GE52 หลานเหม่ยและคำสั่ง [ฟรี]
เขตศิษย์นิกายฝ่ายใน อุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้สูงใหญ่ นกกระเรียนโบยบินขับขาน ปราณวิญญาณหนาแน่นแตกต่างจากภายนอก หากผู้เยาว์ขอบเขตเปิดเส้นชีพจรได้บ่มเพาะปราณภายในนั้น อาจทำให้บรรลุขอบเขตประสานวิญญาณเร็วขึ้น
ผู้เข้ารับการทดสอบ 160 คนเดินลอดผ่านประตูศิษย์นิกายฝ่ายในเข้าไป มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เป็นป่าเขาแห่งหนึ่ง
การจะเข้ามายังเขตศิษย์นิกายฝ่ายในนั้น สามารถซื้อคำสั่งผ่านทางได้ในราคา 500 หยกสวรรค์
หนิงฝานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ เพราะหากรู้ว่าเข้ามายังเขตของศิษย์นิกายฝ่ายในง่ายขนาดนี้ เขาคงไม่ต้องเสี่ยงลอบเข้ามา
ผู้เข้ารับการทดสอบแต่ละคนจะได้ป้ายคำสั่งให้เข้าเขตศิษย์ฝ่ายในได้ชั่วคราว เพื่อเข้าร่วมการทดสอบที่ 2 เท่านั้น
ด้วย 500 หยกสวรรค์เพื่อแลกป้ายคำสั่งผ่านเข้าสู่นิกายฝ่ายใน หากเป็นศิษย์เปิดเส้นชีพจรทั่วไปย่อมไม่อาจหาหยกสวรรค์จำนวนมากขนาดนั้นได้ แต่ด้วยหนิงฝานมีหยกสวรรค์กว่า 1 แสนติดตัว เพียง 500 ไม่นับเป็นอันใด
ฉะนั้นหากการทดสอบจบลง หนิงฝานจะไปซื้อป้ายคำสั่งไว้
ในระหว่างการเดินทาง ผู้เข้ารับการทดสอบไม่น้อยที่จ้องมองหนิงฝานด้วยสายตาหมิ่นแคลน เมื่อพวกมันรู้ว่าหนิงฝานฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน แววตาที่ชื่นชมก็เปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีอีกหลายคนที่จ้องมองด้วยแววตาปรารถนาในวิชาขัดเกลาผสานระดับสูง
“ส่งวิชาขัดเกลาผสานของเจ้าให้ข้า หากเจ้ากล้าปฏิเสธ เมื่อเข้าสู่ป่าภูติพราย ย่อมสายเกินที่เจ้าจะเสียใจ” ลู่สื่อเฉียวกล่าว แต่นั่นกลับทำให้หนิงฝานอยากหัวร่อ หนิงฝานเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง เหตุใดต้องหวาดกลัวผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 4 เช่นมัน? แม้หนิงฝานจะไม่ทำตัวโดดเด่นจนทำให้เขาดูต่ำต้อย แต่เหตุใดอีกฝ่ายจึงคิดว่าจะข่มเหงเขาได้?
ภายในสถานที่ลับแห่งหนึ่ง สัมผัสเทพของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจำนวนมาก แผ่เข้าสำรวจหนิงฝานจนทำให้เขาขมวดคิ้ว
หากให้ไม่ใสใจลู่สื่อเฉียว หนิงฝานทำได้ แต่กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่แผ่สัมผัสเทพมานั้น หนิงฝานไม่อาจเมินเฉย แต่ถึงอย่างนั้น แม้การกระทำของพวกมันจะน่ารำคาญ แต่หนิงฝานต้องทนเพราะจะได้ทราบถึงแผนการที่พวกมันวางเอาไว้
‘พวกตาเฒ่าน่ารำคาญ... ข้าจะสั่งสอนพวกเจ้า’
หากไม่สามารถเล่นหมูกินพยัคฆ์ได้ตั้งแต่ต้น เช่นนั้นต้องเล่นเป็นพยัคฆ์ที่ไล่กินหมูแทน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หากวิธีช่วยนี้แก้ปัญหาที่จะตามมามากมายได้ หนิงฝานย่อมไม่ยี่หระ...
ณ ผืนป่าที่ดำสนิท ปกคลุมไปด้วยแมกที่ให้ความรู้สึกมืดมน สถานที่แห่งนี้คือสถานที่รับการทดสอบรอบที่ 2
ในการทดสอบรอบที่ 2 นี้ ตัวตนระดับสูงของนิกายกุ่ยเชว่จะเข้าร่วมชม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ
ณ ป่าภูติพราย เสียงโหยหวนของภูติผีดังสะท้อนแผ่วเบา ภายนอกป่าประจำการไว้ด้วย ‘กองทัพวิหค’
ของนิกายกุ่ยเชว่!
เมื่อผู้เข้ารับการทดสอบมาถึงบริเวณใกล้เคียงกับป่าภูติพราย หนิงฝานหลับตาและใช้สัมผัสเทพตรวจหาข่ายอาคม(ข่ายพลัง) แต่ไม่พบ
ภายในป่าภูติพรายมีความเย็นที่รุนแรง หนิงฝานขมวดคิ้วและคิดว่าปราณหยินลึกล้ำอาจอยู่ภายใน
หากเป็นเช่นนั้นจริง ยามกลับออกมาจากป่า สมควรยากที่นำบางสิ่งกลับออกมา
หนิงฝานหันมองกองทัพวิหคทั้ง 500 คนของนิกายกุ่ยเชว่และเกิดขึ้นความคิดบางอย่าง... ทหารเหล่านี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 6 เป็นอย่างน้อย หากฝึกฝนกระบวนทัพให้พวกมันด้วยกระบวนทัพโบราณ ความแข็งแกร่งของพวกมันคงไม่ด้อยไปกว่าสามกองทัพเทพปีศาจของหนิงฝาน
ดูคล้ายนิกายกุ่ยเชว่จะดูธรรมดาสามัญเฉกเช่นหน้าตา นิกายแห่งนี้สามารถสถาปนาตนเป็นเมืองได้ เพียงแต่ยังมีประชากรไม่พอ
ขณะที่หนิงฝานจ้องมองกองทัพวิหคอยู่นั้น ‘ผู้อาวุโสฉู่โหรว’ ที่ยืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพวิหคได้หันมองหนิงฝานพลางขมวดคิ้วแน่น
ฉู่โหรวผู้นี้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหนิงฝาน รู้ว่าเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋ รู้ว่าเป็นนายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ย
ยามนี้นางเป็นห่วงกังวลหนิงฝาน นางรู้ว่ามีสัมผัสเทพของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณกว่า 10 สายที่แผ่สัมผัสหนิงฝานอยู่
“เด็กนั่นจะทำอย่างไร? นี่เพียงแรกเริ่มเข้านิกาย แต่กลับถูกปีศาจเฒ่ามากมายหมายตา... ดูคล้ายพวกมันจะนำพาปัญหามาให้มิน้อย ข้าจะช่วยเหลือเด็กนั่นอย่างไรดี?”
ฉู่โหรวรู้ว่าหนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง ก่อนหน้านี้ที่นางได้ยินว่าหนิงฝานบ่มเพาะปราณด้วยวิชาขัดเกลาผสาน ทั้งยังทำลายผลึกฟ้าแดงที่ใช้ทดสอบวิชาของนางแตกเป็นเสี่ยงๆ
การจะทำลายผลึกฟ้าแดงได้นั้น อย่างน้อยวิชาที่ฝึกฝนต้องเป็นวิชาระดับดวงจิตแรกเริ่ม แต่การที่หนิงฝานจะได้ฝึกฝนวิชาระดับนั้นไม่ถือเป็นเรื่องแปลก นั่นเพราะหานหยวนจี๋เป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 การจะสร้างวิชาในระดับดวงจิตแรกเริ่มออกมานั้น แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
ยามนี้หนิงฝานอายุได้ 17 ปีเต็ม การที่ทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลางได้นั้น ถือว่าก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว กุและญแจสำคัญของความเร็วนี้สมควรเป็นวิชาขัดเกลาผสาน
แต่สิ่งหนึ่งที่นางสงสัย คือเหตุใดผู้ที่หยิ่งทะนงอย่างหานหยวนจี๋ถึงสอนวิชาขัดเกลาผสานระดับสูงให้ศิษย์ของตน ในหมู่วิชาปีศาจทั้งมวล วิชาขัดเกลาผสานเป็นวิชาที่ก้าวหน้าได้เร็วในช่วงต้นก็จริง แต่ภายหลังย่อมยากจะยกระดับและต้องประสบกับจุดตีนตัน
ไม่เพียงฉู่โหรวที่เป็นห่วงกังวลหนิงฝาน แต่ยังมีอีกคนที่เป็นห่วงกังวลเช่นกัน
คนผู้นั้นคือนายน้อยแห่งตระกูลลี่ ผู้ฝึกฝนวิชายกระดับกาย...ลี่สื่อหวน ยามนี้มันเดินเข้าใกล้หนิงฝานเงียบๆแล้วกล่าวกระซิบ “น้องหนิง ดูคล้ายเจ้าจะมีปัญหาแล้ว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”
“ช่วยข้า?” หนิงฝานขมวดคิ้ว เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 3 กลับคิดช่วยเหลือ?
“ถูกต้อง... ข้าสัมผัสเห็นบางสิ่งที่กำลังจะคุกคามเจ้า ถึงเจ้าจะมิใช่คนทั่วไปก็ตาม...”
“...” หนิงฝานประหลาดใจ เหตุใดลี่สื่อหวนจึงกล่าวเช่นนั้น
“ด้วยการทดสอบเมื่อครู่ทำให้ผู้คนล่วงรู้ว่าวิชาของเจ้าสูงส่ง บางทีอาจทำให้มันกลายเป็นที่หมายตาของผู้คนมากมายนับมิถ้วน... ในนิกายปีศาจแห่งนี้ เปรียบดั่งแหล่งรวมตัวของคนประเภทนั้น ฉะนั้นจึงเรื่องร้าย... คนธรรมดามิเป็นที่สนใจ แต่ผู้มากพรสวรรค์กลับทำให้ผู้คนอิฉา”
“เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าควรทำเช่นใด? หรือข้าควรยกวิชาให้กับผู้ใด?” หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ในนิกายกุ่ยเชว่มีผู้อาวุโสของตระกูลลี่ข้า ข้าสามารถตระเตรียมให้เจ้าพบกับท่านได้ หากเจ้าใช้วิชาของเจ้ามอบเป็นของกำนัลให้ท่านในฐานะศิษย์ ด้วยความแข็งแกร่งของท่านแล้วย่อมมิมีผู้ใดกล้าหาเรื่องเจ้า”
“ขอบคุณพี่ลี่ที่หวังดี แต่ด้วยความเห็นของข้ายามนี้ มิมีผู้ใดในนิกายกุ่ยเชว่ที่กล้าช่วงชิงวิชาของข้าแน่”
หนิงฝานกล่าวเสียงดัง ทำให้ลี่สื่อหวน ลู่สื่อเฉียว ผู้เข้าร่วมรับการทดสอบ และเหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้งหมดล้วนได้ยิน
ลี่สื่อหวนขมวดคิ้ว หนิงฝานผู้นี้ช่างหยิ่งทะนง ตนเองเป็นเพียงผู้เยาว์ที่อ่อนด้อย... คิดว่าสามารถต้านทานผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้หรือ? ยิ่งด้วยสถานที่แห่งนี้เป็นนิกายฝ่ายอธรรม ต่อให้ผู้ใดถูกช่วงชิงสิ่งสำคัญ ย่อมไม่อาจเอาผิดผู้ใดได้
ทันทีที่หนิงฝานกล่าวจบ สตรีในอาภรณ์ฟ้าก็เดินเข้ามา
สายตาของผู้เยาว์ทุกผู้จับจ้องไปที่นาง ทำให้บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด หากได้รู้จักตัวตนของนาง เหล่าผู้เยาว์ย่อมดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงแน่
“หลานเหม่ย...บุตรสาวแห่งผู้นำนิกายกุ่ยเชว่ ปกติแล้วนางมิสนใจงานรับศิษย์เช่นนี้... แต่เหตุใดวันนี้นางจึงมาด้วยตนเอง?”
คำถามมากมายปรากฏ ผู้ใดกันที่นายหญิงน้อยหลานเหม่ยผู้นี้ให้ความสนใจ
หรือว่า...นางจะสนใจบุรุษแล้ว?!
แต่เมื่อสายตาของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ เลื่อนไปยังสิ่งที่นางถืออยู่ในมือ พวกมันพลันตกตะลึง
เพราะสิ่งที่นางถือนางนั้น เป็นหยกตราสีดำที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งของผู้นำนิกาย!
เหตุที่นางถือหยกตรามาเช่นนี้ หรือผู้นำนิกายจะมีคำสั่ง?
แต่ฉากถัดมากลับทำให้ผู้เชี่ยวชาญมากมายตกตะลึง เพราะหลานเหม่ยผู้เย็นชา ไม่เคยยิ้ม กลับเดินเข้าหาหนิงฝานพร้อมกับรอยยิ้ม
“หนิงฝาน... เจ้าสร้างปัญหาใหญ่แล้ว”
“อืม... ข้าเองก็คาดมิถึง แต่รอยยิ้มของเจ้าช่างน่าเกลียด...”
หลานเหม่ยในยามนี้ดูแตกต่างไปจากผู้ที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญรู้จัก
‘สวรรค์... นายหญิงน้อยยิ้ม...แต่ยิ้มให้กับหนิงฝาน หรือนายหญิงน้อยจะสนิทสนมกับมัน... หนิงฝาน หนิงฝาน เหตุใดชื่อนี้ถึงคุ้นนัก’
เมื่อเห็นหนิงฝานและหลานเหม่ยเดินเคียงคู่พูดคุยอย่างสนิทสนม นั่นหมายความว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ผู้ใดจะกล้าหาเรื่องหนิงฝานอีก
ต่อให้เป็นคนโง่ย่อมมองออกว่าหนิงฝานมีที่มาที่ไม่ธรรมดา เหล่าผู้อาวุโสประสานวิญญาณมากมายต่างขบคิดค้นหา หนิงฝาน...ชื่อนี้ช่างคุ้นเคยราวกับเคยได้ยินที่ใดมามาก่อน
ขณะที่ผู้คนกำลังขบคิดสงสัย หลายเหม่ยผู้มีรอยยิ้มประดับใบหน้าได้กระตุ้นหยกตรา ก่อนปรากฏเสียงของกุ่ยเชว่สื่อดังขึ้น
“หนิงฝานผู้นี้คือศิษย์ของนักปรุงโอสถหานหยวนจี๋ คือหลานชายของปีศาจทมิฬหนิง หากผู้ใดกล้ายั่วยุหนิงฝาน...ให้ฆ่าอย่างมิปราณี!”
แล้วเสียงของผู้นำนิกายก็หายไป พร้อมกับบรรยากาศที่เงียบสงัด
สีหน้าของผู้เชี่ยวชาญในนิกายแข็งค้างด้วยความตกตะลึง!
ในที่สุดเหล่าผู้อาวุโสประสานวิญญาณก็นึกได้ว่าพวกมันเคยได้ยินชื่อหนิงฝานจากใด... เมื่อครั้งงานประมูลผลไม้แห่งเต๋าที่เมืองฉีเหม่ย หนิงฝานผู้นี้คือผู้ดำเนินงานประมูล
ศิษย์ของหานหยวนจี๋...หลานของปีศาจทมิฬหนิง หนิงฝานผู้นี้ไม่ควรยั่วยุ ไม่แปลกที่เหตุใดหนิงฝานถึงครอบครองวิชาระดับสูง ที่แท้กลับมีที่มาไม่ธรรมดา
ยามนี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณสูดหายใจลึก ไม่มีพวกมันคนใดกล้าคิดล่วงเกินหนิงฝาน สิ่งที่พวกมันมุ่งหวังไว้มลายสิ้น
ด้วยหนิงฝานเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋แล้ว ต่อให้เป็น 4 ปีศาจแห่งนิกายกุ่ยเชว่ยังไม่กล้ายั่วยุ
“โชคดีที่ผู้นำนิกายออกคำสั่ง มิเช่นนั้นข้าและผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณเหล่านั้นคงมิรู้ว่าหนิงฝานจะมีที่มาที่มิธรรมดาขนาดนี้ หากเกิดพวกมันผลีผลามลงมือ นอกจากจะยั่วยุหานหยวนจี๋แล้ว ย่อมต้องยั่วยุปีศาจทมิฬหนิงอีกผู้”
ฉู่โหรวถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย นางคาดไม่ถึงว่าผู้นำนิกายจะแก้ปัญหาของหนิงฝานด้วยตนเอง
ลู่สื่อเฉียวที่ข่มขู่หนิงฝานก่อนหน้านี้ ยามนี้ใบหน้าของมันซีดขาวไร้โลหิต ที่มาของหนิงฝานทำให้มันหวาดกลัวจนตัวสั่น ด้วยตัวตนระดับหนิงฝาน ต่อให้เป็นทั้งตระกูลลู่ก็ยังไม่กล้ายั่วยุ
ยิ่งคิดย้อนยิ่งน่าขบขัน
ยามนี้แววตาของผู้อาวุโสประสานวิญญาณไป๋เซี่ยว จับจ้องหนิงฝานด้วยความเสียใจ ก่อนหน้านางยังดูหมิ่นและหมดสิ้นความสนใจในตัวหนิงฝาน แต่ยามนี้ นางกลับต้องมาเสียใจทีหลัง
หนิงฝานจ้องตาหลานเหม่ยและเผยรอยยิ้มบอกเชิงบอกใบ้ว่า “บิดาของเจ้าช่วยพวกมันไว้”
หากมองผิวเผินคำสั่งของกุ่ยเชว่สื่อดูคล้ายจะช่วยหนิงฝาน แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นการปกป้องผู้เชี่ยวชาญของนิกาย
เมื่อครู่หนิงฝานตั้งใจจะสังหารพวกมัน หากพวกมันเข้าไปในป่าภูติพรายพร้อมกับเขา เขาจะสังหารพวกมันทุกคน เพราะหนิงฝานเชื่อว่า หากสังหารพวกมันไปแล้ว คนอื่นๆย่อมไม่กล้าก่อเรื่อง
คำสั่งเมื่อครู่ของกุ่ยเชว่สื่อได้ทำลายแผนการของหนิงฝานทั้งหมด
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะกุ่ยเชว่สื่อไม่ต้องการให้หนิงฝานสังหารคนในนิกาย เพราะอย่างน้อยพวกมันก็ช่วยเป็นหน้าเป็นตาให้กับนิกาย
“ฝากบอกบิดาเจ้าว่าข้ามิได้สังหารผู้คนอย่างไร้เหตุผล แต่หากผู้ใดกล้ายั่วยุข้า ข้าจะมิให้อภัยพวกมันเด็ดขาด”
หนิงฝานยิ้มให้หลานเหม่ย แต่เมื่อหนิงฝานนึกบางอย่างออก เขาจึงกล่าวขอโทษนาง “ข้ามิรู้ว่าการทดสอบจะใช้เวลานานเช่นนี้ ดูเหมือนเรื่องที่ข้ารับปากเจ้าไว้คงต้องเลื่อนไปก่อน แต่เจ้ามิต้องกังวล”
“ผู้ใดกังวล?!”
หลานเหม่ยหน้าแดง หากมีทางเลือกอื่น นางคงไม่ยอมให้หนิงฝานทำเช่นนั้น
ยามนี้มีผู้อาวุโสประสานวิญญาณคนหนึ่งได้ขึ้นไปบนเวทีแล้วบอกกล่าวถึงรายละเอียดของการทดสอบรอบที่ 2 เพียงแต่หนิงฝานไม่ได้ฟัง เพราะหลานเหม่ยกำลังนำกระเป๋าใบหนึ่งยื่นส่งให้
เมื่อหนิงฝานแผ่สัมผัสเทพสำรวจ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันที
เพราะภายในนั้นมีโอสถเสริมวิญญาณ 2 ขวด แม้มันไม่ได้มีประโยชน์กับหนิงฝาน แต่หากกินเข้าไปย่อมช่วยปกป้องภูติผีภายในป่าได้ นอกจากนี้ยังมีแผ่นอาคมสีเงินที่สลักไว้ด้วยอาคมมากมาย แผ่นอาคมนี้สามารถสร้างพื้นที่เล็กๆเพื่อพักผ่อนหรือบ่มเพาะปราณได้ และสิ่งสุดท้ายคือแผนที่ เป็นแผนที่ที่ระบุตำแหน่งต่างๆของป่าภูติพรายไว้มากมาย
จุดที่เป็นสีแดงเป็นตำแหน่งของสมุนไพร ส่วนจุดที่ดูคล้ายดวงตะวัน เป็นสถานที่อันตราย
สิ่งที่ได้มาช่างเหนือเกินความคาดหมายไปมาก หลานเหม่ยผู้เคยเกลียดชังหนิงฝาน ยามนี้กลับมอบของล้ำค่าให้มากมาย
“นี่หมายความว่าอย่างไร...”
“มิมีอันใดสำคัญ...” นางเลี่ยงสายตาหนิงฝาน นางเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใดถึงมอบสิ่งต่างๆให้หนิงฝาน
บางทีอาจเพราะนางกังวลว่าหนิงฝานจะได้รับอันตราย เพราะหนิงฝานเป็นผู้ไม่เกรงกลัวอันตราย และในส่วนลึกของป่าอาจมีสิ่งที่กุ่ยเชว่สื่อเป็นกังวล อย่าง ‘ราชาภูติผีผี’ อยู่... นางหวังว่าหนิงฝานจะไม่ออกสำรวจไปทั่ว
ในป่าภูติพรายแห่งนี้ได้กลายเป็นสุสานของผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมากมาย หลานเหม่ยเองก็รู้สึกได้เสมอว่าหนิงฝานต้องออกสำรวจ
แต่เหตุใดนางต้องห่วงกังวลหนิงฝาน? นางเองยังไม่แน่ใจ
“อาจเพราะหนิงฝานต้องรักษาข้า...เขาจึงตายมิได้” หลานเหม่ยกล่าวในใจ...