Chapter 8: Old Man Swordmad
“เควสหลัก : เส้นทางกำเนิดขั้น 1”
นี่คือหัวข้อที่ระบบนั้นแสดงออกมาให้ เยล ในเควสหลักอันแรกและเป้าหมายหลักของเควสหลักแล้วคือการที่จะขึ้นอยู่ในระดับมือใหม่ขั้น 1 ในเส้นทางกำเนิด
สำหรับเควสย่อยอันแรกแล้วมันเป็นบางอย่างที่ เยล ไม่ได้คาดคิดเอาไว้
“เควสย่อย : กลายเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ที่เป็นนักดาบ รางวัล : พรสวรรค์ด้านดาบ ( ระดับนั้นยิ่งอาจารย์แข็งแกร่งเพียงใดยิ่งจะได้ระดับมากยิ่งขึ้น )”
เยล ไม่เข้าใจเหตุผลสำหรับเควสย่ออันแรกเพราะเขาไม่คิดว่าจะสนใจในด้านดาบแต่อย่างใด ถ้าข้อกำหนดในเส้นทางนี้คือฝึกอาวุธ เขาน่ะก็ฝึกธนูอยู่แล้ว
“ระบบถือว่าในบรรดาอาวุธทั้งหมดแล้วดาบนั้นมีประโยชน์มากที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่จะขึ้นไปถึงตามข้อกำหนดของเส้นทางกำเนิด การฝึกดาบนั้นจะช่วยเพิ่มค่าแรง,ความว่องไว,ความอึดและความแม่นยำ”
อันที่จริงแล้วสเตตัสพวกนี้คือค่าที่ เยล นั้นต้องการที่จะพัฒนาขึ้นมาแต่เขาก็ยังคงไม่เข้าใจว่าทำไมรางวัลนั้นถึงตัดสินระดับได้ ด้วยอาจารย์ที่ดีแล้ว เยล จะได้รับระดับพรสวรรค์ที่ดีขึ้นและยิ่งได้รับข้อแนะนำที่ดีขึ้นในขณะที่ฝึกฝน ในอีกด้านถ้าอาจารย์นั้นเป็นคนธรรมดาแล้ว พรสวรรค์และความช่วยเหลือที่ เยล ได้รับในการฝึกฝนแล้วก็เป็นของธรรมดา
ระบบนั้นได้บอกให้เขาให้หาอาจารย์ดีๆ
“ดูเหมือนว่าข้าต้องหาอาจารย์ดีๆและเริ่มฝึกฝนดาบแต่ผู้นำแนะนำดาบเหล่านั้นแทบจะอยู่ในระดับเดียวกับ จมูกเหยี่ยว แม้แต่เด็กก็ยังดีกว่าพวกนั้น ถ้าเป็นที่สำนักนาคิไซแล้วข้าคงสามารถหาอาจารย์ที่ดีกว่านี้ได้แต่ข้าเสียเวลาสี่ปีนี้ไปไม่ได้กว่าที่ข้าจะเข้าโรงเรียนนั่นได้ เพื่อที่จะเพิ่มค่าความว่องไวแล้วข้าจำเป็นต้องฝึกดาบ”
เยล ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เขาคิดว่าจะขอให้พี่สาวของเขาแนะนำแต่การอธิบายว่าทำไมเขาถึงต้องการอาจารย์ที่ดีกว่าคนในสมาคมแล้วคงเป็นเรื่องยากที่เพราะเขาไม่เคยฝึกฝนดาบมาก่อน อีกอย่างแล้วเขาไม่คิดที่จะพึ่งพี่สาวของเขาด้วย เธอน่ะช่วยเขามาเยอะแล้ว
“เดี๋ยวนะ ถ้าข้าจำไม่ผิดมีบางคนในสมาคมของเราที่ซึ่งเป็นอาจารย์นักดาบที่แท้จริงแต่เขาเป็นคนแปลกและไม่รับศิษย์คนไหนนอกซะจากว่าเขาจะชอบเป็นการส่วนตัว เขาถึงกับปฏิเสธเด็กมีพรสวรรค์บางคนแต่เมื่อห้าสิบปีก่อนเขาได้รับศิษย์ที่ไม่มีพรสวรรค์ใดๆแต่ผู้เฒ่าผู้แปลกประหลาดนั่นกลับไม่ได้สนใจแต่อย่างใด งั้นข้าคงมีโอกาส”
ชายชราคนนั้นค่อนข้างโด่งดังในสมาคมโรนแมด เขาได้อาศัยอยู่ที่นี่มานานและไม่มีใครรู้อายุที่แท้จริงรึชื่อที่แท้จริงของเขา ด้วยพรสวรรค์ของเขาแล้วเขาสามารถที่จะได้ตำแหน่งใดก็ได้ในสมาคมตามที่เขาต้องการแต่เขานั้นเพียงแค่อยากฝึกฝนดาบเท่านั้น
มีเด็กมากมายต้องการที่จะเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าคนนี้แต่ตั้งแต่ 50 ปีก่อนแล้วเขาก็ไม่ได้รับศิษย์อีกเลย ศิษย์คนสุดท้ายนั้นแข็งแกร่งอย่างมากหลังจากที่ฝึกฝนกับผู้เฒ่าคนนี้แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ตายในการต่อสู้
“ข้าจะลองไปเป็นศิษย์ของผู้เฒ่านั่นดู ถ้าข้าล้มเหลวงั้นข้าคงต้องพึ่งอำนาจของพี่สาวเพื่อหาอาจารย์ที่ดีในการสอนดาบให้ข้าแต่ข้ารู้สึกว่าพี่สาวนั้นคงหาคนที่ดีเท่าผู้เฒ่าคนนี้ไม่ได้”
เยล ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องไป มันไม่จำเป็นต้องรีรอสิ่งใดอีก เขาจำเป็นต้องเข้าไปขอชายชราผู้นั้นเป็นการส่วนตัวถ้าเขาต้องการเป็นศิษย์ของผู้เฒ่านั้นและ เยล เองจำเป็นต้องพัฒนาอย่างรวดเร็วเพราะเส้นทางกำเนิดนั้นมีข้อกำหนดที่เร่งรีบซะเหลือเกิน
เยล เดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงที่พักของผู้เฒ่าและได้เดินเข้าไปเคาะประตู
“ประตูเปิดอยู่”
หลังจากได้ยินแบบนั้น เยล ก็ได้เปิดประตูและพบกับชายชราผู้โด่งดังเป็นครั้งแรก เขาตัวสูงมีผมขาวยาวๆและหนวดสีขาวสั้นๆ หน้าของเขาดูแก่แต่ก็ยังเต็มไปด้วยพลังงาน เสื้อผ้าของเขานั้นซ่อนรูปร่างที่แท้จริงเอาไว้แต่มันไม่ได้กำยำเท่าพวกทหารส่วนใหญ่
แต่ไม่มีใครสงสัยในพลังของเขา พวกคนที่ฆ่าศิษย์เขาก่อนหน้านี้ต่างก็กลายเป็นบ้าเพราะชายผู้นี้
“สวัสดีตอนบ่าย”
เยล พูดพร้อมกับก้มหัวให้ผู้เฒ่าอย่างสุภาพ
“สวัสดีตอนบ่ายเด็กน้อย เจ้าคงจะมาที่นี่เพื่อของให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าสินะ ?”
ฉากนี้ได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งกับเด็กหลายรุ่น สำหรับชายชราแล้วนี่เป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“ใช่ ข้ามาที่นี่เพื่อขอเป็นศิษย์ของท่าน”
เยล ไม่ได้พยายามปกปิดแต่อย่างใดเพราะเขารู้ว่าเขาโกหกใครก็ได้แต่กับชายชราผู้นี้คงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
“เจ้าน่าจะเป็นหนอนหนังสือที่ซึ่งไม่นานมานี้เริ่มเป็นบ้ากับการฝึกฝนร่างกาย เจ้าค่อนข้างโด่งดังพอตัวเลย เจ้ารู้หรือไม่ ?”
เยล แปลกใจกับข่าวลือเกี่ยวกับเขาที่มาถึงหูชายชราผู้นี้
“ใช่ ข้ายืนยันว่านั่นคือความจริง”
เยล ก้มหัวให้อีกครั้ง เขาไม่ต้องการแสดงท่าทีไม่เคารพต่อชายชราผู้นี้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับ เยล เป็นศิษย์แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะทำตัวแย่กับอีกฝ่าย
“เจ้าเรียกข้าว่านักดาบคลั่งก็ได้ นั่นแหละที่ทุกคนเรียกข้า เจ้าดูเหมือนว่าไม่รู้จะเรียกข้าว่ายังไงดี”
เยล รู้สึกละอายเพราะนั่นคือความจริง เขาไม่รู้จักชื่อชายชราผู้นี้มาก่อน
“ถ้าเจ้าอยากเป็นศิษย์ของข้า เจ้าจำเป็นต้องให้คำตอบที่จริงใจต่อข้าเมื่อข้าถาม ถ้าข้าชอบมัน ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ ถ้าไม่เจ้าก็กลับห้องของเจ้าไป”
ก่อนที่ เยล จะได้พูดอะไรออกมา นักดาบผู้บ้าคลั่งก็ตรงเข้าประเด็นและ เยล ก็ได้พยักหน้าตอบรับ
“ถ้าข้าบอกให้เจ้าโฟกัสเพียงแค่ดาบ,ละทิ้งทุกสิ่งอย่างพวกการอ่านหนังสือ,ฝึกธนู,การไปที่สำนักนิคาไซและจากนั้นฝึกเพียงแค่เส้นทางที่ข้าบอกเจ้าให้ฝึกฝน เจ้าจะตกลงหรือไม่ ?”
เยล รู้ว่าคำตอบนี้สำคัญอย่างมากแต่แทนที่จะคิดเขากลับตอบทันทีโดยไม่คิดอะไรก่อนเลย เขาบอกความรู้สึกจริงๆออกมา
“ไม่มีทาง!”
“ข้าอยากฝึกดาบและข้าจริงจังเรื่องนี้แต่ข้าไม่คิดทิ้งทุกอย่างเพื่อมัน”
“ความรู้ที่ได้รับมาจากการอ่านหนังสือนั้นมีประโยชน์อยู่บ้างแม้แต่ในตอนที่ต่อสู้โดยใช้ดาบ”
“ความหมายของการเป็นนักธนูในการต่อสู้มีผลในระยะทางที่ไกล ดาบใช้ไม่ได้ผลในระยะนั้น”
“การไปที่สำนักนิคาไซนั้นเป็นหนทางเดียวของข้าที่จะได้ไปพบกับพี่สาว เธอนั้นเป็นคนเดียวที่สนใจข้า ข้าจะไปที่สำนักนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“และเส้นทางในการฝึกฝนนั้นเป็นการตัดสินใจของข้าท่านสั้น ไม่ว่าใครจะได้เป็นอาจารย์ของข้า ข้าจะทำตามเส้นทางที่ตัวเองเลือก ข้าจะไม่เปลี่ยนมันเพราะคนอื่นบอกให้ข้าทำ”
หลังจากพูดจบ เยล ก็เพิ่งจะรู้ถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไป เขานั้นทำตัวไม่เคารพนักดาบคลั่งคนนี้อย่างมากแต่เพราะบางอย่างทำให้เขาเสียการควบคุมตัวเองไป
“งั้นนั่นคือคำตอบของเจ้าสินะ...”
เยล เริ่มสลดลงไป หลังจากที่เขาพูดจบเขาไม่ได้หวังเลยว่าจะได้เป็นศิษย์ของนักดาบผู้บ้าคลั่ง
“อย่างน้อยเจ้าก็ตอบข้าอย่างจริงใจ ข้านั้นลงโทษพวกที่โกหกข้าไม่ว่าพวกนั้นจะพูดสิ่งใดก็ตาม”
เยล ดีใจขึ้นมากับการที่ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ถ้าเขาโกหกไป มันคงไม่มีทางเลยที่ผู้เฒ่าคนนี้จะไม่รู้
“เกี่ยวกับคำตอบของเจ้าแล้ว ชัดแล้วว่าเจ้าไม่ต้องการสนใจแค่เพียงการเป็นนักรบ เจ้าไม่สนใจแค่เพียงดาบรึไม่ต้องการที่จะสืบทอดเส้นทางของข้า เจ้ามาฝึกดาบเพราะเหตุผลอื่น”
เยล ยังคงเงียบเพราะนั่นเป็นความจริง เขาต้องการที่จะฝึกดาบอย่างจริงจังเพราะนั่นสำคัญสำหรับการฝึกในเส้นทางกำเนิด
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องการทำอะไรและเจ้าปฏิเสธที่จะละทิ้งอย่างอื่นเพื่อแลกเปลี่ยนกับการเป็นศิษย์ของเข้า เจ้านั้นให้ค่าความคิดของเจ้ามากกว่าการเป็นศิษย์ของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะรับคนอย่างเจ้ามาเป็นศิษย์รึ ?”
เยล ยังคงไม่กล้าตอบกลับไป เขาโกหกไม่ได้และนักดาบผู้คุ้มคลั่งนั้นก็พูดแต่ความจริง เยล นั้นต้องการแค่เพียงกลับไปที่ห้องของเขาและลืมบทสนทนาทนี้ไปซะ
“คำตอบคือใช่ ข้าชอบเด็กดื้อด้านอย่างเจ้า การจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ว่าเจ้าต้องทำตามที่ตัวเองตัดสินและอย่าให้คนอื่นเปลี่ยนสิ่งที่เจ้าตัดสินใจไปแล้ว คำถามก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การทดสอบเท่านั้น ข้าจะไม่บอกให้เจ้าละทิ้งเรื่องอื่นๆหรอก”
เยล ถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้
“จากนี้เป็นต้นไปข้ารับเจ้าเป็นศิษย์ของข้า”
ในตอนที่คำพูดของนักดาบคลั่งผู้นี้ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ระบบก็ได้แจ้งเตือนขึ้นมา