GE54 ขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย [ฟรี]
ป่าแห่งภูติพรายอบอวนไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ผู้ที่เข้าสู่ป่าอาจพบภูติผีปรากฏ ไม่ก็เสียงโหยหวนที่น่าหวาดกลัว
เสียงร่ำไห้ดังออกมาจากป่า แม้เวลาล่วงเลยไปเพียงสองชั่วยาม แต่มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ถูกสังหารตายภายในนั้น
ในเขตที่ 1 นี้จะมีภูติผีระดับต่ำ การที่ผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรต้องเผชิญหน้ากับมัน ไม่ถือเป็นเรื่องหนักหนา แต่แม้ภูติผีเหล่านั้นจะสังหารได้ง่าย หากจะให้กลับออกมาโดยไร้ซึ่งรอยขีดข่วน ย่อมเป็นไปได้ยาก
ภายในป่าภูติพราย ผู้เยาว์ในชุดคลุมเหลืองกำลังหลบหนีอย่างลนลาน ผู้เยาว์ผู้นี้เป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 1 แต่ด้านหลังของนางกลับปรากฏภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพเส้นที่ 5 ไล่ล่าถึง 3 ตน
“ช่วยข้าด้วย!”
ใบหน้าที่งดงามของสตรีนางนี้ซีดขาวไร้โลหิต นางวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตกระทั่งรองเท้าหายไปที่ใดไม่รู้ตัว ทำให้เท้าของนางปรากฏบาดแผลและโลหิต
แม้นางจะหลบหนีจนพบศิษย์คนอื่น แต่กลับไม่มีผู้ใดกล้าช่วยนาง เพราะภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 5 ทั้งสามตัวนี้แข็งแกร่ง
ภูติผีค่อยๆเคลื่อนเข้าใกล้นางช้าๆจนทำให้นางสิ้นหวัง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มจนแห้งเหือด ฝีเท้าชะงักและทรุดลงกับพื้น นัยตาเรืองแสงสีเขียวของภูติผีเปล่งประกาย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่น่าขนลุก ทั้งยังเปล่งเสียงร้องโหยหวนที่น่าสะพรึงกลัว
“ผู้ใดก็ได้...ช่วยข้าที หากต้องการให้ข้าทำสิ่งใด... ข้ายอมทุกอย่าง...”
นางเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก แต่กลับไม่มีผู้ใดได้ยิน นางจึงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
แต่ทันใดนั้น เรื่องที่น่าตระหนกกลับเกิดขึ้น สายรุ้งหิมะขาวพาดผ่านร่างของภูติผีทั้งสามก่อนปรากฏเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของพวกมัน
สตรีผู้สิ้นหวังลืมตา พบกับผู้เยาว์ผู้หล่อเหลาในชุดขาวดำ กำลังกวัดแกว่งกระบี่ในมือ บั่นศีรษะของภูติผี ทั้งยังจุดเพลิงเผาร่างของพวกมันจนสูญสลาย!
เมื่อนางตั้งสติและเพ่งมองใบหน้าของผู้ที่ปรากฏ นางกลับต้องตกตะลึง เพราะผู้ที่ปรากฏเบื้องหน้าคือผู้ที่ฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน... เป็นหนิงฝานผู้นั้น!
“เป็นหนิงฝาน... มิเพียงเป็นบุรุษเจ้าสำราญ แต่กลับทรงพลังยิ่งนัก” นางเผยแววตาตกตะลึง
แต่นางต้องส่ายหน้าขับไล่ความคิด เพราะพี่สาวของนางกล่าวว่าหนิงฝานคือโจรชั่ว
‘เหตุใดหนิงฝานถึงช่วยข้า’
‘หรือเพราะต้องการตัวข้า...’
ใบหน้านางแดงก่ำ ยิ่งหวนนึกถึงสิ่งที่ตนกล่าวเมื่อครู่ นางยิ่งรู้สึกขัดแย้ง
เมื่อครู่นางกล่าวคำว่าจะทำทุกสิ่งที่ผู้ช่วยเหลือต้องการ
หากหนิงฝานต้องการพลังของนาง นางย่อมปฏิเสธและไม่อาจทำได้ตามที่กล่าว
นางทุกข์ใจ... เพียงแต่น่าเสียดายที่หนิงฝานไม่ชายตามองนาง แววตาของหนิงฝานจับจ้องอยู่ที่ภูติผีทั้งสามที่เขาเพิ่งสังหารไป แต่เมื่อไม่เห็นมุกภาวนา หนิงฝานจึงขมวดคิ้ว
ท้ายที่สุดหนิงฝานก็เหลือบตามองนาง เพียงแต่เป็นแววตาที่เรียบเฉยไร้อารมณ์ การช่วยสตรีนางนี้ถือเป็นเรื่องบังเอิญ แท้จริงแล้วหนิงฝานเพียงต้องการสังหารภูติพรายเพื่อชิงมุกภาวนาจากพวกมันเท่านั้น
“เจ้ามิควรมาที่นี่”
หนิงฝานถอนสายตาแล้วหันกายจากไปโดยไม่สนนางอีก
เมื่อหนิงฝานจากไป นางจึงผ่อนคลาย
ในที่สุดนางก็ตัดสินใจได้สิ่งหนึ่ง นั่นคือหนิงฝานแข็งแกร่ง และไม่ใช่โจรราคะเหมือนข่าวลือ
นอกจากนี้ กระบี่ของหนิงฝานยังงดงาม
หนิงฝานไม่ได้สนใจถามนามของสตรีเมื่อครู่
เมื่อตนเคลื่อนไหวราวกับเมฆหมอกที่ไร้ซึ่งความรู้สึก เหตุใดต้องสนใจผู้คน?
หนิงฝานเหยียบย่างรุ่งหิมะพร้อมกับกระบี่แยกสวรรค์ในมือ เคลื่อนผ่านไปยังส่วนลึกของส่วนที่ 1 ของป่า ด้วยวิชาอำพรางกาย
แม้ยามนี้ทั่วร่างของหนิงฝานจะมีกลิ่นโลหิต อาภรณ์ที่ส่วมใส่ขาดสะบั้น แต่แววตาของเขายังดุดันและทรงพลัง
การไล่ล่าสังหารตลอดสองชั่วยามที่ผ่านมา ทำให้หนิงฝานเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อย
กระบี่แยกสวรรค์มีความสามารถในการเผาวิญญาณ ยิ่งผสานกับพลังในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง จึงไม่มีภูติผีตนใดในส่วนที่ 1 ของป่ารอดพ้นมือหนิงฝานไปได้ แต่หากพบกับกลุ่มของภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10 หลายตัว แม้พวกมันจะถูกสังหาร แต่หลังจากนั้น ร่างของพวกมันจะระเบิดจนทำให้หนิงฝานบาดเจ็บ
ความตายมิอาจหยุดยั้ง เมื่อมีชีวิตย่อมต้องดิ้นรน การสังหารภูติผีเหล่านี้จึงไม่นับเป็นอันใด
หนิงฝานสังหารภูติผีไปกว่า 300 ตน ได้แต้มมาทั้งหมด 754 แต้ม มุกภาวนา 19 เม็ด นอกจากนี้ กระบี่แยกสวรรค์ยังได้ยกระดับขึ้นหลังจากสังหารภูติผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 10
สำหรับหนิงฝานแล้ว ป่าภูติพรายนับเป็นสถานที่เก็บเกี่ยวชั้นดี
ยามนี้ปราณในร่างหนิงฝานเผาผลาญจนเกือบหมด จึงเป็นเวลาที่ต้องฟื้นฟูปราณและดูดซับมุกภาวนา…
ภายในส่วนที่ไม่มีผู้ใดย่างกลาย หนิงฝานนำแผ่นอาคมที่หลานเหม่ยให้มา ถ่ายปราณลงไปจนแผ่นอาคมเปล่งแสงสีฟ้าขยายกินพื้นที่กว่าร้อยจ้าง ซึ่งเป็นระยะของข่ายอาคมวิญญาณ
‘ข่ายอาคมวิญญาณ’ ที่หนิงฝานวางนั้น สามารถป้องกันการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้ ดังนั้นในส่วนที่ 1 ของป่าแห่งนี้ ไม่สมควรมีผู้ใดที่ทำลายข่ายอาคมวิญญาณนี้ได้
หนิงฝานนั่งขัดสมาธิ ผ่อนลมหายใจ จากนั้นนำขวดโอสถเสริมวิญญาณและโอสถอีกบางชนิดเพื่อช่วยฟื้นฟูปราณและอาการบาดเจ็บออกมา
ในส่วนที่ 1 ของป่านี้ แม้ภูติผีจะให้กำเนิดมุกภาวนาได้ก็จริง แต่ปริมาณกลับน้อยมาก เทียบได้กับสังหารภูติผี 10 ตัว จะได้มุกภาวนา 1 เม็ด แต่หากสังหารภูติผีระดับสูง มุกภาวนาที่ได้จะอัดแน่นด้วยสัมผัสเทพที่มากกว่า
หนิงฝานยังลังเลบางสิ่ง แม้จะรู้ว่าหากภูติผีทรงพลังขึ้น โอกาสที่จะได้มุกภาวนาก็มากขึ้น ทั้งพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้นย่อมทรงพลังมากขึ้นเช่นกัน!
การล่าสังหารภูติผีในส่วนที่ 1 นับว่าเสียเวลาเปล่า เพราะยามนี้ หนิงฝานสังหารภูติผีระดับสูงไปหมดแล้ว จะเหลือก็เพียงภูตผีในขอบเขตเปิดเส้นชีพจรที่ 2 เท่านั้น
‘คงถึงเวลาที่ข้าต้องไปส่วนที่ 2 ของป่า’
หลังจากฟื้นฟูอยู่ครึ่งชั่วยาม หนิงฝานก็ฟื้นคืนความแข็งแกร่ง แต่หากต้องเข้าสู่ส่วนที่ 2 ของป่าและเผชิญหน้ากับภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณ หนิงฝานที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลางย่อมยากที่จะรับมือกับการระเบิดตัวของพวกมัน หากจะให้ปลอดภัย อย่างน้อยต้องบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย
หนิงฝานขบคิดชั่วครู่ก่อนเริ่มดูดซับมุกภาวนา
1... 2... 3... เมื่อดูดซับมุกภาวนาถึง 19 เม็ด พลังที่อันลึกลับได้ปะทุขึ้น
มุกภาวนา 19 เม็ดทำให้ทะเลสติของหนิงฝานเพิ่มขนาดขึ้น 1 เท่าตัว ทั้งยังทำให้สัมผัสเทพรุนแรงเทียบเท่าขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย
อำนาจที่ได้รับจากมุกภาวนาทำให้ดวงตาของหนิงฝานเป็นประกาย หากตนได้ล่าภูติผีในส่วนที่ 2 ของป่า หากตนได้มุกภาวนาคุณภาพสูงขึ้น บางทีสัมผัสเทพของตนอาจทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ
โอสถเสริมวิญญาณที่หลานเหม่ยให้มา 2 ขวดนั้น ทำให้หนิงฝานยกระดับเส้นชีพจรได้เพียง 20 เส้น แต่ถึงอย่างนั้น ในแหวนกระถางของเขายังมีสตรีให้ดูดซับพลังอยู่ถึง 17 คน หากได้ดูดซับพลังจากพวกนางทั้งหมด อาจทำให้เส้นชีพจรอีก 50 เส้นที่เหลือยกระดับในคราวเดียวก็เป็นได้
หากยกระดับเส้นชีพจรได้ครบ 100 เส้น หนิงฝานจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย!
หนิงฝานสะบัดแขนเสื้อ แหวนกระถางขัดเกลาที่สวมนิ้วเปล่งแสง นำร่างของสตรีในขอบเขตประสานวิญญาณที่งดงาม 15 คนนอนเรียงรายบนพื้น จากนั้นใช้ดรรชนีคลายหยินปลุกพวกนาง ไม่นานนักบริเวณนั้นก็อบอวนไปด้วยบรรยากาศที่คลุมเครือและเสียงครางกระเส่าของพวกนาง...
ขณะที่ร่วมรักกับพวกนาง หนิงฝานเกิดความลังเล แต่นั่นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ต่อมาความลังเลนั้นได้หายไป เพราะสตรีเหล่านี้คือศัตรูที่ไม่อาจให้อภัย
“พวกนางคือกระถางขัดเกลา... ย่อมดูดซับพลังของพวกนางได้”
หลังจากเสร็จกิจกับสตรีคนแรก หนิงฝานได้เคลื่อนกายไปยังสตรีคนอื่นๆ ทั้งเค้นคลึง ทั้งใช้นิ้วสัมผัสเล้าโลมในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์พวกนาง
หนิงฝานร่วมรักกับพวกนาง 3 วัน 3 คืน กระทั่งพลังของเขาทะลวงระดับไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย!
...
ภายในตำหนักแลกเปลี่ยนของผู้อาวุโสเมิ่งฉู่ ยามนี้เรื่องแต้มของหนิงฝานได้ยินไปถึงหูของผู้อาวุโสและศิษย์นิกายมากมาย ทำให้หลายคนมารวมตัวกันที่นี่
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้เห็นแต้มของหนิงฝานด้วยตาตนเอง พวกมันตกตะลึง แม้พวกมันจะรู้ว่าหนิงฝานมีที่มาไม่ธรรมดา แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง
ผ่านไปเพียง 2 ชั่วยามแต่ได้แต้มไปมากถึง 754 แต้ม ต่อให้เหล่าผู้อาวุโสนิกายเข้าไปในป่าเอง ย่อมไม่มีผู้ใดตามความเร็วของหนิงฝานได้ทัน
“ผู้เยาว์คนนี้มิธรรมดา...” ผู้อาวุโสลี่ถอนหายใจ เพราะหนิงฝานที่ลี่สื่อหวนแนะนำให้มันนั้น ยากเกินจะคาดเดา
“ฮ่าฮ่า หนิงฝานช่างน่าสนใจ” ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสฉู่ยังด่าทอหนิงฝาน แต่ยามนี้มันกลับต้องคิดใหม่ เพราะต่อให้ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณอย่างมันแข่งขันกับหนิงฝาน มันยังรู้ตัวดีว่าเป็นไปไม่ได้
ด้วยที่ผู้คนไม่รู้ระดับพลังของหนิงฝานจึงตกตะลึง แต่ยังมีบางคนที่รู้ระดับพลังของหนิงฝานและมองสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่นานนักชายชราผู้หนึ่งได้เข้ามายังตำหนักแลกเปลี่ยนของนิกาย ที่ด้านหลังชายชราติดตามมาด้วยผู้เยาว์ในชุดคลุมขาว...ไป๋ปี้ ที่หนิงฝานเคยพบที่เมืองฉีเหม่ย
เมื่อเห็นชายชราเข้ามา เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสต่างคารวะด้วยความเคารพ
“คารวะผู้อาวุโสไป๋!”
ชายชราในอาภรณ์ขาวผู้นี้คือหนึ่งในสี่ปีศาจแห่งนิกายกุ่ยเชว่ ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลาง ‘ไป๋เฟยเถิง’!
ผู้อาวุโสในขอบเขตแก่นทองคำจะรู้ระดับพลังของหนิงฝาน จึงไม่มีผู้ใดมายังตำหนักแลกเปลี่ยน แต่คาดไม่ถึงว่าไป๋เฟยเถิงจะมา
เมื่อเห็นไป๋เฟยเถิงพยักหน้า เหล่าศิษย์และผู้อาวุโสจึงกลับคืนท่าที... ไป๋เฟยเถิงจับจ้องไปยังบริเวณที่แสดงแต้มและกวาดสายตาหาชื่อหนิงฝาน เมื่อพบ แววตาของมันแปรเปลี่ยนเย้ยหยัน
“ศิษย์ของหานหยวนจี๋ก็มิเห็นจะเท่าใด... เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่ผ่านไป 2 ชั่วยามกลับได้เพียง 754 แต้ม...”
คำกล่าวของมันทำให้ผู้คนหยุดหายใจ
ผู้เยาว์ที่ดูธรรมดาสามัญผู้นี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง...เป็นไปได้อย่างไร?
เมื่อหวนคิดถึงแต้มที่หนิงฝานได้ พวกมันจึงไม่คิดเห็นเป็นเรื่องแปลก
“เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง แต่กลับประชันขันแข่งกับผู้เยาว์เปิดเส้นชีพจร ต่อให้มันเอาชนะได้ก็ไร้ความหมาย”
ไป๋เฟยเถิงนั่นลงเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา มันไม่ถูกกันกับหานหยวนจี๋ มันจึงไม่พอใจที่เห็นศิษย์ของหานหยวนจี๋แสดงพลัง
แม้มันจะด่าทอและไม่พอใจ แต่มันไม่ได้เกลียดชังเสียทีเดียว
เพราะด้วยอายุ 17 ปีแต่กลับบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางได้ ย่อมนับเป็นผู้เยาว์ที่มีชื่อเสียงของแคว้นเยว่ ต่อให้เป็นทั้งโลกพิรุณ ยังยากที่จะหาบุคคลเช่นนี้
ในนิกายกุ่ยเชว่ มีผู้อาวุโสจำนวนมากที่เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นแรกและกลาง หากภายหน้าพวกมันได้พบหน้าหนิงฝาน พวกมันคงไม่อาจรักษาท่าทีสูงศักดิ์ของตนไว้ได้
นั่นทำให้คนเหล่านี้กังวลในตัวตนของหนิงฝานมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันก็อยากเห็นว่าหากผ่านไป 1 เดือน หนิงฝานจะได้แต้มมากขนาดไหน
แต่ยิ่งเฝ้าดูยิ่งผิดหวัง เพราะ 3 วันมานี้ พวกมันไม่เห็นแต้มของหนิงฝานขยับแม้แต่น้อย ผิดกับในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แต้มของลู่สื่อเฉียวได้เพิ่มขึ้นเป็น 600 แต้มแล้ว อีกไม่นานแต้มของมันจะก้าวข้ามหนิงฝานไป
“มันทำอันใดอยู่... เหตุใดแต้มของมันจึงมิขยับ!”
ผู้คนจำนวนมากสงสัย แววตาของไป๋เฟยเถิงที่จ้องมองชื่อของหนิงฝานก็เพิ่มพูนความเหยียดหยามมากขึ้น
“ข้าบอกแล้วว่ามันมิเห็นจะเท่าใด... บางทียามนี้มันอาจบาดเจ็บหนักและซ่อนตัวเพื่อรอเวลาครบ 1 เดือนก็เป็นได้”
ไป๋เฟยเถิงกล่าวอย่างมีอคติ แต่ไม่มีผู้ใดกล้าโต้แย้ง เพราะหากหนิงฝานไม่ได้ซ่อนตัว เหตุใด 3 วันมานี้แต้มถึงไม่ขยับ
หลังจากนั่งดูอยู่พักหนึ่ง ไป๋เฟยเถิงก็หันกายเตรียมจากไป แต่ก่อนที่มันจะไป บนโต๊ะแสดงแต้มกลับเปล่งแสง แต้มหนิงฝานขยับเพิ่มขึ้น 100 แต้ม รวมเป็น 854 แต้ม!
100 แต้มจะได้จากการสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้น ซึ่งภูติผีระดับนั้นอยู่ในส่วนที่ 2 ของป่า
“เป็นไปมิได้ เด็กนั่นกล้าเข้าสู่ส่วนที่ 2 ของป่า มันเบื่อชีวิตแล้วหรือไร!”
สีหน้าไป๋เฟยเถิงแปรเปลี่ยน หนิงฝานยังมิแข็งแกร่งถึงขั้นนั้น แต่กลับกล้าหาญชาญชัยเฉกเช่นหานหยวนจี๋... เป็นผู้เยาว์ในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง หากพบภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง หนิงฝานย่อมตกตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“เด็กนั่นตายแน่...” ไป๋เฟยเถิงคืนสีหน้าปกติ ไม่รู้ว่ายามนี้มันกำลังขบคิดอะไร
...
3 วันที่ผ่านมายังไม่ได้ข่าวของหนิงฝาน หลานเหม่ยเริ่มกังวล
ภายในห้องของนาง หลังจากนางจับยามเวลา นางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
“มิรู้ว่าหนิงฝานจะเป็นอย่างไร... ที่ข้าชิงแผนที่จากบิดาเพื่อมอบให้เขา ก็เพราะหวังว่าเขาจะพ้นจากอันตราย...”
ก่อนหน้านี้ที่นางยิ้ม หนิงฝานกล่าวว่ารอยยิ้มของนางอัปลักษณ์ ดังนั้นยามนี้ นางจึงหัดยิ้มให้งดงาม
นางนั่งหัวร่ออยู่หน้ากระจกราวกับคนบ้า แต่เมื่อเห็นสาวใช้ของตนผลักประตูห้องเข้ามา นางสะดุ้งตกใจและรีบเก็บซ่อนรอยยิ้มทันที
“เข่อเอ๋อร์... เหตุใดเข้ามามิเคาะประตู...”
“นายหญิงน้อยข้ามีเรื่องด่วน คู่หมั้นของท่านเข้าสู่ส่วนที่ 2 ของป่าภูติพรายแล้ว ยามนี้มีผู้คนมากมายเฝ้ามองแต้มของคู่หมั้นท่านอยู่ในตำหนักแลกเปลี่ยน เมื่อครู่แต้มของคู่หมั้นท่านเพิ่มขึ้น 100 แต้มในคราวเดียว นั่นหมายความว่าคู่หมั้นท่านเพิ่งสังหารภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นต้นไป”
“อะไรนะ! เหตุใดเขากล้าเข้าไปส่วนที่ 2 ของป่า ต่อให้เป็นผู้อาวุโสแก่นทองคำยังยากจะเข้าไปที่นั่น!”
นางเร่งวางกระจกในมือและผุดลุกขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
“หนิงฝานต้องพานพบอันตรายร้ายแรง... ข้าจะขอให้บิดาช่วย...”