ตอนที่แล้วตอนที่ 495 หลิน ฮวงปะทะยู่ เหวินปิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 497 ค้นพบหลิน ซิน

ตอนที่ 496 ขอโทษนะ พอดีฉันรู้เกี่ยวกับวิชาเนตรนิดหน่อย


นักปรัชญาเคยกล่าวไว้ว่าอย่าเหยียบหางแมวบ่อยนักไม่อย่างนั้นแมวจะเกลียดคุณ

หลิน ฮวงไม่อาจจำได้ว่าเขายั่วยุยู่ เหวินปิงไปกี่ครั้งแล้ว จากความจริงนี้เพียงลำพัง เขาสามารถยืนยันได้ว่าแมวไม่เพียงแต่จะเกลียดเขาที่เหยียบหางมันแต่ยังอาจจะสูญเสียสติ ความนึกคิดอีกด้วย

เขาต้องยอมรับว่าแม้สมาชิกนักบุญจะถูกล้างสมองเพื่อให้แน่ใจว่าจะภักดีต่อองค์กร มันก็ยังมีผลข้างเคียงอยู่ ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าอาจทำให้พวกมันสูญเสียเหตุผลและบ้าคลั่ง

พระเจ้าพวกมันคือตัวตนอันสูงสุดต่อสมาชิกนักบุญ พวกเขาไม่แม้แต่จะกล่าวถึงชื่อจริงๆของพระเจ้าและเพียงกล่าวถึงเขาในฐานะพระเจ้า มันถือเป็นข้อห้ามสำหรับพวกเขา

ความอัปยศของพระเจ้าถือเป็นตราบาปสำหรับสมาชิกนักบุญ

ความเชื่อแรกของเหล่านักบุญคือการฆ่าใครก็ตามที่ดูถูกพระเจ้าพวกเขา!

ความเชื่อนี้ได้ฝังลึกลงในจิตใจของสมาชิกนักบุญทุกคนและกระตุ้นความโกรธเขา

หลิน ฮวงได้เน้นยำมัน จู่โจมเกล็ดย้อนและยู่ เหวินปิงก็ไม่อาจควบคุมสติได้อีกต่อไป

ภายใต้สถานการณ์ปกติ โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้น การจับกุมเครื่องบูชาคือความสำคัญสูงสุดต่อยู่ เหวินปิง

อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจเมินเฉยการดูถูกของหลิน ฮวงได้ สมาชิกนักบุญต่างมีความคิดว่าการดูถูกพระเจ้าคือบาปที่ให้อภัยไม่ให้ และต้องได้รับการชำระ

ยู่ เหวินปิงลืมหน้าที่จับกุมเขาไป ตอนนี้มันกลับมีเพียงความคิดเดียวในหัวเขา-ฆ่าชายหนุ่มตรงหน้าเขา!เขาอยากให้หลิน ฮวงหายไปจากโลกนี้โดยสมบูรณ์!

มันเพราะการปรากฏตัวของเขาเปรียบเสมือนมารร้ายจากขุมนรก!

ภายนอกโล่ทมิฬ หมอกดำยังคงหมุนเวียนและเสียงซู่ซ่าก็ยังไม่หยุด

เส้นเลือดฝอยในดวงตาของยู่ เหวินปิงแตก ภายใต้หน้ากากแมว เขาดูดุร้ายราวสัตว์ป่า

ในขณะนั้นเอง เขากำลังถือสมบัติสูงสุดไว้ในมือแน่นพร้อมกับบีบอัดพลังชีวิตลงไป

ลวดลายบนสมบัติเขาเปล่งแสงและจุดประกายจากด้ามสมบัติไปยังปลายหอก

ใบหน้าของหลิน ฮวงกลายเป็นปั้นยากเมื่อเห็นมัน“มันเพิ่งกระตุ้นสมบัติสูงสุด....”

การกระตุ้นคือความสามารถเฉพาะของสมบัติสูงสุดซึ่งจะทำให้มันมีความเข้ากันได้กับพลังชีวิตของผู้ใช้สูงขึ้นและสามารถใช้ได้ทันทีด้วยพลังชีวิต ตามความต้องการของผู้ใช้การเปลี่ยนแปลงมักเกิดขึ้นตามรูปแบบของพลังชีวิต

การกระตุ้นดังกล่าวมักต้องให้ผู้ใช้ทำตามลักษณะของสมบัติเพื่อเปิดใช้งานทักษะบางอย่างเพื่อให้สมบัติเปล่งความสามารถถึงขีดสุด ไม่อย่างนั้น ผลจะไม่รุนแรง

หากศัตรูกระตุ้นสมบัติสูงสุดตอนนี้ ทักษะต่อไปก็จะเป็นการตัดสิน

“มันจะเป็นทักษะแบบไหน?”หลิน ฮวงระมัดระวัง แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็จ้องมันอย่างไม่คลาดสายตา

ในมือของยู่ เหวินปิง ลวดลายได้สว่างไปจนถึงปลายหอก ลวดลายทั้งหมดบนหอกยาวล้วนเปล่งแสง คล้ายกับหลอดไฟที่ได้รับพลังงานไฟฟ้า

“หอกฑูตสวรรค์!”ยู่ เหวินปิงกล่าวเสียงเบา

อึดใจต่อมา บนตัวหอกยาว แสงสีขาวก็สว่างยิ่งขึ้นราวกับจะระเบิด ในชั่วพริบตา ความเข้มข้นของแสงก็ไปจนถึงขีดสุดและเทียบได้กับดวงอาทิตย์ยามบ่าย มันเจิดจ้าจนไม่อาจมองตรงๆได้

ในขณะนี้เอง ‘ดวงอาทิตย์’ก็หม่นแสงลงและลำแสงสีขาวก็พุ่งใส่หลิน ฮวงด้วยความเร็วที่น่าสะพรึง ก่อตัวเป็นประกายไฟฟ้าสีขาวที่ร่ายรำในท้องฟ้า

วิสัยทัศน์ที่จำกัดของหลิน ฮวงไม่อาจจับวิถีการโจมตีได้ เมื่อมันอยู่ระยะที่สามารถสัมผัสได้โดยทักษะเขตแดนซึ่งก็คือ300เมตร ลำแสงสีขาวก็ได้กระทบกับโล่ทมิฬแล้ว

อึดใจต่อมา ใบหน้าของหลิน ฮวงก็เปลี่ยนไปและพยายามหลบผลกระทบทันที

เพียงเมื่อเขาเบี่ยงตัว ลำแสงสีขาวก็ทะลวงผ่านโล่ทมิฬโดยตรงราวกับมันเป็นเพียงแผ่นกระดาษที่ขวางกั้น มันพุ่งทะลวงร่างกายฝั่งซ้ายของหลิน ฮวงและพุ่งตรงออกจากโล่ทมิฬด้านหลังเขา

หลิน ฮวงสัมผัสร่างกายฝั่งซ้ายเขา แม้การโจมตีจะไม่กระทบโดนเขาโดยตรง มันก็ยังมีรอยแผลบนผิวหนังเขา

เขากลายเป็นตื่นตัวและจ้องมองยู่ เหวินปิงทันที จากนั้นก็พบว่ายู่ เหวินปิงยังคงถือหอกยาวอยู่ แต่ปลายหอกกลับทะลวงผ่านโล่ทมิฬเขา ลำแสงสีขาวไม่ได้ยิงออกจากปลายหอก แต่กลับเป็นเสาแสงของตัวหอกมันเอง

หลังหอกผสานกับพลังชีวิต ความยาวหอกก็เพิ่มขึ้นและในเวลาเดียวกัน ตัวหอกก็ถูกบีบอัด เมื่อมันถูกบีบอัดจนถึงระดับหนึ่ง มันก็จะถูกผลักดัน มันคือเหตุผลที่ว่าทำไมลำแสงสีขาวจึงสว่างขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับระเบิดและโจมตีทันที

“พลังของมันน่ากลัวมาก มันเกือบฆ่าฉัน!”จากนั้นหลิน ฮวงก็มองรูของหอกที่แทงผ่านโล่ทมิฬ เขารู้ดีว่าการโจมตีของศัตรูเหนือกว่าพลังโจมตีเขามาก ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่อาจทำลายผ่านโล่ทมิฬมาได้

เมื่อมันทะลวงผ่านโล่ทมิฬ มันก็เริ่มพัง หมอกดำเริ่มไหลผ่านรูและพุ่งเข้าหาหลิน ฮวง

หลิน ฮวงขยับตัวในทันทีและปรากฏในพื้นที่ที่ห่างออกไปกว่าร้อยเมตร

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาปรากฏ หมอกดำก็ก่อตัวขึ้น โอบล้อมเขา

หลิน ฮวงหลบหลายครั้ง แต่เขายังคงไม่อาจหลบหนีหมอกดำได้ มันดูเหมือนจะตามติดเขาไปทุกที่ ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน หมอกดำจะก่อตัวขึ้นในทันใด

หลังพยายามอยู่หลายครั้ง หลิน ฮวงก็มุ่งเป้าไปที่ยู่ เหวินปิง

เขารีบเก็บหอกยาวทันที จ้องมองหลิน ฮวงด้วยสายตาเย็นชา

“ไม่มีประโยชน์หรอก จันทร์พิฆาตก็เหมือนกับเงาของแก และแกไม่อาจกำจัดมันไปได้ สำหรับทักษะป้องกันแกที่เหมือนกระดองเต่า แม้จันทร์พิฆาตจะไม่อาจทำลายมันได้ มันก็ทำให้เป้าหมายไม่อาจขยับได้ หอกฑูตสวรรค์ของฉันสามารถทะลวงผ่านมันได้ซ้ำๆ”

ยู่ เหวินปิงมั่นใจว่าหลิน ฮวงไม่มีทางต่อกรด้วยได้

“แกคิดว่าแกกำลังชนะ?ฉันไม่คิดอย่างนั้น”หลิน ฮวงเมินเฉยหมอกดำ เปิดใช้งานสมบัติป้องกันเขาด้วยพลังชีวิต จากนั้นก็พุ่งใส่ยู่ เหวินปิง

“แกคิดจะยอมบาดเจ็บเพื่อให้ได้โจมตี?โง่เง่าสิ้นดี!”ยู่ เหวินปิงหัวเราะเยาะ

หลิน ฮวงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากและพุ่งเข้าหาเขาต่อ

ประกายความโกรธแล่นผ่านดวงตายู่ เหวินปิงและหอกยาวก็เปล่งแสงสลัวขึ้นอีกครั้ง หลิน ฮวงกระโดดและดาบในมือเขาก็เปล่งแสงราวกับว่าเขาพยายามจะปิดฉาก

ยู่ เหวินปิงยิ้มเย็น“ตายซะ สารเลวน้อย!”

อึดใจต่อมา หอกยาวในมือเขาก็ขยับอย่างรวดเร็วเหมือนการโจมตีก่อนหน้า ขณะที่หลิน ฮวงกำลังจะกวัดแกว่งดาบเขา หอกยาวก็ทะลวงผ่านหัวหลิน ฮวงเสียแล้ว

หลิน ฮวงนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

เมื่อเห็นหัวเขาระเบิด ยู่ เหวินปิงก็ยิ้มให้กับชัยชนะ“โง่เสียจริง การต่อสู้อย่างสิ้นหวัง ในที่สุดฉันก็คือคนที่หัวเราะทีหลัง”

“โอ้?แกแน่ใจนะ?”ขณะนั้นเอง เสียงล้อเลียนก็ดังขึ้นด้านหลังยู่ เหวินปิง

เขาอยากหันไปมอง แต่ก็ตระหนักว่าไม่อาจทำเช่นนั้นได้ มันเป็นเพราะเขาเห็นร่างไร้หัว สวมชุดคลุมดำและเลือดที่พุ่งออกจากคอเขาราวกับน้ำพุ

ด้านหลังร่าง ชายหนุ่มกำลังถือดาบต่อสู้และแสยะยิ้มให้เขา พร้อมกับเลือดที่กำลังหยดจากปลายดาบ

อึดใจต่อมา เขาก็ไขข้อข้องใจ

“ขอโทษด้วยนะ ฉันลืมบอกแกไปว่าฉันรู้เกี่ยวกับวิชาเนตรนิดหน่อย”โชคไม่ดี ยู่ เหวินปิงไม่อาจได้ยินคำพูดสุดท้ายของหลิน ฮวงได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด