Chapter 28: เงาบนกำแพง
ฉินมู่ รวบรวมสติขอบตัวเอง แผนที่ตรงหน้าเขานั้นคือดินแดนแห่งนี้ก่อนเกิดภัยพิบัตินั้นมีประโยชน์อย่างมากเพราะมีสถานที่มากมายแสดงให้เห็น ถ้าเขาออกไปล่าแล้วกลับหมู่บ้านไม่ทัน เขาสามารถใช้สถานที่เหล่านรั้นในการหลบซ่อนตัวจากความมืดได้
“ด้วยแผนที่นี้ข้าสามารถที่จะหลบเลี่ยงอันตรายได้เยอะ”
เขาจำแผนที่นั้นไว้ในใจและพบหุบเขาที่เขาอยู่ในตอนนี้นั้นมีเชื่อเรียกว่าปราสาทหยุดยั้งภัยพินาศ
“ปราสาทหยุดยั้งภัยพินาศ ? ภัยพินาศก็หมายถึงภัยพิบัติ”
เขาได้เรียนรู้การวาดภาพและการเขียนหนังสือมาจากปู่หนวก เขาได้รับความรู้มากมายซึ่งอาจเทียบเท่านักปราชญ์เลยก็ได้ – “ถ้าปราสาทนี่มีไว้เพื่อยับยั้งภัยพิบัติ งั้นภัยพิบัติแบบไหนที่ปราสาทนี่ยับยั้งอยู่ ?” - ฉินมู่ พึมพำกับตัวเอง
เขามองไปรอบๆและตระหนักได้ว่าลิงยักษ์นั้นไม่ได้อยู่ในปราสาทอีกแล้ว มันได้ออกไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว มันคงกลัวรบกวนเขาแน่ๆถ้ามันยังคงอยู่แถวนี้
“ไอ้ตัวโตนี่มีความคิดดีแหะ”
เขาเดินออกมาจากปราสาท ฉินมู่ เรียกลิงนั่นมาหาและถามออกมา – “ไอ้ตัวโต มีสถานที่แปลกๆรอบที่นี่หรือไม่ ?”
ลิงยักษ์เกาหัวพร้อมกับคิดสักพักก่อนที่จะวิ่งไปที่ห้องข้างในปราสาท ฉินมู่ รีบตามมันไปทันทีพร้อมกับมีกวางตามพวกเขามาด้วย
ลิงปิศาจได้เข้าไปในห้องและชี้นิ้วของมันออกไป เขามองตามที่มันชี้และพบกับเงามนุษย์ขนาดพอๆกับหัวแม่มือถูกวาดเอาไว้อยู่
ฉินมู่ เข้าไปดูกำแพงใกล้และไม่พบสิ่งใดเลยนอกจากเงานี่
กวางเองก็เดินเข้ามาและมาดมกลิ่นเงานั่น ในตอนที่มันกำลังจะเลียกำแพง อยู่ๆก็ได้มีมือยื่นออกมาและดึงกวางนั่นเข้าไปข้างใน !
ฉินมู่ ผงะออกมาด้วยงความตกใจ ในขณะที่ลิงเองก็ทุบอกตัวอย่างหงุดหงิดและคำรามใส่กำแพงแต่มันไม่กล้าที่จะเดินหน้าเข้าไปหา
บนกำแพงนั้นมีภาพของกวางโผล่ขึ้นมาข้างๆของเงามนุษย์ ฉินมู่ เห็นเงาคนนั้นค่อยๆอ้าปากตัวเองช้าๆ ในตอนที่อ้าปากกว้างขึ้น ปากที่เต็มไปด้วยฟันที่เหมือนเล็บก็งับลงที่กวางทันที !
ฉินมู่ อึ้ง หลังจากที่กินกวางตัวนั้นแล้ มันก็เดินเข้ามาหาพวกเขา !
ฉินมู่ ตระหนักได้ว่าแม้แต่มนุษย์นั้นจะเดินออกมาจากกำแพงไม่ได้แต่เงานี่ได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้นๆจนกระทั่งมีขนาดเท่าคนธรรมดาแต่มันไม่ได้หยุดแค่นั้น เงานั้นยังคงขยายตัวต่อไปอีก
ในเวลาสั้นๆแม้ว่าเงานั้นจะไม่ได้เดินออกมาจากกำแพงแต่เงาของมันก็ได้ขยายตัวไปถึงเพดานของห้อง มันอ้าปากของมันออกมาพร้อมกับกางมืออออกไปทั้งสองข้างของกำแพงห้อง
“เด็กน้อย ไป !” – ลิงได้คว้าเอาตัว ฉินมู่ และกระโดดออกมาเพื่อไม่ให้เงานั่นจับตัวได้
เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากกำแพงพร้อมกับที่กำแพงนั้นสั่นไม่หยุดจนเริ่มมีฝุ่นฟุ้งกระจายออกมา เงาสีดำนั้นได้แผ่ออกจนครอบคลุมตัวห้องไปในพริบตา !
เงานั้นพยายามที่จะสลัดออกมาจากกำแพงแต่มันก็ทำไมได้ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน
“นั่นมันปิศาจ ?” - ฉินมู่ หยุดวิ่งพร้อมกับกระพริบตาและหันไปดู – “@!#$%!@#$%^@#$%^”
เงานั้นได้หดตัวลงและสงบลงทันที หน้าต่างของห้องนั้นเปิดออกราวกับสองตาของมัน ฉินมู่ รู้สึกได้ว่ามีสายตาอันน่ากลัวจับจ้องมาที่เขาจนทำให้เขาขนลุก
ทันใดนั้นประตูห้องก็ปิดลงก่อนที่จะเปิดขึ้นใหม่อีกครั้ง ในตอนที่มันเปิดและมันปิดนั้นก็ได้มีเสียงดังออกมา – “คาถาปลดปล่อยยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นเผ่าพันธุ์ของข้ารึ ? ช่างน่าสงสารที่คาถาของเจ้านั้นไม่ใช่ของจริง เผ่าพันธุ์ของข้านั้นตกต่ำถึงเพียงนี้แล้วรึ ?”
ฉินมู่ ถามต่อ – “ท่านรู้เกี่ยวกับคาถาปลดปล่อยที่แท้จริงด้วยรึ ?”
“แน่นอน !”
ประตูได้เปิดปิดออกอีกครั้งพร้อมกับมีเสียงสะท้อนออกมาดังก้อง – “พลังอันยิ่งใหญ่นั่นซ่อนอยู่ในคาถาปลดปล่อยของเผ่าพันธุ์ข้า พลังอันมหาศาลนี้ก็เคยเป็นหนึ่งในพลังที่สร้างโลกนี้ขึ้นมาและได้กลายมาเป็นพลังแห่งการปลดปล่อยที่ยิ่งใหญ่ ! ทำไมมันได้ถึงตกทอดถึงเจ้าได้ ? คาถาที่เจ้าใช้นั้นไม่ได้มีความแข็งแกร่งในตัว ! บอกลิงนี่ให้ถอยกลับไปแล้วข้าจะสอนคาถาที่แท้จริงให้ !”
ฉินมู่ มองไปที่ลิงปิศาจ มันเองก็ได้ส่ายหน้าและเตือนด้วยน้ำเสียงพึมพำ – “เชื่อ ผี !”
“ดูเหมือนเขาจะเป็นเผ่าเดียวกับข้าและไม่ต้องการที่จะทำร้ายข้า ออกไปรอข้างนอกสักพักเถอะ” - ฉินมู่ ปลอบมัน
ลิงนั้นยังไม่ไว้ใจแต่มันก็โดน ฉินมู่ ผลักออกมา
ประตูห้องได้เปิดและปิดอีกครั้งพร้อมกับมีเสียงปิศาจ – “คาถานั้นคือทักษะอันน่าพิศวงที่ใช้ออกมา เจ้านั้นเรียนรู้ได้แค่คำพูดแต่ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ของมัน เจ้ายังไม่ได้เรียนรู้ถึงวิถีที่จะใช้พลังในคาถาเหล่านี้ วิธีนี้เรียกว่ามูดร่าแห่งการปลดปล่อย แก่นของทักษะอันสุดยอดของเผ่าพันธุ์ข้า ! พลังนั้นถูกผนึกไว้ในห้องใหญ่และจะอยู่ไม่ได้นาน เจ้าควรที่จะสนใจมัน ข้าจะสอนเจ้าเพียงครั้งเดียว เจ้าเอามันไปได้แค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเอง !”
เงาบนกำแพงนั้นเริ่มหดตัวลงมีขนาดพอๆกับ ฉินมู่ เริ่มมีการโคจรปรากฏขึ้นข้างในเงาซึ่งแสดงให้เห็นถึงการไหลของพลังฉี
เงานั้นอธิบายออกมา – “มีวิธีมูดร่าอยู่สีวิธี เทพปิศาจ, การปลดปล่อยปิศาจ, ความฉลาดอันยิ่งใหญ่และวิธีสุดท้ายรวมทั้งสามวิธีเข้าด้วยกันกลายเป็นการปลดปล่อยปิศาจที่ยิ่งใหญ่ ! ที่ข้าจะแสดงให้เจ้าดูนั้นคือวิธีแรก เสียงของเจ้านั้นต้องมีน้ำเสียงปิศาจเพื่อที่จะได้ปลดปล่อยพลังของมันออกมา !”
ฉินมู่ มองไปที่เงาบนกำแพงพร้อมกับจำทักษะที่มันใช้ออกมา ในตัวมันนั้นพลังฉีได้โครจรตามเส้นทางที่มันได้แสดงเอาไว้ด้วย
“@#$% !”
เสียงปิศาจได้ระเบิดออกมาจากปากของมันและ ฉินมู่ ก็รู้สึกได้ถึงพลังอันน่ากลัวปะทุออกมาจากร่างเงานั้น พลังอันน่ากลัวนี้ได้ทำให้นิ้วของเขาได้ก่อพลังขึ้นมาและโจมตีออกไปข้างหน้าโดยที่เขาไม่อาจควบคุมได้
ตูม !
เสียงระเบิดดังก้องพร้อมกับฝ่ามือของ ฉินมู่ นั้นเพิ่งใช้ฝ่ามือสายฟ้าออกมา มีสายฟ้าอยู่ที่มือของเขา
ฉินมู่ ตะลึง มันเป็นสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
คาถาอันแรกที่เงานี้สอนเขานั้นทรงพลังอย่างมาก ในด้านของการเปลี่ยนแปลง มันเทียบไม่ได้กับฝ่ามือสายฟ้าแปดทบแต่ในด้านของความแข็งแกร่งนั้นมันแข็งแกร่งกว่าฝ่ามือนั่นพอสมควรเลยทีเดียว
แต่การใช้คาถานี้เองก็กินพลังฉีเขาไปมหาศาล มันใช้พลังฉีมากกว่าการใช้ฝ่ามือสายฟ้าแปดทบหลายเท่าตัว !
เงาบนกำแพงสะบัดตัวไปมาราวกับมันโดนบางอย่างดึงกลับไป ในตอนที่มันกลับเข้าไปในห้อง มันได้หอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง – “พลังของห้องนี้แข็งแกร่งเกินไป เกินกว่าข้าจะทนได้นาน ข้ามีเวลาเหลือไม่มาก ลองดูดีๆ นี่คือคาถาที่สอง ปลดปล่อยปิศาจ ! @#$% !”
ฉินมู่ กระตุ้นตัวเองและเดินไปข้างหน้า ในที่สุดเขาก็เห็นการโคจรของพลังฉีและการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน
“$#%^ !”
เขาลองแอบท่องตามและโคจรพลังฉีไปด้วย ทันใดนั้นก็ได้มีพลังระเบิดออกมาจากตัวของเขาและทำให้ร่างกายเขาลงมืออีกครั้ง
ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มที่ควบคุมไม่ได้ออกมา นิ้วของเขากางออกและทำการโจมตีออกไป
พลังของมูดร่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากแต่มันกลับดูเหมือนว่าไม่มีพลังใดๆเลย แต่ถึงยังไง ฉินมู่ ก็รู้สึกได้ว่าผลข้างเคียงของมันคล้ายกับของฝ่ามือสายฟ้าแปดทบ
ฝ่ามือสายฟ้าแปดทบท่าที่ห้า แสงอาทิตย์ปรับเปลี่ยนวิญญาณ
ท่านี้คือท่าที่ เฒ่าหม่า สอนเขา มันไม่ได้ดีในเรื่องการโจมตีแต่แก่นของท่านี้นั้นคือการโจมตีไปที่วิญญาณของผู้ฝึกยุทธทักษะสวรรค์ !
ความลับของแสงอาทิตย์ปรับเปลี่ยนวิญญาณนั้นอยู่ที่หมัดซึ่งเหมือนกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมา การใช้แสงอาทิตย์และสายฟ้าในฝ่ามือเข้าไปโจมตีวิญญาณ !
คาถาที่สองที่เงาสอนเขาไม่ได้ดูเหมือนว่ามีพลังมากเพราะมันโฟกัสไปที่การโจมตีวิญญาณซึ่งคล้ายกับท่าที่เฒ่าหม่าสอนเขามา
สิ่งเดียวที่ต่างกันคือ เฒ่าหม่า นั้นใช้แสงอาทิตย์กับสายฟ้าเพื่อที่จะทำลายวิญญาณของคู่ต่อสู้แต่การปลดปล่อยปิศาจนั้นใช้จีบนิ้วเพื่อดึงวิญญาณคู่ต่อสู้เข้ามาที่ฝ่ามือ การดึงวิญญาณออกมานั้นเป็นวิธีที่ชั่วร้ายกว่ามากทำให้คู่ต่อสู้ไม่อาจที่จะทำการป้องกันได้
อันแรกนั้นสามารถกันได้ด้วยการโจมตีที่รุนแรงแต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะป้องกันท่าการปลดปล่อยปิศาจ
ฉินมู่ สับสน วิธีที่เงานี่สอนเขานั้นคล้ายกับทักษะหมัด ทั้งคู่นั้นมีทฤษฎีคล้ายกันแต่วิธีใช้นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง อันหนึ่งเป็นของเส้นทางที่ถูกต้อง อีกอันนั้นเป็นวิธีของปิศาจ
สำหรับว่าอันไหนดีกว่ากันนั้น ฉินมู่ ตอบไม่ได้ เขาบอกได้แค่ว่าแต่ละทักษะก็มีความแข็งแกร่งของตัวเอง
ฝ่ามือสายฟ้าแปดทบนั้นเหมาะสำหรับโจมตีศัตรูต่อหน้าและบดขยี้พวกนั้นด้วยทักษะหมัดที่รุนแรง ส่วนมูดร่านั้เหมาะกับการฆ่าทันทีในตอนที่คู่ต่อสู้เผลอ
เงาบนกำแพงหดตัวลงมากว่าเดิมราวกับว่ามันทนแรงต้านของปราสาทนี้ไม่ไหว มันหอบหายใจแล้วพูดต่อ – “ดูไว้ นี่คือมูดร่าที่สาม ความฉลาดอันยิ่งใหญ่...”
เงาบนกำแพงกลายเป็นภาพเบอลทำให้ ฉินมู่ ต้องเข้าไปอีกสองข้าว ในตอนที่เขากำลังจะเข้าไปในห้อง อยู่ๆเขาก็หยุด เขากลับใช้ตาสวรรค์ที่ปู่บอดสอนมาและได้มีนัยน์ตาอีกชั้นปรากฏขึ้นในตาของเขา แม้ว่าเงาบนกำแพงจะเป็นภาพสลัวแต่มันก็ยังคงชัดเจนในสายตาของเขา
“เจ้าเห็นชัดหรือไม่ถ้าเจ้าไม่เข้ามา ?” - เงาบนกำแพงได้ถามออกมา