GE57 สาวงามได้รับบาดเจ็บ การปรากฏตัวของปีศาจกระดูกขาว [ฟรี]
ภายในส่วนที่ 7 ของป่าภูติพราย ภูติผีในขอบเขตไร้แบ่งแยกเข้าห้ำหั่น จู่โจมปะทะกันอย่างรุนแรง ทำให้บริเวณนั้นเกิดหลุมขนาดยักษ์ ในจังหวะนั้น สตรีผู้ใบหน้าซีดขาวราวกับไร้โลหิต ได้ฉวยโอกาสหลบหนีมาทางส่วนที่ 6 ของป่า
ไม่นานนัก เสียงคำรามของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ก็ดังสะท้อนไปทั่วท้องนภา
“องค์หญิงเหม่ย คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำลายพลังและหลบหนีไปยังดินแดนที่ต่ำชั้น! ฮึ่ม เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้าไม่มีวิธีจัดการกับเจ้า! ‘หักกระดูกสร้างทหาร’!”
จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่หักกระดูกซี่โครงของตน ทำให้ซี่โครงซี่นั่นกลายเป็นปีศาจไล่ตามนางไป
“ไม่ส่ง ‘เศษเสี้ยวจิตวิญญาณจักรพรรดิ’ มาให้ข้า เจ้าคิดว่าจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของข้าอย่างนั้นรึ? ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ใดย่อมไม่มีทางให้เจ้าได้หลบหนี!”
...
หากข่าวการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกแพร่ออกไป ทั่วทั้งโลกพิรุณอาจสั่นสะเทือน ที่สำคัญ จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ ยังไม่ด้อยไปกว่าเทพกษัตริย์เนี่ย
แม้จะเกิดเรื่องราวร้ายแรง แต่หนิงฝานยังไม่ทราบ อีกอย่าง ระดับพลังของหนิงฝานยังไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนั้นได้
ผ่านไปสักระยะ หนิงฝานก็ปรุงโอสถเสริมวิญญาณแล้วเสร็จ เมื่อเปิดฝากระถางปรุงโอสถ กลิ่นหอมของโอสถแผ่ออกมาภายนอก แสงสีทองส่งประกาย ภายในนั้นมีโอสถราว 100 เม็ด
ชุ่ยหลิงและเยว่หลิงตกตะลึง ปรุงโอสถเพียงครั้งเดียว แต่กลับได้โอสถมากถึง 100 เม็ด ต่อให้เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ก็ไม่อาจทำได้
เมื่อหนิงฝานได้เห็นโอสถของตน เขาเองก็ปราะหลาดใจเช่นกัน
หนิงฝานเป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 หากผู้คนรู้ว่าต้องมาปรุงโอสถผันแปรที่ 2 เป็นจำนวนมากเช่นนี้ อาจได้กลายเป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คน
เมื่อครั้งที่อยู่เมืองฉีเหม่ย หนิงฝานเคยปรุงโอสถตะวันจันทราได้กว่าร้อยเม็ด แต่นั่นก็ใช้สมุนไพรไปมากเกินกว่า 100 ชุด
ก่อนจะเข้าสู่ป่าภูติพราย หนิงฝานได้ทดสอบตนเองอีกครั้งด้วยการปรุงโอสถเสริมวิญญาณด้วยสมุนไพร 100 ชุด แต่ได้โอสถเพียง 80 เม็ด
ยามนี้ การที่ตนเองปรุงโอสถผันแปรที่ 2 ได้โดยที่ไม่ล้มเหลวสักครั้ง ทำให้ประหลาดใจ
เมื่อย้อนนึก หนิงฝานจึงได้เข้าใจว่าเหตุใดตนเองจึงปรุงโอสถได้ดีขึ้น ทั้งหมดนั่นเพราะหนิงฝานทะลวงระดับไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง ทำให้ปราณในร่างทรงพลังมากขึ้น นอกจากนี้ สัมผัสเทพของหนิงฝานก็ยกระดับมากขึ้น
บางทีการยกระดับสัมผัสเทพเพียงอย่างเดียวอาจไม่เป็นประโยชน์กับการปรุงโอสถมากนัก สมควรยกระดับทั้งปราณ สัมผัสเทพ และทักษะการปรุงโอสถ
หนิงฝานเก็บโอสถที่ได้ไป จากนั้นนำมุกภาวะนาขึ้นมาแล้วกลืนมันลงไปตรงๆ
ชุ่ยหลิงและเยว่หลิงไม่ทราว่ามุกภาวนาคือสิ่งใด แต่พวกนางสัมผัสได้ถึงสัมผัสเทพที่แข็งแกร่ง ที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้น หากเป็นผู้คนทั่วย่อมไม่อาจทนกับพลังที่รุนแรงเช่นนั้นได้
ทั่วร่างของหนิงฝานเปล่งแสงสีเงินและดูดซับพลังวิญญาณ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญของนิกายกุ่ยเชว่ ไม่มีผู้ใดกล้ากลืนมุกภาวนาเข้าไปตรงๆเช่นนี้
1... 2... กระทั่งถึง 10 เม็ด สัมผัสเทพของหนิงฝานบรรลุครึ่งก้าวแก่นทองคำ อีกเพียงก้าวเดียว สัมผัสเทพของหนิงฝานจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ!
ยามนี้ ทะเลสติของหนิงฝานค่อยแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง นั่นคือ ‘ทะเลสติทองคำ’ ที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำมี
หนิงฝานกำมุกภาวนาเม็ดสุดท้ายที่ได้จากภูติผีขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดไว้ หนิงฝานสูดหายใจลึกก่อนจะกลืนมันเข้าไปโดยไม่ลังเล
ทันใดนั้นเอง สัมผัสเทพปะทุ ทะเลสติของหนิงฝานระเบิด ทำให้หนิงฝานมึนงง ใบหน้าซีดขาวไร้โลหิต โลหิตไหลออกจากมุมปาก
มุกภาวนาของภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย แตกต่างจากมุกภาวนาในระดับที่ต่ำกว่า! หากไม่เพราะทะเลสติของหนิงฝานแข็งแกร่ง เมื่อครู่คงต้านทานการระเบิดในฉับพลันไม่ได้
หนิงฝานเร่งนำขวดใส่โอสถเสริมวิญญาณออกจาก จากนั้นกลืนพวกมันลงไปอย่างรวดเร็ว
การใช้โอสถจำนวนมากพร้อมกันเช่นนี้รังแต่จะทำให้โอสถสูญเปล่า แต่หนิงฝานเป็นข้อยกเว้น สิ่งที่หนิงฝานทำ ทำให้ชุ่ยหลิงและเยว่หนิงอ้าปากค้าง
พวกนางไม่เคยเห็นผู้ฝึกตนที่กินโอสถเข้าไปมากขนาดนี้มาก่อน ต่อให้เป็นสือหยินยังต้องกลืนโอสถช้าๆ...
เมื่อโอสถจำนวนมากปะทุขึ้นภายในร่าง พลังที่แล่นผ่านไปตามเส้นลมปราณทำให้หนิงฝานเจ็บปวด แต่แววของเขายังคงไม่ยอมแพ้
หากกำแพงที่ขวางกั้นทะเลสติพังทะลาย ความเจ็บปวดจะส่งตรงไปยังจิตวิญญาณ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังไม่อาจต้านทานความเจ็บปวดนั้น เพียงแต่ยามนี้ มันทำให้บริเวณหน้าผากของหนิงฝานปูดโปนด้วยเส้นโลหิตเท่านั้น
ความเจ็บปวดใดจะเท่าความเจ็บปวดยามที่กินโอสถจักรพรรดิหยกเม็ดที่ 2... ตั้งแต่วันนั้นมา ไม่มีความเจ็บปวดใดที่ทำให้หนิงฝานเจ็บจนต้องส่งเสียงได้อีก
“เข้ามา!” หนิงฝานกล่าว พลังวิญญาณที่รุนแรงจากมุกภาวนาจู่โจมทะเลสติของหนิงฝาน และในจังหวะนั้นเอง หนิงฝานเร่งเร้าสัมผัสเทพของตน เพื่อชักนำพลังวิญญาณเหล่านั้นเข้าสู่ทะเลสติ
พลังวิญญาณค่อยๆลดความรุนแรงลง แรงกดดันจากสัมผัสเทพของหนิงฝานเพิ่มขึ้น ดวงตาของเขาที่แผ่สัมผัสเทพออกไป มองเห็นได้ไกลกว่าพันจ้างอย่างชัดเจน
สัมผัสเทพขอบเขตแก่นทองคำ!
หนิงฝานถอนสัมผัสเทพของตนกลับคืน... ยามนี้ชุดคลุมและอาภรณ์ของหนิงฝานอาบชุ่มไปด้วยเหงื่อ ชุ่ยหลิงและเยว่หลิงจึงช่วยผลัดเปลี่ยน
หลังจากผลัดเปลี่ยนชุดคลุมและอาภรณ์ หนิงฝานนั่งนิ่งเพื่อปรับสัมผัสเทพของตน
สัมผัสเทพที่เพิ่งยกระดับจะยังเกิดความผันผวน หากยังผันผวนก็ง่ายต่อการถอยระดับลงมายังขอบเขตประสานวิญญาณ
“ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่สัมผัสเทพกลับบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ!”
แววตาของเยว่หลิงเผยความตกตะลึง เมื่อครู่นางช่วยหนิงฝานผลัดเปลี่ยนอาภรณ์อย่างเก้อเขิน... ชุ่ยหลิงเดาไว้ว่าสัมผัสเทพของหนิงฝานต้องทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือหนิงฝานจะกล้าให้พวกนางช่วยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์
“ยินดีด้วยที่สัมผัสเทพของนายท่านยกระดับ!” พวกนางกล่าวแสดงความยินดี ไม่ว่าจะจริงใจหรือเสแสร้ง พวกนางก็สมควรกล่าวชม
แต่ยามนี้หนิงฝานกำลังปรับสัมผัสเทพของตน จึงไม่ได้ใส่ใจพวกนาง ยิ่งด้วยเขาปิดกั้นทะเลสติ เขาจึงไม่ได้ยินและไม่ได้ทราบการกระทำของพวกนาง
พวกนางถอยห่างเพื่อเลี่ยงการรบกวนหนิงฝาน และเฝ้าระวังโดยรอบ... เป็นเพียงผู้เยาว์อายุ 17 ปี แต่สัมผัสเทพกลับบรรลุถึงขอบเขตแก่นทองคำ พวกนางนับถือหนิงฝานมาก
หากกล่าวว่าในอนาคตหนิงฝานจะก้าวข้ามสือหยินได้ พวกนางก็เชื่อ
เพราะกว่าที่สัมผัสเทพของสือหยินจะยกระดับ มันต้องใช้เวลาถึง 200 ปี
‘หากติดตามหนิงฝานคงไม่เป็นแย่’
“ท่านพี่... หลังจากนี้เรา...จะถูกคนผู้นี้กระทำอันใดบ้าง...” เยว่หลิงกล่าวถาม
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ในเมื่อเรายอมเป็นบ่าวของเขา ต่อให้ต้องเป็นเพียงกระถางขัดเกลา เราก็ทำได้เพียงยอมรับ”
ขณะที่ชุ่ยหลิงกล่าว ข่ายอาคมวิญญาณกลับสั่นสะเทือน... แต่นั่นผิด เพราะสิ่งที่สั่นสะเทือนคือทั่วทั้งส่วนที่ 2 ของป่า!
ไม่นานนักสัตว์อสูรขนาดเล็กที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยโลหิตได้กระโดดเข้าในข่ายอาคม สีหน้าของพวกนางแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง พวกนางเร่งชักกระบี่ออกมาและฟันเข้าใส่สัตว์อสูรทันที
สัตว์อสูรน้อยหลบหลีกได้ทัน! ดูเหมือนจะมันมีพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น แต่ด้วยความที่มันบาดเจ็บ ปราณภายในจึงอ่อนลงมาก
ในปากของมันคาบบางสิ่งไว้ แววตาของมันดูหวาดกลัว
มันไม่สนใจสตรีในขอบเขตแก่นทองคำทั้งสอง แต่มันจับจ้องหนิงฝานที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่... ยามนี้แววตาของมันเริ่มเผยความหมดหวังไร้หนทาง มันจึงวิ่งไปหาหนิงฝานแล้วซุกอยู่ตรงหน้าอกของเขาก่อนจะหมดสติไป โลหิตสีดำไหลรินออกจากร่างของมัน ทำให้อาภรณ์ที่หนิงฝานเพิ่งเปลี่ยนเปียกเปื้อน
โชคดีที่สัตว์อสูรน้อยตัวนั้นไม่ได้มุ่งร้าย หากเมื่อครู่มันขบกัดหนิงฝาน สัมผัสเทพของหนิงฝานอาจถอยกลับมายังขอบเขตประสานวิญญาณ
“นี่มัน ‘สัตว์อเวจี’! ตามตำนานกล่าวว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่เกิดขึ้นในโลกใต้ดิน มันสามารถกัดกินภูติผีเพื่อเพิ่มพลังให้ตน! คาดไม่ถึงว่าสัตว์อสูรอย่างมันจะปรากฏตัวที่นี่!”
ยามนี้ชุ่ยหลิงและเยว่หลิงรู้สึกอาย พวกนางเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่กลับไม่อาจขวางสัตว์อสูรในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น จนปล่อยให้มันเข้าถึงตัวหนิงฝาน
โชคดีที่สัตว์อสูรน้อยตัวนี้ไม่ได้รบกวนการปรับสัมผัสเทพของหนิงฝาน ไม่เช่นนั้นพวกนางคงไม่อาจรับมือกับผลที่ตามมา
หลังจากสัตว์อสูรน้อยปรากฏตัวได้ไม่นาน ไกลออกไปกลับปรากฏเสียงของพื้นดินปริแตก พร้อมกับการปรากฏตัวของปีศาจกระดูกขาวที่สูงใหญ่กว่า 10 จ้างเดิมตรงมา ทุกย่างก้าวของมันทำให้พื้นดินปริแตก เสียงคำรามทำให้ภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณหวาดกลัวและถอยห่าง
แม้ปีศาจกระดูกขาวที่ปรากฏตัวจะมีพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ดูเหมือนมันจะทรงพลังยิ่งกว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ
จากทิศทางการมุ่งหน้าของมัน ดูเหมือนมันกำลังติดตามสัตว์อเวจีเมื่อครู่ เมื่อมันเห็นข่ายอาคมวิญญาณ มันจึงเผยรอยยิ้ม
“องค์หญิงเหม่ย... เจ้าบาดเจ็บหนักไม่พ้นตาย แต่หากเจ้ายังทำลายระดับพลังของตนเองต่อไปและหนีไปยังส่วนที่ 1 ของป่า... จักรพรรดิอย่างข้าอาจตามเจ้าไปไม่ได้ แต่คาดไม่ถึงว่าท่านเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในข่ายอาคมชั้นต่ำนั่น... นับว่าเจ้าดูถูกจักรพรรดิอย่างข้านัก... ทะลายไปซะ!”
ปีศาจกระดูกขาวยื่นนิ้วเจาะข่ายอาคมที่คุมพื้นที่กว่า 100 จ้างจนพังทะลาย
ชุ่ยหลิงและเยว่หลิงตกตะลึง เพียงนิ้วเดียวก็ทำลายข่ายอาคมวิญญาณได้ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังยากจะทำเช่นนั้น
“น้องข้า เจ้าคอยปกป้องนายท่าน ข้าจะไปจัดการมัน อย่างน้อยเราสมควรถ่วงเวลาจนกว่านายท่านจะตื่น!”
ชุ่ยหลิงขบฟัน หนิงฝานประทับตราวิญญาณให้นาง ทำให้เขาเป็นผู้กุมชีวิตและความตาย นางจึงไม่อาจเห็นหนิงฝานถูกทำร้าย
ยามนี้สิ่งเดียวที่นางคิดคือต้องปกป้องหนิงฝานจากปีศาจกระดูกขาวตนนี้ให้ได้
อีกฝ่ายเป็นปีศาจ ส่วนนางเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ต่อให้นางไม่อาจสังหารมันได้ แต่หากถ่วงเวลาอาจไม่ยาก
“วิชาผันแปร ‘ลูกศรน้ำแข็ง’!”
นางสร้างลูกศรน้ำแข็งขนาดเล็กขึ้น เมื่อนางยิงออกไป ลูกศรดอกนั้นแปรเปลี่ยนเป็นห่าลูกศรนับหมื่นกระหน่ำเข้าใส่ปีศาจกระดูกขาว
แม้ศรน้ำแข็งเหล่านี้ไม่รุนแรงพอขนาดที่จะสร้างอาการบาดเจ็บให้ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ แต่ก็เพียงพอให้สังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ... แต่เมื่อลูกศรกระทบร่างปีศาจ เสียงราวกับโลหะกระทบกันดังขึ้น ลูกศรเหล่านั้นไม่ระคายผิวของมัน ทำให้สีหน้าชุ่ยหลิงแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง นางดูถูกปีศาจกระดูกขาวเกินไป
ครั้งแรกที่ปีศาจกระดูกขาวเห็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ มันตกตะลึง แต่ยามนี้กลับเผยรอยยิ้ม
“มนุษย์ในขอบเขตแก่นทองคำ... นานแล้วที่ข้าไม่ได้ลิ้มรส อา...ช่างเป็นสิ่งที่น่าคิดถึง!”
ปีศาจกระดูกขาวยิ้มอย่างชั่วร้าย มันชี้นิ้วไปยังชุ่ยหลิง ทำให้สมบัติที่นางซ่อนไว้เมื่อครู่ระเบิดเสียงดังสนั่น จากนั้นมันชี้นิ้วยิงพลังจู่โจม ซัดร่างของนางจนปลิวกระแทกพื้น นางกระอักโลหิตอย่างรุนแรงจนแทบหมดสติ
“ท่านพี่!” น้ำตาของเยว่หลิงไหลริน นางโกรธแค้นอย่างที่สุด และในจังหวะนั้นเอง ปีศาจกระดูกขาวได้ใช้นิ้วจู่โจมจนทำให้นางบาดเจ็บ
นางข่มทนความเจ็บเพื่อหวังจะใช้กระบี่ในมือทะยานเข้าฟาดฟันปีศาจกระดูกขาว
ยอมเจ็บปวดยังดีกว่าใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวด... เยว่หลิงเข้าร่วมนิกายฝ่ายปีศาจตั้งแต่ยังเยาว์ในฐานะของกระถางขัดเกลา แต่สุดท้าย ชีวิตกลับตกอยู่ในมือของศัตรู และถูกสลักตราประทับวิญญาณ...
ความเจ็บปวดทั้งหมดนั้นนางทนได้ แต่หากพี่สาวของนางตาย...ต่อให้นางยังมีชีวิตไปก็ไร้ความหมาย
“ปีศาจชั่ว ข้าจะฆ่าเจ้า!”
แต่ขณะที่นางกำลังจะเสี่ยงชีวิตนั้น หนิงฝานที่หลับตาอยู่ได้ปรับสัมผัสเทพของตนเสร็จแล้ว!
หนิงฝานก้มมองสัตว์อสูรตัวน้อยที่หมดสติอยู่บนตัก หันมองชุ่ยหลิงที่บาดเจ็บสาหัส และหันมองเยว่หลิงที่กำลังจะเสี่ยงชีวิตกับปีศาจ... คาดไม่ถึงว่าเพียงตนเองปรับสัมผัสเทพไม่นาน กลับมีภูติผีมาสร้างปัญหา
“เจ้ามาจากที่ใด เหตุใดกล้าทำร้ายกระถางขัดเกลาของข้า!”
ใต้เท้าหนิงฝานปรากฏรุ้งหิมะ เขาเคลื่อนกายโอบประครองเยว่หลิง ส่วนอีกมือก็ชกหมัดเข้าใส่นิ้วของปีศาจกระดูกขาวที่กำลังจู่โจมเข้ามาอย่างรุนแรง
*เปรี้ยง!*
อานุภาพการปะทะที่รุนแรงปะทุ พื้นที่โดยรอบกว่าร้อยจ้างราบเป็นหน้ากลอง
หนิงฝานปรากฏกายขวางหน้าระหว่างชุ่ยหลิงและปีศาจกระดูกขาว แววตาของหนิงฝานเผยความตกตะลึง หมัดข้างที่ชกปีศาจกระดูกขาวมึนชา โลหิตปั่นป่วน คาดไม่ถึงว่าร่างกายของมันจะแข็งแกร่งราวกับโลหะ
ส่วนที่ 2 ของป่าเช่นนี้มีภูติผีระดับนี้ได้อย่างไร?
แต่ไม่ใช่หนิงฝานที่ตกตะลึงผู้เดียว ปีศาจกระดูกขาวเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน มันคาดไม่ถึงว่าผู้เยาว์ในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายผู้นี้จะต้านรับการจู่โจมของมันได้
“แปลกนัก... เหตุใดมดตัวจ้อยถึงรับมือกับการจู่โจมของข้าได้... แม้ร่างอวตารของข้าจะมีพลังเพียงขอบเขตประสานวิญญาณ แต่มันไม่สมควรรับมือได้...”