ตอนที่แล้วChapter 18: เด็กปิศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 20: แก่นวิญญาณรูปร่างมนุษย์

Chapter 19: ร่างราชันย์ที่ตื่นขึ้นมา


“โอเอซิสงั้นรึ ?”

ฉินมู่ กลับมาที่หมู่บ้านก่อนที่จะตกเย็น  เขาเอาตะกร้าที่เต็มอาวุธนั้นกลับเข้ามาด้วยและชาวบ้านนั้นต่างก็อึ้งและเข้ามารุมล้อมดูสิ่งที่เกิดขึ้น

ฉินมู่ บอกพวกนั้นถึงสิ่งที่เขาไปเจอมาทำให้ชายตาบอกดนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปและร้องออกมา – “วัดบนโอเอซิศนั้นคืออาณาเขตของปิศาจซึ่งทรงพลังอย่างมากที่ซึ่งสามารถเปลี่ยนร่างได้  ชื่อของเธอคือ สตรีวู  เจ้าวิ่งเข้าไปในวัดแล้วขโมยของของนางมางั้นรึ ?”

ย่าซี เองก็ร้องออกมาด้วย – “สตรีวู งั้นรึ ? ข้าเองก็เคยผ่านไปที่วัดนั่นแล้วอัดนางเข้าเพราะข้าเห็นว่านางกินมนุษย์ไปมากเกินไป สุดท้ายแล้วนางยังคงซ่อนตัวอยู่หลังพระพุทธรูป  พระพุทธรูปนั้นก็แปลกและเขาต้องการให้ข้าเบามือลง ดังนั้นข้าเลยไม่ได้อัดนางจนตาย  มีบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับพระพุทธรูปนั่น...”

“ ข้าเองก็เคยเจอนางมาก่อน  นางนั้นเป็นปิศาจที่แข็งแกร่งอย่างมากที่ซึ่งสามารถทัดเทียมได้กับผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในระดับเจ็ดดาวดึงส์ได้เลย

ปู่ด้วนได้ถามออกมา – “มู่เอ๋อ เจ้าหนีจาก สตรีวู มาได้หลังจากที่ขโมยของจากนางมางั้นรึ ?”

ฉินมู่ ตระหนักว่าเขาปกปิดความลับไม่ได้อีกต่อไปและได้บอกทุกคนเกี่ยวกับบทสวดปิศาจที่เขาได้เรียนรู้มาจากหุบเขา  จากนั้นเขาก็อธิบายถึงการใช้เสียงของพระเจ้า,ปิศาจและพระพุทธรูปในการจัดการ สตรีวู ลงไป

ทุกคนต่างก็อึ้งเมื่อได้ยินเรื่องของ ฉินมู่  หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุด เฒ่าหม่า ก็ถอนหายใจออกมาพูดขึ้น – “เด็กน้อยที่มีแวว เด็กน้อยที่มีแวว ”

ปู่ด้วน, ปู่หูหนวกและคนที่เหลือต่างก็พยักหน้าและยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม

สตรีวู นั้นเป็นปิศาจที่มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกับผู้ฝึกยุทธระดับเจ็ดดาวดึงส์แต่สุดท้ายกลับโดนปล้นโดย ฉินมู่   ช่างมีแววว่าจะเติบโตได้ดี ! ทำให้ทุกนรู้สึกภูมิใจกับทักษะที่ตัวเองพร่ำสอนไป !

ปู่ใบ้ได้หยิบอาวุธขึ้นมาดูแล้วลองเหวี่ยงมันก่อนจะส่ายหน้า  เขาส่งสัญญาณมือบ่งบอกว่าคุณภาพของอาวุธวิญญาณพวกนี้ไม่ดีและไร้ประโยชน์

“พรุ่งนี้ข้าจะไปที่เมืองเขตแดนมังกรและขายอาวุธวิญญาณพวกนี้  ข้าจะหาอาหาร, ผ้าพันแผล,และไวน์ดีๆกลับมาด้วย”

ย่าซี ยิ้ม – “ได้เวลาที่ข้าเองก็ต้องไปขายของด้วยเหมือนกัน”

ฉินมู่ ตื่นเต้นขึ้นมาทันที  ไปยังเมืองชายแดนมังกรงั้นรึ ?

เขาโตมาอยู่ในหมู่บ้านนี้ตั้งแต่ยังเด็กและเพิ่งได้รับอนุญาตให้เพิ่งออกไปข้างนอกเมื่อไม่นานมานี้ เขาเพียงแค่ได้ยินชื่อเมืองนี้แต่ไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน !

“เรายังเอาเจ้าไปด้วยไม่ได้ เจ้านั้นยังเด็กเกินไป !”  - ย่าซี ส่ายหน้า

ฉินมู่ สลดลงไปทันทีและลังเลสักพักก่อนจะรวบรวมความกล้าสารภาพออกมา – “ย่าซี ปู่หม่า มีอีกอย่างหนึ่ง”

“ร่างราชันย์ของข้าได้ตื่นขี้นมาแล้ว”

ทุกคนเงียบลงไปทันที

หลังจากนั้นสักพัก เฒ่าหม่า, ปู่ด้วน, ปู่บอดและย่าซี นั้นก็เริ่มฉลองส่วนปู่ใบ้เองก็ทำปากพะงึมพะงำ  มีแค่ปู่หูหนวกเท่านั้นที่ไม่รู้ว่า ฉินมู่ พูดอะไรและสับสนว่าทำไมเพื่อนของตัวเองถึงได้ดีใจขนาดนี้  จนกระทั่งเขาเห็น ฉินมู่ พูดซ้ำอีกครั้งและตระหนักว่า ฉินมู่ นั้นพูดอะไรและหัวเราะออกมาดังๆ !

ปู่ตาบอดได้อุทานออกมาดังๆ – “ผู้ใหญ่บ้าน ! ไอ้หมอ ! มานี่เร็วเข้า ! ร่างราชันย์ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว !”

ปู่เชือดนั้นตื่นเต้นอย่างมากและคำรามออกมาดังก้อง – “ผู้ใหญ่บ้า , ไอ้หมอ ในที่สุดร่างราชันย์ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว !”

ในตอนที่ ฉินมู่ ได้กลับมาที่หมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านนั้นนั่งอยู่หน้าบ้านตัวเองพร้อมกับปู่หมอที่ซึ่งนั่งกินน้ำชากันอยู่แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่มีแขนและขาดังนั้นปู่หมอจึงต้องคอยป้อนน้ำชาให้กับเขา

ทั้งสองไปดื่มน้ำชาด้วยกันบ่อยๆเพื่อผ่อนคลายและดื่มด่ำความสงบสุข

ในตอนที่เขาดื่มไปได้ครึ่งเดียวนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของปู่บอดและ เฒ่าหม่า ซึ่งทำให้เขากระอักน้ำชาออกมาทันทีจากจมูก,ตาและปาก

แค่กๆ

ถ้วยน้ำชาในมือปู่หมอเองก็แหลกเป็นชิ้นๆทำให้น้ำชานั้นรดลงใส่ใบหน้าของผู้ใหญ่บ้าน  ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยสายตาที่เบิกกว้างและท่าทีเหลือเชื่อ ปากของทั้งคู่อ้าขึ้นพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว

ปู่หมอกลับมารู้ตัวและพูดออกมาแบบตะกุกตะกัก – “ระ....ร่างราชันย์...ตื่นแล้วงั้นรึ ?”

ผู้ใหญ่บ้านนั้นยังไม่ได้สติและทำสีหน้าตะลึงอยู่ต่อ

ปู่ด้วนเดินเข้ามาหาและพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้ – “ถูกต้อง ร่างราชันย์ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว ! ข้าตรวจดูแล้วและพบว่าพลังฉีของเขานั้นเข้มข้นกว่าเดิมถึงสามเท่าและบริสุทธิ์กว่ารุ่งอรุณซะอีก ! อีกอย่างตรงใจกลางหว่างคิ้วของเขายังมีความผันผวนแปลกๆ  อีกทั้งแก่นวิญญาณเองก็ถูกปลุกขึ้นมาซึ่งเป็นหลักฐานว่ามันได้หลอมรวมเข้ากับสติของเขาแล้ว ! นี่คือสัญญาณว่าแก่นวิญญาณของเขาได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้ว !”

ฉินมู่ เดินเข้ามาและเห็นปากของปู่หมออ้ากว้างขึ้นเรื่อยๆราวกับอมไข่ไว้ข้างในสองฟอง  ในอีกด้านยังคงมีน้ำไหลลงมาจากเปลือกตาด้านล่างของผู้ใหญ่บ้าน เขาคิดกับตัวเอง – “ผู้ใหญ่บ้านและปู่หมอนั้นคงแปลกใจอย่างที่ข้าคิดไว้แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาแปลกใจเกินไปหน่อยหรือ ?”

ปู่หมอปิดปากลงและรีบถามออกมา – “มู่เอ๋อ ร่างราชันย์ของเจ้าถูกปลุกขึ้นมาจริงๆรึ ?”

ฉินมู่ พยักหน้าและพูดขึ้น – “มันถูกปลุกขึ้นมาในตอนที่ข้าไม่ได้ให้ความสนใจมันเท่าไหร่”

ปู่หมอสำลักออกมาอีกครั้งและพึมพำกับตัวเอง – “ปลุกตอนที่เขาไม่ได้สนใจมัน..”

ในที่สุดผู้ใหญ่บ้านก็รวบรวมสติได้และพูดขึ้นมา – “ไม่ต้องเดาเลยว่า มู่เอ๋อ นั้นมีร่างราชันย์จริงๆ  ข้าคิดไว้ไม่ผิดจริงๆ  มันเป็นธรรมดาที่ร่างราชันย์ของเขาจะตื่นขึ้นมา หึหึหึ !”

ปู่หมอได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาและรีบพูดตาม – “มันวิเศษที่ร่างราชันย์นั้นตื่นขึ้นมา ! แต่ มู่เอ๋อ เจ้าห้ามหลงระเลิงเพียงเพราะร่างราชันย์ของเจ้าตื่นขึ้นมา  เส้นทางการบ่มเพาะของเจ้านั้นแค่เพิ่งเริ่มต้น  เจ้าเข้าใจหรือไม่ ?”

ฉินมู่ พยักหน้าตอบรับ

ผู้ใหญ่บ้านยิ้ม – “สิ่งที่ปู่หมอของเจ้าพูดนั้นถูกต้องแล้ว เส้นทางของร่างราชันย์นั้นยากกว่าร่างอื่นๆ ดังนั้นห้ามเจ้าหลงระเลิง  ปู่หมอ ข้ารู้สึกเหนื่อยนิดๆ โปรดพาข้ากลับไปข้างในก่อน”

ปู่หมอเข้าใจและพาเขากลับเข้าไปในบ้าน

ข้างในบ้านนั้นคนแก่สองคนได้มองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อและปู่หมอพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุด – “ผู้ใหญ่บ้าน มู่เอ๋อ นั้นมีร่างราชันย์จริงๆรึ ?”

“แน่นอนว่าไม่ !” - ผู้ใหญ่บ้านตอบกลับ

“งั้นที่เขาปลุกขึ้นมานั้นคือ..”

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร ?”

ชายแก่สองคนมองหน้ากันอีกครั้งและไม่รู้ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง  หลังจากนั้นสักพักปู่หมอก็ลองถามออกมาอีก – “เป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างธรรมดานั้นจะเปิดกำแพงแก่นวิญญาณได้ ?”

“ร่างธรรมดาทำลายกำแพงรึ ? ข้ายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ฉินมู่ นั้นอาจเป็นคนแรกก็ได้”

อยู่ๆผู้ใหญ่บ้านก็ยิ้มขึ้นมา – “ไอ้หมอ บางที ฉินมู่ น่ะอาจจะมีร่างราชันย์และอยู่ในเส้นทางที่ไม่ปกติ  ไม่ใช่ว่านั่นคือเป้าหมายของเราหรอกรึ ?”

ปู่หมอเองก็ยิ้มออกมา – “ร่างกายมนุษย์สู่ร่างราชันย์  มู่เอ๋อ นั้นได้ปลุกร่างมนุษย์ขึ้นมาและเส้นทางของร่างราชันย์ของเขาก็เพิ่งเริ่มต้น  มันราวกับว่าข้าเห็นเขาจัดการมังกรได้ด้วยหมัดเดียว !”

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าและยิ้มให้ – “ถูกต้อง เรายังแน่ใจไม่ได้แต่ด้วยจิตใจของเขาตอนนี้แล้วเขาอาจจะไปได้ไกลกว่าเราก็ได้”

จิ้งจอกเฒ่าทั้งสองคนหัวเราะออกมาก่อนจะออกมาจากห้องอีกครั้ง

ผู้ใหญ่บ้านกระแอมออกมาและเรียก ฉินมู่ มาหาเขาเพื่อถามถึงวิธีการปลุกแก่นวิญญาณ  ฉินมู่ บอกเขาถึงเรื่องการใช้เสียงพระเจ้า,ปิศาจและพระพุทธรูปให้ต่อสู้กันเองและใช้พลังฉีภายในของเขานั้นทำลายกำแพงแก่นวิญญาณลง

ผู้ใหญ่บ้านทำสายตาเหม่อลอยและพึมพำออกมา – “มีวิธีเช่นนั้นอยู่หรือ ?”

เขาอดที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าไม่ได้  โอกาสที่ ฉินมู่ มีนั้นเป็นบางอย่างที่คนอื่นไม่สามารถทำตามได้  การใช้เสียงของพระเจ้า,ปิศาจและพระพุทธรูปให้มาสู้กันเองนั้นรวมกับความกล้าที่เขาเรียนรู้บทสวดปิศาจและใช้บทสวดนี้คอยต้านทานกับเสียงที่อยู่ในจิตใจของเขาแต่ผลลัพธ์กับออกมาเป็นเช่นนี้ !

การกระทำนี้ดูโง่เง่าโดยไม่รู้ว่าตัวเองจะตายหรือไม่ !

แม้ว่าคนอื่นจะมีโอกาสแบบนี้แต่พวกเขาน่าจะตายจากพลังของเสียงของทั้งสามเสียงนั้นก่อนที่จะมีโอกาสได้ทำลายกำแพงแก่นวิญญาณลง

คนอื่นนั้นไม่รู้ว่าอันตรายที่อยู่ข้างในนั้นคืออะไรแต่เขารู้ถึงมันได้อย่างชัดเจน  พลังของเทพและปิศาจนั้นเป็นของที่มนุษย์ธรรมดานั้นจะมีได้อย่างนั้นรึ ?  สำหรับมนุษย์แล้วมันคือเส้นทางที่นำไปสู่ความตายเมื่ออยากได้พลังเช่นนี้ !

แต่ ฉินมู่ นั้นทำมันสำเร็จซึ่งทำให้ผู้ใหญ่บ้านนั้นต้องตะลึงง

แต่สิ่งที่เขาไม่รู้นั้นคือ ฉินมู่ นั้นเกือบจะโดนฆ่าโดยการต่อสู้ของเสียงของเทพและปิศาจ  เขานั้นโชคดีที่มีหยกตรงหน้าอกคอยปกป้องเอาไว้  นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ฉินมู่ ถึงยังไม่ตาย

ผู้ใหญ่ตรวจสอบความก้าวหน้าในการบ่มเพาะของ ฉินมู่   เขาเผยสีหน้าตะลึงออกมาก่อนจะรีบรวบรวมสติและกระตุ้นเด็กน้อย – “มู่เอ๋อ เจ้าต้องหมั่นทำการบ่มเพาะและอย่าทำให้เราผิดหวัง  ตอนนี้เจ้าได้ปลุกร่างราชันย์ขึ้นมาแล้ว  เจ้าคือผู้ฝึกยุทธมิใช่เด็กน้อยอีกต่อไปแล้ว”

ฉินมู่ พยักหน้าตอบรับ

ตอนนี้ท้องฟ้าได้มืดสนิทและมีกองไฟกลางหมู่บ้านก็ถูกจุดขึ้นมาเพื่อให้แสงสว่าง  เฒ่าหม่า และคนที่เหลือต่างก็เอาเนื้อสัตว์อสูรที่พวกเขาจับได้มาย่างเพื่อฉลองให้กับ ฉินมู่    ย่าซี รีบลุกขึ้นยืนและจับไปที่หลังของ ฉินมู่ – “ผู้ใหญ่บ้าน, ปู่หมอ มานี่ด้วย มาฉลองกัน !”

“เจ้าสองคนไปก่อนเลย  ปู่หมอกับข้าจะตามเจ้าไปเอง”

หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านเห็น ย่าซี และ ฉินมู่ จากไป  เขาก็พูดขึ้นมาเบาๆ – “ไอ้หมอ  พลังฉีภายในของ มู่เอ๋อ นั้นเข้มข้นอย่างมาก   ในบรรดาผู้ฝึกยุทธที่ข้าเคยเห็นมาก่อนที่จะอยู่ในระดับแก่นวิญญาณแล้ว การบ่มเพาะของเขานั้นสุดยอดที่สุด”

ปู่หมอมองไปที่กลุ่มคนที่กำลังทำการฉลองรอบกองไฟและถามขึ้นมาเบาๆ – “เข้มข้นแค่ไหนกัน ?”

“การบ่มเพาะของข้าตอนอยู่ระดับแก่นวิญญาณนั้นพอๆรึอาจจะน้อยกว่าของเขา”

ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้าราวกับไม่ใส่ใจ – “  ที่ข้าจะบอกคือตอนนั้นข้าอยู่ในระดับสูงสุดของระดับแก่นวิญญาณที่ซึ่ง ฉินมู่ นั้นเพิ่งจะปลุกมันขึ้นมาและยังพัฒนาไปได้อีก”

ตัวของปู่หมอนั้นสั่นอย่างรุนแรงและมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านด้วยท่าทีเหลือเชื่อพร้อมกับร้องออกมา – “เทียบเท่าท่านตอนท่านอยู่ในระดับสูงสุดของแก่นวิญญาณอย่างนั้นรึ ? ท่านเนี้ยนะ ? เขาจะ..”

“แต่เขาเป็นแบบนั้นจริงๆ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด