Chapter 19: ออกจากพื้นที่ทดสอบ
เยล กำลังคิดถึงเรื่องนั้นในตอนที่ระบบได้แจ้งเตือนขึ้นมา
“ สัตว์อสูรได้สร้างสัญญาชีวิตกับผู้ใช้โดยสมัครใจ แก่นพลังคีในตัวผู้ใช้นั้นได้ไปกระตุ้นร่างกายของสัตว์อสูร”
เยล มองไปที่หมาป่าตัวน้อยด้วยสีหน้าแปลกๆ
เมกัสนั้นจะมีเทคนิคพิเศษที่ทำให้สัตว์อสูรมาเป็นทาสเพื่อให้มันทำงานให้พวกเขา ด้วยการที่ร่างกายของเมกัสนั้นอ่อนแอ พวกเขาจึงต้องมีสัตว์อสูรไว้คอยช่วยในขณะที่ร่ายคาถา
แต่ เยล นั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะเอาหมาป่าน้อยนี้มาเป็นทาส เขาคิดว่าหมาป่าน้อยควรจะอยู่ในธรรมาชาติดีกว่าไปกับเขาในฐานะทาส
แต่เดิมแล้ว เยล อยากให้อิสระกับมันเพราะเขาเองก็ต้องรับผิดชอบในการตายของพ่อแม่มัน ด้วย อย่างน้อยระบบก็ถือว่า เยล นั้นเป็นคนฆ่าพ่อแม่มัน
และการเอามันออกไปข้างนอกโดยไม่ทำสัญญาจะทำให้หมาป่าน้อยนี้เจอกับปัญหาเพราะเขตทดสอบนี้มีคาถาหวงห้ามที่ไม่ให้สัตว์อสูรตัวไหนออกไปจากเขตได้
ที่ เยล คาดไม่ถึงคือหมาป่าน้อยนี้มันได้สร้างสัญญาชีวิตกับเขาด้วยตัวเอง สัญญาประเภทนั้นอาจดูเหมือนสัญญาธรรมดาทั่วไปแต่เนื้อหาของสัญญานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
มนุษย์นั้นสามารถยกเลิกสัญญาทาสได้เพื่อปล่อยสัตว์อสูรแต่สัญญาชีวิตที่สัตว์อสูรสร้างขึ้นมานั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่คนรึสัตว์จะยกเลิก
ไม่มีทางเลยที่จะยกเลิกสัญญา ถ้ามนุษย์ตาย สัญญานั้นก็จะฆ่าสัตว์อสูรไปด้วย ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยจที่จะสร้างสัญญาชีวิตอันที่สองหลังจากนี้
แต่ถ้าสัตว์อสูรนั้นทำสัญญาแบบนั้นแล้ว มันไม่ใช่เพราะมันต้องการที่จะเป็นทาสแต่สัตว์อสูรจะทำสัญญาแบบนี้กับคนที่มันคิดว่าเป็นครอบครัว สำหรับสัตว์อสูรแล้วนี่คือทางที่จะได้กลายเป็นครอบครัวที่แท้จริงกับคน
เยล รู้เหตุผลเบื้องหลังของสัญญานี้และนั่นก็ทำให้เขาตื้นตัน
เขายังรู้อีกว่าสัตว์อสูรนั้นสามารถทำสัญญาแบบนี้กับคนที่เลเวลสูงๆและเขาได้สงสัยว่าหมาป่าน้อยตัวนี้ได้ยับยั้งพัฒนาการของมันเพื่อรอจนกว่า เยล จะขึ้นมาอยู่ในระดับ 1 ดาวเพื่อให้ทำสัญญาได้
หมาป่าน้อยเดินข้ามาหา เยล และใช้หัวของมันถูขาของเขา จากนั้น เยล ก็เหมือนจะได้ยินเสียงที่น่ารักดังขึ้นมา
“ข้าต้องการ..ที่จะ...อยู่..กับ...พี่ใหญ่...”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ เยล เข้าใจหมาป่าน้อย คำพูดติดๆขัดๆนี้เป็นเพราะหมาป่าตัวนี้ยังเด็กเกินไปแต่ความหมายของมันชัดเจน
หมาป่าน้อยต้องการที่จะอยู่กับ เยล เขาคือครอบครัวเพียงคนเดียวที่มันเหลืออยู่ มันไม่ได้สนเรื่องอิสระรึเรื่องซับซ้อนแต่หมาป่าน้อยนั้นไม่ต้องการที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว
หลังจากที่ เยล เห็นหมาป่าน้อยกินพ่อของมัน เยล ก็คิดว่าสัตว์อสูรนั้นเป็นเพียงแค่สัตว์อสูรและเขาได้คิดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวมัน เขาเริ่มสงสัยเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของตัวเองขึ้นมา
แต่ในตอนนั้นเข้าก็เข้าใจว่าเขาไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมาสงสัย ภาพลักษณ์ของเขาไม่ได้ผิดปกติ หมาป่านี่ต้องการที่จะอยู่กับเขาไม่ใช่เพราะมีหน้าตาต่างจากมนุษย์
“ไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นน้องสาวของข้าและข้าจะไม่ทิ้งเจ้า”
หลังจากที่ได้ยินหมาป่าตัวน้อยพูด เยล ก็เริ่มทำเหมือนกับมันเป็นน้องสาวของเขา เขาไม่สนว่าเธอนั้นเป็นหมาป่า สำหรับ เยล แล้วเธอนั้นเป็นมากกว่าพี่น้องในสมาคมซะอีก
จริงๆแล้วนอกจากหมาป่าตัวน้อยแล้ว เยล ก็คิดว่าพี่สาวและอาจารย์นั้นคือครอบครัวของเขา คนที่เหลือในสามคมนั้นอย่างมากก็เป็นได้เพียงเพื่อนบ้าน สำหรับพ่อแล้วเขาไม่ได้พูดกับพ่อมานานหลายปี พ่อของเขานั้นคือคนแปลกหน้าสำหรับเขา
“ใช่ ตอนนี้เจ้ายังไม่มีชื่อ งั้นข้าจะตั้งชื่อให้เจ้าเป็นตัวแทนแม่ของเจ้าเอง”
เยล คิดสักพักจนกระทั่งตัดสินใจได้
“เจ้าชื่อ ไวบร้า !”
เยล ลูบหัว ไวบร้า พร้อมกับเข้าไปตรวจสอบในเมนูเควสเพื่อตรวจสอบเควสย่อยอันใหม่
“อัพเกรด [ สามดาบ ] และ [ สายฟ้า ] ให้เท่าๆกันจนเลเวล 5 รางวัล : สกิลรวม [ สามดาบสายฟ้า ]”
เควสย่อยนี้ต้องการให้ เยล นั้นเพิ่มระดับสกิลทั้งคู่ให้เท่าๆกัน ในตอนที่เขาเพิ่มเลเวลจาก 1 ไปสอง เขาต้องเพิ่มสกิลทั้งสองอย่างนี้ไปพร้อมกันจนกว่าจะเลเวล 5 ไม่งั้นแล้วเควสจะล้มเหลว
เยล ไม่ได้รู้สึกว่าเควสย่อยอันนี้มีปัญหาแต่อย่างใด ตราบใดที่เขาไม่ได้ใช้สกลิ มันก็จะไม่เพิ่มระดับและรางวัลของสกิลรวมจากสองสกิลนี้ก็ดีอย่างมาก
เพราะ เยล นั้นอายุได้ 10 ปีแล้ว เขาควรที่จะออกจากพื้นที่ทดสอบนี้ได้แล้ว เขาน่ะอยู่ที่เขตแดนใกล้ๆกับทางออกอยู่แล้ว
เขาอุ้ม ไวบร้า ขึ้นมาและหลังจากใช้เวลาที่นี่มาหนึ่งปี เขาก็ได้ออกจากพื้นที่ทดสอบ เพราะ ไวบร้า นั้นมีสัญญากับ เยล คาถากักกันจึงใช้ไม่ได้ผลและดังนั้นเธอจึงออกไปได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
***
เยล นั้นสูงขึ้นกว่าเดิมในหนึ่งปีที่เขาใช้เวลาอยู่ข้างในเขตทดสอบและเขาแต่งตัวด้วยชุดขนสัตว์ ชุดเดิมของเขานั้นพังไปแล้วตั้งแต่ที่ต่อสู้กับเสือไม้ไฟ
นักดาบคลั่งที่ซึ่งรอคอยเขาอยู่ด้านนอกนั้นช็อคอย่างมากกับการปรากฏตัวของ เยล แต่มันไม่ใช่เพราะที่เขาสูงขึ้นและไม่ใช่เสื้อผ้าที่เขาใส่แต่เป็นเพราะ เยล นั้นได้อุ้ม ไวบร้า ไว้อยู่
เยล นั้นอายุเพิ่งจะ 10 ปี ดังนั้นแล้วมีเพียงแค่สองทางที่เขาจะทำสัญญากับสัตว์อสูรด้านในเขตทดสอบได้
อย่างแรกเลยคือเขาโชคดีและเขาได้ใช้สัญญาทาสกับสัตว์ที่ใกล้ตายหลังจากที่มาอยู่ในระดับ 1 ดาว
อีกเหตุผลคือ เยล ได้รับความเชื่อใจและสัตว์อสูรได้ทำสัญญาชีวิตกับเขา
และทั้งสองทางนั้นต้องทำให้ เยล ขึ้นมาอยู่ในระดับมนุษย์ 1 ดาวซึ่งหมายความว่าเขามาอยู่ในระดับ 1 ดาวหลังจากที่อายุได้เพียง 10 ปี
แต่นักดาบคลั่งรู้ว่า เยล มีวิธีฝึกที่ได้มาจากสำนักนิคาไซ ดังนั้นแล้วความจริงเรื่องนี้จึงไม่ได้ทำให้เขาตกใจเท่าไหร่
นักดาบคลั่งคิดไปต่างๆนาๆ เขาคิดถึงความเป็นไปได้สองอย่าง ทั้งคู่ดูเหมือนจะยาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจะมีอันหนึ่งที่ถูกก็เถอะ
เยล เห็นอาจารย์ของเขาและได้ก้มหัวให้
“อาจารย์ เธอคือ ไวบร้า ข้าได้รับเธอมาเป็นน้องสาวของข้า”
เยล แนะนำ ไวบร้า ให้กับอาจารย์เขาได้รู้จัก เขาต้องการไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด ไวบร้า นั้นเป็นน้องสาวของ เยล ไม่ใช่ทาส เยล ไม่อยากให้อาจารย์นั้นเข้าใจผิด
นักดาบคลั่งตาแทบถลนออกมาเมื่อได้ยินที่ เยล พูด นักดาบคลั่งรู้ว่า เยล นั้นขาดความรักแต่เขาไม่คิดว่าศิษย์ตัวเองนั้นจะรับหมาป่าตัวน้อยมาเป็นน้องสาว
“นั่นยอดเยี่ยมมาก เจ้าได้น้องสาวที่น่ารัก”
แต่นักดาบคลั่งนั้นก็ไม่ใช่คนทั่วไป ดังนั้นแล้วเขาจึงดีใจที่เห็น เยล เองก็ต่างจากคนทั่วไปและไม่ได้โดนความคิดของคนธรรมดามาขีดเส้นกั้นไว้
อีกอย่างหลังจากที่เห็น ไวบร้า และ เยล แล้ว นักดาบคลั่งนั้นมั่นใจว่าทั้งคู่ได้ทำสัญญาชีวิตและไม่ใช่ทาส มันยากอย่างมากที่จะมีสัญญาชีวิตกับสัตว์อสูร ดังนั้นแล้วนักดาบคลั่งจึงรู้สึกภูมิใจในศิษย์ของตน
แต่นักดาบคลั่งเองก็มีบางอย่างที่จะบอกกับ เยล
“แต่เดิมแล้วเจ้าน่าจะมีการทดสอบพรสวรรค์ในวันนี้แต่...”
นักดาบคลั่งไม่รู้จะบอก เยล ยังไง เขากลัวว่าลูกศิษย์จะโมโหเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“พ่อของเจ้าบอกว่าเจ้าน่ะอย่างมากก็มีพรสวรรค์ที่ไร้ค่าและการทดสอบเจ้าไม่คุ้มกับการใช้ทรัพยากรใดๆจากสมาคมเพราะเจ้ามีสิทธิที่จะเข้าสำนักนิคาไซอยู่แล้วและนั่นทำให้พวกเขายกเลิกการทดสอบของเจ้าหลังจากที่เห็นแล้วว่าพรสวรรค์ของเจ้าน่ะไร้ค่า...”
“ข้าคิดว่าพ่อของเจ้ามันงี่เง่า”
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้นนักดาบคลั่งก็ได้ทำการสังเกตไปที่ท่าทางของ เยล คำพูดสุดท้ายของเขานั้นแค่พูดออกมาเบาๆซึ่ง เยล ไม่น่าที่จะได้ยิน
แต่หลังจากที่ได้รับสายเลือดของหมาป่าน้ำแข็งมาแล้ว การได้ยินของ เยล นั้นได้พัฒนาขึ้นมาและเขาได้ยินสิ่งที่นักดาบคลั่งพูด
“งั้นไม่จำเป็นต้องทดสอบแต่อย่างใดและข้าไม่คิดว่าชายคนนั้นเป็นพ่อของข้าอยู่แล้ว ข้าไม่สนกับสิ่งที่เขาคิดเกี่ยวกับข้า ผู้ใหญ่เพียงคนเดียวที่ข้ามีในชีวิตก็คือท่าน อาจารย์”
นักดาบคลั่งแปลกใจกับท่าทีสงบของ เยล และดีใจที่ได้เห็น เยล นั้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น นักดาบคลั่งเองก็คิดว่า เยล นั้นเป็นลูก เขาไม่มีลูกหลานแต่เขามีความรู้สึกแบบนี้ให้กับลูกศิษย์ทุกคน
ในอีกด้าน เยล นั้นค่อนข้างดีใจที่ไม่ต้องทดสอบพรสวรรค์ในสมาคม
เพราะเขามีพรสวรรค์มากเกินไปและด้วยระบบนี้ พวกนั้นจะเปลี่ยนไป ถ้าพรสวรรค์ของเขาเป็นที่รู้กันทั่วและเขาได้เพิ่มมันมาอีกทีหลังมันคงจะดูแปลกและมันจะสร้างปัญหาให้กับเขาและ เยล เลือกที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องแบบนั้น
ถ้า เยล ต้องการล่ะก็ นักดาบคลั่งก็จะบังคับให้สมาคมทำการทดสอบแต่นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของ เยล กับพ่อนั้นแย่ลงไปอีก เมื่อ เยล ไม่ได้มีท่าทีขัดอะไร นักดาบคลั่งจึงไม่ต้องไปบังคับใครแม้ว่าเขาจะสงสัยในพรสวรรค์ของศิษย์ตัวเองก็ตาม
นักดาบคลั่งนั้นไม่เชื่อว่า เยล นั้นมีพรสวรรค์ที่แย่เพราะเขาได้ทำการฝึกให้ เยล ด้วยดาบและเห็นแววการพัฒนาของเด็กคนนี้ นักดาบคลั่งนั้นมั่นใจว่าอย่างน้อย เยล ก็ต้องมีพรสวรรค์ในเรื่องดาบ
“ถ้าไม่มีการทดสอบ งั้นข้าจะไปยังสำนักนิคาไซ”
เยล นั้นมีสิทธิที่จะเข้าไปเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรับการทดสอบใดๆรึเข้าไปสมัครแต่อย่างใด เขาสามารถเข้าไปได้เลยหลังจากที่อายุ 10 ปีเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ
เยล นั้นไม่มีธุระที่จะทำในสมาคมอีก เพราะเวลาจำกัดที่เขามีเขาจึงเลือกที่จะออกไปทันที