ตอนที่ 145 ทรราชย์
หลิงฮันเคยได้ยินชื่อของ 'เฟิงหยาง' มาหลายครั้ง
ตอนที่เขาอยู่ที่หุบเขาเจ็ดวายุและได้พบกับเฟิงหลัว นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องของเฟิงหยางและภายหลังเขาก็ได้รับความนับถือจากหลี่เฮ่าและคนอื่นๆ หลังจากนั้น ในระหว่างการประลองต้าหยวน ชื่อของเฟิงหยางได้ถูกกล่าวบ่อยขึ้น นั่นคือชื่อของอัจฉริยะที่สามารถทำให้อัจฉริยะอย่าง ฉีฮวงเย่ หลีตงเย่ และคนอื่นกลายเป็นอ่อนแอเมื่อเทียบกับเขา
หลังจากที่เขามาถึงสำหนักหู่หยาง เขาพบว่าความสามารถของเฟิงหยางนั้นทำให้เขาได้รับการจัดอันดับศิษย์แท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดสิบอันดับแรกของสำนักและอาจมีคุณสมบัติมากพอที่จะท้าทายศิษย์หลักของสำนักได้
เพราะว่าเฟิงหลัว หลิงฮันจึงไม่มีทางที่เขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกับเฟิงหยางได้
และในคืนนี้ ในที่สุดพวกเขาก็พบเจอกัน
"ฮ่าฮ่าฮ่า มันไม่สำคัญว่าพี่หยางจะมาถึงเวลาไหน ข้าก็ยินดีต้อนรับท่านอยู่แล้ว" องค์ชายสามกล่าวเสียงดังพร้อมกับหัวเราะออกมา
"ฟุบ" ร่างของคนคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน เขาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมและสูงและมีคิ้วที่แหลมคมพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกาย และยังมีเส้นผมสีดำหนาและดูเหมือนกับว่ามีแสงศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมร่างกายของเขาไว้ ทำให้ทุกคนที่เห็นเขาต้องหลงเสน่ห์ของเขา
สายตาของหลิงฮันหดแคบลงอย่างกะทันหัน ระดับก่อเกิดธาตุขั้น 7!
ก่อนปีใหม่ ไม่ใช่ว่าชายคนนี้อยู่แค่ระดับก่อเกิดธาตุขั้น 3 หรอกหรือ? มันเป็นไปได้อย่างไรที่เขาทะลวงผ่านระดับพลังได้ถึง 4 ขั้นเพียงแค่สองเดือน? เรื่องนี้มันน่ากลัวยิ่งกว่าตัวหลิงฮันเองเสียอีก!
ผู้ชายคนนี้จะต้องได้รับอะไรบางอย่างมาอย่างแน่นอน มิฉะนั้นใครจะสามารถก้าวข้ามหลิงฮันที่มีเม็ดยาของเขาคอยสนับสนุนการบ่มเพาะพลังของเขา ทั้งยังมี รากฐานวิญญาณระดับนิรันดร์ และทักษะบ่มเพาะระดับสวรรค์ในแง่ของความเร็วในการบ่มเพาะกัน?
เฟิงหยางเป็นชายที่เป็นที่รู้จักแพร่อย่างหลายในหมู่รุ่นเยาว์แห่งแคว้นพิรุณ และเป็นคนที่ไม่มีใครกล้าที่จะสบประมาท ชายคนนี้มีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณได้ในวันหนึ่งและกลายเป็นหนึ่งในจอมยุทธที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นพิรุณ
"พี่เฟิง!" องค์ชายสามลุกขึ้นยืนและประสานมือไปในทิศทางของเฟิงหยาง เขาคิดว่าเขามีระดับบ่มเพาะพลังสูงกว่าเฟิงหาน แต่เขาไม่มีสัมผัสพิเศษดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าชีวิตที่แล้วของหลิงฮันนั้นเป็นถึงจอมยุทธระดับสวรรค์ นอกจากนี้ เขายังคิดว่าหลิงฮันนั้นค่อนข้างที่จะห่างไกลจากเฟิงหยาง ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถระบุระดับบ่มเพาะพลังได้แม่นยำเท่าหลิงฮัน
"ฝ่าบาท!" เฟิงหยางประสานมือเช่นกันและกวาดสายตามองไปที่แขกทุกคนแล้วกล่าวว่า "ข้ามาที่นี่เพราะอย่างแรกข้าอยากเคารพฝ่าบาท อย่างที่สอง ข้าได้ยินมาว่ามีใครบางคนที่ใส่ร้ายน้องข้าจนเกือบทำให้เขาถูกขับไล่ออกจากสำนักอยู่ที่นี่ในค่ำคืนนี้ด้วย"
ขณะที่เฟิงหยางพูดประโยคสุดท้าย เขาหยุดกวาดสายตาและจ้องมองไปที่หลิงฮัน เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักหลิงฮัน
ในตอนแรกองค์ชายสามรู้สึกตกใจ ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกไหม้อยู่ภายในหัวใจของเขา
มันเห็นได้ชัดว่าเฟิงหยางมาที่นี่เพื่อหาทางแก้แค้น แต่ตอนนี้ปัญหาคืองานเลี้ยงนี่เขาเป็นเจ้าภาพและเฟิงหยางมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา! เฟิงหยางไม่ไว้หน้าเขามากขนาดไหนกัน? อันที่จริงเขาประเมินเฟิงหยางไว้สูงมาก หากพูดด้วยความสัตย์จริงแล้ว ระดับบ่มเพาะพลังของเฟิงหยางนั้นต่ำกว่าเขาและสิ่งที่เขามองเห็นคือศักยภาพในอนาคตของเฟิงหยางที่จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ในแง่ของภูมิหลัง ตระกูลเฟิงมีเพียงแค่จอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุเท่านั้น และในแง่ของความสามารถส่วนตัว เฟิงหยางอยู่แค่ระดับก่อเกิดธาตุขั้น 3 เท่านั้น นั่นหมายความว่าเฟิงหยางนั้นไม่ได้ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย?
ในหัวใจขององค์ชายสาม หลิงฮันมีตัวตนระดับสูงสองคนที่เป็นนักปรุงยาอยู่เบื้องเห็นได้ชัดว่าหลิงฮันมีความสำคัญกว่าเฟิงหยางมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะสนับสนุนหลิงฮันอย่างไร้ความลังเล เขากล่าวออกมาว่า "พี่เฟิง ข้าเองก็อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้น และข้าสามารถรับประกันได้ว่ามันเป็นเพราะน้องชายของท่านที่ตั้งใจใส่ร้ายหลิงฮัน"
ในขณะเดียวกัน หลิงฮันได้ขมวดคิ้ว เพราะเขาได้ยินคำพูดของเฟิงหยาง 'เกือบจะทำให้เขาถูกขับไล่ออกจากสำนัก' นั่นหมายความว่าเฟิงหลัวยังคงเป็นศิษย์ของสำนักหู่หยาง?
มันเป็นไปได้ยังไง?
หลิงฮันต้องการที่จะสะสางปัญหาเก่า แต่ทว่าตอนนี้ เขาอยากเตะก้นเฟิงหลัวออกจากสำนักและเฟิงหยางที่เพิ่งจะมาถึง ซึ่งมันได้ใช้วิธีการบางอย่างดึงตัวหลิงฮัวกลับเข้ามาในสำนักได้
"สำนักได้ตรวจสอบแล้วว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเว่ยเหอเลอแต่เพียงผู้เดียว มันเป็นเขาที่ขโมยเหรียญตราที่ข้าให้เฟิงหลัวยืม ก่อนหน้านี้เว่ยเหอเลอเคยมีความขัดแย้งกับหลิงฮันและใส่ร้ายน้องข้า" เฟิงหยางกล่าว
ทำไมเขาถึงไร้ยางอายขนาดนี้?
ทุกอย่างถูกวางแผนโดยเฟิงหลัวไว้หมดแล้ว แต่ทำไมเขาถึงกลายเป็นเหยื่อตามที่พี่ชายของเขาต้องการ? การเปลี่ยนผิดให้เป็นถูกมันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเฟิงหยาง?
แต่หลิงฮันกลับไม่แสดงความรู้สึกโกรธออกมาแม้แต่น้อย ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ และในโลกใบนี้ อำนาจและเหตุผลสามารถตัดสินได้ด้วยกำปั้น สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมเฟิงหยางถึงทำตัวมั่นใจขนาดนั้นทั้งๆที่เขาอยู่ระดับรวมธาตุขั้น 7 เท่านั้น
ต้องรู้ก่อนว่าถึงแม้เฟิงหยางจะก้าวเข้าสู่ระดับห้วงจิตวิญญาณ แต่เขาก็ยังคงเป็นคนของแคว้นพิรุณ และยังไม่ถึงระดับที่เขาสามารถหลบหนีจากอำนาจของจักรพรรดิได้ หากเขาจะทำเช่นนั้นเขาจะต้องอยู่ระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเป็นอย่างน้อย และถ้าหากอยู่ในระดับบุปผาผลิบาน นั่นจะเป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าคนอื่นทั้งหมด
เฟิงหยางน่าจะไม่ใช่คนโง่เขลาแบบนั้น
องค์ชายสามไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าเฟิงหยางจะกล้าที่จะต่อต้านเขาขนาดนี้ ความคิดแล่นอยู่ในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเฟิงหยางอาจอยู่ฝ่ายพี่ใหญ่ของเขาหรือพี่ชายคนที่เจ็ดของเขาแล้ว และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันไม่เกรงกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย? แต่มันไม่สำคัญว่ามันจะเป็นแบบไหน มันกล้าที่จะพูดไม่ไว้หน้าเขาต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก นี่คือการท้าทายอำนาจของเขาและเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจทนยอมได้
"เฟิงหยาง ระวังคำพูดของเจ้าด้วย!" องค์ชายสามลบรอยยิ้มบนใบหน้าและสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างกะทันหันพร้อมกับมีแรงกดดันออกมาจากร่างกายของเขาเล็กน้อย
เมื่อบุตรแห่งพระเจ้าโกรธ โลหิตจะต้องหลั่งไหลไปไกลกว่าหนึ่งหมื่นไมล์!
แม้ว่าองค์ชายสามยังไม่ได้เป็นจักรพรรดิ แต่ด้วยอำนาจที่อยู่ในมือทำให้เขามีสถานะสูงกว่าทุกคน และถ้าเขาได้เป็นจักรพรรดิ เขาอาจทำให้ทุกคนต้องเคารพและเกรงกลัวต่อเขา
"ฝ่าบาทได้โปรดมอบเรื่องนี้ให้ข้าเป็นคนจัดการและข้าจะไว้หน้าท่านโดยที่จะไม่สังหารมัน!" เฟิงหยางไม่ได้แสดงร่องรอยของความหวาดกลัวออกมาเลย และถึงขั้นได้ประกาศเงื่อนไขของเขากับองค์ชายสาม
ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่!
เฟิงหยางเสียสติไปแล้ว? นั่นคือองค์ชายสามที่มีอำนาจมากที่สุดในสำนักหู่หยางเชียวนะ และความสามารถของเขายังมีมากพอที่จะเอาชนะเฟิงหยางอีก
แม้ว่าองค์ชายสามจะเก่งในเรื่องปกปิดความคิดของเขา แต่เมื่อได้ยินคำพูดแบบนั้นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ซึ่งเป็นนัยว่าเขากำลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆและระงับความรู้สึกพวกนี้ไว้ก่อนที่จะพูดอย่างใจเย็นว่า "เจ้าชักจะเลยเถิดเกินไปแล้ว"
"หรือว่าองค์ชายสามคิดที่จะไม่ส่งตัวมันให้กับข้า?" เฟิงหยางยิ้มเย้ยออกมาเล็กน้อย
"เจ้ากล้าที่จะใช้กำลังต่อหน้าข้า?" องค์ชายสามถามออกไปด้วยความหนาวเย็น เขารู้สึกโกรธอย่างแท้จริง
"ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องจับกุมคนผิด หรือว่าองค์ชายสามมีเจตนาที่จะปกป้องเจ้าอาชญากรนั่น?" เฟิงหยางเดินไปข้างหน้าและแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เกรงกลัวองค์ชายสามเลย
"สามห้าว!" จื่อเหยียนกระโดดมาอยู่ข้างหน้าพร้อมกับกริชสีน้ำเงินที่อยู่ในมือแต่ละข้างของนาง และนางได้พุ่งเข้าหาเฟิงหยาง "ซู่ว ซู่ว ซู่ว" กริชสีน้ำเงินเริงระบำอยู่ในอากาศ
"อ่อนหัด!" เฟิงหยางกล่าวดูถูกและต่อยออกไปด้วยกำปั้น
กำปั้นของเขามันน่าสะพรึงกลัวมาก ราวกับว่าแม้แต่ภูเขายังต้องพังทลายลง เขาเพียงแค่ปล่อยกำปั้นออกมาและสีหน้าของจื่อเหยียนเริ่มซีดขาวอย่างสมบูรณ์ เส้นผมสีแดงเข้มของนางปลิวว่อนไปมาราวกับว่ามีพายุเพิ่งพัดผ่านไป
"ปัง!"
กำปั้นของเขายังไม่โดนตัวนาง แต่จื่อเหยียนก็ถูกซัดปลิวออกไปแล้ว ขณะที่นางกำลังบินอยู่ในอากาศได้มีสายโลหิตบินทิ้งท้ายอยู่เบื้องหลังนาง
น..น..น..นี่มัน...ทุกคนรู้สึกตกตะลึง เฟิงหยางกล้าทำให้นางได้รับบาดเจ็บจริง เขาบ้าไปแล้วหรือว่าเขามีลูกไม้บางอย่างซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขา?
"ขยะ!" องค์ชายสามพูดพึมพัมออกมา เขาเดือดดาลมากและตอนนี้หนึ่งในคนของเขาพ่ายแพ้ด้วยหมัดเดียว ทำให้เขาควบคุมสติอารมณ์ของเขาไม่อยู่และช่วยไม่ได้ที่เขาจะสบถคำนี้ออกมา
จื่อเหยียนดูเหมือนว่านางจะได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ร่างกายของนางตัวสั่นเทาเล็กน้อยและกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
จากนั้นเฟิงหยางหันไปมองหลิงฮันและกล่าวออกไปว่า "เจ้ากล้าหาญมาก!"
*ติดตามข่าวสารได้ที่ เพจ*