม่ยหรือไม่?” เมื่อได้ยินนามว่าซัวหมิง ชายชราประหลาดใจ แต่ก็ยังชักสีหน้าร้อนใจใส่หนิงฝาน

“ขออภัยในความโง่เขลา... เมื่อครู่ข้าเห็นเงาร่างสายหนึ่งมุ่งไปทางทิศเหนือ... แต่ข้าเห็นเงานั่นไม่ชัดนัก แต่จากที่ผู้อาวุโสกล่าว บางทีเงาร่างนั่นอาจเป็นองค์หญิงเหม่ย!” หนิงฝานแกล้งทำหน้าซีด ร่างกายสั่นเทาอย่างรุนแรง

“ดี! นั่นอาจเป็นนาง! ส่วนตัวเจ้าหวาดกลัวเกินเหตุ! ‘หากพยัคฆ์ไม่เผยเขี้ยว...ย่อมไม่อาจสร้างชื่อ’ นางบาดเจ็บสาหัส ระดับพลังสมควรด้อยกว่าขอบเขตแก่นทองคำ หากเจ้ากล้าหาญมากกว่านี้ อาจกำจัดนางได้ น่าเสียดายที่เจ้าขลาดเขลา!”

ชายชราแค่นเสียงและไม่สนใจหนิงฝานอีก ในสายตาของมัน หนิงฝานเป็นเพียงกระต่ายน้อยที่หวาดกลัว ระดับพลังต่ำ กลิ่นอายผันผวนไร้ค่า มันจึงเร่งนำผู้เชี่ยวชาญตนอื่นๆมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือทันที

เมื่อชายชราจากไป หนิงฝานก็คืนสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิม

“เผ่ากระดูก... เผ่าที่แข็งแกร่งอันดับ 1 ใน 3 ของทั้ง 15 เผ่า คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะแข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงกับมีผู้เชี่ยวชาญอีกครึ่งก้าวบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม หากพวกมันอยู่ในแคว้นเยว่คงไร้ผู้ต้าน แต่เมื่ออยู่ในป่าแห่งภูติพรายแห่งนี้ มันกลับเป็นได้เพียงผู้อาวุโสใหญ่”

ในส่วนที่ 3 ของป่านี้ ระดับพลังของภูติผีแข็งแกร่งกว่าแคว้นเยว่มากนัก และหากเป็นภูติผีในส่วนที่ 4 ของป่า พวกมันคงทำลายทั้งแคว้นเยว่ได้อย่างง่ายดาย

แล้วหากเป็นส่วนที่ 5... 6... และ 7 ของป่า... ภูติระดับนั้นย่อมแข็งแกร่งเกินบรรยาย

แต่ยั่วยุจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่แล้วอย่างไร?! แม้หนิงฝานจะเป็นเพียงผู้เยาว์ แต่หากมีโอกาส เขาย่อมสังหารมันอย่างไม่ลังเล

“หากสัมผัสเทพของข้าบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูง หากร่างวิญญาณของข้าและเหม่ยเฉินร่วมมือ ย่อมสังหารชายชรานั่นได้ไม่ยาก...”

หากชายชราเมื่อครู่ได้ยินคำกล่าวของหนิงฝาน มันคงตกตะลึง ผู้เยาว์ที่หวาดกลัวจนตัวสั่นเมื่อครู่กลับคิดจะสังหารมัน... ช่างหาญกล้านัก?

หนิงฝานมุ่งออกจากตำแหน่งเดิมไปยังทิศตะวันออก ที่นั่นมีแม่น้ำและลำธารมากมาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของเผ่าคราม เผ่าแรกที่หนิงฝานจะลงมือ

เผ่าครามมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น 1152 ตน มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง 449 ตน มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูง 124 ตน และมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงสุดอีก 11 ตน ไม่มีผู้เชี่ยวชาญที่ครึ่งก้าวบรรลุดวงจิตแรกเริ่ม

การจะเข้าร่วมเผ่าครามนับเป็นเรื่องง่าย เพียงต้องสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำของเผ่า เพื่อแย่งชิงสถานะของมันผู้นั้นมาครอง!...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด