บทที่ 81 - ตอนนี้ฉันก็ด้วย (7) [อ่านฟรีวันที่ 26/11/2561]
บทที่ 81 - ตอนนี้ฉันก็ด้วย (7)
หลังจากที่ปัญหาคลื่นดันเจี้ยนในญี่ปุ่นได้ถูกแก้ไขไปแล้วก็ได้มีหัวข้อร้อนแรงเรื่องหนึ่งขึ้นมา
อย่างแรกเลยก็คือตระกูล เนื่องจากการปรากฏตัวของกลุ่มเหล่านี้ที่ไม่ได้เป็นกองกำลังของประเทศทำให้ทางรัฐบาลต่างๆก็เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจเมื่อได้เห็นสื่อต่างๆต่างก็ชื่นชมตระกูลพวกนั้น
มีอยู่สามตระกูลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดและพวกเขาก็คือตระกูลเทพสายฟ้าจากเกาหลี มาเกียจากอิตาลีและอัศวินโลหะจากอังกฤษ
พวกเขาไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุด แต่ว่ามั่นใจได้เลยว่าพวกเขาเป็นคนที่เปิดตัวได้ประสบความสำเร็จที่สุด ผู้ใช้พลังของแต่ละประเทศต่างก็อยากจะเข้าไปในตระกูลที่ได้แสดงพลังออกมามากที่สุดและตระกูลอิลๆก็ต้องผิดหวังเพราะไม่ได้ทำอะไร
ในตอนนี้อนาคตของโลกกำลังมุ่งไปในทางที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยคือพลัง ทุกๆคนต่างก็คิดว่ามันจะมีวันหนึ่งที่ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดจะกลายเป็นศูนย์กลางโลก
อย่างที่สองก็คือแวนการ์ดตอนนี้ได้มีชื่อเสียงมากพอและมีการโฆษณาออกไปว่าจะขายอาวุธระดับสูงให้กับตระกูลที่มีส่วนช่วยญี่ปุ่นเท่านั้นก็ได้ดำเนินการไปอย่างดี
มีคนจำนวนมากถามหาเหตุผลที่ไอเทมขายถูกอย่างไม่น่าเชื่อและก็ยังมีคนจำนวนมากที่โกรธแค้นโดยอ้างว่ามันไม่ยุติธรรมกับวกเขาเนื่องจากว่าพวกเขาไปที่ญี่ปุ่นไม่ได้เพราะต้องปกป้องประเทศของตนเอง แน่นอนว่ายูอิลฮานก็ไม่ได้สนใจซักนิด
สื่อจำนวนมากได้รายงานเกี่ยวกับแวนการ์ดและจำนวนลูกค้าก็เพิ่มขึ้นมาจากเรื่องนี้ทำให้ไอเทมในกระเป๋าสะพายของยูอิลฮานได้หมดลงไปอย่างรวดเร็ว
ในหมู่พวกเขามีคนที่อ้างว่าพวกเขาไม่สามารถจะปล่อยให้แวนการ์ดมีอยู่แค่เกาหลีได้ พวกเขาได้อ้างว่ามันควรที่จะอยู่ในภายใต้ประเทศใหญ่อย่างสหรัฐหรือจีนมันจะมีประสิทธิภาพที่มากกว่า
มีผู้คนจำนวนมากเห็นด้วยกำเรื่องนี้ ผู้คนต่างหวาดกลัวแวนการ์ดและอยากจะควบคุมมัน แน่นอนว่ายูอิลฮานก็ไม่สนใจ
อย่างที่สามแน่นอนว่าเป็นซูซาโนะ
"ว้าวหากเป็นแบบนี้ฉันอาจจะกลายเป็นเทพไปเลยนะเนี้ย"
[มันเป็นพลังที่มากเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะปฏิเสธในตัวตนของซูซาโนะได้เพื่อที่จะปกป้องความภูมิใจของจนเอง]
มันเริ่มจากบอร์ดข้อความสู่หนังสือพิมพ์ จากนั้นก็ทีวีและสื่อต่างๆ มันได้เต็มไปด้วยเรื่องราวของซูซาโนะ
คนในที่เกิดเหตุได้เห็นฉากการกระทำของยูอิลฮานได้บอกว่าซูซาโนะได้ลงมาเพื่อแก้วิกฤติของญี่ปุ่นจริงๆ ในขณะที่หนังสือพิมและผู้รายงานข่าวก็บอกคล้ายๆกัน
แน่นอนว่าก็ยังมีหลายคนที่คิดว่าเป็นมนุษย์ที่มีความสามารถที่พิเศษ นี่มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ยังไงก็ตามยังมีเรื่องของคนโลภด้วย คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นตระกูลในญี่ปุ่นและมีส่วนของรัฐบาลญี่ปุ่น
พวกเขาได้วิจารณ์กันว่าซูซาโนะได้เอาโอโรจิไปโดยไม่บอกอะไรและอ้างว่าของที่ได้มามันควรจะนำมาแจกจ่ายอย่างยุติธรรมในขณะเดียวกันก็อ้างว่าหากจากโอโรจินั่นเป็นของพวกเขา
มันดูเหมือนว่าเขาจะทิ้งสามัญสำนึกปกติและความละลายไว้โลกอื่นกันก่อนที่จะกลับมาโลกแล้ว
มีคนอยู่สองจำพวกที่ไม่ได้โลภในร่างกายของโอโรจิ หนึ่งคือคนที่สงสัยในสถานะของตัวซูซาโนะและอีกหนึ่งก็คือคนที่ต้องการได้ซูซาโนะเป็นพวกโดยไม่สนอะไรพวกนั้น
ผู้คนได้เชื่อมโยงอัศวินทมิฬในแอลเอ บุรุษความเร็วแสงในเกาหลีและในเหตุการณ์อื่นๆที่มันเป็นไปด้วยความลับมาจนถึงตอนนี้เข้ากับซูซาโนะ ในเวลาปัจจุบันนี้กลุ่มคนที่อยู่ในเบื้องหลังของทฤษฏีที่ว่าซูซาโนะเป็นคนเดียวกับอัศวินทมิฬคือกลุ่มที่มีอำนาจมากที่สุดและได้แต่งตั้งเขาเป็น 'ความภาคภูมิใจแห่งอเมริกา' คนที่แข็งแกร่งที่สุดและโด่งดังที่สุุดในเวลานี้
ทุกๆประเทศต่างก็ต้องการในสถานะของซูซาโนะและต้องการอ้างสิทธิว่าเป็นคนของประเทศเขา ตระกูลก็ไม่ได้ต่างกันเลย มันเป็นที่ชัดเจนว่าหากใครได้เขาไปจะเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก
มันมีเพียงปัญหาเดียวเท่านั้นเองนั่นคือซูซาโนะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกและตระกูลหรือประเทศก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ขัดแข้งขัดขาเขา
"งั้นอ่านมันเถอะนะ"
[ชิ]
เอิลต้าได้ปิดเน็ตอย่างเชื่อฟังในทันที ยูอิลฮานได้ยืนขึ้นถอนหายใจออกมาและมองดูภาพสะท้อนเขาในกระจุก จากนั้นก็สรุปว่าร่างกายของเขามันสมบูรณ์ถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะไม่ได้ดีนัก
"ดีล่ะ ให้พวกเขาเข้ามาเลย"
ยูอิลฮานได้เก็บทุกๆอย่างในออฟฟิสนอกเหนือจากโต๊ะและเกาหนีของตัวเองกับแขกลงไป
ลิฟท์ได้หยุดลงที่ชั้นที่ 14 และได้มีคนพรวดออกมา คนกลุ่มนี้คือหัวหน้าตระกูลมาเกีย เทพสายฟ้า และอัศวินโลหะ
หนึ่งสัปดาห์ได้ผ่านไปแล้วนับตั้งแต่ที่ยูอิลฮานได้ออกมาจากบาเรียนาฬิกาทราย ในวันนี้เป็นวันที่การขายอาวุธระดับสูงของแวนการ์ดได้ถูกเปิดขึ้นมา
"โว้วว"
"เขาเป็นชาวเกาหลีจริงๆด้วย?"
"เขายังเด็กเช่นกัน"
"เขาต้องเป็นตัวแทนแน่ ตัวจริงจะปรากฏงั้นหรอ?"
คนส่วนใหญ่ก็ดูจะคิดคล้ายๆกัน มันไม่มีทางที่เจ้าของตัวจริงจะมาอยู่ที่นี่ เขาน่าจะเป็นตัวแทน จินตนาการของพวกเขาได้ล่องลอยไปเรื่อยๆเพราะแบบนี้ ยูอิลฮานได้หัวเราะขึ้นและพูดภาษาอังกฤษออกมา
"เชิญเข้ามาเลย ผมไม่อยากที่จะอธิบายหลายครั้งดังนั้นผมจะพูดเพียงแค่เมื่อพวกคุณทั้ง 27 คนเข้ามาแล้ว"
"หืมมมม"
มีออร่าที่มหาศาลได้ไหลออกมาจากยูอิลฮานโดยไม่รู้ตัว และหัวหน้าตระกูลก็รู้ได้เลยว่าตัวแทนนี้ไม่ใช่บุคคลง่ายๆแน่ พวกเขาได้เข้ามาอย่างเชื่อฟัง โชคดีที่ว่าที่นี่กว้างพอทำให้มีที่นั่งสำหรับทุกคน
"ระดับของอุปกรณ์และราคาล่ะ"
"หลังจากที่ทุกคนได้มาที่นี่"
ยูอิลฮานได้ย้ำคำพูดของเขาออกมาด้วยรอยิ้มเมื่อเขาได้ยินคึถามจากหัวหน้าตระกูลฟินิกส์จากฝรั่งเศษ หัวหน้าตระกูลฟินิกส์ได้ฝืนยิ้มออกมาและสบถเบาๆ
"หยาบคายซะจริง ทั้งๆที่แกเป็นแค่ตัวแทน แต่แกก็ยังหยาบคาย"
"เอาเถอะผมขอโทษที่ผมหยาบคาย"
เมื่อยูอิลฮานได้ยินเสียงที่เป็นภาษาฝรั่งเศษเขาก็ตอบกลับไปด้วยเวลาเดียวกันและสะบัดปากกาบนโต๊ะ ปากกาได้ลอยไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อและทำลายขาเก้าขี้ข้างหนึ่งที่หัวหน้าตระกูลฟินิกส์นั่งอยู่
"แกทำอะไร!"
เขาได้ลุกยืนทันทีก่อนที่เก้าอี้จะล้มลงไป สมแล้วที่เป็นหัวหน้าตระกูล แต่ว่าสิ่งสำคัญมันไม่ใช่เรื่องนั้น ยูอิลฮานได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ผมจะไม่ทำการค้ากับคุณ ช่วยหายไปด้วย"
"แกมีคุณสมบัติที่จะตัดสินใจแบบนั้นหรอ!?"
"ผมเป็นเจ้าของที่นี่ ทีนี้คุณจะหายไปได้ยัง?"
"หืมมม?"
"ผมบอกว่าผมเป็นเจ้าของที่นี่"
ยูอิลฮานได้พูดอีกครั้งหนึ่ง แต่ในคราวนี้เป็นภาษาอังกฤษและทุกคนก็เข้าใจถึงความหมายของมัน
หัวหน้าตระกูลฟินิกส์ได้พยายามจะสร้างความวุ่นวายทันทีแต่แล้วหัวหน้าตระกูลอื่นๆทั้งหมดก็ยืนขึ้นและลากเขาไปที่ลิฟท์ พวกเขาฉลาดได้สมกับที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลที่มีชื่อเสียงจริงๆ
"ในตอนนี้มีทั้งหมด 26 ตระกูลแล้ว"
ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาเบาๆ และคนอื่นๆก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ในที่นี้ไม่มีใครอยากจะลองอยู่ว่ายูอิลฮานจะพูดได้กี่ภาษาเนื่องจากว่าหากพวกเขาทำจะเป็นการเอาชะตาของตระกูลไปทิ้ง
เมื่อเวลาได้ผ่านไปซักพักและหัวหน้าตระกูลทั้งหมดได้มารวมกันแล้ว ยูอิลฮานก็ยืดตัวถอนหายในเบาๆและเริ่มพูดขึ้น
"ผมคือยูอิลฮานประธานของแวนการ์ด"
"คือคุณประธานจริๆ?"
"ผมจะโกหกทำไมล่ะ?"
"อาวุธที่ทำขึ้นมาขายในแวนการ์ดมาจากไหนกัน? คุณสามารถจะไปหาอาวุธดีๆแบบนี้ที่เห็นได้ยากแม้แต่ในต่างโลกและเอามาขายในราคาต่ำๆแบบนี้ได้ยังไงล่ะ?"
"ความลับทางธุรกิจนะ"
หัวหน้าตระกูลดูจะมีหลายๆอย่างที่อยากจะรู้จากยูอิลฮาน แต่ว่ายูอิลฮานก็ตอบกลับไปเพียงแต่ 'ความลับทางธุรกิจ' หลังจากนั้นไม่นานหัวหน้าตระกูลจอมเวทย์มังกรจากญี่ปุ่นทาคากากิ อสุฮะก็ได้ถามสิ่งนี้ออกมา
"แวนการ์ดจะเปิดร้านแค่เฉพาะในเกาหลีหรือป่าว?"
"ใช่แล้ว"
"โดยไม่มีหุ้นส่วนใดๆเลย?"
"ใช่"
"นั่นมันอันตรายมาก คุณไม่คิดว่าตระกูลที่ซื้ออาวุธไม่ได้จะมีเจตนาร้ายหรอ?"
"แวนการ์ดมีเวทย์พิเศษคุ้นกันอยู่ดังนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอก"
เธอดูจะลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดในขณะที่ชี้มาที่ยูอิลฮาน
"ยังไงก็ตามใบหน้าของคุณถูกเปิดเผย คุณไม่กังวลเรื่องความปลอดภัยงั้นหรอ?"
"ไม่เป็นไร ผมจะไม่เริ่มมันขึ้นแน่หากฉันไม่มั่นใจว่าผมจะปกป้องตัวเองได้"
คำพูดของยูอิลฮานได้ทำให้เธอถอนหายใจออกมา จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดขึ้น
"ถ้าคุณต้องการแบบนั้นมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าคุณรู้สึกว่ามีอันตรายอะไรก็มาหาเราได้ตลอดเวลานะ ตระกูลจอมเวทย์มังกรเราจะให้การสนับสนุนและคุ้มกันคุณเต็มที่"
"ตระกูลเทพสายฟ้าก็มีเจตนาเดียวกัน"
"พวกเราก็มีความเห็นเหมือนกัน แต่ว่าน่าเสียดายหากว่าคุณตกลงเปิดร้านสาขาที่เยอรมนี เราก็สามารถจะนำคุณเป็นกำลังของเรา"
เมื่อมีการประกาศออกมาแบบนี้ ส่วนที่เหลือทั้งหมดก็กลายเป็นอึดอัดหากไม่พูดอะไรออกมา แม้แต่ไมเคิล สมิธสันหัวหน้าตระกูลอัศวินโลหะก็ยังประกาศเจตนาของเขาในการปกป้องด้วยใบหน้ายับๆ ยูอิลฮานได้รับความกำลังจากตระกูลที่ทรงพลังจำนวนมากเพียงแค่เขาขายไอเทม
เอาเถอะ การตอบสนองแบบนี้มันก็เข้าใจได้ในเมื่อมันจะเป็นการเสริมพลังต่อสู้ของพวกเขาขึ้นสองเท่าในทันที แต่ว่าหากพวกเขาได้รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นคนที่จัดการโอโรจิที่พวกเขาไม่แม้แต่จะสัมผัสมันได้แม้จะร่วมมือกัน พวกเขาจะทำยังไงกันนะ.....
อย่างน้อยสุดไมเคิล สมิธสันก็คงจะอารวาดเป็นอย่างแรกแน่ ยูอิลฮานได้จินตนาการถึงภาพนั้นและหัวเราะออกมาเล็กๆ
"ต่อไปนี้จะเป็นไอเทมที่จะนำมาขายให้กับตระกูลที่นี่ อย่างแรกคืออุปกรณ์ระดับสูง 10 เซ็ต คำว่า 'เซ็ต' ในที่นี้นั่นหมายถึงเซ็ตของอาวุธกับชุดเกราะ หรืออาวุธกับเครื่องประดับ"
"เครื่องประดับ! นั่นมันหมายความว่า...."
หัวหน้าตระกูลมาเกียคาริน่า มาลาเทสต้าได้เอามือขึ้นมาปิดปากในขณะที่กระพริบตารัว ยูอิลฮานได้ยิ้มบางๆและหยักหน้า
"แวนการ์ดมีผู้สร้างที่มีระดับของหัตถกรรมมานาสูงกว่า 30"
ยูอิลฮานสามารถจะพูดถึงตัวเองได้โดยไม่เปลื่ยนสีหน้าแม้แต่นิดเดียว หากนายูนาอยู่ที่นี่ด้วยเธอก็คงหัวเราะออกมาแน่ แต่ว่าน่าเสียดายที่เธอไม่ได้มา
"โอ้ เครื่องประดับมันหายากมาก"
"ฉันก็เรียนหัตถกรรมมานาเหมือนกัน แต่ว่าเลเวลมัยนไม่เพิ่มขึ้น การไปถึงเลเวล 30 นี่มัน... ไม่สิ เขาน่าจะเป็นคนจากต่างโลก"
"ฉันคิดว่าเลเวลการตีเหล็กของเขาสูงเพียงอย่างเดียวหลังจากเห็นมาตราฐานของอาวุธ ยังไงก็ตามมันรวมไปถึงหัตถกรรมมานาด้วย?"
นี่มันเป็นข่าวที่น่าสนใจมาก พวกหัวหน้าตระกูลได้คุยกันเองอย่างตกใจ เนื่องจากความน่าทึ่งของแวนการ์ดได้เพิ่มขึ้นไปทำให้หัวหน้าตระกูลฟินิกส์ยิ่งน่าสงสาร
"ถ้ามันเป็นอย่างแรก แล้วงั้นอย่างที่สองล่ะ?"
"นี่มันไม่จำเป็นนัก คุณจะไม่ต้องการมันเลยหากคุณเป็นกองกำลังขนาดเล็ก แต่ว่ามันยังมีชุดเซ็ตมาตราฐาน 30 เซ็ตเอาไว้สำหรับกองทัพขนาดใหญ่นะ"
"เราจะซื้อมัน"
"เราด้วยย"
ถ้าหากว่าตระกูลที่มีสมาชิกมากๆ งั้นพวกเขาก็จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์มาตราฐานเช่นกัน อุปกรณ์ของแวนการ์ดไม่ได้จะซื้อได้ง่ายๆ มันไม่ใช่เพราะราคา แต่ว่ามันเป็นเพราะไม่มีของซะมากกว่า
ในท้ายที่สุดนอกเหนือไปจากตระกูลเทพสายฟ้ากับตระกูลจอมเวทย์มังกรและอีกไม่กี่ตระกูลที่เป็นกองกำลังขนาดเล็กที่เน้นคนระดับสูงแล้ว ตระกูลที่เหลือก็ได้ซื้อเซ็ตมาตราฐานนี้ นอกจากนี้ยูอิลฮานยังได้หยิบเอาลิสต์รายการที่เขามีอยู่และตัดสินใจแสดงให้พวกเขาได้เห็นถึงระดับของอุปกรณ์ระดับสูง
"อาวุธระดับสูงทั้งหมดต่างอยู่ในระดับยูนีค"
"บ้าไปแล้ว"
"26 ตระกูลและตระกูลล่ะ 10 เซ็ต... นั่นหมายถึงอาร์ติแฟคยูนีคจำนวน 520 เซ็ต?"
ในตระกูลหนึ่งปกติแล้วจะมีเพียงแค่คนหรือสองคนเท่านั้นที่จะมีอาร์ติแฟคระดับยูนีค แน่นอนในระดับยูนีคมันก็จะมีคุณภาพที่ต่างกันด้วย แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็ดีกว่าระดับแรร์แน่นอน
หัวหน้าตระกูลทั้งหมดต่างก็ขยับเท้าอย่างตื่นเต้น ยูอิลฮานได้คิดว่าสถานการณ์นี้มันน่าสนใจและได้เรียกเอาแส้และสร้อยคอขึ้นมาในมือแต่ล่ะข้างตามลำดับ
"นี่จะเป็นตัวอย่างของอาวุธระดับสูง มันจะมีความต่างกันเล็กน้อย แต่ว่าพวกมันส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับนี้ เชิญตรวจสอบตามลำดับได้เลย"
"เอาล่ะถ้างั้น"
ทาคากากิ อสุฮะจากตระกูลจอมเวทย์มังกรได้เข้ามาเป็นคนแรกและจับที่แส้ ยูอิลฮานได้รู้ว่าเธอสนใจในแส้นี้หลังจากเห็นแส้ที่พันรอบเอวของเธอ
[แส้หนังหนามพันวิญญาณ]
[ระดับ - ยูนีค]
[พลังโจมตี - 3,200]
[ออฟชั่น - เป็นไปได้มากที่จะสร้างคำสาปความสับสนให้กับศัตรูเมื่อโจมตีโดน, โอกาสคริติคอลเพิ่มขึ้น 40%]
[ความทนทาน - 2,300/2,300]
"โอ้ พระเจ้า"
ไม่ต้องถามเลยว่าเธอคิดยังไงกัน เธอได้กอดมันเอาไว้และแม้กระทั่งถูมันกับแก้มของเธอ
"ฉันจะซื้อมัน"
"โอเค แต่ว่าช่วยให้คนอื่นตรวจสอบตามลำดับก่อน"
"โอ้ จริงด้วย"
หัวหน้าตระกูลคนอื่นๆก็ไม่ได้ต่างกันนัก คนที่ใช้เวทย์ต่างก็ตาเกป็นประกายหลังจากได้เห็นเครื่องประดับที่มีอฟชั่นสนับสนุนจอมเวทย์อยู่ ในขณะที่คนที่สู้ในระยะประชิดต่างก็คาดหวังอย่างมากหลังจากได้เห็นพลังโจมตีที่สูงของแส้
คังมิเรย์ก็ไม่ได้แปลกใจนักเนื่องจากว่าเธอได้รับอาร์ติแฟคระดับตำนานมาแล้ว แต่ว่าหลังจากเธอได้เห็นยูอิลฮานเอาเครื่องประดับออกมา เธอก็เลียริมฝีปากในขณะที่คิดว่า 'อ่า ของแบบนี้ก็มีด้วย!' สิ่งที่เธอคิดในใจได้แสดงออกมาให้เห็นทั้งหมด
"มันมีประสิทธิภาพอย่างชัดเจนเลย"
"ถ้าหากว่ามันอยู่ในระดับนี้ พวกเราจำเป็นต้องได้มันมาไม่ว่ายังไงก็ตาม"
"แต่ว่านั่นมันก็มีปัญหาอยู่"
อย่างแรกเลยปัญหาใหญ่ที่สุดหลังจากที่พวกเขาได้รู้ถึงประสิทธิภาพของมันที่มากกว่าที่พวกเขาคาดไว้นั่นก็คงจะดป็นราคา
อุปกรณ์มาตราฐานนั่นถูกมากๆ แต่ว่าหากเป็นของที่มีระดับสูงล่ะ? พวกเราได้เฝ้าคอยให้ยูอิลฮานพูดออกมาด้วยความกังวล
ดวงตาทั้ง 26 คู่ได้จับจ้องมาที่ตัวยูอิลฮานนิ่ง นี่มันเป็นประสบการณ์สำหรับผู้ที่โดดเดี่ยวไม่เคยพบมาก่อนเลย แต่ว่าเขาก็ประกาศราคาที่เขาคิดเอาไว้ออกไปได้สำเร็จ
"อาวุธระดับสูงแต่ล่ะอันจะขายในราคาที่เท่ากันคือ 5 ล้านเหรียญ"
"5 ล้านดอลลาร์"
"แค่นั้นเอง?"
ได้มีคนพูดขึ้นว่า 'แค่นั้น' 5 ล้านดอลลาร์คือรปะมาณ 5 พันล้านวอน มันมากพอที่จะเปลื่ยนชะตาของผู้คนได้เลย แต่ว่าสำหรับคนที่รวมกันอยู่ที่นี่มันไม่มีค่าอะไรเลยสักนิด
"ของพวกนี้ต่างก็เป็นอาร์ติแฟคที่ยอดเยี่ยมในหมู่อาร์ติแฟคระดับยูนีคด้วยกันเอง แต่ว่ามันกลับมีราคาแค่ 5 ล้านดอลลาร์เอง?"
"อาวุธมาตราฐานขายในราคา 100 ล้านวอน ช่วยพิจารณาในส่วนขยายเรื่องนั่นด้วย"
"หรือว่าคนที่สร้างของพวกนี้ให้แวนการ์เป็นเทพแห่งช่างที่คิดจะช่วยโลกกัน?"
หัวหน้าตระกูลต่างก็เงียบกันไปทั้งหมด ยูอิลฮานแค่ยิ้มขึ้นและพูดออกมา
"เอาล่ะ ถ้างั้นคุณสามารถออกไปได้เลยหากว่าคุณไม่ต้องการที่จะทำการค้า"
แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนที่เลือกจะลุกออกไป