ตอนที่ 354 เฉิน เฟยยู่ (FREE)
ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ นึกถึงข้อความหนึ่ง
ประชาชนทุกคนเป็นทหาร!
มันเป็นไปตามนั้นจริงๆ!
ตอนที่เขาเห็นจดหมายของ องค์หญิง ฉาน ยู่ เขามีความกล้าหาญขึ้นมาทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่ กล้ายืนยันเรื่องนี้
แต่ตอนนี้เขาได้ทดสอบมันแล้ว
ซึ่งมันตรงกับที่เขาได้คาดเดาเอาไว้
อย่างไรก็ตามมันหมายความว่าการทดสอบด้านการต่อสู้นั้นเป็นปัญหาใหญ่มาก
ถ้าเขาเดาไม่ผิดหัวหน้าถิ่นฐานทั้ง4แห่งตัวจริง ได้ถูกสับเปลี่ยนตัวกับเหล่าแม่ทัพของดินแดนภูเขาทางใต้แล้ว พลเมืองที่แท้จริงย่อมถูกเปลี่ยนตัวกับทหารของดินแดนภูเขาทางใต้เช่นกัน
ถิ่นฐานหลักทั้ง 4
แค่ปริมาณเพียงอย่างเดียวก็มีประมาณแสนกว่าคนแล้ว
ถึงแม้มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นทหารทั้งหมด แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะซ่อนทหารจำนวนหนึ่งหรือสองแสนเอาไว้
แผนของอาณาจักรเซี่ยคือใช้การทดสอบด้านการต่อสู้เปิดโอกาสเข้าควบคุมทั้ง 4 ถิ่นฐานหลัก จากนั้นใช้4ถิ่นฐานเพื่อเป็นฐานในการส่งกำลังทหารเข้าไปในดินแดนภูเขาทางใต้
ถ้าอาณาจักรเซี่ยรุกคืบไปมากกว่านี้พวกเขาก็จะโจมตี แต่ถ้าอาณาจักรเซี่ยถอยกลับ พวกเขาก็แค่ป้องกัน
และเนื่องจากดินแดนภูเขาทางใต้ดูเหมือนจะรู้แผนของอาณาจักรเซี่ย
พวกเขาเปลี่ยนประชาชนทั่วไปใน 4 ถิ่นฐานหลักกับทหาร
พวกเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
นี่คือแผนที่แท้จริงของดินแดนภูเขาทางใต้
สำหรับองค์หญิง ฉาน ยู่ ที่ตั้งค่ายทหารขนาดใหญ่อยู่นอก 4 ถิ่นฐาน
นางน่าจะมีเป้าหมายอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือดึงดูดความสนใจของอาณาจักรเซี่ยโดยการตั้งค่ายอยู่รอบนอก อย่างที่สองคือเพื่อป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด
นี่เป็นแผนที่สมบูรณ์แบบและยิ่งใหญ่มาก
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนวางแผนนี้?
เป็นราชาของดินแดนภูเขาทางใต้? หรือจะเป็นพวกชนชั้นสูงที่ เถิง ซือเซิง พูดถึง?
หรือว่าจะเป็น...
หยุน ชิงวู!
นายน้อยแห่งดินแดนปีศาจ!
ฟาง เจิ้งจือ เองก็ไม่รู้ อย่างไรก็ตามหลังจากยืนยันข้อมูลจากหัวหน้าถิ่นฐานแล้วนั้น เขาก็พบความจริงเบื้องหลังแผนนี้ อย่างไรก็ตามมันก็เป็นแค่เพียงการรับรู้เท่านั้น
การที่เขาจะขัดขวางแผนนี้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หากไม่มีคำสั่งราชาของดินแดนภูเขาทางใต้หรือพวกชนชั้นสูง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เหล่าทหารจะเคลื่อนไหวได้
ตอนนี้ต่อให้เขาจะควบคุมหรือกดดันเหล่าหัวหน้าถิ่นได้ แต่เมื่อพวกเขารวมตัวกันอีกครั้ง ความจริงจะต้องถูกเปิดเผย
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่ามันคงมีอะไรมากกว่าแค่การแสดง
ประชาชนของทั้ง 2 ประเทศนั้นมีความเชื่อที่แตกต่างกัน ถ้าเขาเสี่ยงเคลื่อนย้ายทหารของดินแดนภูเขาทางใต้โดยพลการละก็ เขามั่นใจว่าความตายต้องมาเยือนเขาแน่นอน
หรือว่า…
นี่เป็นเหตุผลที่องค์หญิง ฉาน ยู่ บอกเหตุผลที่นางตั้งค่ายอยู่ที่นั่นกับเขาอย่างตรงไปตรงมา
ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้วมองกองไฟด้านหน้าของเขา ภายในเปลวเพลิง เขารู้สึกราวกับเห็นใบหน้าหนึ่ง ใบหน้าที่บอบบาง อย่างไรก็ตามใบหน้านั้นดูเหมือนจะเยาะเย้ยเขาอยู่
"ฟาง เจิ้งจือ ข้าได้บอกแผนของข้าแล้ว เจ้าจะสามารถทำะไรได้งั้นหรือ?"
ถูกต้อง…
ข้าจะทำอะไรเจ้าได้?
ตอนนี้ ฟาง เจิ้งจือ ทำอะไรองค์หญิงไม่ได้จริงๆหรือแม้แต่ทำอะไรกับองค์หญิง ฉาน ยู่
ความจริงหลังจากเขามั่นใจว่าดินแดนภูเขาทางใต้วางแผนอะไรไว้อยู่แล้วนั้น เขาก็มีความคิดหนึ่ง นั่นคือรีบออกจาก 4 ถิ่นฐานหลักให้เร็วที่สุด จากนั้น ก็ให้ เถิง ซือเซิง พาเขาไปสักที่ที่ห่างไกลจากดนแดนภูเขาทางใต้
อย่างไรก็ตาม ...
ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เหยียน ซิว ละ?
ปล่อยให้ เหยียน ซิว อยู่ที่นี่และรอทหารนับแสนทำการปฏิวัติ? ไม่ ข้าต้องพา เหยียน ซิว ไปด้วย!
ฟาง เจิ้งจือ กัดฟันและตัดสินใจที่จะทำตามแผนแรกของเขา จากนั้นเขาก็เหลือบมองไปยังหัวหน้าถิ่นที่อยู่ด้านหน้าเขา
"บอกสถานการณ์ปัจจุบันมา!"
"ท่านกำลังถามข้าเกี่ยวกับการทดสอบต่อสู้งั้นหรือ?" เมื่อหัวหน้าถิ่นได้ยินคำถามของ ฟาง เจิ้งจือ เขาก็ถามด้วยความสงสัยขึ้นมาทันที
"ใช่!""
"คำสั่งของข้าคืออยู่ที่ถิ่นฐานแสงสายฟ้า ดังนั้นข้าจึงไม่รู้เกี่ยวกับการทดสอบมากนัก ข้ารู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นเกี่ยวกับถิ่นฐานราชสีห์คำราม " หัวหน้าถิ่นพยักหน้าและตอบทันที
"เอาล่ะ งั้นบอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มา" ฟาง เจิ้งจือ คิดว่า หัวหน้าถิ่นเล็กๆนั้นไม่น่าจะฉลาดมากเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตามมันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ที่สำคัญที่สุดคือ…
การถามเกี่ยวกับสถานการณ์การทดสอบด้านการต่อสู้นั้น จะทำให้เขาไม่ถูกสงสัย
"รับทราบ!" หัวหน้าถิ่นพยักหน้าอีกครั้ง และพูดทุกอย่างที่เขารู้ออกมา
เมื่อ ฟาง เจิ้งจือ ได้ยิน เขาก็เริ่มวางแผนการเดินทางของกองทัพของเขา อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาฟังไปเท่าไร เขาก็ยิ่งพบว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นซับซ้อนเกินกว่าที่เขาจินตนาการไว้
ความรู้สึกเหมือนเขากำลังยืนอยู่บนคมดาบ
หรือเล่นอยู่กับไฟ
อะไรกัน...
มันดูอันตรายมาก!
ฟาง เจิ้งจือ ขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องมองไปที่หัวหน้าถิ่นที่นั่งอยู่ด้านหน้า
ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา
...
ถ้าวันหนึ่งเจ้าเป็นผู้เข้าร่วมการทดสอบในการต่อสู้ที่สำคัญมากๆ และฝ่ายตรงข้ามมีพลังมากกว่าหรือเท่าเทียมเจ้า เจ้าจะตระหนักในทันทีว่าเจ้าต้องรีบก้าวหน้าและพัฒนาตัวเอง
ความแข็งแกร่งมากมายและความคิดที่แตกต่าง จะเอ่อล้นในจิตใจ และร่างกายของเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้น ตอนนั้นเองที่จะเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้
เจ้าจะมีความสุขมากไหม?
เฉิน เฟยยู่ หลงระเริงอยู่ในความสุขครั้งนี้จนแทบจะดึงตัวเองกลับมาไม่ได้ ในการทดสอบด้านปัญญา ผลของเขาก็ไม่เลวนัก
อันดับที่ 12 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง และเขาได้อันดับที่ 5 หลังจากการทดสอบด้านปัญญา เป็นความสำเร็จที่น่ายินดี และถือว่าค่อนข้างโดดเด่น
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ช่วยอะไร
เพราะไม่มีใครจะให้ความสนใจกับอันดับนี้ หลังจาพวกอันดับต้นๆอย่าง หนานกง เฮา, ฟาง เจิ้งจือ, ทั้งยังมี เหยียน ซิว และ วู่ เฟิง อีก
คนที่จะได้รับความสนใจต้องเป็นคนที่มีโอกาสจะเป็นผู้ชนะเท่านั้น
สำหรับอันดับที่อยู่ล่างผู้ชนะนั้น?
ไม่เพียงแต่จะไม่มีใครสนใจเท่านั้น ไม่ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน พวกเขาก็จะไม่ได้รับความสนใจจากผู้อื่นอยู่วันยังค่ำ
ภูมิฐานของ เฉิน เฟยยู่ ไม่ได้ต่ำต้อยนักเขาเป็นทายาทโดยตรงของ 1 ใน 13 กองตรวจการ พี่สาวของเขา ฮั่ว เฟย เป็นถึงนางสนมขององค์จักรพรรดิ แม้แต่ ปิง หยาง ยังต้องเรียก เฉิน เฟยยู่ ว่าลุง
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องไร้ประโยชน์
เฉิน เฟยยู่ มีความสามารถสูงมาตลอดมีเหตุการณ์ที่น่าทึ่งในหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่นอ่านบทกวีได้ตอนอายุ 7 ขวบ และสามารถเขียนบทเขียนตัวอักษรที่สวยงามได้เมื่ออายุได้ 9 ขวบ
อย่างไรก็ตามโชคไม่ดีที่มันยังคงไร้ประโยชน์
เพราะว่าพี่สาวของเขา นางสนมฮั่ว เฟย นั้น สามารถท่องบทกวีได้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ และสามารถเขียนตัวอักษรได้ตั้งแต่ 8 ขวบดังนั้นแม้เขาจะท่องบทกวีได้ตั้งแต่ 7 ขวบและต้องการได้รับความชื่นชมจากพ่อแม่ แต่พวกเขากลับมองข้ามอย่างเมินเฉยและพูดออกมาเพียงสั้นๆเท่านั้น
"พอรับได้!"
จากนั้นชีวิตของ เฉิน เฟยยู่ นั้น ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยคำสาป
อันดับ 12 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง ก็เป็นสิ่งที่น่าประทับใจแล้ว แต่อย่างไรก็ตามผู้คนก็ให้ความสนใจกับ 10 อันดับแรกอยู่ดี หรืออาจพูดถึงอันดับที่ 11 ว่าน่าจะมีโอกาสติด 10 อันดับแรกเท่านั้น
แล้วอันดับที่ 12?
ใครจะสนใจเรื่องนั้น!
ไม่เลว ,ก็ทำได้ดี ,พอรับได้
คำพวกนี้เป็นสิ่งที่ เฉิน เฟยยู่ ได้ยินมาตลอดทั้งชีวิต
ไม่นานมานี้ ในการแข่งขันล่าสัตว์ที่ลานตะวันออก ความสามารถในการควบม้าของเขาเป็นเรื่องที่น่าประทับใจอย่างไรก็ตามไม่มีใครให้ความสนใจกับเขาตั้งแต่เริ่มแข่งขัน
เพราะที่ด้านหน้าของเขามีอันดับที่ 6 และ 7 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่งอยู่ ก็คือ เจียง เทียนหยิง และ ถัง จงหมิง นอกจากนี้ยังมีทั้ง องค์ชาย9 หลิน หยุน และองค์หญิง ปิง หยาง อีก
ดังนั้น
คนที่ไม่มีโอกาสที่จะเอื้อมถึง 3 อันดับแรก คงไม่มีให้ความสำคัญกับเขาแน่
นี่เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก ยิ่งน่าเศร้าไปกว่าเดิม ฟาง เจิ้งจือ ได้รับความสนใจมากกว่าเขาเพราะม้าริ้วโคลนที่ ฟาง เจิ้งจือ ขี่อยู่ มันเป็นโชคร้ายของเขา
ไม่มีใครสนใจอันดับที่ 5 ในการทดสอบระดับสภาด้านปัญญา ไม่มีใครสนใจว่าใครเป็นที่ 4 ในการแข่งขันล่าสัตว์ นับตั้งแต่ที่เข้ามมาในดินแดนภูเขาทางใต้ ทุกคนล้วนให้ความสนใจเพียง หนานกง เฮา และ วู่ เฟิง เท่านั้น
และแม้แต่การที่เขาสอบถามข่าวกรองที่มีการส่งออกไปยังเหล่าองค์ชาย
ในรายงานก็มีเพียงเรื่อง วู่ เฟิง ทำอะไรอยู่ หนานกง เฮา ทำอะไรอยู่ และ เหยียน ซิว ทำอะไรอยู่ อย่างไรก็ตาม เฉิน เฟยหยู่ ผู้ที่ยึดถิ่นฐานราชสีห์คำรามได้แล้วนั้นกลับไม่มีใครพูดถึงแม้แต่น้อย
ทำไมเขาถึงไม่ถูกพูดถึงเลย
เขายึดครอง 1 ใน 4 ถิ่นฐานหลักได้เลยนะ ทำไมไม่มีใครรายงานเรื่องของเขาเลยล่ะ?
เฉิน เฟยหยู่ ได้รับผลกระทบอย่างมากจากเรื่องนี้!
เพียงเพราะเกิดมาใน 13 กองตรวจการ ไม่ใช่จากตระกูลขุนนาง? การที่เขาได้อันดับที่ 12 บนทำเนียบมังกรดาวรุ่ง ยังไม่เพียงพออีกรึ?
อย่างไรก็ตาม ชีวิตของ เฉิน เฟยหยู่ เหมือนถูกกำหนดให้อยู่แต่ภายในหลุมดำ ไม่มีวันที่จะออกมาได้
ไม่เพียงแต่เขาไม่ได้แสดงเป็นตัวละครหลัก แม้แต่ตัวประกอบ เขายังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็น ถ้าจะให้บรรยายเกี่ยวกับเขาแล้วละก็ มันคงเป็นชายผู้ที่ทำได้ทุกอย่างแต่ไม่มีชื่อ่
หรือต่อให้มีชื่อ
ก็ต้องมีคนถามอยู่ดีว่า เฉิน เฟยหยู่ คือใคร?
เพจหลัก : Double gate TH