ตอนที่แล้วตอนที่ 341 ต่อเนื่อง (FREE)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 343 เจตนาฆ่า (FREE)

ตอนที่ 342 ตะปู! (FREE)


องค์หญิงผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที

นางรู้เป็นอย่างดีว่าธนูหวายเพลิงนั้นใช้ยากแค่ไหน  นางรู้ดีว่าต้องมีพลังระดับไหนถึงจะดึงสายธนูจนกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยวได้

ผนวกดารา!

และอย่างน้อยต้องเป็นขั้นสูงสุด!

ฟาง เจิ้งจือ อายุเท่าไหร่?

เขาอายุเพียง 15-16 ปี แต่มีพลังถึงระดับนี้?

ด้วยความสามารถขนาดนี้ เขาต้องได้รับความชื่นชมเป็นอย่างสูงมากในอาณาจักรเซี่ยและดินแดนภูเขาทางใต้ เขาไม่ได้เป็นแค่ทหารธรรมดาแน่นอน!

ตอนนี้เองที่องค์หญิง ฉาน ยู่ มั่นใจ

ดังนั้น

นางจึงคิดถึงคำถามอื่น

ฟาง เจิ้งจือ และแม่ทัพไถ่ อยู่คนละขอบของสนามฝึกซ้อม มันเป็นระยะห่างที่มากที่สุดแล้ว

ถ้า ฟาง เจิ้งจือ หยิบธนูขึ้นมาในตอนนี้นั่นหมายความว่า...

การที่เขาถอยมาก่อนหน้านี้เพราะมีเป้าหมาย?

เมื่อองค์หญิงคิดถึงเรื่องนี้ นางก็กำมือแน่นโดยสัญชาตญาน  ผลไม้ที่อยู่ในมือนางระเบิดออกด้วยแรงบีบแน่น

ดวงตาของแม่ทัพไถ่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง

สายธรรมดาๆของอาณาจักรเซี่ย ไม่มีทางดึงสายธนูนี้ออกแน่นอน?

แล้วตอนที่เขาแข่งกับองค์หญิง ฉาน ยู่ แล้วไม่สามารถดึงสายธนูได้ละ... เจ้าเด็กนี่กล้าหลอกเขา?!

เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะระเบิดความโกรธออกมา

ลูกศรพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า เต็มไปด้วยพลังที่ทำให้เกิดเสียงขณะที่มันพุ่งผ่านอากาศ ปลายหางส่องแสงออกมาเป็นสีแดง

ถ้าเป็นเวลาอื่นแม่ทัพไถ่อาจจะไม่สนใจลูกศรแบบนี้

อย่างไรก็ตามเวลานี้แตกต่างออกไป

เขาไม่สามารถใช้ระดับพลังของเขาเพื่อป้องกันมันได้  ทั้งหมดที่เขามือคือเลือดเนื้อของเขา  ลูกศรที่ถูกยิงออกมาด้วยธนูหวายเพลิง ระยะใกล้

จะใช้ร่างกายตัวเองเพื่อป้องกันมันงั้นรึ?

มีแต่เพียงคนโง่เท่านั้นที่จะทำแบบนั้น!

แม่ทัพไถ่หลบโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเขากลิ้งหลบพร้อมกับถือขวานในมือไปด้วย

"ฟุ้บ!" ลูกศรบินผ่านหัวของเขาไป

เกิดไฟไหม้บนเคราของเขาทันที

"โอ๊ย โอ๊ย!" แม่ทัพไถ่พยายามจะดับไฟ  เขามัวแต่ตะลึงกับการที่ ฟาง เจิ้งจือ ดึงสายธนูได้

ครั้งนี้เขาไม่มีทางที่จะตื่นตระหนกกับมันอีกแล้ว

ขณะที่เขากำลังคิดลูกศรลูกที่ 2 ก็พุ่งเข้ามาทันที

"หึ เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้ตัวเองโดนเจ้ายิงหรือไงกัน?!" แม่ทัพไถ่หัวเราะด้วยความเยือกเย็น เขาไม่ได้กลิ้งหลบอีก  เขาพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับก้มหัวลงเอามือตะกายไปที่พื้น ราวกับเสือที่กระโจนลงจากภูเขา

เขาเข้าใกล้ ฟาง เจิ้งจือ เรื่อยๆพร้อมกับหลบ ฟาง เจิ้งจือ ไปด้วยโดยไม่เสียการเคลื่อนไหวอย่างไม่จำเป็นแม้แต่น้อย  มันเป็นกลยุทธ์ของเขา

เจ้าคิดว่าข้าจะยืนเฉยๆรอความตายงั้นรึ?

ทั้งหมดที่ข้าต้องทำเพียงเข้าไปใกล้เจ้าจนเจ้าไม่สามารถใช้ธนูหวายเพลิงได้อีก!

มันเป็นสิ่งที่ แม่ทัพไถ่คิด อย่างไรก็ตามความคิดนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความสับสน เพราะทันทีที่เขากระโจนไปข้างหน้าเขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ในมือของเขา

เมื่อเขามองลง

ดวงตาของเขาเผยความมึนงงอีกครั้ง

ทำไมในสนามฝึกถึงมีของเช่นนี้อยู่ด้วย...

ตะปู!

มันเป็นตะปูจริงๆ นอกจากนี้มันยังโรยอยู่บนพื้นเป็นจำนวนมาก มันแหลมคมมากและตรงปลายก็มีส่วนโค้งคล้ายตะขอ

คราวนี้แม่ทัพไถ่ตกตะลึงอย่างชัดเจน

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีของแบบนี้ปรากฎขึ้นมา นอกจาก...

ขณะที่เขาคิด แม่ทัพไถ่ก็หันไปมอง ฟาง เจิ้งจือ จากนั้นเขาก็เห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังสาดตะปูบนพื้นทุกทิศทาง

"เด็กน้อย เจ้า ... " นับตั้งแต่ที่เขาเกิดมาแม่ทัพไถ่ไม่เคยโกรธแบบนี้มาก่อน  แม้ว่าเขาจะไม่ใช้พลังเพื่อปกป้องร่างกายของตัวเอง มีเพียงแค่กล้ามเนื้อเท่านั้น มันก็เป็นไปไม่ได้ที่ตะปูจะเจาะลงไป ถ้าเขาให้ความสนใจมันเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายทุกส่วนจะไม่ได้รับอันตรายจากตะปู เช่น ดวงตา หู หรือปาก

ใครจะฝึกร่างกายส่วนพวกนี้ให้แข็งเหมือนเหล็กได้?

ก่อนหน้านี้แม่ทัพไถ่ถูกบังคับให้เอามือวางลงที่พื้นเพื่อการกระโจนไปข้างหน้า มือของเขาได้รับการฝึกฝนมา  อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่เขาไม่ได้ระมัดระวังอะไร ตะปูก็ยังสร้างรอยเล็กๆบนฝ่ามือเขาได้

"ฟุ้บ!" ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้สนใจแม่ทัพไถ่แต่อย่างใด  เขาตอบคำถามของแม่ทัพไถ่ด้วยลูกศร  กลิ้งหลบรึ?  ทำให้ข้าดูหน่อยสิว่าเจ้าจะกลิ้งไปได้แค่ไหน!

องค์หญิงมอง ฟาง เจิ้งจือ ที่โปรยตะปูไปทั่วสนามฝึกพร้อมกับสบถออกมา "หน้าด้านมาก!"

อย่างไรก็ตามนางนึกถึงปัญหาอื่นได้อย่างรวดเร็ว

ในสนามที่เต็มไปด้วยตะปู แม่ทัพไถ่นั้นเป็นนักรบของดินแดนภูเขาทางใต้ ร่างกายย่อมแข็งแกร่งกว่า ถ้า ฟาง เจิ้งจือ เผลอไปเหยียบมันละก็...

เขาจะไม่เสียเปรียบงั้นรึ?

ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?

องค์หญิง ไม่เข้าใจ ถ้าเพราะไม่ให้แม่ทัพไถ่เข้าใกล้เขา มันก็ดูไม่น่าเป็นไปได้ เนื่อจากสนามฝึกไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก  ถ้า ฟาง เจิ้งจือ ต้องการจะใช้ธนูอย่างต่อเนื่อง เขาไม่สามารถยืนอยู่จุดเดิมนานๆได้

ฟาง เจิ้งจือ เคลื่อนไหว

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถอยู่ที่มุมสนามได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ...

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปทำให้ทุกคนตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ ยิงธนูไปเรื่อยๆ เขาก็โปรยกับดัก อาวุธลับและตะปูจำนวนมากลงไปที่พื้นด้วย

ในทางตรงกันข้ามแม่ทัพไถ่กลิ้งไปรอบๆด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

หัวของเขายังก้มลงเรื่อยๆ มองไปที่พื้นที่เท้าของเขาจะก้าวไป  อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ต่อให้เขาจะไม่ได้ถูกตะปูทิ่มเลย แต่ตอนนี้เขารู้สึกราวกับตัวเองกำลังเต้นรำอยู่บนใบมีด

เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองเดินเหยียบตะปู

เขาต้องบังคับให้ตัวเองกระโดดขึ้นสูงขณะกระโจนไปข้างหน้า  ทำให้เวลากระแทกลงกับพื้นอีกครั้งเกิดเสียงดังก้อง

เทียบกับแม่ทัพไถ่แล้วนั้น

ฟาง เจิ้งจือ ดูสบายกว่ามาก

เขาเต้นไปรอบๆสนามราวกับกับลังขี่สายลมอยู่ สายตาของเขามองไปข้างหน้าเสมอและไม่ก้มลงมองที่เท้าเลยแม้แต่น้อย  ราวกับเขามีตาใต้เท้าทำให้สามารถหลีกเลี่ยงตะปูไปได้ทั้งหมด

แม่ทัพไถ่ก็คอยกระโจนเพื่อตามล่า ฟาง เจิ้งจือ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ฟาง เจิ้งจือ เคลื่อนที่ไปรอบสนามอย่างสบายๆ เขาก็หยิบธนูขึ้นมาและยิงไปทางแม่ทัพไถ่อีกครั้ง

องค์หญิงขมวดคิ้วเล็กน้อย  นางไม่เข้าใจว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงไม่เหยียบโดนมันแม้แต่น้อย ทั้งๆที่แม่ทัพไถ่ต้องระวังมันเป็นอย่างมาก

ทำไมกัน?

ดวงตาขององค์หญิงมองไปที่ตะปูรวมถึงกับดักที่อยู่บนสนาม  หลังจากผ่านไป 15 นาที ท่าทีของนางเริ่มเปลี่ยนไปช้าๆ จากแปลกใจเปลี่ยนเป็นตื่นกลัว

"เจ้าเด็กนี่รู้... "

ภูเขาทางใต้นั้นก่อตั้งมาด้วยความยากลำบาก

ท่ามกลางภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าและสัตว์ร้ายที่น่ากลัว อาจพูดได้เลยว่าหากเกิดเป็นชาวดินแดนภูเขาทางใต้จะต้องเป็นนักรบที่กล้าหาญ

ทำเลที่ตั้งในการตั้งถิ่นฐานนั้นทำให้พวกเขาได้รับการฝึกเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อจำกัดอยู่แค่ที่ดินแดนภูเขาทางใต้ เป็นเรื่องยากที่ดินแดนภูเขาทางใต้จะสร้างวัฒนธรรมที่เหมือนอาณาจักรเซี่ย

ตามความจริงในประวัติศาสตร์ องค์ราชาของที่นี่ปรารถนาจะรวมถิ่นฐานทั้งหมดเข้าด้วยกันแต่มันก็ยากจนเกินไป

วัฒนธรรมที่แตกต่างและข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เป็นไปได้ยากมาก

แม้จะเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด อย่างการก่อสร้างถนน

ดินแดนภูเขาทางใต้ก็ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้ การสร้างถนน ตัดผ่านภูเขาเป็นงานที่หนักมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รวมถึงพวกสัตว์ป่าอันดุร้าย....

เพราะมีสัตว์ร้ายบางตัวที่แม้แต่องค์ราชาเองก็ไม่กล้าไปยุ่งกับมัน

ดังนั้นประเพณีวัฒนธรรมจึงไม่ได้รับการเผยแผ่มากนัก

ส่งผลให้เกิดจุดอ่อนขนาดมหึมา

นั่นคือไม่มีคนที่คอยโน้มนำ!

องค์หญิงฉาน ยู่ ไม่เคยสนใจคนที่เป็นสายของอาณาจักรเซี่ย นางไม่เคยชายตามองเหล่าอัจฉริยะที่มีพลังอันมากมายแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามเมื่อได้พบกับคนที่รู้วิธีวางแผนและจัดทำยุทธศาสตร์ทางทหาร นางจึงต้องเหลือบตามอง ครั้งแรก ครั้งที่2 ครั้งที่3 ...

ราวกับชาวนาที่กำลังเพาพปลูกในหน้าแล้งเห็นฝนตกลงมา  ความตื่นเต้นที่นางไม่อาจอธิบายได้

"แบบแผน? มันเป็นแบบแผน!"องค์หญิงไม่รู้เลยว่า ฟาง เจิ้งจือ ทำได้ยังไงแต่นางมั่นใจว่า ฟาง เจิ้งจือ ใช้แบบแผนบางอย่างในการโปรยตะปูลงไปที่สนามฝึก

...

ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

สิ่งที่เขาคิดตอนนี้นั้นง่ายมาก นั่นคือการกำราบคู่ต่อสู้อย่างสิ้นเชิง หรือแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบที่เขามีในการต่อสู้ครั้งนี้ ด้วยตะปู ...

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถโยนมันออกไปได้อย่างมั่วซั่ว  ไม่งั้นเขาจะไม่รู้เลยว่าหลังจากที่โยนมันไปแล้ว จะเป็นเขาเองที่เหยียบโดนมันหรือไม่  เขาจึงต้องโยนออกไปอย่างเป็นแบบแผน

ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดคือ

อย่างน้อยๆ ฟาง เจิ้งจือ ก็ได้เห็นท่าทีที่หวาดกลัวและตกใจของเหล่าทหารที่ยืนดู

ความจริงแล้ว เหล่าทหารตกใจมากกว่าที่ ฟาง เจิ้งจือ คิดเอาไว้เพราะพวกเขาไม่เคยคิดฝัน

แม่ทัพเสือใหญ่แห่งภูเขาทางใต้

อยู่ในสถานะที่พ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชบนสนามประลอง เพียงเพราะเด็กที่เป็นสายของอาณาจักรเซี่ย

ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้แม่ทัพไถ่ยังไม่สามารถแตะตัว ฟาง เจิ้งจือ ได้แม้แต่เส้นผม กลับกันเขาเป็นฝ่ายถูกต้อนซะเอง

ใบหน้าของเขาทั้งบวมทั้งมีเลือดกระเซ็น

ตอนนี้เอง สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุด ...

เพราะลูกศรของ ฟาง เจิ้งจือ มาทั้งทางซ้ายและขวา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากกลิ้งไปบนพื้นสนาม ตะปูที่มีอยู่ติดทั้งชุดและฝ่ามือของเขา

ตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่ดูเหมือน แม่ทัพเสือใหญ่ที่ทุกคนเคยรู้จักแม้แต่น้อย

เมื่อเทียบกับท่าทีสบายๆของ ฟาง เจิ้งจือ ที่ยิงธนูออกมาเรื่อยๆราวกับจะไม่มีวันหยุด

เพจหลัก : Double gate TH

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด