ตอนที่ 41 คำเชิญ
เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้
"ทำไมนายถึงมาที่นี้ด้วยล่ะ?" คาเอเดะ จูมอนจิยกขมวดคิ้วขึ้นและมองไปที่ชายผมแดง
ชายผมแดงคนนั้นจับซิการ์ไว้ระหว่างนิ้วมือของเขา และสูบมันเข้าไปลึกๆ เขาดูดุร้าย มีคิ้วที่หนาทึบ มีใบหน้าที่เย็นชาและแววตาของเขาก็มีแต่ความโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ชื่อของเขาคือ ซาคิตะ จูมอนจิ และเขาเป็นพี่ชายต่างแม่ของเธอและเป็นหนึ่งในนักสู้ชั้นยอดในแก๊งมาเฟียของพวกเธอ เขาเป็นคนบ้าการต่อสู้อย่างแท้จริง
"นั่นเป็นวิธีที่เธอใช้พูดกับพี่ชายของเธองั้นเหรอ หืม แล้วฉันยังช่วยเธอไว้เมื่อเร็วๆนี้ด้วย!"
"พี่ใหญ่ฮิซาชิเป็นคนที่ช่วยฉันต่างหาก ไม่ใช่คุณ"
"อะไร!? ถึงอย่างนั้นฉันก็... "
"พี่ใหญ่ฮิซาชิเเป็นคนที่ทำให้พ่อไม่ได้ลงโทษฉัน หรือคุณคิดว่าคุณสามารถโน้มน้าวพ่อด้วยกำปั้นของคุณได้งั้นเหรอ?"
"เอ่อ ... " ซาคิตะ จูมอนจิเกาศีรษะของตัวเองด้วยความอาย "อืม อย่างน้อยฉันก็อยู่ข้างเธอนะ!"
"ดีแล้ว ขอบคุณมากนะพี่ใหญ่ แต่... ทำไมคุณถึงมาที่นี้ล่ะ?"
"นี้เธอไม่ได้ฟังที่พูดเลยรึไง!"
ซาคิตะพ่นซิการ์ออกจากปากของเขา
"เห็นได้ชัดว่าฉันมาที่นี้เพราะอยากจะเห็นผู้ชายที่เธอกำลังพูดถึงอยู่ไง"
"คุณสามารถเจอเขาได้ หลังจากที่ฉันเชิญเขามาที่บ้านของเราแล้ว" คาเอเดะถอนหายใจ "พี่ใหญ่ อย่าบอกนะว่าคุณอยากจะสู้อีกแล้วนะ?"
ซาคิตะหัวเราะเบาๆ และไม่ตอบกลับ
"ฉันรู้อยู่แล้ว... แต่ขอให้ฉันเตือนคุณไว้ก่อน - คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน! " คาเอเดะพูดบอกเขาด้วยท่าทางที่จริงจัง
"คุณก็รู้ตอนคุณสู้กับฟุรุจัง – ว่าต้องจะใช้เวลานานขนาดไหนถึงจะเอาชนะฟุรุจังได้? สามนาที?หนึ่งนาที? ฮืมม เขาใช้เวลาแค่หนึ่งวินาทีและหมัดเดียวเท่านั้น! "
ฟุรุจังคือคนที่มีแผลเป็นที่เคยโดนเซจิชกหมดเดียวจอด ขณะที่เขามีปืน เขาเป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งในกลุ่มของพวกเขา
"แล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ถ้าฉันไม่ได้ดูมันด้วนตัวเอนะ?" ดวงตาของซาคิตะกำลังแสดงถึงความมุ่งมั่นในการต่อสู้
ซาคิตะนั้นชอบการต่อสู้ การสู้กันด้วยกำปั้นเพรียวๆเป็นสิ่งที่ชื่นชอบที่สุดของซาคิตะ จูมอนจิในโลกนี้!
เขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่าผู้ชายนั้นควรจะพูดกันด้วยกำปั้นของพวกเขา! สำหรับเขาการสื่อสารครั้งนี้เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถรู้ถึงศักยภาพที่แท้จริงของมนุษย์ได้
แต่น่าเสียดายสำหรับเขา น้องสาวและพี่ชายของเขาทั้งสองไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับเขา และพวกเขายังบอกเขานั้นหัวโบราณเกินไป
ใครสน!? นั่นคือความคิดของ ซาคิตะ
เขาไม่เข้าใจวิธีที่น้องสาวและพี่ชายของเขาที่คิดแบบนั้น สิ่งที่เขารู้คือพวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวที่น่ารักของเขา
นับตั้งแต่ที่พ่ายแพ้ และกลายเป็นนักสู้หมายเลขหนึ่งขององค์กรของพวกเขา ซาคิตะอยากจะแสวงหาคนที่แข็งแกร่งกว่าและต้องการที่จะต่อสู้ด้วย ถึงอย่างนั้นเนื่องจากข้อจำกัดของพ่อ และสถานะของเขา ทำให้เขาไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ จนถึงตอนนี้
และแล้วก็มีคนที่น่าสนใจได้ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด
เขาทั้งเด็ดเดี่ยว และหนึ่งในสามของจำนวนทั้งหมดในกลุ่มของพวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ และเขาก็ทำให้ฟุรุจังพ่ายแพ้ด้วยการต่อยเพียงครั้งเดียว สมาชิกทุกคนที่พ่ายแพ้เขาก็ยังคงนอนซมอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลย
แม้ว่าซาคิตะจะทำแบบเดียวกันได้ เขาก็ต้องยอมรับว่าหลังจากได้ดูวิดีโอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เขาไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้
ไม่... ที่สำคัญกว่าคือคนที่มีพลังมหาศาลเหนือมนุษย์อย่างนั้น!?
ซาคิตะ จูมอนจิรู้ว่ามีอีกด้านที่ซ่อนอยู่ในโลกนี้ที่คนธรรมดาไม่รู้จัก มันไม่ใช่องค์กรใต้ดินอย่างแก๊งมาเฟียของครอบครัวของเขาที่วิ่งวุ่นไปมา แต่สิ่งที่ "ลี้ลับ" ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใจได้
บุคคลนี้อาจอยู่ในหมู่พวกนั้น
ความคิดนี้ทำให้ซาคิตะรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม ไปจนถึงจุดที่ร่างกายของเขาสั่นด้วยความคาดหวัง!
เขาทนรอไม่ไหวแล้วที่จะให้น้องสาวคนเล็กของเขาชวนให้บุคคลนั้นไปถึงที่ของพวกเขา
เขาต้องการที่จะพบกับบุคคลคนนั้นโดยเร็วที่สุดและท้าทายเขา!
...
เซจิคาดไว้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อเมื่อเห็นผู้ชายผมแดงคนนั้นมองมาที่เขา
ในขณะที่ผู้ชายผมแดงรีบวิ่งไปเข้ามาที่เขา เขาก็จับกระเป๋าแล้วโยนขึ้นไปกลางอากาศ
* ฟุบ! * ในขณะที่ผู้ชายผมแดงกำลังเดินเข้ามาหาเซจิ เขาก็ได้ส่งหมัดตรงโดยมุ่งตรงไปที่หน้าของเซจิ!
* ตุบ! * เซจิไม่ได้รู้หวาดกลัวกับหมัดของเขา และบล็อกการโจมตีของเขาได้แบบง่ายๆ
ผู้ชายผมแดงได้เพิ่มความเร็วของเขาขึ้นโดยทันทีเหมือนหมัดพายุทอร์นาโด!
สำหรับคนอื่น ๆ อาจจะเห็นหมัดที่รวดเร็วนี้เป็นแค่ภาพมัวๆเท่านั้น แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เห็นการโจมตีทัน ซาคิตะก็ได้ชกขึ้นมาอีกครั้ง
แม้จะมีการการโจมตีนี้จะเห็นได้ชัด แต่ซาคิตะก็ล้มเหลวในการโจมตีครั้งแรก
ผู้ชายในเครื่องแบบมัธยมปลายสามารถป้องกันการโจมตีของเขาในแต่ละครั้งได้!
ซาคิตะ จูมอนจิร่ำร้องในหัวใจ
เขากำลังผลักดันตัวเองให้อยู่ในระดับสูงสุด เขาใช้พลังเต็มที่และความเร็วสูงสุดทุกครั้งในแต่ละหมัด เพื่อหวังอย่างมากว่าจะมีอย่างน้อยซักหมัดที่โจมตีโดนซักครั้งกับเด็กคนนี้!
แต่มันก็ไม่ได้ผล!!
การแสดงออกของนักเรียนม.ปลายคนนั้นยังคงนิ่งอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับว่า... เขามองเห็นการโจมตีของเขาออกทะลุปรุโปร่งและสามารถป้องกันมันได้ทุกอย่าง!
เขาทำได้ยังไง!?
ซาคิตะส่งหมัดออกไปก่อนที่เขาจะเตะขาขวาออกไปพร้อมกันไปที่นักเรียนชายม.ปลาย!
เทคนิคการเตะสไตล์จูมอนจิ – ลูกเตะลมกรด!
การเตะครั้งนี้ทำให้ยอดผีมือจากใต้ดินบาดเจ็บมานับไม่ถ้วนแล้ว
เขาจะป้องกันมันไหม หรือเขาจะหลบแทน!?
ซาคิตะจะได้รู้คำตอบในอีกไม่ช้า
เซจินั้นไม่ได้ป้องกันหรือหลบการเตะของเขาเลย
แต่เขาเดินไปข้างหน้าหาซาคิตะและปิดช่องว่างงระหว่างพวกเขาแทน
เขาโจมตีด้วยศอกทำลายล้าง!
*ปัง!*
ซาคิตะรู้ตัวอีกทีก็พบว่าเขากำลังลอยอยู่บนอากาศ
รู้สึกเหมือนโดนรถชน!
สุดท้ายเขาก็ตงลงที่พื้น และใช้กำลังที่เหลือบังคับให้ตัวเองกลิ้งหลายต่อหลายครั้งเพื่อลดแรงกระแทกให้ได้มากที่สุด
เพื่อที่จะรักษาภาพลักษณ์ของเขาต่อหน้าลูกน้อง ซาคิตะได้ลุกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่โดนศอกของเซจิ ถึงอย่างนั้นหน้าอกของเขาสั่นสะท้าน และเขาก็ห้ามเลือกที่ไหลออกมาไม่ได้
ทุกคนได้แต่มองดูซาคิตะอย่างเงียบ ๆ
*ตุบ* ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังออกมา
เซจิใช้มือซ้ายของเขาเอื้อมไปหยิบกระเป้าหนังสือที่ตกลงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนก่อนหน้านี้ที่เขาโยนมันขึ้นไปกลางอากาศ
คนดูต่างจ้องมองไปที่เขาทั้งหมด
นี้มันบ้าอะไรกัน! เขาทำแบบนั้นได้ยังไง? โคตรเท่ !?
โคเฮ วาตาริและทาคาชิ โคบายาชิรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
เขาโยนกระเป๋าของเขาขึ้นไปกลางอากาศก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้น และเมื่อการต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้ทัน และได้ชัยชนะมาอย่างง่ายดาย และใช้เวลาที่เหลือจับกระเป๋าของเขาได้อีกครั้ง... นี้มันมีในชีวิตจริงๆงั้นเหรอ?
หรือนี้มันเป็นการจัดฉากแบบในหนัง??
จิตใจของอันธพาลสองคนนั้นกำลังวุ่นวาย
ดวงตาของคาเอเดะ จูมอนจินั้นดูเปล่งประกาย และหน้าแดงมันทำให้เธอรู้สึกร้อนขึ้น
"ขะ... แข็งแกร่ง... " ซาคิตะ จูมอนจินั้นแทบไม่สามารถพูดได้ในขณะที่เขาบังคับให้ตัวเองยืน และเช็ดเลือดที่ออกจากปากของเขา
"ดะ... ดูเหมือนนายจะเป็นของจริงสินะ... "
'พี่ช่วยอย่าทำตัวง่ายๆแบบนั้นจะได้ไหม เพื่อทดสอบว่าเขาเป็นของจริงไหมนะ' คาเอเดะ จูมอนจิคิดกับตัวเองว่าพี่ชายคนโตของเธอนั้นกำลังขัดจังหวะความฝันของเธอ
จากนั้นเธอก็ถอนหายใจลึกๆ
"พวกนาย... รีบเอาไอ้งี่เง่าไปหาหมอซะทีสิ"
หลังจากสั่งให้ลูกน้องของเธอแล้วก็หันกลับไปและเดินไปช้าๆที่นักเรียนชายม.ปลาย
"ต้องขอโทษอย่างมากด้วยนะค่ะ พี่ชายคนโตงี่เง่าของฉันหยาบคายกับคุณ"
เซจินั้นเงียบไปและมองหญิงสาวผมบลอนด์ที่กำลังก้มหัวของเธอและคำนับให้แก่เขา
"ต้องขอโทษที่ทำให้คุณต้องมาที่นี้ แต่โปรดเชื่อฉันเถอะว่าเราไม่มีเจตนาร้ายต่อคุณ ฉันชื่อคาเอเดะ จูมอนจิ และคนงี่เง่าที่โจมตีคุณนั้นก็คือ ซาคิตะ จูมอนจิเรามาจาก 'กลุ่มจูมอนจิ' ที่เป็นที่รู้จักกันดีในพื้นที่นี้ และเราอยากจะเชิญคุณมาที่นี้เพื่อที่จะพูดคุยกับเราเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ "คาเอเดะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวล
"แล้วจะทำยังไง ถ้าผมปฏิเสธ?" เซจิถาม
"งั้นทางเราจะเชิญคุณทุกวันจนกว่าคุณจะเห็นด้วย" คาเอเดะระงับความหงุดหงิดไว้และพูดเบาๆ
หลังจากเงียบไปได้ซักพัก
ในที่สุดเซจิก็ถอนหายใจ
"เอาล่ะ ดูเหมือนว่าคุณค่อนข้างจะสุภาพกับเรื่องนี้ งั้นผมจะไปกับคุณ เพื่อพูดคุยกับพวกคุณก็แล้วกัน"
ถ้ามีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น เขาก็สามารถโหลดได้อีกครั้ง
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มของพวกเธอด้วย... อย่างน้อยที่สุดเขาต้องรู้ความตั้งใจของพวกเธอเพื่อที่จะได้รู้วิธีจัดการกับพวกเธอได้
คาเอะเดะถอนหายใจข้างในด้วยความโล่งอก
"ขอบคุณมากค่ะ โปรดขึ้นรถของเราไปด้วยค่ะ" เธอชี้ไปที่รถใกล้ ๆ ด้วยมือ
ขณะที่เซจิกำลังจะก้าวไปข้างหน้าก็ทีเสียงสองเสียงก็ดังขึ้น
"ระ... เราเองอยากจะไปด้วย!"
เขาคืออันธพาลสองคนนั้น โคเฮ วาตาริและทาคาชิ โคบายาชิดูเหมือนจะจริงจังมากในขณะที่พวกเขามองไปที่คาเอเดะ
"คุณเจอฮานาโนะซังได้ก็เพราะผม" โคบายาชิกัดฟันไว้ขณะที่พูด "เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเราและเป็นคนที่ช่วยชีวิตของเราไว้... เราไม่สามารถมองดูพวกคุณได้พาเขาไปได้!"
"แม้ว่าเราจะไม่มีพลังที่จะหยุดยั้งคุณได้ แต่... อย่างน้อยเราก็อยากจะไปกับเขาด้วย" วาตาริเปิดปากของเขาและพูดด้วยเสียงทุม
เซจิกระพริบตาอย่างประหลาดใจ
คาดะยังรู้สึกกระวนกระวายอยู่
"เราได้เชิญคุณอาราโนะมาในฐานะแขกของเรา ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณอาราโนะต้องการพวกคุณก็สามารถติดตามมาด้วยได้" คาเอเดะอนุญาตให้เซจิตัดสินใจ
อันธพาลสองคนนั้นอาจจะดูเหมือนจะเป็นคนไม่ดี
เซจิยิ้มในใจ อย่างน้อยพวกเขาไม่ใช่คนเนรคุณ
"ถ้าพวกนายต้องการ ก็ตามสบาย และผมอยากฟังพวกคุณด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง"