ตอนที่ 27 ผู้กำกับครับ ผิดบท!
ถ้านี้เป็นโลกแห่งการบ่มเพาะที่ลึกลับแบบในจินตนาการล่ะก็เซจิสามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ แล้วจากนั้นก็ไปล้างมือและเดินจากไปแบบไม่สนในอะไรในโลก ถึงอย่างงั้นนี้ก็เป็นสังคมในยุคใหม่ ถ้ามีคนตายก็จะกลายเป็นเรื่องร้ายแรงทันที
อืม เว้นแต่เขาจะมีอำนาจมากพอที่จะปกปิดเรื่องนี้ได้ทั้งหมด แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
ดังนั้นเขาควรจะอัดพวกผู้ชายใส่สูทที่เหลือก่อนที่จะไปดีไหม?
เอาจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่ความคิดที่แย่เท่าไหร่ และมันก็เป็นเพียงความคิดเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้ เขาแค่แกล้งทำเป็นฮีโร่ที่สวมหน้ากากและต่อสู้เพื่อความยุติธรรมก็เท่านั้นเอง
แต่แม้ว่าเขาจะสวมหน้ากากและเขาตั้งใจจะกดเสียงของเขาลง ตอนที่พูดก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ที่จะหาตัวตนของเขาพบ แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้
มันมีแค่เฉพาะอนิเมะเท่านั้นแหล่ะ ที่จะมีสถานการณ์แบบซูเปอร์ฮีโร่ที่สวมหน้ากาก มันอาจทำให้ทุกคนหลงใหลเกี่ยวกับตัวตนของเขาด้วยหน้ากากและชุดเท่ๆก็ได้!
มีหลายวิธีในการหาตัวตนของใครบางคนในชีวิตจริง มันเป็นเรื่องที่ยากต่อการจัดการมาก
และเขาก็ต้องการที่จะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติได้หลังจากนี้ด้วย...
เซจิยังคงนิ่งและตกอยู่ในความคิดของเขา ถึงอย่างงั้นหลังจากที่เอาชนะชายหน้าบากที่มีปืนได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวแล้ว มันดูเหมือนว่าเขากำลังมองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชาโดยมีกลิ่นอายของความอันตรายอยู่รอบๆตัวเขา
พวกเขาทั้งหมดเชื่อว่าหลังจากที่ถูกข่มขู่ด้วยปืนแล้วเขาก็น่าจะหมดสติไป! เพราะการต่อสู้แบบข้างถนนและการต่อสู้กับปืนแล้ว มันอยู่ในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในสถานการณ์แบบนี้ พวกเขาไม่คิดว่ามันจะแปลกเลย ถ้าผู้ชายที่สวมหน้ากากนั้นถูกโจมตีกลับโดยพวกเขาทั้งหมด
แม้กระทั่งคนที่ยืนยู่บริเวณนั้น ก็กำลังมองมาพร้อมกับคำพูดซุบซิบ และพวกเขาก็กำลังเฝ้าดูสิ่งที่ชายสวมหน้ากากนั้นกำลังจะทำอยู่ในตอนนี้...
"ดะ... เดี๋ยวก่อน!"
แบบเดียวกับที่ทุกคนคาดไว้ ว่าความรุนแรงจะเกิดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ตอนนี้กลับเป็นเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่เล็ดลอดออกมา
เธอคนนั้นคือสาวผมหยิกสีบลอนด์นั้นเอง
"ได้โปรด... ช่วยหยุดการต่อสู้นี้ทีเถอะค่ะ พวกเขาแพ้แล้ว... เป็นไปได้ไหมที่คุณจะปล่อยพวกเขาไป?" เธอพูดอ้อนวอนกับเด็กหนุ่มตรงหน้า
'เกิดอะไรขึ้นกันแน่?' เซจิมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางสับสนขณะที่มันถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากากของเขา 'ไม่ใช่ว่าเธอเป็นเหยื่องั้นเหรอ? ทำไมตอนนี้เธอถึงมาขอความเมตตาให้ไอ้พวกนี้ด้วยล่ะเนี่ย? หรือว่าเธอคือแม่พระในตำนานงั้นเหรอ?'
บางทีเธออาจจะรับรู้ได้ถึงความสงสัยของเขาในขณะที่สาวผมบลอนด์นั้นมองไปที่พวกผู้ชายในชุดสูทสีดำ
"พวกเขา... พวกเขาทั้งหมดเป็นคนของพ่อของฉันเองค่ะ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขากำลังพยายามที่จะจับฉัน... พวกเขาเพียงทำตามคำสั่ง ฉะ... ฉันรู้ว่าคุณถูกข่มขู่ด้วยปืน และคุณเองก็ต้องโกรธมากแน่... แต่ โปรดเชื่อฉันเถอะ - พวกเขาไม่ได้แย่อย่างที่คุณคิด... "
สาวผมบลอนด์คนนั้นจ้องไปที่พวกผู้ชายที่ใส่สูทสีดำที่เหลือ และสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่ท่าทางของเธอจะเริ่มดูผิดไปจากปกติ
"พวกนายที่ยืนอยู่รอบๆนะ อย่ามั่วชักช้ากันสิ - รีบไปคุกเข่าและขอโทษเขาเดี๋ยวนี้ ไอ้พวกโง่เอ้ย!"
ทันใดนั้นพวกผู้ชายใส่สูทสีดำก็รีบวิ่งไปจัดกันเป็นแถวอย่างเป็นระเบียบ และคุกเข่าลงพร้อมกันในท่าเดียวกับท่าก้มหัวขอโทษแบบคลาสสิก
"ขอโทษคุณสุภาพบุรุษคนนี้ด้วย! ไอ้เจ้าพวกโง่!!!" สาวผมบลอนด์คนนั้นมีท่าทางที่ดูรุนแรงในขณะที่เธอได้สั่งอีกครั้ง
"พวกเราต้องขออภัยจริงๆด้วยครับ!" พวกผู้ชายใส่สูทสีดำนั้นตะโกนออกมาพร้อมกัน ทำให้เสียงพวกนั้นดังสะท้อนไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี
พวกคนที่ยืนมองดูอยู่ต่างก็อ้าปากค้าง
และคนที่ซ่อนตัวอยู่ใต้หน้ากากเขา ท่าทางของเซจิเองก็ไม่ต่างกัน
ทั้งถนนกลายเป็นความเงียบสงัด – เป็นไปได้เลยที่จะได้ยินเสียงของเข็มตก (คำเปรียบเปรยของจีน)
ลมเย็นได้พัดผ่านไปตามทั่วถนน
"ก็อย่างที่ว่ามา... ก็ตามนั่นแหล่ะค่ะ" จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ใช่มือจัดผมของเธอ "ฉันขอโทษแทนพวกเขาด้วยจริงๆนะค่ะ ฉันหวังว่านี่จะช่วยระงับความโกรธของคุณลงไว้ได้ ถ้าจำเป็นเรายังสามารถชดเชยให้แก่คุณได้อีก... แต่ฉันจะต้องพูดคุยกับพ่อของฉันในเรื่องนี้เป็นอย่างแรก"
จากนั้นเซจิก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง
"ผู้กำกับครับ บทผมไม่ได้ผิดใช่ไหมครับเนี่ย?" เขาไม่สามารถหยุดยั้งจิตใจของเขาที่จะคิดถึงเรื่องนี้ได้ เขาไม่ได้รู้เลยว่าต้องทำอะไรดีในตอนนี้ โชคดีที่หน้ากากนั้นปกปิดสีหน้าของเขาไว้อยู่จากคนอื่นๆ
สายตาของเขาหันกลับไปมองที่สาวผมบลอนด์ที่ดูเหมือนจะกำลังขอร้องอย่างจริงจังอยู่ จากนั้นเขาก็หันไปมองไปที่พวกผู้ชายใส่สูทสีดำคนที่เหลืออยู่ ผู้ซึ่งกำลังก้มหัวของตัวเองให้เขาอย่างเป็นระเบียบ ใช้เวลาประมาณสิบวินาทีได้ในการหาคำตอบที่เหมาะสม
"โอ้... ผมยอมรับคำขอโทษของคุณก็แล้วกัน... แต่ในสถานการณ์แบบนี้... "
เขาหันกลับมองไปที่วาตาริและโคบายาชิ ปากของพวกเขากำลังอ้างปากค้างออกมาเหมือนกับที่คนส่วนใหญ่ทำกันอยู่
"แล้วพวกผู้ชายสองคนนี้ล่ะ?"
"พวกเขาบังเอิญเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์นี้... " ผู้หญิงคนนั้นอธิบายเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
"งั้น เธอควรชดเชยให้กับพวกคนใจดีทั้งสองนี้ด้วยนะ... " เซจิพูดอย่างคนที่มีความยุติธรรม
'พวกนั้น สุดท้าย มันก็แค่เป็นการทะเลาะกันระหว่างครอบครัวนี้เอง' เซจิถอนหายใจข้างในใจ
"จริงๆแล้ว... ฉันเองก็ต้องการจะขอโทษคุณด้วย" สาวผมบลอนด์โค้งคำนับให้เขาอย่างจริงจัง
"ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก ไปขอโทษทั้งสองคนนั้นจะดีกว่า และพาพวกเขาไปที่โรงพยาบาลด้วย และอย่าลืมจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้พวกเขาด้วยล่ะ และให้ค่าชดเชยที่เหมาะสมด้วย"เซจิโบกมือให้อย่างลวกๆ
"ค่ะ! เรา... ฉันจะทำให้พวกเขาทำแบบนั้น" สาวผมบลอนด์ตอบอย่างสุภาพ
เซจิพยักหน้าเบา ๆ
"ผมจะไปเดี๋ยวนี้แล้วล่ะ พวกคุณดูแลส่วนที่เหลือเอาเองนะ และอย่าให้ใครมีปัญหาอีกล่ะ "
เขาโบกมืออีกครั้งและเตรียมที่จะออกไปโดยไม่ทิ้งเบาะแสใดๆไว้เพิ่มเติม อย่างการทิ้งชื่อไว้ข้างหลัง
"เออ... คือ... " สาวผมบลอนด์ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง
"มีอะไรอีกงั้นหรือ"
เซจิมองย้อนกลับไปข้างหลังเขา เมื่อเขารู้เขาเพิ่งได้ทำท่าทางอวดดีไป โดยการหันหน้ากลับไปโดยไม่ได้หันหลังกลับไปเป็นมุม 45 องศาเพื่อมองไปที่เธอ (ต้องเป๊ะไหมเนี่ย?)
"อืม... นี้... ไม่ทราบว่าผู้หญิงคนนี้จะขอ... ทราบชื่อของคุณได้มั้ยค่ะ?"
ใบหน้าของสาวผมบลอนด์เริ่มหน้าแดงขึ้นและดวงตาของเธอก็ดูเป็นประกายออกมา เธอดูเหมือนจะเครียดดูจากการที่เธอเล่นมือของเธอ และท่าทางของเธอดูเหมือนกับสาวขี้อายที่พยายามจะหาแฟน
เซจิพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของเธอ
นรกสิ!
ผู้หญิงนี้ทำไมถึงได้ดูแตกต่างจากเมื่อกี้นี้ที่ดูน่าประทับใจได้ขนาดนี้กันฟ่ะ!?
เมื่อไม่กี่วินาทีที่ก่อนหน้านี้เธอดูเป็นคนที่มีอำนาจในการสั่งพวกผู้ชายในชุดสูทสีดำทำในสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ไม่ใช่เหรอ แล้วการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและท่าทางพวกนี้มันคืออะไร!?
และการเธอที่เธอเรียกตัวเองว่า "ผู้หญิงคนนี้" แบบบุคคลที่สามแบบนี้แล้ว... เซจิในตอนนี้รู้สึกขนลุกสุดๆเลย!
สมองของเซจิพลับหยุดทำงานไปเหมือนกับแม่น้ำที่โดนเขื่อนปิดกันและสติของเขาก็หลุดลอยออกไป
"อา... เออ... ผม... ไม่มีชื่อหรอก" ในที่สุดเขาก็สามารถหยุดความคิดที่ปั่นป่วนของเขาได้ด้วยความยากลำบากอย่างมาก และเผลอพูดอะไรบางอย่างออกไป "ผมแค่คนที่ผ่านทางมา ไม่จำเป็นต้องสนใจผมก็ได้"
จากนั้นเขาก็หันกลับไปทางเดิม ขณะที่เขาโบกมือลา
"... คุณสุภาพบุรุษ... " สาวผมบลอนด์คนั้นได้มองภาพเงาของเขาที่ค่อยๆจางหายไปพร้อมกับรูปหัวใจที่โผล่ขึ้นมาที่ดวงตาของเธอ ขณะที่เธอพูดกับตัวเอง
แม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นใบหน้าของเขา แต่คาเอเดะ จูมอนจิก็เชื่อว่าเขาจะต้องหล่ออย่างมากภายใต้หน้ากากใบนั้นแน่
นี้ไม่ใช่การคิดไปเอง แต่มันเป็นสัญชาตญาณของเธอในฐานะผู้หญิง!
สูง แข็งแรง หล่อเหลา และเป็นสุภาพบุรุษ... เขาดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกๆด้าน
นั่นคือประเภทของคนที่คาเอเดะต้องการ!
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ต้องการบอกชื่อของเขา
อืม ช่วยไม่ได้ เพราะว่าเขาเพียงแค่ผ่านทางมาและเข้ามาช่วยโดยบังเอิญก็เท่านั้น เรื่องเล็กๆแค่นี้ ไม่ได้สำคัญขณะที่ทำให้เขาทิ้งชื่อไว้ข้างหลัง
อ่า... สุดยอด เท่สุดๆ
ถ้าเขาไม่ต้องการบอกชื่อเขา เธอก็ต้องไปหาเขาด้วยตัวเองและจากนั้น...
"คะ... คุณหนู แล้วเราควรทำอะไรต่อดีครับ?" ผู้ชายใส่สูทสีดำคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นและถามเธออย่างอ่อนแรง
คาเอเดะรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ถูกขัดจังหวะในขณะที่เธออยู่ท่ามกลางจินตนาการของเธอ
"แน่นอน พวกแกก็ต้องไปช่วยไอ้พวกโง่นี้ที่นอนหมดสติอยู่นะสิ! นี้พวกแกจำเป็นต้องให้ฉันสั่งอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ!?"
"ครับผม! ขออภัยด้วยครับ!"
มันคล้ายๆกับลูกไก่ตัวน้อยที่ถูกสั่งโดยแม่ไก่ พวกผู้ชายใส่สูทสีดำที่มีสติรีบกระโจนไปหาสหายของพวกเขาได้รับบาดเจ็บ
"... รู้สึกเหมือนว่าพวกเราผิดหมดเลยแฮะ... "
"อืม…"
โคเฮ วาตาริและทาคาชิ โคบายาชิลุกขึ้นยืน พวกเขาตรวจสอบร่างกายตรงที่ได้รับบาดเจ็บของพวกเขาในขณะที่แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์นี้กับเรื่องอื่นๆ
นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!?
"อาการบาดเจ็บของพวกนาย... รอสักพักก่อน เราจะพาพวกนายไปตรวจดูที่โรงพยาบาลเอง" คาเอเดะสังเกตเห็นว่าพวกเขาลุกขึ้น "ฉันต้องขอโทษด้วยสำหรับการบาดเจ็บของพวกนายด้วยนะ พวกนายเป็นผู้มีพระคุณที่ยินดีจะช่วยฉัน... ค่ารักษาพยาบาลของพวกนายก็เหมือนแบบเดียวกับค่าชดเชย... ฉันจะให้ครอบครัวของฉันเตรียมให้กับพวกนายเอง"
"อา... ไม่มีจำเป็นหรอก เราไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายหรอก" วาตาริและโคบายาชิแลกความเห็นกัน และทั้งคู่ก็เห็นด้วยอย่างเงียบๆว่า ไม่มีทางที่พวกเขาจะต้องการไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด
"ไม่ นั้นยอมไม่ได้ – คุณสุภาพบุรุษคนนั้นขอให้ฉันทำแบบนี้ให้ ดังนั้นพวกนายต้องยอมรับมันเท่านั้น" คาเอเดะพูดด้วยเสียงที่ดูจริงจัง
"เราเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมา โดยทั่วไปแล้ว... อืม ถ้าเขาไม่ได้ช่วยเราไว้ เราก็น่าจะถูกทำร้ายจนหายไปจากข้างถนน" วาตาริคิดกับตัวเองและยอมรับความอ่อนแอของตัวเอง
ตามที่เขาคาดไว้ ผู้ที่มีพลังเท่านั้นถึงจะสามารถกลายเป็นฮีโร่ได้
ทันใดนั้นวาตาริสังเกตเห็นว่าโคบายาชิเพื่อนของเขามีความรู้สึกลังเลใจอยู่
"ทาคาชิ มีอะไรงั้นเหรอ?"
"โอ๊ะ... เปล่าหรอก ฉันรู้สึกเหมือนว่ารูปร่างของคนๆนั้นและเสียงของเขา ดูเหมือนว่าฉันจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน" ทาคาชิ โคบายาชิตอบเขาอย่างกะทันหันขณะที่เขาพยายามหาว่าเป็นใครอยู่ในใจของเขา
"คงจะเป็นเขา... จะใช่เขาจริงๆหรือเปล่านะ?"
"นายพูดอะไรกันนะ?"
เสียงที่กดต่ำของผู้หญิงคนนั้น ทำให้โคบายาชิกลับมามีสติอีกครั้ง และจากนั้นเขาก็เห็นสาวผมบลอนด์ที่มีท่าทางคลั่งไคล้จ้องมองมาที่เขา!
*ตุบ!*
สาวผมบลอนด์แทบจะกำไหล่ของทาคาชิโคยาย่าไว้
"นายบอกว่า... นายรู้สึกเหมือนว่านายเคยเห็นคนๆนั้นมาก่อนใช่ไหม? แล้วรู้หรือเปล่า นายช่วยอธิบายมาหน่อยได้ไหม?"
ถึงแม้จะมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าของเธอ แต่ก็มีบรรยากาศที่ดูรุนแรงรอบๆตัวเธอ
ทาคาชิ โคบายาชินั้นรู้สึกกลัวอย่ามาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้หญิงจะมีกลิ่นอายแบบนี้รอบๆตัวของเธอ!
"ตะ... ตกลง"
"ฮัดเช้ย!" เซจิจามขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน
"คืนนี้นี่อากาศหนาวจริงแฮะ... "
จากนั้นเขาก็ลองตรวจสอบระบบของเขาดู แม้ว่าจะมีเรื่องที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยเขาก็สามารถที่จะทำสำเร็จในตัวเลือก [การกระทำที่กล้าหาญของฮีไร่] ได้ ซึ่งทำให้เขาได้รับแต้มมาอย่างที่ไม่คาดคิดตั้ง 15 แต้ม
ไม่เพียงแค่นั้นระบบของเขายังบอกว่า [สำหรับการเอาชนะศัตรูที่มีปืนได้ โดยไม่ใช้ปืนและชนะได้ด้วยตัวคุณเอง คุณจะได้รับแต้มโบนัส 10 แต้มและการ์ดใบใหม่ [เทคนิคทำลายขีดจำกัด – เร็วดั่งกระสุน] แล้วตอนนี้และก็ลดราคาเป็นระยะเวลาจำนวนจำกัดหนึ่งสัปดาห์!