ตอนที่ 146 คุณหญิงหยาน
"ข้าเป็นคนที่กล้าหาญมากอยู่แล้ว" หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย
"เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะสังหารเจ้าเลยรึ?" เฟิงหยางถามราวกับว่ามีพวกเขาสองคนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ และไม่สนใจตัวตนขององค์ชายสามเลย
ร่างกายขององค์ชายสามเริ่มสั่นเทาอย่างรุนแรง เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
"เจ้ากล้า?" หลิงฮันถามพร้อมกับยิ้มออกมา
เฟิงหยางพิจารณาคำถามนี้อย่างรอบคอบอยู่ชั่วครู่ แล้วตอบกลับว่า "ตอนนี้อาจไม่!"
ตอนนี้อาจไม่...ดังนั้นมันอาจหมายความว่าในอนาคตเขาอาจกล้า?
หึ่ม เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้านี่อาจไม่รู้ว่าหลิงฮันมีปรมาจารย์นักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลังเขาอยู่สองคน และแม้แต่จักรพรรดิพิรุณยังต้องไว้หน้าพวกเขา?
"หากเจ้าไม่กล้า เช่นนั้นก็ไสหัวไปซะ เจ้าจะมัวยืนอ้อยอิ่งอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม? เจ้าวางแผนที่จะโอ้อวดความหล่อเหลาของเจ้ารึไงกัน?" หลิงฮันกล่าวสบประมาท
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" องค์ชายสามระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
แต่เฟิงหยางก็ไม่ได้โกรธและกล่าวว่า "เจ้าตบตีน้องชายที่ไร้ค่าของข้าอยู่หลายครั้งและที่ข้ามาในค่ำคืนนี้ก็เพื่อตอบแทนความหวังดีของเจ้า หากข้าได้เฆี่ยนตีเจ้าสักครั้งแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ในอนาคต ข้าจะทำให้เจ้าได้รับความอับอายขายหน้าและเจ้าจะถูกทุกคนปฏิเสธก่อนที่ข้าจะสังหารเจ้า!"
น้ำเสียงที่เขาใช้พูดนั้นฟังดูสขุมอย่างมาก ราวกับว่าเขามีอำนาจที่น่ายิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่ออยู่ที่อนุญาตให้เขาสังหารทุกคนได้ตามที่เขาต้องการภายในเมืองจักรพรรดิแห่งนี้
"เฟิงหยาน เจ้าพูดจบแล้วหรือยัง?" องค์ชายสามได้ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาเฟิงหยางพร้อมกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา "เจ้ากล้ามากที่ป่าวประกาศความตั้งใจที่จะฆ่าผู้อื่นภายในเมืองจักรพรรดิอยู่หลายครั้ง ข้าจะจับกุมเจ้าและพาเจ้าเข้าคุกเพื่อสำนึกผิด"
"หืม หรือว่าฝ่าบาทจะมอบคำแนะนำให้กับข้าเป็นการส่วนตัว?" เฟิงหยางยิ้มออกมาและกล่าว "ข้ารู้สึกชื่นชมทักษะบุตรแห่งหมัดสวรรค์ที่ฝ่าบาทเคยใช้มานานแล้ว และหวังว่าจะได้ลิ้มลองมันในค่ำคืนนี้"
เฟิงหยางต้องเสียสติไปแล้ว ทุกคนต่างคิดแบบนั้น แต่พวกเขาก็รู้สึกชื่นชมกับความกล้าหาญของเฟิงหยาง มีสักกี่คนกันที่อยู่ในเมืองจักรพรรดิกล้าที่จะต่อต้านองค์ชายสามอย่างเปิดเผย? แม้แต่รุ่นเยาว์และอัจฉริยะจากตระกูลใหญ่แปดตระกูลยังไม่มีความสามารถที่จะกล้าทำแบบนี้
"เจ้าจะได้ลิ้มลองในไม่ช้า!" กำปั้นขององค์ชายสามเริ่มสั่นสะเทือน และทันใดนั้นประกายแสงของพลังปราณได้โคจรไปทั่วร่างกายของเขา
นั่นคือพลังแห่งจักรภพ!
ลูกหลานที่มีเชื้อสายของจักรพรรดิ แม้จะมาจากตระกูลสาขาอย่างฉีฮวงเย่ก็สามารถใช้ความสามารถนี้ได้ ความแตกต่างระหว่างพลังแห่งจักรภพและพลังแห่งเมืองนั้นคือความแข็งแกร่งของพลัง แต่มีพื้นฐานแบบเดียวกัน
ใช้พลังแห่งจักรภพพื่อสนับสนุนตัวเองและเพื่อเพิ่มความสามารถในการปราบฝ่ายตรงข้าม มันก็เพียงพอที่จะเพิ่มพลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอีกสองถึงสามดาว!
ในตอนแรกองค์ชายสามอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้น 7 เมื่อเขาใช้พลังแห่งจักรภพแล้วทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างน้อยที่สุดเป็น 10 ดาวและนี่ยังไม่รวมพลังจากทักษะวรยุทธของเขาและปราณหมัด เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบเหล่านี้ทั้งหมดแล้ว มันไม่มีปัญหาใดๆที่องค์ชายสามจะไปถึงระดับ 11 ดาว
เมื่อกำลังเผชิญหน้ากับองค์ชายสาม เฟิงหยางจึงไม่กล้าที่จะทำตัวประมาทและสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ทั้งสองคนเคลื่อนไหวเพื่อที่จะโจมตีและบรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
"หืมมม การเริ่มการต่อสู้ในศาลาบุปผางามของข้ามันเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่?" น้ำเสียงอันอ่อนหวานดังขึ้นมาพร้อมกับหญิงสาวที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบ นางเป็นหญิงสาวที่งดงามและใบหน้าของนางดูสละสลวยและเขินอาย ร่างกายที่โตเต็มที่ของนางก็เพียงพอที่จะทำให้สายตาของทุกคนที่จ้องมองนางกลายเป็นสีแดง
ยั่วยวนยิ่งนัก! น่าประทับใจเสียจริง! มันเพียงพอที่จะปลุกระดมให้คนอื่นกระทำผิด!
"คุณหญิงหยาน!" องค์ชายสามประสานมือให้กับนางพร้อมกับรอยยิ้ม หญิงสาวผู้นี้คือเจ้าของศาลาบุปผางาม เพื่อให้สามารถเปิดสถานที่ที่ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายในเมืองจักรพรรดิ แล้วเจ้าของจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไร?
แม้แต่เฟิงหยางยังหยุดเริ่มการต่อสู้และประสานมือของเขาขึ้นมาและกล่าวว่า "คารวะ คุณหญิงหยาน"
คุณหญิงหยานยิ้มอย่างสดใสออกมาและกล่าวว่า "ข้าไม่อาจแบกรับความสุภาพจากแขกที่เคารพนับถืออย่างพวกท่านทั้งสองคนได้ อย่างไรก็ตาม ศาลาบุปผางามนั้นมีกฎเป็นของตัวเองและกฎได้ระบุไว้ว่าห้ามมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ ถ้าพวกท่านทั้งสองต้องการต่อสู้กัน เช่นนั้นได้โปรดออกไปด้านนอกเพื่อต่อสู้กันให้สาสม"
"ฮ่าฮ่าฮ่า หากคุณหญิงหยานพูดเช่นนั้นแล้ว ข้าจะทำตัวหยาบคายได้อย่างไร!" เฟิงเหยียน
หลังจากนั้นเฟิงหยางได้หันหลังและเดินจากไป เขาไม่ได้ไว้หน้าองค์ชายสามเลยแม้แต่น้อย
หลิงฮันและองค์ชายสามรู้ดีว่า ทั้งหมดนี่มันเป็นเพราะเฟิงหลัว มันเป็นเพราะเขาเลยทำให้เฟิงหยางถึงเริ่มรู้สึกไม่พอใจพวกเขาทั้งสองคน
ที่สำคัญ เฟิงหยางมีลูกไม้อะไรซ่อนอยู่กันแน่ถึงทำให้เขากล้าที่จะต่อต้านองค์ชายสามต่อหน้าสาธารณะชนเช่นนี้?
หลังจากปัญหาที่เกิดขึ้นโดยฝีมือเฟิงหยาง แขกทุกคนต่างหมดความรู้สึกที่จะดื่มและสนุกกันต่อ ดังนั้นองค์ชายสามจึงจบงานเลี้ยงไปทั้งอย่างนั้นและทุกคนต่างก็กลับบ้านของตัวเอง
"นายน้อยหลิง ข้าขอเวลาท่านสักครู่ได้ไหม?" หลิงฮันเพิ่งจะก้าวเท้าเดินออกจากศาลาบุปผางามแต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงของคุณหญิงหยาน มันเป็นน้ำเสียงที่สดใสและอ่อนหวานราวกับถูกสร้างมาจากน้ำผึ้ง มันเป็นเสียงที่งดงามมาก
หลิงฮันยิ้มจางๆออกมาและพูดว่า "แน่นอนอยู่แล้ว" จากนั้นเขาได้บอกกับหลี่เฮ่าและจูเสวี่ยอี้ให้ไปก่อนขณะที่เขาเดินไปหาคุณหญิงหยาน
"เชิญ นายน้อยหลิง" คุณหญิงหยานได้เชิญหลิงฮันเข้าไปในลานเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีดอกไม้บานสะพรั่งไปทั่วก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่สวมงามขึ้น
"ข้าขอถามเหตุผลได้หรือไหม เหตุใดคุณหญิงหยานถึงเชื้อเชิญข้า?" หลิงฮันได้นั่งลงและมีสาวใช้ที่งดงามมาบริการน้ำชาให้กับเขา ชาที่สาวใช้บริการให้เขามันมีคุณภาพสูงกว่าหญิงสาวสองคนก่อนหน้านี้เสียอีก และทุกกิริยาบทและรอยยิ้มจากนางราวกับมีเวทมนตร์บางอย่างที่จะทำให้หัวใจของผู้ที่พบเห็นกระหน่ำเต้นเร็วขึ้น
จากนั้นนางได้กลับไปประจำตำแหน่ง และยืนอยู่ด้านหลังคุณหญิงหยานและจ้องมองมาที่หลิงฮันด้วยความอยากรู้อยากเห็น นั่นเป็นเพราะว่ามีน้อยคนนักในเมืองจักรพรรดิที่จะได้รับเชิญให้เข้ามาในลานแห่งนี้ และทุกคนเหล่านั้นต่างเป็นคนที่ทำให้เมืองจักรพรรดิต้องสั่นคลอนได้
ชายหนุ่มที่นางกำลังจ้องมองอยู่ดูมีอายุน้อยกว่านางเสียอีก...เหตุใดเขาถึงได้รับเชิญให้เข้ามาที่นี่กัน? ยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของนางดูสุขุมเป็นอย่างมาก มันไม่มีร่องรอยของความหงุดหงิดหรือแปลกใจออกมาให้เห็นออกมาจากนางเลย
"นั่นเป็นเพราะนายน้อยหลิงได้รับความโปรดปรานจากสองปรมาจารย์นักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งทำให้ข้ารู้สึกสนใจในตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง" คุณหญิงหยานกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสวยงาม "บางที ในอนาคตข้าอาจมีเรื่องบางอย่างที่ต้องการความช่วยเหลือจากนายน้อยหลิง ดังนั้นข้าจึงอยากสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนายน้อยหลิง"
ดี นางเป็นผู้หญิงที่พูดตรงไปตรงมา
"นี่คือของขวัญเล็กๆน้อยๆจากข้า ข้าจะรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่งหากนายน้อยหลิงรับมันไว้" คุณหญิงหยานพยักหน้าส่งสัญญาณให้สาวใช้และนำกล่องไม้กล่องเล็กออกมา จากนั้นนางได้วางมันไว้บนโต๊ะ
หลิงฮันไม่ได้ปฏิเสธของขวัญของนางและเปิดกล่องของขวัญ ด้านในกล่องมีแผ่นผ้าสีแดงรองอยู่และบนแผ่นผ้าสีนั้นคือกำบังดาบ จากรูปลักษณ์ของมันแล้ว มันค่อนข้างเก่าทีเดียว
หลิงฮันลูบกำบังดาบอยู่หลายครั้งและหลับตาลงเล็กน้อย หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็กล่าวออกไปว่า "คุณหญิงหยานท่านเป็นคนที่ใจกว้างยิ่งนัก ของขวัญดังกล่าว... ข้ารู้สึกว่าข้าไม่สมควรได้รับมัน!"
"หืม?" คุณหญิงหยานรู้สึกสงสัย นางจึงถามออกไปว่า "หรือว่านายน้อยหลิงรู้วิธีใช้กำบังดาบ?"
"ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิด มันจะช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ได้และอาจเพิ่มระดับดาวต่อสู้ได้ด้วย!" หลิงฮันกล่าว
การเพิ่มระดับดาวต่อสู้ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วพวกเขาสามารถใช้ความสามารถต่อสู้สอดคล้องกับระดับพลังของพวกเขา แต่เมื่อความสามารถต่อสู้พวกเขาแสดงผลเกินระดับพลังของพวกเขา นั่นหมายความว่าพวกเขาได้รับความสามารถในการท้าทายฝ่ายตรงข้ามที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่หลิงฮันกล่าวว่าคุณหญิงหยานเป็นคนที่ใจกว้างมาก
นี่เป็นการพบเจอกันครั้งแรกของพวกเขา แต่นางก็ยังมอบของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ให้กับเขา แม้ว่าคุณหญิงหยานจะเป็นคนใจกว้างตามธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ของที่นางมอบให้มันน่าทึ่งเกินไป
"นายน้อยหลิงช่างรอบรู้ยิ่งนัก ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ชื่อของศัสตราชิ้นนี้คือ 'กำบังดาบดาราม่วง' เมื่อใช้งานมันจะสามารถเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของผู้ใช้โดยการเพิ่มระดับดาวต่อสู้ ทั้งนี้มันยังขึ้นอยู่กับระดับความสัมพันที่ผู้ใช้มีกับกำบังดาบชิ้นนี้
หลิงฮันปิดฝากล่องและถามออกไปว่า "คุณหญิงหยาน มันมีเรื่องอะไรที่ท่านต้องการความช่วยเหลือจากข้าด้วยหรือ?"
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*