ตอนที่ 319 การประกาศผล (FREE)
ห้องเป็นพื้นที่ส่วนตัวของหญิงสาว
ฟาง เจิ้งจือ ไม่คิดจะเข้ามาในเวลากลางคืนแบบนี้ อย่างไรก็ตามเขายังคงเข้ามา
ตราบใดที่เขามีศีลธรรมอันสูงส่ง...
มันก็ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างเข้าไปและไม่เข้าไป
มีคำพูดหนึ่ง ถ้าเชื่อมั่นในศาสนาแม้แต่เนื้อและเหล้า ต่อให้จะกินพวกมันไปก็ไม่สามารถทำให้มัวเมาได้
ฟาง เจิ้งจือ ก้าวเข้าไปในห้อง เขามองไปรอบๆและมองการตกแต่งห้อง
ปกติการแต่งห้องมักจะบอกถึงตัวตนของหญิงสาว
ห้องของท่วงทำนองอมตะนั้นดูอบอุ่นและอ่อนโยนมาก แสงที่ส่องอ่อนๆทำให้ห้องดูสงบ
พื้นถูกปูด้วยพรม
สำหรับสีนั้น
ส่วนใหญ่เป็นสีฟ้าและสีเขียว พรมเป็นสีฟ้าอ่อน ต้นไม้ที่ริมหน้าต่างเป็นสีเขียว
"นายน้อยฟาง โปรดนั่งก่อน" ท่วงทำนองอมตะมองไปที่เก้าอี้กลางห้อง
ฟาง เจิ้งจือ นั่งโดยไม่ลังเล
แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างโลกนี้กับโลกก่อนหน้า แต่ความคิดของพวกเขาก็ไม่แตกต่างกันมากนัก ลูกค้าคือพระเจ้า
การให้แขกนั่งเป็นมารยาทที่ดี
ท่วงทำนองอมตะเทชาให้ ฟาง เจิ้งจือ และหยิบจานถั่วมาให้ จากนั้นนางก็ก้มหัวให้เขาเล็กน้อย
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ได้เคลื่อนไหว
เขาอึดอัดเล็กน้อยจากการบริการของท่วงทำนองอมตะ เขารู้สึกว่าบางอย่างไม่เหมาะสม
เขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
เขาอาจจะเข้าข้างตัวเองว่าวันนี้โชคดี อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าที่เป็นแบบนี้ต้องมีเหตุผลบางอย่าง
เขาไม่ได้ทำอะไรเลย
เขาไม่ได้แต่งเพลง เขาไม่ได้เขียนบทกวีใด ๆ
แต่เขาได้รับเชิญเข้ามาในห้อง นอกจากนี้เขายังถูกเชิญจากหญิงที่เป็นที่นิยมที่สุด มีเพียงความเป็นไปได้สองอย่างเท่านั้น
หนึ่งคือเขาหล่อมาก สองคือเขาหน้าตาคล้ายพ่อของนาง
ฟาง เจิ้งจือ คิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ทั้งสอง
เช่นเหตุผลที่เหลือก็คือ ...
เขาไม่รู้
ฟาง เจิ้งจือ ไม่รู้ แต่เขาก็อยากจะรู้ ดังนั้นเขาจึงสังเกตุท่วงทำนองอมตะอย่างระมัดระวัง
"นายน้อยฟางโปรดดื่มชาบ้างสิ" ท่วงทำนองอมตะเลื่อนถ้วยชาไปให้ ฟาง เจิ้งจือ
"ขอบคุณ" ฟาง เจิ้งจือ ขอบคุณและเอาถ้วยชามา อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ดื่มมันทันที
ท่วงทำนองอมตะ ไม่รอให้ ฟาง เจิ้งจือ ดื่มมัน
นางหันกลับเข้าไปในห่องส่วนตัว ในเวลาสั้นๆนางได้เปลี่ยนชุดใหม่
นางอยู่ในชุดสีฟ้าซีด
ไม่ใช่ชุดสีแดงประจำตัวของนาง ที่สำคัญคือนางเอาผ้าปิดหน้าออก
ใบหน้าอันงดงามของนางปรากฎให้ ฟาง เจิ้งจือ เห็น
องค์ประกอบบนใบหน้าของนางมีขนาดเล็กและงดงาม
ฟาง เจิ้งจือ เพียงมองไปเงียบๆ
เขาคิดว่าเขาจะต้องเปิดผ้าผิดหน้าเอง อย่างไรก็ตามท่วงทำนองอมตะไม่ให้เขาทำเช่นนั้น
จากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปตามแผน
ท่วงทำนองอมตะ วางกู่เจิ้งลงบนโต๊ะไม้แดงละเริ่มบรรเลง
เพลงไพเราะดังไปทั่วห้อง มันให้ความรู้สึกสบายเหมือนแช่นน้ำพุร้อน กลิ่นธูปอันหอมหวลชวนให้มึนเมา
ฟาง เจิ้งจือ ไม่ค่อยฟังเพลงและไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนัก
อย่างไรก็ตามเขาได้รู้จักนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมคือ หยุน ชิงวู และ ฉือ กูเหยียน
เพลงของ หยุน ชิงวู นั้นดูเป็นชั้นสูงและดูกว้างไกล ราวกับส่งวิญญานของคนที่ฟังผ่านห้องสมุทรและภูเขา ทำให้เกิดความรู้สึกอันสดชื่น
เพลงของ ฉือ กูเหยียน นั้นราวกับบทกวี ทำให้คนรู้สึกว่าพวกเขาชื่นชมงานศิลปะต่างๆอยู่
เพลงของท่วงทำนองอมตะต่างจากเพลงอื่นๆ
มันอ่อนโยน
ราวกับน้ำและหยกอันอบุ่น การฟังมันทำให้รู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง
ฟาง เจิ้งจือ หลังจากได้ฟังเพลงก็ทำให้เขาแทบลืมเวลา
ทันใดนั้นเขารู้สึกหิวน้ำขึ้นมา
เขามองไปที่ถ้วยชาเย็นๆข้างหน้า
ท่วงทำนองอมตะเหมือนจะสังเกตุเห็น นางหยุดเล่นเพลงทันทีและเดินเข้าไปในห้อง ออกมาพร้อมกับถ้วยชาสดๆ
นางเปลี่ยนชุดอีกด้วย
เป็นชุดสีเขียวประดับด้วยใบไม้ เข้าคู่กับดอกไม้สีเขียวที่ประดับบนหัวนาง
ถ้าก่อนหน้านี้นางราวกับสาวน้ำ ครั้งนี้นางก็ดูราวกับฤดูใบไม้ผลิ
"นายน้อยฟาง โปรดดื่มชา" ท่วงทำนองอมตะเติมชาและส่งมันให้ ฟาง เจิ้งจือ
"ขอบคุณ" ฝาง เจิ้งจือ หยิบถ้วยและรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้นแต่เขาไม่ได้ดื่มชา
จากนั้นมือของเขาสั่นเล็กน้อย
เหรียญเงินที่อยู่ในแขนเสื้อตกลงไปในถ้วยชา
"นายน้อยฟาง เงินของท่านหล่น" ท่วงทำนองอมตะไม่ได้ตอบสนองอะไร นางแค่หยิบมันขึ้นและคืนให้ ฟาง เจิ้งจือ
"ขอบคุณ" ฟาง เจิ้งจือ กระแอมเบาๆ แล้วเก็บเงินไว้
จากนั้นเขาก็ยกชาขึ้นจิบ เขาสูดดมกลิ่นชา ก่อนจะกลืนมันเข้าไป
"ชาที่ดี"
"ขอบคุณสำหรับคำชม ชานี้ข้าเป็นคนทำเอง ข้าใช้ดอกไม้แห้งเพื่อเพิ่มรสชาติ "ท่วงทำนองอมตะ อธิบาย
"อืม" ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
เขาไม่ค่อยรู้จักชามากนัก เขารู้เพียงว่าได้ดื่มชาย่อมดีกว่าดื่มน้ำเปล่า แต่ตอนนี้เขารู้จากท่วงทำนองอมตะว่านี่เป็นชาดอกไม้
ท่วงทำนองอมตะ กลับไปยืนจุดเดิม
"นายน้อยฟาง ท่านชอบดูการเต้นรำหรือไม่?"่
"อะไรก็ได้ตามใจเจ้า" ฟาง เจิ้งจือ แล้วจริงๆชอบดู แต่เขาไม่อาจพูดออกมาได้
เขาต้องแสดงชั้นเชิงออกมาบ้าง
"งั้นข้าจะเต้นรำให้ท่านดู" ท่วงทำนองอมตะยิ้มเมื่อได้ยินเรื่องนี้ นางเริ่มเต้นรำทันที
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดขึ้นในตัวขณะมองนางเต้นรำ
เพื่อที่จะได้เป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก
การที่จะเชี่ยวชาญเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งได้ ต้อฝึกมากกว่า 10 ปี นอกจากนี้การที่จะเต้นรำได้ก็เช่นกัน
หญิงสาวต้องทั้งร้องทั้งเต้น รวมถึงเล่นดนตรีได้
มันอาจจะยิ่งยากกว่าการเป็นซูเปอร์สตาร์ในโลกก่อนหน้านี้ของเขา พวกนางต้องเยาว์วัย เมื่อพวกนางอายุมากก็ขึ้นก็จะไม่เป็นที่ต้องการ
พรสวรรค์ทั้งหมดของพวกเขาจะสูญเปล่า
นี่คือความจริงที่โหดร้าย
ทุกคนก็สรรเสริญและต่อสู้เพื่อแย่งชิงพวกนาง แต่เมื่อทุกอย่างจบลงพวกนางก็จะถูกรังเกียจ
พวกนางเป็นเหมือนดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมและสวยงามเมื่อเบ่งบาน แต่เมื่อแห้งเหี่ยวก็จะถูกหลงลืม
ฟาง เจิ้งจือ ดื่มน้ำชาอีกถ้วยชนะมองดู
หลังจากท่วงทำนองอมตะ เต้นเป็นเวลานานนางก็หยุดลง จากนั้นนางก็จุดเทียนหอมและเข้าไปในห้องอีกครั้ง
นางจะเปลี่ยนชุดอีกหรือ?
นับตั้งแต่เข้ามานางเปลี่ยนไปสองรอบแล้ว เขาสงสัยว่านางจะเปลี่ยนเป็นอะไรอีก
หลังจากผ่านไปนาน...
อีกร่างหนึ่งเดินออกมาจากห้อง
นาสวมกระโปรงสีดำ เสื้อสีทอง นอกจากนี้บนหน้าผากของนางมีแต้มสีแดงอยู่
ท่วงทาของนางต่างออกไป
กลิ่นอายและบรรยากาศของนางเปลี่ยนจากความอบอุ่นกลายเป็นทรงเสน่ห์แทน
ฟาง เจิ้งจือ ตกใจ การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่มากเกินไปหรือ?
แค่เสื้อผ้าทำให้คนต่างกันขนาดนี้เลยหรือ?
แล้วนางไปเอาเสน่ห์แบบนี้มาจากไหนกัน?
เดี๋ยวก่อน!
บางอย่างไม่ถูกต้อง!
ฟาง เจิ้งจือ พบสิ่งแปลกๆ นางไม่ได้ถือหม้อชาหรือเครื่องดนตรีใดๆ
นางเดินเข้ามาหาเขา
ดวงตาของนางเป็นประกาย
ฟาง เจิ้งจือ รู้สึกบางอย่างไม่เหมาะสม เขาอยากจะมองมากกว่านี้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นเช่นไร แต่สายตาของเขากลับเริ่มเบลอ
เกือบจะเหมือนกับว่าดวงตาของเขาปกคลุมด้วยหมอก
ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้สึกว่าพลังงานของเขาค่อยๆหายไป เขาขยับไม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"เชี่ยเอ้ย ข้าติดกับดัก!"่
ฟาง เจิ้งจือ เสียขวัญ เขาอยากจะต้อต่าน แต่ร่างกายของเขาปฏิเสธ ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้คือมองอย่างเดียว
ที่สำคัญกว่านั้น...
เขาไม่รู้เลยว่านางเป็นยังไง
เชี่ย!
เขากำลังจะสูญเสียความบริสุทธิ์ในคืนนี้งั้นรึ? เขาอายุเพียง 15 ปีเองนะ!แม้ว่าเขาจะสูญเสียความบริสุทธิ์ แต่ก็ต้องไม่ใช่เพราะโดนข่มขืน!
...
เช้าวันรุ่งขึ้น
มันเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วง อุณหมภูมิลดลงมากลมแรงพัดส่งใบไม้ที่กองอยู่ที่พื้นจนลอยขึ้นไปในอากาศ นกห้อยต่างบินกันไปมา
หนึ่งในนั้นได้ขี้ลงบนหัวของ วู่ เฟิง
เขายังคงคิดหนักอยู่ เขาออกมาจากหอแห่งปัญญาช้ามาก อย่างไรก็ตามตอนที่เขาจากมา ฟาง เจิ้งจือ ยังอยู่ข้างใน
แปลว่า ฟาง เจิ้งจือ ใช้เวลายามค่ำคืนที่นั่น
การเชิญชวนใครเข้าไปในห้องเพื่อฟังเพลง กับชวนให้ค้างคืน ความหมายนั้นต่างกันมากนัก แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่าท่วงทำนองอมตะจะนอนกับ ฟาง เจิ้งจือ ...
แต่ถ้านางทำแบบนั้นละ?
มีความเป็นไปได้อยู่ เขาโกรธมากจนไม่รู้ว่านกได้ขี้ใส่หัวเขา
เมื่อเขาเห็นมัน
เขายิ่งโกรธกว่าเดิม
ทำไมนกถึงเร็วขนาดนี้? โดยปกติเขาสามารถหลบได้ ไม่ว่าจะวิธีใดนกก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้
"เชี่ยเอ้ย หัดใสกางเกงสะบ้าง! วู่ เฟิง บ่น
นกหันกลับมามอง วู่ เฟิง ตาสีดำของมันจ้องมองที่ วู่ เฟิง ราวกับจะถามว่า "ใครเขาสวมกางเกงตอนเข้าห้องน้ำกัน?"่
วู่ เฟิง ไม่เข้าใจภาษาของพวกมัน
แต่เขาเห็นนกหันหลังกลับมามอง
สายตาของเขาช่างน่าเหลือเชื่อ ยิ่งประหลาดไปกว่าเดิม เพราะเขาหยิบขลุ่ยหยกขึ้นมา
"จิ้บ!"่
มันราวกับเสียงนกร้อง
มันแหลมคม
เสียงของมันเดินทางผ่านอากาศราวกับลูกศร
มีอยู่คำพูดหนึ่ง
นกที่เคยได้รับบาดเจ็บมักจะหวาดกลัวเสียงธนู
ในกรณีนี้นกไม่เคยได้รับบาดเจ็บ จริงๆแล้วมันค่อนข้างภูมิใจในตัวเอง ต่อให้เป็นอย่างนั้นมันก็ยังคงถูกยิง เมื่อเสียงดังขึ้นปีกของมันแข็งค้างทันที
"ฟุ้บ!"่
นกตกลงไปในพุ่มไม้และตกลงไปในพื้นทันที
วู่ เฟิง เก็บขลุ่ย ดวงตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นจากนั้นเขาก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดหัวตัวเอง จากนั้นก็หันกลับเข้าไปที่โรงเตี้ยม
วันนี้เป็นวันประกาศผลการทดสอบ
เขาคิดว่าเขาจะทำได้ดี แต่ทำไมเขาถึงถูกนกขี้ใส่หัว?
หลายคนมุ่งหน้าไปพระราชวัง ต่อให้หลายคนจะไม่สามารถเข้าไปได้...
การประกาศก็จะได้ยินไปทั่วบริเวณใกล้เคียง
โดยปกติจะมีการประกาศชื่อซ้ำสามครั้ง สำหรับสามอันดับแรกจะมีการพูดต่อๆกันไปจนถึงชานเมือง
มันเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
มันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ
คืนก่อนมีคนนอนไม่หลับคนหนึ่ง ทุกคนต่างตื่นแต่เช้าแต่งตัวที่ดีที่สุดสำหรับโอกาสนี้
นี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง
เหล่าตระกูลใหญ่ๆและตระกูลที่มีอิทธิพลต่างมารอฟังผล ...
เพจหลัก : Double gate TH