Chapter 18: เด็กปิศาจ
สายตาของ ฉินมู่ หม่นลงและในตอนที่เขากลับมาควบคุมสติตัวเองได้อีกครั้งเขาก็พบว่าเขานั้นอยู่ในรูปปั้น !
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”- เขาคิดกับตัวเอง
ฉินมู่ ลืม ‘ ตา ‘ ขึ้นมาและพยายามที่จะมองไปรอบๆและวิเคราะห์สถานการณ์เท่าที่ทำได้ เขาพยายามหันกลับไปดูและพบกับสติของตัวเอง
เขามองลงไปและเห็นว่าสติของเขานั้นได้หลอมรวมเข้ากับรูปปั้นและแขนขาของรูปปั้นนี่ก็คือแขนขาของเขา !
สติของคนเรานั้นไม่มีรูปร่างแต่เขาตอนนี้กลับมองเห็นมันเป็นรูปร่างสามเหลี่ยม สถานการณ์ตอนนี้มันแปลกเกินกว่าที่จะอธิบายได้ !
ฉินมู่ รู้สึกว่าถ้ารูปปปั้นนี่เป็นจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าพลังงานรึวิญญาณนั้นจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เขาพบว่ามันยากที่จะอธิบายความรู้สึกที่เขารู้สึกตอนนี้ออกมาได้
“จุดสมบัติวิญญาณสวรรค์.....จุดสมบัติวิญญาณสวรรค์..เป็นไปได้หรือไม่ว่ารูปปั้นคือแก่นวิญญาณของข้าและจะตื่นขึ้นมาตอนที่ข้าหลอมรวมสติเข้ากับมัน ? นี่คือความหมายของจุดแก่นวิญญาณสวรรค์หรอกหรือ ?”
ฉินมู่ กระพริบตาและจุดแก่นวิญญาณนี่ก็ทำให้เขาเข้าใจหลายอย่างขึ้นมาทันที
จากจุดสมบัติสวรรค์ทั้งเจ็ดในร่างกายแล้ว จุดสมบัติแก่นวิญญาณนั้นเป็นจุดแรกแต่สมบัติสวรรค์นี้กลับโดนผนึกอยู่ เนื่องจากคนธรรมดานั้นไม่สามารถปลดผนึกของมันออกได้ มันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาไม่สามารถที่จะปลุกแก่นวิญญาณขึ้นมาได้
สมบัติแก่นวิญญาณสวรรค์ของคนที่มีร่างวิญญาณนั้นกลับกันซึ่งจะเปิดอยู่แล้ว ผลก็คือพวกนั้นแค่ต้องหาเลือดที่เหมาะกับร่างของตัวเองเพื่อปลุกมันขึ้นมา
นั่นหมายความว่าแก่นวิญญาณของคนนั้นจะมีสติของคนนั้นๆ
บางทีพระเจ้าอาจะไม่ได้ให้แก่นวิญญาณให้กับมนุษย์ บางทีพวกเขาจงใจที่จะผนึกมันไว้แทน
เมื่อคิดได้แบบนั้นอยู่ๆ ฉินมู่ ก็รู้สึกได้ว่าพลังฉีของเขานั้นไหลเข้ามาภายในสมบัติแก่นวิญญาณ แก่นวิญญาณเล็กๆของเขาเริ่มดูดซับพลังฉีและราวกับว่าพลังฉีนั้นไหลเข้าออกจมูกของเขา มันทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมา
ทุกครั้งที่แก่นวิญญาณถูกดูดซับเข้ามา พลังฉีภายในของเขาจะบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ !
อีกอย่าง ฉินมู่ ตระหนักได้ว่าแก่นวิญญาณของเขานั้นกำลังดูดซับแสงสีทองในทะเลแห่งนี้ ในตอนที่แสงเดินทางเข้าออกร่างกายของเขาไปพร้อมกับพลังฉี มันจะผสมเข้ากับพลังฉีเดิมแต่ ฉินมู่ ไม่แน่ใจว่ามันจะทำอะไรได้
เขาพยายามทำให้แก่นวิญญาณตัวเองที่เป็นรูปปั้นนั้นยืนขึ้นแต่ก็พบว่ามันมันไม่ขยับเลย
“ข้าจะทำให้แก่นวิญญาณขยับได้ยังไง ? หืม....ข้าควรกลับไปที่หมู่บ้านและถามผู้ใหญ่บ้าน, ย่าซี และทุกคนดู ”
เมื่อคิดได้ดังนั้นสติของ ฉินมู่ ก็ได้กลับมาที่ร่างของเขาและเขาก็เปิดตาขึ้นมา
เสียงไออันรุนแรงดังขึ้นจากข้างในวัด สัตว์ประหลาดที่เปลี่ยนร่างเป็นเด็กสาวนั้นยังไม่ตาย มันคุกเข่าอยู่หน้าพระพุทธรูปและไอเอาเลือดกองโตออกมา
หลังจากชั่งใจอยู่สักพัก ฉินมู่ ก็เดินเข้าไปในวัด
เมื่อเห็น ฉินมู่ เดินเข้ามาก็แปลกใจและพยายามที่จะลุกขึ้น
เขาเดินเข้าไปหามันและท่องบทสวดปิศาจออกมา – “#$%^#$%^&$#%^ !”
“เจ้ากล้าดียังไงถึงได้มาทำเช่นนี้ เจ้าสิ่งมีชีวิตปิศาจ !”
ปิศาจสาวขนลุกในตอนที่ได้ยินเสียงของพระพุทธรูปด้านหลังเริ่มขยับขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีทองเปล่งออกมาจากตัวพระพุทธรูปและโซ่รอบๆตัวก็เริ่มถูกลากออกมาบังคับให้สัตว์ประหลาดนั้นต้องหมอบอยู่ที่พื้นอีกครั้ง !
“#$%^#$%^&$#%^ !”
เสียงของพระพุทธรูปดังออกมาทำให้สัตว์ประหลาดนั้นต้องหมอบและกระอักเลือดออกมา
ฉินมู่ หยุดท่องบทสวดปิศาจและพระพุทธรูปก็ได้หยุดนิ่งไปอีกรอบ สัตว์ประหลาดที่นอนอยู่ตรงเท้าของพระพุทธรูปนั้นหายใจหอบและพยายามที่จะลุกขึ้นยืน ฉินมู่ เริ่มท่องบทสวดปิศาจอีกรอบ สัตว์ประหลาดนั้นตัวสั่นด้วยความกลัวและรีบไปหลบหลังพระพุทธรูปทันทีแต่ผิดคลาด ฉินมู่ นั้นหยุดท่องหลังจากพูดไปได้เพียงแค่สองคำ
“เจ้ามันปิศาจ ...!” – สัตว์ประหลาดตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงเกลียดชังแล้วแอบส่องออกมามอง ฉินมู่ ที่ซึ่งยืนอยู่กลางห้อง – “เจ้ามันปิศาจ ! เจ้าคือปิศาจที่ชั่วร้ายที่สุด !”
ฉินมู่ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป กับคำด่าเหล่านี้และค่อยๆเดินเข้าไปจนกระทั่งไปยืนอยู่หน้าพระพุทธรูป หลังจากลังเลสักพักเขาก็ตัดสินใจที่จะทำตามคำแนะนำของปู่บอดที่ซึ่งเป็นคนที่ประสบการณ์มากมาย
“เด็กน้อยคนนี้มีไตร่างกายที่อ่อนแอ พลังหยางของข้านั้นได้หายไปนานแล้ว..”
ในตอนที่สัตว์ประหลาดสาวได้ยินเขาพูดดังนี้ มันก็ได้ไอเอาเลือดออกมาและหัวเราะ ตาของมันเบิกกว้างด้วยความไม่เชื่อ – “เด็กน้อย เจ้าบอกพระพุทธรูปว่าเจ้ามีไตและร่างกายที่อ่อนแองั้นหรือ ? มันไม่ช่วยเจ้าหรอก !”
ฉินมู่ มองไปที่สัตว์ประหลาด – “#$%^#$%^&$#%^ !”
พระพุทธรูปเริ่มสั่นและตะโกนออกมา – “ปิศาจ !”
“หยุดท่องได้แล้ว !” – สัตว์ประหลาดตะโกนออกมาเพื่อขอความเมตตา ชัดเจนแล้วว่ามันกลัวบทสวดนี้ – “ข้าขอร้องเจ้า หยุดสวดได้แล้ว !”
ฉินมู่ หยุดสวดแต่พระพุทธรูปนั้นได้ท่องบทสวดของตัวเองจบไปหนึ่งรอบทำให้สัตว์ประหลาดนั้นกระอักเลือดมาอีกครั้ง
ฉินมู่ เดินไปรอบๆวัด แม้ว่าเขาจะหาอะไรดีๆไม่เจอแต่กองกระดุกด้านหลังพระพุทธรูปนี้ก็ยังคงทำให้เขาช็อค คนนับไม่ถ้วนต้องมาตายด้วยน้ำมือสัตว์ประหลาดตัวนี้
“ซ่อนกระดูกของเหยื่อด้านหลังพระพุทธรูปนั้นทำให้พระพุทธรูปมีส่วนผิดร่วมกันกับเจ้า มันช่วยเจ้าปกปิดความผิดและหลอกผู้คน” - ฉินมู่ พูดขึ้น เขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง – “ถ้าข้ายืมพลังของพระพุทธรูปมากำจัดเจ้า เจ้าก็จะสมหวังที่ถูกทำลาย ดังนั้นข้าจะไม่ทำแบบนั้น ดังนั้นปิศาจเอ๋ย เจ้าเอาสมบัติของเจ้าไปไว้ที่ไหน ?”
“ทำไมข้าต้องมีสมบัติด้วย ?” – สัตว์ประหลาดถามออกมาด้วยความกลัว – “พระหัวโล้นนี่เอาทุกอย่างของข้าไปในตอนที่เขาขังข้าไว้ที่นี่”
“%^&..” - ฉินมู่ เริ่มท่องขึ้นมาอีกครั้ง
“หยุดท่องได้แล้ว !”
สัตว์ประหลาดยิ้มออกมาพยายามที่จะออดอ้อน ฉินมู่ – “การได้อยู่ที่นี่มาหลายปี ข้าได้ของดีๆจากอาหารข้า ได้ งั้นข้าจะเอามันให้เจ้า”
มันค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นจากพื้นแล้วคลานไปที่เพดานของห้อง มันผลักเข้าไปที่แผ่นเพดานแผ่นหนึ่งแล้วเผยให้เห็นช่องลับแล้วผลักมันออก
กองสิ่งของด้านในนั้นตกลงมาที่พื้น ของส่วนมากนั้นเป็นอาวุธและเกราะ นอกจากนั้นแล้วยังมีเสื้อผ้าซึ่งส่วนมากแล้วเป็นชุดชั้นในของผู้หยิงแต่มันก็ถือว่าเป็นวัสดุของเสื้อผ้า พวกมันดูเหมือนว่ามาจากของคนที่ร่ำรวยถึงจะซื้อหามันมาใส่ได้
“นี่คือทุกอย่างที่ข้ามี” – สัตว์ประหลาดยิ้มออกมา
ฉินมู่ คิ้วขมวดด้วยความไม่พอใจ – “แค่นี้ ? เจ้าไม่มียาวิญญาณรึยาวิเศษหรอกหรือ ?”
“ถ้าข้าเจอยาวิญญาณรึยาวิเศษล่ะก็ข้ากินมันไปแล้ว ” – สัตว์ประหลาดเหยียดแขนออกมาด้วยท่าทีผ่อนคลาย กระดูกของมันเองก็ส่งเสียงเหมือนหักนิ้วออกมาด้วย – “ข้าโดนขังอยู่ที่นี่มานาน ข้าเลยต้องกินทุกสิ่ง ข้าจะไม่สนใจยาวิญญาณรึยาวิเศษที่รสชาติดีกว่ามนุษย์ได้ยังไงกัน ? อย่าประมาทอาวุธพวกนั้นเชียว ถึงยังไงพวกมันก็ถือว่าเป็นสมบัติ ของดีๆอย่างอาวุธวิญญาณที่สามารถพบได้ในจุดสมบัติทิศทั้งหกของสวรรค์ พวกมันคือาวุธวิญญาณเพราะพวกนั้นได้รับพลังฉีของคนตั้งแต่เกิดจนมีพลังอันยิ่งใหญ่”
เมื่อฟังคำอธิบายดังนั้น ฉินมู่ ได้หยิบเอามีดปีกห่านจากกองอาวุธออกมา มีดนี้รู้สึกหนักอย่างมากถ้าเทียบกับมีดฆ่าหมูที่เหน็บอยู่ด้านหลังเขาแต่สิ่งที่แปลกเกี่ยวกับมันคือแม้ว่ามีดฆ่าหมูนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าแต่น้ำหนักของมันนั้นน้อยกว่ามีดธรรมดาเยอะ
มีดปีกห่านนี้ยาวและเล็กกว่ามากที่ซึ่งมีดฆ่าหมูนั้นทั้งกว้างและหนากว่า
เขาชัดมีดฆ่าหมูออกมาแล้วลองฟันไปที่มีดอีกล่มดู มีดฆ่าหมูนั้นตัดมีปีกห่านขาดสะบั้นเป็นรอยคมกริบจนส่วนด้านบนของมันตกลงไปที่พื้น
สัตว์ประหลาดมองอย่างตะลึงไปที่มีดฆ่าหมูในมือของ ฉินมู่ พร้อมกับทำตาโตแล้วพูดอะไรไม่ออก
เมื่อเห็นผลลัพธ์อันน่าผิดหวัง ฉินมู่ ก็ได้โยนมีดปีกห่านทิ้ง
“คะ—ใครเป็นคนหลอม ปะ-ปังตอของเจ้ากัน ?” – สัตว์ประหลาดพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ – “สำหรับอาวุธวิญญาณที่ได้พลังฉีจากผู้ฝึกยุทธแล้วการจะทำลายมันด้วยการแตะเพียงเบาๆนี้...มีดของเจ้าแน่นอนว่าต้องไม่ได้มาจากคนธรรมดาแน่ !”
ฉินมู่ มองไปที่ใบมีดของมีดฆ่าหมูที่ซึ่งแผ่อากาศอันเย็นสุดขั้วเข้ามาที่หัวใจและแขนขาของเขา ปู่ใบ้นั้นได้หลอมมันขึ้นมาให้เขา ปู่ใบ้นั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะช่างตีเหล็กของดินแดนหายนะ ทุกอย่างที่เขาทำขึ้นมานั้นขายดีอย่างมาก คนจากหมู่บ้านอื่นๆนั้นมักจะมาขอให้เขาทำอุปกรณ์ต่างๆให้
“มีดนั่นไม่ได้ทำมาจากเหล็กธรรมดา !” – สัตว์ประหลาดร้องขึ้นมา มันต้องการจะเข้ามาดูใกล้ๆแต่ก็กลัว ฉินมู่ จะท่องบทสวดปิศาจออกมาอีก มันจึงทำได้แค่ตะโกน – “ลองจับมีเจ้าดูสิ ! เจ้ารู้สึกได้ถึงความเย็นหรือไม่ ? ถ้ามันมีความเย็นงั้นมันน่าจะทำขึ้นมาจากเหล็กคริสตัลเหมันตะฤดู !”
“อันที่จริงก็มีลมเย็นๆออกมาจากมัน” - ฉินมู่ ตอบด้วยท่าทีตะลึงพร้อมกับพยักหน้า
“ทำไมถึงมีคนใช้เหล็กคริสตัลเหมันตะฤดูหลอมมีดปังตอออกมาเช่นนี้ ?” – สัตว์ประหลาดร้องออกมา – “คนนั้นๆต้องมีทักษะการหลอมที่สุดยอดถึงได้สร้างปังตอ ออกมาแบบนี้ได้ เสียดายพรสวรรค์และวัตถุดิบจริงๆ !”
ฉินมู่ มองไปที่มีดฆ่าหมูในมือตัวเองจากนั้นก็เก็บเข้าฝักอีกครั้ง เขาเริ่มเก็บอาวุธและสมบัติต่างๆขนออกไปนอกวัดและวางมันไว้ตรงทางเข้า
“ทำไมเจ้ายังอยากเอาของพวกนี้ไปทั้งๆที่เจ้ามีอาวุธที่ดีอยู่แล้ว ?” – สัตว์ประหลาดตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
“ย่าบอกข้าว่าข้าควรเอาทุกอย่างที่ข้าหามาได้ด้วยแรงของตัวเอง” - ฉินมู่ หันกลับมาและยิ้มให้ – “ข้าเอาของของเจ้ามาด้วยแรงของข้าเอง แน่นอนว่าข้าจะเอามันกลับไปด้วย”
สัตว์ประหลาดนั้นหงุดหงิดอย่างมากจนอยากจะตายแต่มันก็กลัวเกินไปที่จะทำแบบนั้น มันทำได้แต่มองดูเด็กน้อยคนนี้ขนของมันออกมันไปเท่านั้น
อยู่ๆ ฉินมู่ ก็หันกลับมาและถาม – “เจ้ามีถุงผ้าเหลืออยู่บ้างหรือไม่ ?”
“ไม่ !”
“ได้” - ฉินมู่ หันกลับไปอีกครั้งแล้วเดินออกจากวัดไป
สัตว์ประหลาดเองก็เดินตามออกไปตรงที่ทางเข้าวัด มันเห็นได้แค่ ฉินมู่ นั้นสับต้นไฝ่รอบๆทิ้ง หลังจากนั้นสักพักเขาก็ใช้ไม่ไฝ่ที่ตัดมาทำเป็นแพแล้วเอาของทุกอย่างใส่ลงไป เขาใช้ไม้ไผ่อีกก้านเป็นไม้ไผ่แล้วพายออกจากเกาะนี้ไป
“ใครกันที่เลี้ยงเด็กที่น่ากลัวแบบนั้นขึ้นมา ?” – สัตว์ประหลาดตะโกนออกมาด้วยความคลั่ง – “มันมาจากโลกไหนกัน ? เขายังกล้าที่จะขอถุงผ้ากับข้าเพื่อเอาของทุกอย่างของข้าไป ! เขาทำให้ข้าโกรธจนข้าอยากจะตาย !”