ตอนที่แล้วGE54 ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย [ฟรี]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE56 ส่วนที่เจ็ดของป่า การต่อสู้ของภูติผีในขอบเขตไร้แบ่งแยก [ฟรี]

GE55 แต้มที่เป็นไปไม่ได้ [ฟรี]


ภายในข่ายอาคมวิญญาณ สตรีเปลือยเปล่า 15 นางทะยอยได้สติ

หว่างขาของพวกนางเปียกชุ่ม มีคราบโลหิต ระดับพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น ถูกช่วงชิงเหลือเพียงขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5

พลังของพวกนางทำให้หนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย โดยไม่ต้องพึ่งพาโอสถเสริมวิญญาณ

พวกนางร่ำไห้ แม้พวกนางจะเป็นผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรมะ แต่ยังโศกเศร้ากับเรื่องเช่นนี้ พวกนางจ้องมองหนิงฝานอย่างชิงชัง แต่นั่นไม่ใช่ทุกคน เพราะยังมีบางคนที่จ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาซับซ้อน

แม้จะโศกเศร้า สับสน แต่พวกนางไม่กล่าวคำ... บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ยามนี้ พวกนางอยากทราบยิ่งกว่าว่าหนิงฝานจะทำอย่างไรต่อไปกับพวกนาง

เดิมทีพวกนางถูกบ่มพาะให้เป็นกระถางขัดเกลา และต้องถูกช่วงชิงพลังทั้งหมดในท้ายที่สุด... แต่หากผู้ที่กระทำเป็นสื่อหยิน ต่อให้พลังของพวกนางหายไป พวกนางยังคงมีความสุข

แต่ยามนี้ผู้ที่กระทำกลับเป็นหนิงฝาน เป็นศัตรูของพวกนาง หากยามนี้พวกนางสูญสิ้นพลัง พวกนางย่อมไร้ค่าและอาจถูกสังหาร

“ข้าเกลียดเจ้า...” สตรีนามเจียงฉินเอ๋อร์กล่าวอย่างอ่อนแรง นางจ้องมองหนิงฝานด้วยแววตาขมขื่น

“หากจะสังหารพวกข้าก็อย่ารั้งรอ!” สตรีนามหวูโม่ฉู่กล่าว แววตาของนางหาญกล้าไร้ซึ่งความกลัว แต่ร่างกายของนางกลับสั่นเทา แท้จริงแล้วนางหวาดกลัว

“นายท่าน... หากข้าปรนนิบัติท่านอย่างดี ท่านจะยอมละเว้นชีวิตข้าได้หรือไม่...” สตรีนามไป๋เจี่ยกล่าว หน้าอกของนางแดงระเรื่อ ดวงตาพร่ามัวราวกับนางยังรื่นเริงกับหนิงฝานไม่เต็มอิ่ม

ไม่ว่าพวกนางจะบอกกล่าวเช่นใด หนิงฝานย่อมไม่มีวันยกโทษให้พวกนาง

หนิงฝานจ้องมองพวกนางด้วยแววตาที่เย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่ไร้จิตสังหาร

“นับจากวันนี้ไป พวกเจ้าทุกคนคือกระถางขัดเกลาของข้า หากพวกเจ้าเชื่อฟัง ข้าจะละเว้นชีวิต แต่หากขัดขืน ข้าจะสังหารอย่างไม่ปราณี”

คำกล่าวเรียบเฉยทำให้พวกนางผ่อนคลาย อย่างน้อยๆพวกนางยังรักษาชีวิตได้

แววตาที่พวกนางจับหนิงฝานแปรเปลี่ยน ต่อให้เสียพลัง เสียปราณหยิน หรือเป็นกระถางขัดเกลา สำหรับพวกนางไม่นับเป็นอันใด หากเทียบกับสิ่งที่พวกนางรับรู้มานั้น อย่างน้อยๆ การได้อยู่กับหนิงฝานผู้ดีก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้

เมื่อหวนนึก พวกนางเป็นฝ่ายที่คิดเอาชีวิตหนิงฝานก่อน การที่หนิงฝานเพียงดูดซับพลังจากพวกนางและไว้ชีวิต ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดีฃมากแล้ว

“เช่นนั้นข้าจะสลักตราประทับให้พวกเจ้า... จากนี้ไปพวกเจ้าจะอาศัยอยู่ในมิติสมบัติของข้า ภายในนั้นพวกเจ้าสามารถฝึกฝนและบ่มเพาะพลัง หากพวกเจ้าเชื่อฟัง พวกเจ้าจะฟื้นคืนพลังในขอบเขตประสานวิญญาณ หรือบางที พวกเจ้าอาจบรรลุถึงแก่นทองคำ”

“ขอบคุณที่นายท่านไว้ชีวิตข้า ในเมื่อท่านหยิบยื่นโอกาส พวกข้าย่อมน้อมรับ” สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลลัพธ์ที่พวกนางคาดไม่ถึง พวกนางจึงเร่งกล่าวตอบ... พวกนางนับถือหนิงฝานทั้งประหลาดใจ ที่หนิงฝานรู้วิธีสลักตราประทับที่มีเพียงขุมกำลังโบราณเท่านั้นที่ทำได้

ด้วยเพราะกลัวพวกนางจะเป็นเหมือนซื่อหวูเสีย หนิงฝานจึงไม่กล้าล้างความทรงจำของพวกนาง ไม่อย่างนั้น คงได้มีสตรีผู้บริสุทธิ์เหมือนซื่อหวูเสียอยู่เต็มไปหมด

ตราประทับวิญญาณเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เป็นนายควบคุมชีวิตและความตายของผู้เป็นบ่าวได้ บางทีการคงความทรงจำและเปลี่ยนให้พวกนางเป็นกระถางขัดเกลาโดยสมบูรณ์อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

ยามนี้ทั้งปราณในร่างและสัมผัสเทพของหนิงฝานทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายแล้ว... หนิงฝานแผ่สัมผัสเทพและเริ่มสลักตราประทับวิญญาณให้พวกนาง จากนั้นนำพวกนางเข้าไปในแหวนกระถางขัดเกลา

เมื่อเข้าสู่แหวน พวกนางได้ไปยังพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยหมอกสีแดง ภายในมิติแห่งนั้นมีทั้งดอกไม้ ต้นหญ้า และวังหยกที่งดงาม

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกนางเข้าไปในแหวนกระถางขัดเกลาอย่างมีสติ ทิวทัศน์ที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้พวกนางอัศจรรย์ใจ

มีข่าวลือว่า ในสมัยโบราณมีสมบัติวิญญาณอยู่ชนิดหนึ่งที่มีมิติเป็นเอกเทศ สิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยอยู่ในนั้นได้ และมีพื้นที่ไร้สิ้นสุด นับเป็นสมบัติวิญญาณที่หาได้ยาก และยามนี้ สมบัติชิ้นนั้นตกอยู่ในมือของหนิงฝาน

“นายท่านเป็นผู้ใด... เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณแต่กลับครอบครองสมบัติในตำนวนเช่นนี้!”

สตรีเหล่านั้นประหลาดใจ หมอกสีแดงที่ห่มคลุมกายพวกนางในยามนี้ช่วยให้พวกนางบ่มเพาะพลังได้ ทั้งความเร็วในการบ่มเพาะยังเร็วกว่าภายนอกหลายเท่า

โลหะเหอฮวน... โลหะเทพที่หายสาบสูญได้อยู่ในมือของหนิงฝาน ผู้สามารถแปรเปลี่ยนให้มันเป็นแหวนกระถางขัดเกลา

เมื่อเหล่าสตรีทั้งหลายได้เห็นสมบัติโบราณและมิติที่น่าอัศจรรย์ ความเกลียดชังที่พวกนางมีต่อหนิงฝานได้หายไป หรือหากจะมี ก็ถูกสะกดไว้ในส่วนที่ลึกที่สุด

“จากนี้ไปพวกเราคงต้องอาศัยอยู่ในนี้ในฐานะกระถางขัดเกลา แม้จะน่าขมขื่น แต่ไม่นับเป็นอันใด”

หนิงฝานออกจาข่ายอาคม มุ่งหน้าไปยังสายน้ำแห่งหนึ่ง เขายืนนิ่งหลับตาเป็นเวลานานพลางขบคิด ที่ผ่านมาเขาไม่อาจเลือกเส้นทางชีวิตของตน แต่เมื่อพานพบวิชาขัดเกลาผสาน เขาได้มุ่งสู่หนทางแห่งปีศาจ มุ่งสู่อนาคตที่ยากจะคาดเดา

‘สักวัน ปีศาจเช่นข้าจะโด่งดังและเป็นที่ยำเกรงของผู้คน’

‘สักวัน นามหนิงฝานจะทำให้สตรีในโลกทั้ง 9 และสวรรค์ทั้ง 4 ต้องหวาดกลัว’

“ไม่ว่าข้าจะเป็นสิ่งใด จื่อเฮ่อย่อมไม่เกลียดข้า... อาจารย์ย่อมไม่เกลียดข้า... ซื่อหวูเสียและหลานเหม่ยก็อาจไม่...”

หนิงฝานส่ายหน้าสลัดความคิด เขาลืมตาขึ้นด้วยแววตาเป็นประกาย ไร้ซึ่งความหม่นหมองดังก่อน

หากเลือกเป็นปีศาจ ปีศาจที่แท้จริงย่อมเป็นที่หวาดกลัวของพิภพและสวรรค์

“สมควรแก่เวลาไปยังส่วนที่ 2 ของป่าแล้ว!”

หนิงฝานเหยียบย่างรุ้งหิมะตรงไปยังส่วนที่ 2 ของป่า ที่อยู่ห่างออกไปกว่า 30 ลี้ เมื่อถึงยังผืนป่าที่ปกคลุมด้วยม่านหมอกสีดำ หนิงฝานหยุดฝีเท้า

ภายในหมอกดำมีพลังมิติที่แตกต่างจากส่วนที่ 1 ของป่า และตามจุดบนแผนที่ที่ได้ หลังม่านหมอกสีดำนี้สมควรเป็นส่วนที่ 2 ของป่า

ส่วนที่ 2 ของป่าแห่งนี้กินพื้นที่ครอบคลุมกว่าหลายพันลี้ มีขนาดใหญ่กว่าส่วนที่ 1 ของป่ามาก

แต่ถึงอย่างนั้น สถานที่แห่งนี้กลับมีภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณอยู่ เมื่อผ่านเข้าไปภายใน กลิ่นอายของความตายที่อบอวน ทำให้หนิงฝานรู้สึกถึงอันตราย

หากหนิงฝานไม่บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย ส่วนที่ 2 ของป่าคงให้ความรู้สึกที่อันตรายกว่านี้

หลังจากผ่านหมอกดำไป หนิงฝานปรากฏกายในเขตป่าสีแดง และทันใดนั้น เขากลับพบภูติผีที่เป็นสตรีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น นางมีเรือนร่างที่งดงาม เย้ายวน เพียงแต่ใบหน้าน่าหวาดกลัว

ภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ เพียงแต่ยังไม่สมบูรณ์ ยังเหลือบางส่วนของร่างกายที่ทำให้ทราบว่าเป็นภูติผี แต่หากภูติผีทะลวงขอบเขตแก่นทองคำได้ พวกมันสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ จนยากที่ผู้คนจะจำแนกออก

ภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้นไม่เป็นภัยคุกคามต่อหนิงฝาน... ยามนี้หนิงฝานอ้าปาก กระบี่แยกสวรรค์เคลื่อนออกมาจากตันเถียน ทะลวงผ่านร่างของภูติผี และแผดเผาจนสูญสิ้น

หนิงฝานเรียกกระบี่แยกสวรรค์คืน จากนั้นฉวยเอามุกภาวนามา... มุกภาวนาที่ได้นั้นมีขนาดเท่าเดิม เพียงแต่พลังงานที่อัดแน่นภายในกลับมีมากกว่ามุกภาวนาที่ได้จากภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรนับ 10 เท่า

แววตาของหนิงฝานเผยความสุข การเข้าสู่ส่วนที่ 2 ของป่านับเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง ไม่เพียงหนิงฝานจะได้ประสบกับการต่อสู้เฉียดตาย แต่ยังได้มุกภาวนา หลังจากนี้ สัมผัสเทพของเขาคงได้บรรลุขอบเขตที่น่าสะพรึงกลัว

“สัมผัสเทพของข้าอาจทะลวงขอบเขตแก่นทองคำได้ แต่หากให้ทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ไม่รู้ว่าข้าต้องดูดซับมุกภาวนาไปมากเท่าใด!”

หากมีผู้คนอยู่บริเวณนี้ พวกมันคงได้ยินเสียงหัวเราะของหนิงฝาน หากสัมผัสเทพของหนิงฝานทะลวงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้จริง ทั่วทั้งแคว้นเยว่คงไม่มีผู้ใดเอาชนะหนิงฝานได้

ยามนี้หนิงฝานไม่ทราบว่าภูติผีที่ตนเพิ่งสังหารไป ทำให้ตนได้แต้มถึง 100 แต้ม และไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองเพิ่งกระทำ ทำให้ผู้ที่อยู่ในตำหนักแลกเปลี่ยนตกตะลึง และทำให้หลานเหม่ยเป็นห่วง

หนิงฝานใช้วิชาอำพราง สำรวจและสังหารภูติผีในส่วนที่ 2 ของป่าอย่างระมัดระวัง ส่วนเรื่องแต้มนั้น มันขยับเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

...

“ดูนั่น... แต้มของหนิงฝานเพิ่มเป็น 2154 แล้ว มันสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้นไปถึง 14 ตน... เป็นไปได้อย่างไร! ต่อให้เป็นข้าหรือผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลางคนอื่นๆ ยังไม่อาจสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้นได้เลย...” ผู้อาวุโสเมิ่งฉู่กล่าว มันเฝ้าดูแลตำหนักแลกเปลี่ยนและกระดานแต้มของนิกายมา 200 ปี มันไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

“2354 แต้ม! เพิ่มครั้งเดียว 200 แต้ม หมายความว่ามันสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง!” สตรีนางหนึ่งอุทาน

แต่แต้มยังไม่หยุดเพียงแค่นั้น 2554... 2754... 2954... ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม แต้มหนิงฝานเพิ่มขึ้นหลายครั้ง

เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลางในตำหนักแลกเปลี่ยนสูดหายใจลึก การที่หนิงฝานสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณได้อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ หากจะสังหารพวกมันย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

ยามนี้ สีหน้าของไป๋เฟยเถิงอัปลักษณ์อย่างที่สุด ส่วนไป๋ปี้กล่าวไม่ออก หนิงฝานสังหารภูติผีราวกับเด็กเล่น หากมันยั่วยุหนิงฝาน มันย่อมถูกสังหารอย่างง่ายดาย

ภายนอกตำหนักแลกเปลี่ยน... หลานเหม่ยจ้องมองกุ่ยเชว่สื่อด้วยสีหน้าเป็นกังวล ยามนี่ทั้งสองเดินมาถึงตำหนักแลกเปลี่ยน

“ท่านพ่อ... ข้าขอร้องให้ท่านเข้าไปช่วยหนิงฝานในส่วนที่ 2 ของป่าได้หรือไม่...”

“เหม่ยเอ๋อร์ของข้าเป็นห่วงบุรุษตั้งแต่เมื่อใดกัน?... เจ้าวางใจเถอะ หนิงฝานเป็นถึงศิษย์ของหานหยวนจี๋ หากเขากล้าย่างกรายเข้าไป แสดงว่าเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ...”

แม้กุ่ยเชว่สื่อจะกล่าวเช่นนั้น แต่เมื่อได้เห็นแต้มของหนิงฝาน ตัวมันยังยากจะเชื่อ มันรู้ดีว่าหากเทียบขอบเขตประสานวิญญาณระหว่างมนุษย์และภูติผี ภูติผีจะทรงพลังกว่า ยิ่งในป่าภูติพรายมีปราณแห่งความตายให้พวกมันดูดซับ ยิ่งสังหารพวกมันได้ยากขึ้น

แต่หนิงฝานยังคงสังหานพวกมันอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพักฟื้นฟู

เมื่อแต้มของหนิงฝานเพิ่มขึ้นถึง 4154 หนิงฝานก็หยุดพัก 1 วัน... กุ่ยเชว่สื่อคาดว่า หากหนิงฝานฟื้นฟูพลังเต็มที่ เขาจะทำเรื่องที่น่าตกตะลึงอีกครั้ง

“หากมันสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้ายได้... คงจะท้าทายสวรรค์มากเกินไป” กุ่ยเชว่สื่อลูบคางพลางขบคิด เท่าที่มันคำนวณ หนิงฝานสมควรใช้เวลาในการฟื้นฟู 1 วัน จากนั้นจึงลงมือต่อ

กุ่ยเชว่สื่อเดาว่าเป้าหมายต่อไปของหนิงฝานคงเป็นการสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย แต่ความจริงกลับเหนือกว่าที่มันคาดเดา

เพราะหลังจาก 1 วันที่แต้มของหนิงฝานไม่ขยับ จู่ๆแต้มกลับเพิ่มจาก 4154 ขึ้นเป็น 5154... เพิ่มขึ้นถึง 1000 แต้มในคราวเดียว!

1000 แต้ม... แต้มจำนวนนั้นจะได้จากภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณที่อีกครึ่งก้าวเป็นแก่นทองคำ!

“เป็นไปไม่ได้! ภูติผีครึ่งก้าวแก่นทองคำ ต่อให้เป็นข้ายังยากจะสังหาร แต่เด็กนั่นกลับทำได้!”

ไป๋เฟยเถิงนั่งไม่ติดเก้าอี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มันคิดว่าตนเองดูถูกหนิงฝานเกินไป

“หากเด็กนั่นสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำได้ มันก็เข้าส่วนที่ 3 ของป่าได้!”

ไป๋เฟยเถิงขมวดคิ้วแน่น

หากเป็นคนทั่วไปในขอบเขตประสานวิญญาณ ล่วงล้ำเข้าสู่เขตที่ 3 ขอบป่า คนผู้นั้นไม่มีทางรอด แต่หากเป็นหนิงฝานอาจเกิดเรื่องที่น่าตกตะลึงขึ้น! นั่นคือสิ่งที่ไป๋เฟยเถิงคิด...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด