HK ตอนที่ : 63
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนแปดโมงเช้า ชิเล่ยตื่นขึ้นมาลุกออกจากเตียง
เที่ยวบินที่บินตรงจากโตเกียวมาเมืองชวนกิ่ง ใช้เวลาเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น
คนที่เชี่ยนหยูเตรียมไว้จะมาถึงสนามบินนานาชาติเบหยูของเมืองชวนกิ่ง เวลา 10.00 น. ตอนนี้ราวๆ 8.00 น. พวกเขาน่าจะอยู่บนเครื่องบิน!
ชิเล่ยไม่ได้ออกไปทานอาหารเช้า แต่เข้าเซิร์ฟเวอร์นัมเบอร์วันเพื่อเชื่อมต่อกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์สวอลโล้ว เจาะเข้าไปในสนามบินฮาเนดะในโตเกียวและปลอมแปลงข้อมูลผู้โดยสารของสายการบินตลอดวัน จากนั้นเขาก็เข้าไปในระบบสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและค้นหาตัวแทนทางธุรกิจทั้งสองคนที่เดินมายังเมืองชวนกิ่ง และเพิ่มบันทึกการเดินทางของเย่เฟิงกับคนอื่นๆ ลงไป
หลังจากจัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว ชิเล่ยก็เจาะเข้าสู่ระบบภายในของสนามบินนานาชาติเบหยู และเฝ้าดูตารางไฟลท์เที่ยวบินที่บินตรงมาเมืองชวนกิ่ง
นอกห้องนั่งเล่น โอวหยางชางยังอยู่ในบ้าน!
ตอนนี้เวลา 8.30 น. แล้ว แต่โอวหยางชางก็ไม่ได้ไปทำงาน!
เธอรู้สึกลำบากใจ มองไปที่รองเท้าของชิเล่ยหน้าทางเข้า ภายในตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนที่อยู่ข้างใน
'ชิเล่ย อา ชิเล่ย มันเป็นเรื่องจริงไหมที่นายมีความสัมพันธ์กับเย่เฟิง? ถ้านายมีส่วนร่วมในการปล้นธนาคารครั้งนี้จริงๆ และนายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเย่เฟิง ฉันจะไม่ปล่อยนายไป!'
ในห้อง ชิเล่ยยังไม่รู้ว่าโอวหยางชางยังอยู่ในบ้าน เขาคิดว่าโอวหยางชางไปทำงานแล้ว!
เวลาได้ผ่านไปทีละนิด
ไม่ว่าจะเป็น ชิเล่ยหรือโอวหยางชาง ทั้งคู่ต่างรู้สึกว่าทุกนาทีที่ผ่านไปช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมาน
ในเขตเบหยู เชี่ยนหยูกำลังขับรถมุ่งหน้าไปที่สนามบินนานาชาติเบหยู ด้านข้างคนขับไม่มีคนนั่งและเย่เฟิงนั่งรวมกับคนอื่นๆที่เบาะหลัง
สีหน้าของหม่าเหลียงดูลังเล "บอส พวกเราจำเป็นต้องไปที่ประเทศวูซางจริงๆ?"
ในฐานะที่เป็นคนประเทศเซี่ยโดยกำเนิด หม่าเหลียงไม่มีความประทับใจต่อประเทศวูซางมากนัก และก็ไม่ต้องพูดถึงการที่ต้องกลายเป็นคนประเทศวูซางเลย
เย่เฟิงพยักหน้าเบาๆอย่างหันกแน่น "เราต้องหนีออกนอกประเทศ! เวลานี้เรามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว!"
ความรู้สึกของเจิ้งซานเปานั้นตื่นเต้นเล็กน้อยและพูดว่า "ทำไมกันบอส? ทำไมครั้งนี้เราต้องหนีไปไกลถึงต่างประเทศด้วย? เราไม่ได้ทำร้ายตัวประกันบาดเจ็บสักคน ทำไมเราต้องหนีไปไกลขนาดนี้ด้วย?"
แม้ว่าหม่าเหลียงไม่ได้พูด แต่ในสายตาเขาก็เห็นด้วยกับเจิ้งซานเปา!
เย่เฟิงหัวเราะ "เหลียงชิ ซานเปา พวกนายคิดง่ายเกินไป! ตอนเราอยู่ที่เมืองเฮย์เจียง เราได้ฆ่าคนไปมากกว่า 50 คน แต่คนพวกนั้นไม่ใช่คนที่ไม่สมควรฆ่า? แม้ว่าทางตำรวจจะประกาศว่าเราเป็นอาชญากรที่ต้องการตัวมากที่สุดในประเทศ แต่ความจริงพวกเขาพยายามจะจับกุมเราจริงๆ? มีอีกอย่างที่พวกนายยังไม่รู้ หัวเก่าของเราได้โทรมาหาฉัน เขาบอกว่าทำสิ่งที่สมควรต้องทำ และรู้ที่จะหยุด!"
หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปากำลังขมวดคิ้ว พวกเขาไม่ได้โง่และพวกเขาก็กำลังคิดถึงเรื่องนี้
"ตอนที่อยู่ในเมืองเฮย์เจียง ฉันคิดว่าหัวหน้าเก่าของเราได้เข้ามาแทรกแซง ไม่อย่างงั้นเราจะยังสบายอยู่จนถึงตอนนี้?" เย่เฟิงถอนหายใจ "แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน เราได้ใช้ปืนจริงในการปล้นธนาคาร จากเหตุก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้กลายเป็นอาชญากรรมจริงๆแล้ว! ทางตำรวจจะไม่ปล่อยพวกเราอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะทำทุกวีถีทางเพื่อจะจับเรา"
เย่เฟิงหันไปมองเติ้งเซียวหลิงที่กำลังหลับลึกด้านข้าง ภายในสายตาสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยน แล้วหันไปมองหม่าเหลียงและเจิ้งซานเปาอย่างขอโทษ
"พี่ชายที่ดี ผมจะร่วมหัวจมท้ายกับคุณด้วย! ถ้าชีวิตหน้ามีจริงต่อให้เกิดเป็นวัวเป็นม้า ผมก็จะมาตอบแทนคุณ!"
หม่าเหลียงรีบพูดขึ้นว่า "บอส ในสนามรบ ถ้าไม่ได้คุณกับหัวหน้าเติ้งไคช่วยไว้ ชีวิตของหม่าเหลียงคนนี้คงตายไปนับไม่ถ้วนแล้ว! ถ้าคุณต้องการให้ผมจ่ายหนี้ ผมว่าคงชดใช้มันไม่หมดหรอกใช่ไหม?"
เจิ้งซานเปาก็คำรามออกมาด้วยเหมือนกัน "บอส เราจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป มีสุขร่วมเสพย์มีทุกข์ร่วมต้าน! ถ้าเราตาย เราก็จะตายในวันเดียวกัน!"
เย่เฟิงรู้สึกแสบร้อนที่ตาและน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่ตั้งใจ ใครบอกผู้ชายร้องไห้ยาก เพียงแต่ยังเคยไม่สัมผัสเท่านั้น!
"พูดได้ดี! มีสุขร่วมเสพย์มีทุกข์ร่วมต้าน! ถ้าเราตาย เราก็จะตายในวันเดียวกัน!"
เชี่ยนหยูที่อยู่ในที่นั่งคนขับ ใบหน้าที่สวยงามของเธอ เผยรอยิ้มขึ้น "เย่เฟิง หม่าเหลียง ซานเปา พวกนายจำชื่อตัวเองกันได้หรือยัง?"
เย่เฟิงตอบด้วยภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว "เชี่ยนหยู ผมชื่อเฟิงฮัวเย่เฟิง โปรดแนะนำด้วย!"
ในฐานะที่อดีตเคยเป็นหัวหน้าของกองกำลังพิเศษ เย่เฟิงไม่เพียงจะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ยังภาษาอังกฤษก็พูดได้เลยว่า มีอนาคตที่สดใสรออยู่แน่นอน น่าเสียดายที่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นซะก่อน!
แม้ว่าหม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา จะไม่เชี่ยวชาญภาษาญี่ปุ่น แต่คำพูดง่ายๆที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็พูดได้สะบาย
"เย่เฟิง ด้านชิเล่ยจะไม่มีปัญหาจริงๆ?" ขณะที่เชี่ยนหยูพูดเธอเต็มไปด้วยความกังวล ถ้าพวกเขาถูกตม.ไม่ให้ผ่านแล้วติดอยู่ในสนามบิน ตัวตนเย่เฟิงกับคนอื่นจะถูกเปิดเผยและพวกเขาต้องถูกจับแน่นอน!
เย่เฟิงหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่เติ้งเซียวหลิง "ฉันเชื่อในตัวชิเล่ย! อย่างไรก็ตาม เหลียงชิ ซานเปา ฉันต้องการบอกพวกนายเรื่องหนึ่ง ถ้าเราถูกจับจริงๆ ห้ามเปิดเผยข้อมูลอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับชิเล่ย เพราะเซียวหลิงพึ่งเขาในอนาคต!"
หม่าเหลียงและเจิ้งซานเปาพยักหน้าโดยไม่คัดค้านอะไร
ภายในรถ ตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเงียบสงบ ได้ยินแค่เสียงของเครื่องยนต์เบาๆ มุ่งตรงเข้าสู่สนามบินนานาชาติเบหยู
เวลา 9:30 น. ชิเล่ยกำลังเพ่งความสนใจไปในระบบภายในของสนามบินนานาชาติเบหยู ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นเล็กน้อยในห้องนั่งเล่น
ในห้องนั่งเล่นโอวหยางไม่ได้ใส่ใจกับเสียงของแก้วกาแฟที่วางบนจานรอง
ในห้องนอน ชิเล่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย 'โอวหยางไม่ได้ไปทำงาน? ทำไมเธอถึงยังอยู่บ้าน?'
โอวหยางชางมองไปที่ประตูห้องนอนของชิเล่ยอย่างระมัดระวัง แล้วยกแก้วกาแฟขึ้น
'ไม่รู้ว่าตอนนี้ชิเล่ยกำลังทำอะไรอยู่? ทำไมถึงไม่ได้ยินอะไรเลย'
ชิเล่ยมือของเขาที่กำลังอยู่บนคีบอร์ด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี 'เป็นไปได้ไหมว่าโอวหยางได้รับคำสั่งให้มาตรวจสอบฉัน? เมื่อตอนที่กลับมามันมีรถตู้จอดอยู่ที่ชั้นล่าง ดูเหมือนว่าเมื่อฉันออกไปตอนเช้ารถก็ยังจอดอยู่ที่เดิม หรือว่ามันเป็นรถตู้ดักฟัง?'
ต้องบอกเลยว่าความจำของชิเล่ยน่ากลัวมาก แม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆก็จำได้หมด!
'นี่คือชั้น 7 และทุกครั้งที่ฉันคุยกับเย่เฟิง เสียงก็จะเบามาก แม้ว่าจะกำลังถูกดักฟังโดยรถตู้อยู่ก็ตาม พวกเขาก็คงไม่ได้ยินอะไร ฮืม! ถ้าหากพวกเขามีหลักฐานอยู่ในมือของพวกเขา ฉันกลัวฉันคงถูกจับและโดนสอบสวนไปแล้ว!'
เมื่อคิดได้ ชิเล่ยรู้สึกโล่งใจเขาเปิดเวิร์กสเตชั่นกราฟิกและค้นหาอินเทอร์เน็ต เพื่อดาวน์โหลดเกมเครื่องบินขาดใหญ่
เที่ยวบินตรงจากโตเกียวมายังเมืองชวนกิ่ง ไม่ได้รับความล่าช้าใดๆ และเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติเบหยูในเมืองชวนกิ่งแล้ว
ชิเล่ยเข้าไปที่ส่วนการบริหารทางเข้าออกของสนามบินนานาชาติเบหยู เพื่อสแกนในระบบค้นหารายชื่อตัวแทนธุรกิจสองคนที่มาจากวูซาง
เวลา 10:20 น. ชิเล่ยก็เพิ่มข้อมูลของเย่เฟงกับคนอื่นๆได้สำเร็จ!
ในเขตเบหยูที่สนามบินนานาชาติ ชายวัยกลางคนสองคนจากประเทศวูซางที่มาเป็นตัวแทนคณะธุรกิจ ได้มาพบกับเชี่ยนหยูและคนอื่นๆ ในสนามบิน ตามจุดนัดพบที่ตกลงกับเชี่ยนหยูไว้ จากนั้นส่งมอบบัตรประจำตัวประชาชนและหนังสือเดินทางส่วนบุคคลให้กับเชี่ยนหยูอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานนี้ บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสายการบิน JAL เชี่ยนหยูได้ใช้หมายเลขบัตรประจำตัวของเย่เฟิงจองตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับไว้แล้ว เพียงแค่รอให้คนของเธอทั้งสอง มาส่งบัตรประจำตัวของเย่เฟิงและคนอื่นๆที่สนามบิน
เที่ยวบินที่บินตรงจากเมืองชวนกิ่งไปโตเกียว คือเวลา 12:10 น. ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
เย่เฟิงกับคนอื่นๆ หลังจากได้รับเอกสารประจำตัวแล้ว ก็ได้เดินไปที่เคาน์เตอร์บริการของ JAL เพื่อรับตั๋ว จากนั้นพวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยทันที เงินที่ได้จากการปล้นธนาคามีอยู่ทั้งหมด สี่ล้าน ตามแผนแรกเย่เฟิวจะส่งมอบให้กับตัวแทนทางธุรกิจทั้งสอง เพื่อให้พวกเขาช่วยดำเนินการให้
ชายทั้งสองคนจะอยู่ในเมืองชวนกิ่งหนึ่งคืน และเอาเงินสี่ล้านเปลี่ยนเป็นกองทุนรวมเพื่อลงทุน
เชี่ยนหยูเดินนำอยู่ด้านหน้าเพื่อนำทางเย่เฟิงและคนที่เหลือเพื่อเข้าช่องทางเข้าออก เพื่อเข้ารับการตรวจสอบตัวตน เชี่ยนหยูมองไปที่เย่เฟิงอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่เย่เฟิงมองกลับมาด้วยความสงบ
ทั้งห้าคนเดินเรียงเข้าไปตรวจแต่ละคนที่หน้าต่าง หลังจากนั้นเชี่ยนหยูก็ได้ผ่านการตรวจสอบเป็นคนแรก เมื่อมาถึงเย่เฟิงส่งเอกสารประจำตัวและหนังสือเดินทางส่วนบุคคล
เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ถามเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยความสงสัยว่า "เซอร์ คุณเพิ่งจะมาถึงที่เมืองชวนกิ่ง ทำไมถึงรีบกลับไปล่ะครับ?"
เย่เฟิงตอบกลับด้วยภาษาญี่ปุ่นว่า "เราที่เมืองชวนกิ่งเพื่อมาเยี่ยมชมธุรกิจของที่นี่ แต่จู่ๆที่บริษัทแม่ก็มีคำสั่งให้เรากลับไป แต่ไม่ต้องกังวล เรามีเพื่อนอีกสองคนที่จะอยู่ที่นีเพื่อเจรจาธุรกิจต่อ ถ้าไม่เกิดแอคซิเดนอะไร ผมจะบินกลับมาที่เมืองชวนกิ่งอาทิตย์หน้า เมืองๆนี้ชั่งสวยงามจริงๆ!"
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยินคำสรรเสริญต่อเมืองชวนกิ่งของเย่เฟิงด้วยภาษาญี่ปุ่นอย่างคล่องแคล่ว เจ้าหน้าที่ก็ยิ้มและเลิกสงสัยทันที "คุณเฟิงฮัว ถ้าไม่เกิดแอคซิเดนอะไร ต้องมาเที่ยวเมืองชวนกิ่งให้ได้นะครับ!"
เย่เฟิงพยักหน้า "ขอบคุณ! ครั้งหน้าที่มา ผมตั้งใจไว้ว่าจะต้องไปลองลิ้มรสหม้อไฟของเมืองชวนกิ่งให้ได้!"
เจ้าหน้าที่ยิ้มและประทับตราลงบนหนังสือเดินทางของเย่เฟิง เป็นอันว่าผ่านเรียบร้อย
เย่เฟิงส่งเอกสารและหนังสือเดินทางอีกครั้ง แต่เป็นของเติ้งเซียวหลิง ยักไหล่และพูดว่า "เด็กป่วยกำลังหลับอยู่"
เขาอุ้มเติ้งเซียวหลิงเข้าไปไกล้หน้าต่างเพื่อให้ตรวจสอบ เนื่องจากในบันทึกของเติ้งเซียวหลิง เหมือนกับของเย่เฟิง ว่าพวกเขาเพิ่งเข้ามาในประเทศและออกจากประเทศทันที ผู้ตรวจสอบไม่ได้ใส่ใจมากนักและประทับตราลงไป
จากนั้นก็เป็นหม่าเหลียงและเจิ้งซานเปา พวกเขาทั้งคู่ก็ผ่านการตรวจสอบ
กำลังเดินกันอยู่ในเทอร์มินัล เพื่อรอ เชี่ยนหยูยังตื่นเต้นและดีใจเป็นระยะ "เย่เฟิง ชิเล่ยน่าทึ่งมาก เขาทำมันได้ยังไง?"
หนังสือเดินทางของเย่เฟิงและสี่คนที่เหลือจะเป็นของจริง แต่ก็ไม่มีวีซ่าของประเทศเซี่ย ทั้งหมดต้องพึ่งชิเล่ยเพื่อเจาะเข้าไปในสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสร้างบันทึกการเข้าและออกขึ้นมา!
เย่เฟิงขมวดคิ้ว พูดภาษาญี่ปุ่นกับเธอว่า "เชี่ยนหยู ได้โปรดเรียกผมว่าเฟิงฮัว!"
"ไฮ้!" เชี่ยนหยูพยักหน้า เผยให้เห็นถึงการแสดงออกที่อับอาย
ในจินหยากาเด้น โทรศัพท์มือถือโอวหยางชางมีข้อความตัวอักษรเข้า อย่างไรก็ตามโทรศัพท์มือถือของเธอเปลี่ยนเป็นโหมดเงียบและชิเล่ยจะไม่ได้ยินเสียง
หลังจากโอวหยางชางเห็นข้อความ เธอก็เดินไปที่ประตูทันที แล้วค่อยๆปลดล็อคระบบรักษาความปลอดภัยที่ประตู
ที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูก็คือ หัวหน้าต๋ายกวงฮัวกับรองผู้บัญชาการตํารวจนครบาลเหล่ยหย่าคุน และเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกสองคน
"โอวหยางชาง ชิเล่ยยังอยู่ข้างในไหม?" ต๋ายกวงฮัวกระซิบ
โอวหยางชางพยักหน้าเบาๆ พูดกระซิบเหมือนกันว่า "ยังอยู่ในห้องนอน!"
ต๋ายกวงฮัวใบหน้าสว่างขึ้น "โอวหยางชาง คุณไปเคาะประตู แล้วพวกเราจะเข้าไปด้วยกัน!"
ในขณะนี้ชิเล่ยกำลังตรวจสอบระบบภายในของท่าอากาศยานนานาชาติ ถ้าโอวหยาชางและต๋ายกวงฮัว เข้ามาเลยโดยตรง แน่นอนว่าชิเล่ยจะต้องไม่มีเวลาที่จะล็อคเซิร์ฟเวอร์นัมเบอร์วันได้ทัน!