ตอนที่ 42 กลุ่มจูมอนจิ
ในคืนนั้นทาคาชิ โคบายาชิรู้สึกเสียใจอย่างมาก ขณะที่จำคำพูดก่อนหน้านี้ของเขาได้
คนที่ช่วยพวกเขาไว้เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาและถ้าเขาเป็นเซนโจ ฮาราโนะจริงๆแล้วนั่นหมายความว่าเขาได้เปิดเผยตัวตนของคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้... ไม่ใช่ว่าเป็นการเนรคุณหรอกหรือไง!?
ในฐานะอันธพาลทาคาชิ โคบายาชิไม่ได้เป็นพวกมีคุณธรรม แต่เขามีหลักการของเขาด้วยเช่นกัน เขาจะไม่ขายคนที่เคยช่วยเขามาก่อน
แต่เขาก็พูดออกมาดังๆ โดยไม่ทันคิดและให้ข้อมูลไปหลังจากโดนออร่าครอบงำของเธอจากจากสาวผมบลอนด์
ดังนั้นเขาจึงอธิษฐานให้เซนโจ ฮาราโนะไม่ใช่คนที่เธอกำลังมองหา
ในวันจันทร์ระหว่างที่เรียนเขาได้สังเกตเห็นเซนโจ ฮาราโนะอย่างใกล้ชิดมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง และด้วยเหตุนี้... เขาจึงมั่นใจว่าเซนโจ ฮาราโนะต้องเป็นคนที่สวมหน้ากากที่พวกเขากำลังตามหาแน่!
เขาตกใจและหดหู่กับเรื่องนี้สุดๆ
เมื่อผู้หญิงผมบลอนด์โทรหาเขาและถามเขาเกี่ยวกับผลการสังเกตของเขาทาคาชิโคบายาชิก็บอกกับเธอโดยตั้งใจว่าเขาเข้าใจผิด
แต่บางทีทักษะการแสดงของเขาคงจะห่วยแตกจนน่าสงสารหรือไม่ก็ผู้หญิงผมบลอนด์นั้นก็ไม่เชื่อเขา เธอยังบังคับให้เขาแอบถ่ายรูปของฮาราโนะและส่งให้ไปเธอตัดสินใจเอง
ทาคาชิ โคบายาชิก็ทำได้แต่ต้องเชื่อฟังได้เท่านั้น
เขาเป็นเพียงแค่คนปกติ ถ้าเขาไม่เชื่อฟังพวกมาเฟีย พวกเขาก็มีวิธีมากมายที่จะลงโทษเขา... และนอกจากนี้แม้ว่าเขาจะเต็มใจที่จะต่อต้านด้วยตัวของพวกเขาเอง แต่ก็ไม่ยากที่พวกเขาจะได้รับข้อมูลที่พวกเขาต้องการ
เขาและโคเฮ วาตาริเป็นคนที่ไม่ได้สำคัญในแผนการอันยิ่งใหญ่ในชีวิตพวกเธอ พวกเธอจะได้รับประโยชน์เพราะพวกเขาใช้งานง่าย
ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเขาได้ส่งภาพของเซนโจ ฮาราโนะไป ต่อมาเธอก็ได้ยืนยันว่าฮาราโนะนั้นแหล่ะคือคนที่สวมหน้ากากนั้น
เธอสามารถยืนยันได้ในทันทีเพราะแค่ดูจากภาพในมือถืองั้นเหรอ!?
ทาคาชิ โคบายาชิรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้นเมื่อเขายืนยันได้ว่าหญิงสาวผมบลอนด์มีความสามารถขนาดไหน
ทุกๆสิ่งเกิดขึ้นไปตามธรรมชาติเท่านั้น โคบายาชิถูกขอให้นำเซนโจ ฮาราโนะไปยังที่ที่เธอร้องขอไว้ หรือจะให้ผู้หญิงผมบลอนด์คนนั้นพาลูกน้องของเธอและไปรออยู่ตรงหน้าโรงเรียน
หลังจากที่คิดแล้ว... อืม มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปคิดเลยนิ โคยายะชิและวาตาริต้องปฏิบัติตามเท่านั้น
...
"ผมเข้าใจแล้ว" เซจิที่ได้ฟังคำอธิบายของโคบายาชิและวาตาริเสร็จ
"ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆนะ ฮาราโนะคุง..." ทาคาชิ โคบายาชิกัดริมฝีปากของเขาอย่างเศร้าสร้อย "ถ้าผมไม่ได้พูดแบบนี้ไป มันก็คงจะไม่เกิด... "
"แม้ว่านายจะไม่ได้พูดออกไป ตราบใดที่พวกเขาค้นหาผมอย่างจริงจัง ผมก็อาจจะถูกเจอเข้าในไม่ช้าก็ได้" เซจิถอนหายใจ "ใช่มั้ยล่ะ คุณ... คาเอเดะ จูมอนจิ?"
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นจากทิศทางที่ผู้นั่งโดยสาร
"จริงๆแล้วแม้ว่าจะต้องใช้เวลาซักพักก็ตาม แต่สิ่งที่คุณสวมคือหน้ากากแบบง่ายๆและก็มีวิดีโอมากมายที่ถูกถ่ายไว้... "
"นายได้ยินที่เธอพูดไหม ไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก แม้ว่ามันจะทำให้ผมมีปัญหาอยู่บ้าง แต่นายก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นซะหน่อย ดังนั้นแล้วลืมเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปซะเถอะ " เซจิยิ้มให้กับโคบายาชิ
ทาคาชิโคบายาชิพยักหน้า แต่ข้างในเขาก็ยังรู้สึกอับอายอยู่ดี
"ยังไงก็ตาม โคบายาชิคุง นายก็ใช้ได้เหมือนกันนะ ผมไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยกับนายมาก่อน และถึงแม้ว่าผมจะสวมหน้ากากในคืนนั้นและพยายามจะพูดด้วยเสียงทุมๆ แต่นายก็ยังจำผมได้อยู่ดี "เซจิเปลี่ยนเรื่องเป็นการยกย่องเขา
"เอ่อ... มันก็ไม่มีอะไรพิเศษหรอก สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าผมเคยเจอนายที่อื่นมาก่อนนะ..." โคบายาชิเกาหัวของเขาแบบอายๆ
"ทาคาชิมักจะสังเกตเห็นพวกรายละเอียดยิบย่อยต่างๆนะ" โคเฮ วาตาริผู้ซึ่งยังคงนิ่งอยู่ก็พูดขึ้น
"โอ้... พวกนายมักจะอยู่ด้วยกันนิ แล้วพวกนายทำอะไรด้วยกันกันบ่อยๆล่ะ?"
เซจิตั้งใจเปลี่ยนหัวข้ออีกครั้งเพื่อลดความตึงเครียดของพวกเขาและยังช่วยให้ตัวเองยังคงสงบได้อีกด้วย
เซจิสงสัยว่าจริงๆ ว่าถ้าพวกเขาไม่ได้เป็นพวกอันธพาล และจะไปที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่และอ่านมังงะในร้านหนังสือกับเล่นเกมในศูนย์เกมทำไม กิจกรรมพวกนี้ทำให้พวกเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าทั้งคู่จะเป็นโอตาคุ!
พวกอันธพาลไม่อาจเป็นโอตาคุได้!
ขณะที่เซจิกำลังคิดอย่างนั้นอยู่และอยากจะถามเรื่องนั้น รถคันนี้ก็หยุดขึ้นมาในทันที
"เรามาถึงแล้ว" คาเอเดะ จูมอนจิประกาศออกมา
เซจิและคนอื่นๆลงจากรถ และได้เห็นประตูไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทามกลางในสายตา มันเป็นประเภทที่มักจะเป็นบ้านหลังใหญ่ที่เงียบสงบที่เขามักพบได้ในมังงะ
ประตูค่อยๆบานนั้นค่อยๆเปิดเข้าไปที่ด้านในและเห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีชายใส่สูทสีดำสองแถวเรียงรายไปทั้งทางด้านซ้ายและทางด้านขวาของทางเดินเพื่อสร้างบรรยากาศให้ดูน่าประทับใจ
"กรุณาเขามาเลยค่ะ" คาเอเดะพูดอย่างสุภาพกับเซจิขณะที่เธอเดินนำทาง
เซจิตามเธอไป
โคบายาชิและวาตาริเดินตามหลังเซจิ
หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านประตูไม้เข้าไปในลานขนาดใหญ่ ที่สุดของทางเดินเป็นคฤหาสน์ไม้แบบดั้งเดิมของเกาะซากุระ
"ยินดีต้อนรับสู่กลุ่ม จูมอนจิครับ!" x2
ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำทั้งสองข้างโค้งคำนับเข้าด้วยกันอย่างพร้อมเพรียงและตะโกนเสียงดังกึกก้องอยู่ในหูของพวกเขา
ฉากนี้อาจทำให้คนธรรมดาฉี่ราดกางเกงของพวกเขาเลยก็ได้
โคบายาชิและวาตารินั้นรู้สึกตึงเครียดเป็นอย่างมาก ในฐานะที่เป็นอันธพาลระดับต่ำ พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน
ถ้าเกิดอะไรขึ้น... บางที... พวกเขาคงไม่ได้มีโอกาสเห็นพรุ่งนี้แน่
ทั้งสองคนมีความคิดแบบเดียวกันและมองหน้ากันขณะที่เตรียมใจไว้พร้อม
หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์
เซจิที่ได้รับคำเชิญจากคาเอเดะเข้าไปในส่วนลึกของคฤหาสน์ขณะที่โคบายาชิและวาตาริถูกกั้นโดยพวกผู้ชายในชุดสูทบางคน
"พวกคุณรออยู่ที่นี้แหล่ะ"
นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาบอก
"ฮาราโนะ... " พวกเขามองไปทางเซจิ
เมื่อได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น เซจิก็หันไปมอง
"... ผ่อนคลายหน่อยสิ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ" เขาคิดถึงเรื่องนี้และตัดสินใจที่จะไม่ให้พวกเขามากับเขา ดังนั้นเขาจึงยิ้มให้พวกเขาและจากไป
โคบายาชิและวาตาริที่มองดูกันอย่างน่าอึดอัดใจ และพวกเขาก็ยังคงอยู่กับที่
ในที่สุดเซจิที่ถูกนำโดยคาเอเดะไปยังห้องที่ชมสวนได้
มีชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของเกาะซากุระ สำหรับเซจิแล้วมันดูคล้ายกิโมโนของญี่ปุ่นจากโลกก่อนหน้าของเขา ที่กำลังนั่งอยู่อย่างเป็นทางการในท่านั่งทับขา(Seiza)ถัดจากโต๊ะตรงกลางห้อง
มีม้วนกระดาษที่มีตัวอักษรต่างๆวางเรียงรายไปเต็มผนังห้องและกลิ่นของกระดาษนั้นได้ซึมผ่านไปทั่วอากาศโดยรอบ... ดูเหมือนเป็นห้องที่ใช้ศึกษาสินะ
"พ่อค่ะ เขามาแล้ว" คาเอเดะพูดประโยคนั้นอย่างใจเย็นให้กับชายวัยกลางคนอย่างสงบก่อนที่เธอจะยิ้มให้เซจิและทิ้งเขาไว้
เซจิได้พูดคุยกับชายวัยกลางคนคนนั้น
ชายวัยกลางคนคนนั้นมีดูเป็นคนที่เรียบร้อย แม้ว่าจะทีรอยย่นจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาก็ตาม แต่เขาก็สามารถบอกไดเลยว่าคนๆนี้ดูหล่อมากขนาดไหน เขาสวมแว่นตาที่ทำจากไม้สีเข้มและเขามีดวงตาสีฟ้าอ่อนที่ดูธรรมดาและแหลมคม
แทนที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่มมาเฟีย เขาดูคล้ายกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยมากกว่า ไม่ใช่พวกที่เป็นที่นิยมกับผู้หญิง นั่นเป็นความรู้สึกครั้งแรกที่เซจิรู้สึกได้ตอนเจอกับเขา
"ได้โปรดนั่งลงด้วย หนุ่มน้อย" ชายวัยกลางคนคนนั้นชี้ไปที่ที่นั่งตรงข้ามจากโต๊ะของเขา
เซจิมองไปที่โต๊ะนั้นจากนั้นก็เดินขึ้นไปและนั่งลงท่าไขว้ขา
เขาไม่รู้ว่าจะนั่งทับเข่ายังไง... แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องนี้จากชีวิตก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องที่อึดอัดมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะนั่งแบบชาวอินเดีย(นั่งธรรมดา)แทนเพราะรู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น
"ชื่อของฉันคือ มิจิโร่ จูมอนจิ"
หลังจากที่เห็นเซจินั่งลงชายคนนั้นก็ก้มหัวลงเล็กน้อยและเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ต่ำและมั่นคง
"คุณเซนโจ ฮาราโนะ สินะ ฉันขอโทษอย่างยิ่งที่ได้เชื้อเชิญคุณมาด้วยรูปแบบนี้ ลูกสาวและลูกชายของฉันทั้งคู่ทำให้คุณต้องลำบาก ดังนั้นฉันจึงต้องขออภัยในพฤติกรรมของพวกเขาด้วยเช่นกัน และขอแสดงความขอบคุณต่อความเอื้ออาทรของคุณที่ให้อภัยพวกเขาด้วย"
'... นั้นฉันเคยบอกว่าให้อภัยพวกนั้นไปตอนไหนกันฟ่ะ?' เซจิอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนี้
อืม ช่างมันเถอะ เขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากันทางคำพูด ดังนั้นเขาอาจจะยอมรับมันและทำตัวเป็นคนใจกว้าง
"ผมไม่ใช่คนใจกว้าง และผมเองก็ไม่ต้องการปัญหา " เซจิพูดอย่างสงบ "คุณมิจิโร่ จูมอนจิ... ใช่มั้ยครับ? คุณเชิญผมมาที่นี้แบบนี้... คุณต้องการคุยกับผมเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ?"