Chapter 7: ทางที่ เยล เลือก
“ข้าเลือกเส้นทางกำเนิด”
เยล ได้ตัดสินใจที่จะเสี่ยงดู เส้นทางอื่นอาจจะปลอดภัยกว่า แต่เมื่อเลือกพวกมันแล้วมันจะเป็นการจำกัดตัวเอง ในอีกด้านเส้นทางกำเนิดนั้นอันตรายและ เยล ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันเลยแต่มันได้แสดงให้เห็นถึงความอันตรายและความยากเป็นเรื่องหลัก
เยล ไม่เชื่อว่าระบบจะเสนอเส้นทางขยะให้เขา จากนั้นเขาก็ได้ลองเสี่ยงกับเส้นทางกำเนิดดูเพราะ เยล นั้นจำเป็นต้องปิดความลับเรื่องระบบและเส้นทางสำหรับการฝึกที่ยากตั้งแต่แรก
เยล หวังว่าเส้นทางกำเนิดนั้นนอกจากความยากที่สุดและความอันตรายของมันแล้ว มันควรที่จะทรงพลังที่สุด
และแม้ว่าเส้นทางกำเนิดนั้นจะไม่เป็นอย่างที่ เยล คาดไว้แต่อย่างน้อยมันก็เป็นของบางอย่างจากระบบที่ เยล มั่นใจว่ามันต้องเป็นเส้นทางที่ดีแน่ๆ
“เนื่องจากผู้ใช้ได้เลือกเส้นทางกำเนิด ผู้ใช้จะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับมัน ถ้าหลังจากที่ได้ยินมันแล้วผู้ใช้รู้สึกผิดกับการตัดสินใจนี้ งั้นผู้ใช้สามารถเลือกเส้นทางอื่นโดยแลกเปลี่ยนกับการไม่ได้รับรางวัลสำหรับเส้นทางเหล่านั้นและข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับเกี่ยวกับเส้นทางกำเนิดนั้นจะโดนลบจากความจำของผู้ใช้”
เยล นั้นสนใจที่ระบบบอก เขาไม่คิดว่าจะได้รับแจ้งเตือนแบบนี้ แต่เขาเองอยากจะฟังข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางกำเนิดนี้ ดังนั้นเขาจึงสนใจทุกคำพูดที่ระบบได้แจ้งมา
“ข้อมูลแรกที่ผู้ใช้จำเป็นต้องรู้คือเส้นทางกำเนิดนี้คือเส้นทางที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษที่ถูกพบในชีวิตก่อนของผู้ใช้และเป็นเหตุผลของการตายของเขาด้วย”
เยล พูดอะไรไม่ออกหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น มันไม่ใช่ว่าเส้นทางกำเนิดนั้นสามารถฆ่าเขาได้ เส้นทางกำนิดนั้นเคยทำให้เขาตายมาครั้งหนึ่งแล้ว
“เส้นทางกำเนิดนี้คือเส้นทางแรกที่ปรากฏขึ้นมาในโลกในช่วงโบราณ ไม่มีข้อมูลใดๆเลยเกี่ยวกับการกำเนิดของเส้นทางนี้”
“แต่ข้อกำหนดในการฝึกมันและความยากในการพัฒนามันแล้วจะได้สร้างเส้นทางที่อ่อนแอที่แบ่งแยกออกมา เส้นทางเกือบทั้งหมดที่แบ่งแยกออกมานั้นได้หายไปตามกาลเวลาเหมือนกับเส้นทางของนักธนู โลกของผู้ใช้ตอนนี้เหลือเพียงแค่เส้นทางนักรบและเมกัสเหลืออยู่เท่านั้น ทั้งสองเส้นทางนี้มีแบ่งออกเป็นแค่สามคลาสเท่านั้น”
“เส้นทางกำเนิดนั้นจะทำให้ค่าสเตตัสทุกอย่างเพิ่มขึ้น ความยากของมันคือข้อเสียเพียงข้อเดียว ในอีกด้านเส้นทางที่แยกออกมาที่ดีที่สุดที่รู้จักกันในเส้นทางของคลาสแรกนั้นจะทำให้ค่าสเตตัสห้าอย่างเพิ่มขึ้นและด้วยข้อเสียในเส้นทางหลักของการฝึกแล้วเส้นทางนี้จึงง่ายต่อการฝึกฝน”
“แต่เส้นทางคลาสแรกนั้นไม่ได้ง่ายเพียงพอที่จะสร้างผู้ฝึกยุทธจำนวนมากออกมาจึงได้มีเส้นทางคลาสสองเกิดขึ้นมาเพื่อทำให้ผู้คนฝึกฝนกันได้มากกว่าเดิม พวกมันยังคงยากอยู่แต่ก็ถือว่าง่ายถ้าเทียบกับคลาสแรก แต่เส้นทางนี้ทำให้ค่าสเตตัสเพิ่มขึ้นเพียง 4 อย่างเท่านั้น”
เยล คิดถึงเส้นทางนักธนูทันที หนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงล้ำค่าอย่างมากและทำให้นักธนูได้เข้าสู่ยุคทองคือความจริงที่ว่าพวกมันสามารถพัฒนาค่าสเตตัสได้สี่ค่าแทนที่จะเป็นเพียงแค่สามอย่าง
“ในที่สุดก็ได้มีเส้นทางคลาสที่สามปรากฏตัวออกมาและเพิ่มค่าสเตตัสแค่เพียงสามอย่าง ถ้าวิธีการฝึกฝนใดนั้นทำให้เพิ่มค่าสเตตัสได้น้อยกว่าสามอย่างแล้ว งั้นมันไร้ค่า อีกอย่างทุกคนนั้นสามารถฝึกได้อย่างน้อยหนึ่งในสามเส้นทางนี้ ดังนั้นแล้วเส้นทางของคลาสที่สามจึงถือว่าอยู่ในระดับต่ำที่สุด”
สำหรับ เยล แล้วมันยากที่จะเชื่อว่าเส้นทางที่ดีที่สุดสองอันในโลกนั้นจะอยู่ในข้อกำหนดต่ำสุดของการฝึกฝนให้ประสบความสำเร็จ การเปิดเผยว่าเส้นทางพวกนี้นั้นอ่อนแอที่สุดและเส้นทางอื่นๆนั้นไร้ค่าเหมือนกับการระเบิดสมองคนอื่นแต่นอกจากเส้นทางหลักสองอันแล้วและการผสมโดยใช้สองเส้นทางนี้ก็ยังพอทำให้คนเพิ่มค่าสเตตัสอย่างน้อยสามค่าขึ้นมา ไม่มีเส้นทางอื่นที่จะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง
“เพราะการขาดพรสวรรค์ในโลก เส้นทางกำเนิดจึงได้หายไปตามกาลเวลาและไม่นานเส้นทางคลาสแรกเองก็ได้หายไปด้วย”
หลังจากผ่านมาเป็นร้อยปีก็มีเพียงแค่เส้นทางของนักธนูที่เหลืออยู่จากเส้นทางคลาสที่สองและสุดท้ายมันก็ได้สูญหายไปด้วย หลังจากนั้นเส้นทางนักรบและเมกัสก็กลายเป็นที่นิยมที่สุดและกลายเป็นเพียงสองเส้นทางในโลกโดยที่เส้นทางอื่นๆได้สูญหายไป “
“มีเพียงไม่กี่คนในโลกที่รู้ถึงเส้นทางคลาสแรกและยิ่งมีน้อยกว่านั้นที่รู้ถึงเส้นทางกำเนิดแต่คนพวกนั้นอาจฆ่าผู้ใช้ได้ง่ายๆเหมือนฆ่ามดปลวก อีกอย่างแล้วแม้ว่าเส้นทางกำเนิดนั้นจะฝึกได้ตั้งแต่ต้นและไม่อนุญาติให้เปลี่ยนกลางทางรึเริ่มฝึกที่จุดใดๆแต่เส้นทางกำเนิดนั้นก็ยังคงมีประโยชน์สำหรับผู้สืบทอดรึแม้แต่พวกที่กลับมาเกิดใหม่”
“ผู้ใช้ยังคงต้องการเลือกเส้นทางกำเนิดรึอยากที่จะเปลี่ยน ?”
ความคิดของเขาตอนนี้นั้นช็อคเกินไปที่จะตอบกลับได้ทันที เขาเองยังอยู่ในช่วงเรียนรู้ข้อมูลที่เพิ่งได้รับมาอยู่แต่เมื่อเขาสงบจิตใจตัวเองได้ เขาก็ได้แสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา
“ไม่ว่าอันตรายเพียงใดแต่สิ่งที่มีค่าที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดนั้นคือเส้นทางกำเนิดนั้นอยากให้เข้าฝึกฝนมัน ข้ายังคงเลือกเส้นทางกำเนิด”
“เส้นทางกำเนิดถูกเลือก เควสกำลังอัพเดต”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ระบบก็ได้แจ้งเตือนขึ้นมาต่อ
“ผู้ใช้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกำข้อกำหนดในการเริ่มฝึกเส้นทางกำเนิดหรือไม่ ?”
อันที่จริง เยล นั้นต้องการคำอธิบายรายละเอียดของเส้นทางกำเนิด เขาเลือกมันโดยที่รู้ว่ามันยากแค่ไหนและขาก็สงสัยเกี่ยวกับความยากของมัน ไม่นานข้อมูลก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา “
“ข้อกำหนดในการฝึกเส้นทางกำเนิด : กำลังจดจำวิธีการฝึกของเส้นทางกำเนิด ค่าสเตตัสทุกอย่างต้องเต็มก่อนที่จะอายุ 10 ปี เมื่อเปลี่ยนเป็นสิบแล้วเส้นทางกำเนิดนั้นจะเข้าสู่ระดับคนทั่วไป 1 ดาวโดยอัตโนมัติ”
ข้อกำหนดเหล่านี้อันที่จริงสูงกว่าเส้นทางอื่น การมีค่าสเตตัสทุกอย่างเต็มก่อนที่จะ 10 ปีนั้นอันที่จริงแล้วเป็นเรื่องยากแต่เทียบกับข้อกำหนดที่ตามมาแล้วอันแรกแล้วคือเรื่องตลกไปเลย
“ข้อกำหนดที่จะเข้าสู่ระดับคนทั่วไป 2 ดาว : เชี่ยวชาญในทักษะต่อสู้และคาถาในเวลาไม่ถึง 3 เดือนตั้งแต่อยู่ในระดับคนทั่วไป 1 ดาว”
นี่สิยากของจริง เชี่ยวชาญทักษะต่อสู้และคาถาน่ะเป็นเงื่อนไขธรรมดาที่จะขึ้นไปสู่นักสู้ 2 ดาวรึนักปราชญ์ 2 ดาวแต่มันไม่ได้มีเวลาจำกัดแบบนั้น เวลาที่จำกัดก็แค่ก่อนอายุ 16 ปีและต้องมาเป็นนักรบมือใหม่รึเมกัสมือใหม่ขั้น 1 ถ้าด้วยระยะเวลาเท่านั้นแล้วการจะได้ 1 ดาว นั้นคงไม่ใช่เรื่องยากมากมายสำหรับผู้ฝึกฝน และด้วยเวลาที่จำกัดเท่านั้นเพื่อที่จะเชี่ยวชาญทั้งทักษะต่อสู้และเวทย์มนต์แล้วก็เกือบที่จะเป็นไปไม่ได้แล้ว
แต่ เยล นั้นเชื่อในระบบ เนื่องจากมันมีโอกาส 10% งั้นมันก็ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้เลย
นั่นแสดงให้เห็นถึงความยากที่แท้จริงของเส้นทางกำเนิดและนั่นเป็นเพียงแค่ข้อมูลของส่วนที่จะไปถึงระดับคนทั่วไป 2 ดาว ระบบไม่ได้แสดงข้อมูลอะไรให้หลังจากนั้น มีเพียงแค่แจ้งเตือนเท่านั้น
“เตือน : ไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมที่แสดงสำหรับขั้นต่อไปจนกว่าผู้ใช้จะอยู่ในระดับคนทั่วไป 2 ดาว ถ้าผู้ใช้ไม่ถึงตามข้อกำหนดในตอนที่ถึงเวลาที่จำกัดแล้ว ผู้ใช้จะไม่สามารถทำการฝึกเส้นทางกำเนิดต่อได้และเนื่องจากความเข้ากันไม่ได้จึงทำให้ผู้ใช้ไม่มีทางฝึกเส้นทางอื่นๆได้อีก”
เยล เข้าใจถึงความสำคัญของมันที่เขาต้องขึ้นไปถึงตามข้อกำหนด ถ้าเขาพลาดจะขึ้นไปอยู่ในระดับมนุษย์ 1 ดาวเมื่อเลือกเส้นทางอื่นงั้นเขาก็จะเสียระบบช่วยเหลือนี้ไปแต่เขาก็ยังคงพอมีหวังที่จะฝึกวิธีอื่นได้แต่เมื่อเขาเริ่มฝึกเส้นทางกำเนิดแล้วเขาจะไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้ ดังนั้นแล้วการล้มเหลวที่จะถึงตามเกณฑ์นั้นมันหมายถึงจุดจบสำหรับ เยล
“ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน ข้าก็จะไม่ยอมแพ้”
เยล ตัดสินใจว่าต้องประสบความสำเร็จและเพื่อที่จะเป็นแบบนั้นเขาจะยอมแพ้ไม่ได้ จากนั้นเขาก็ได้เปิดเควสขึ้นาดูว่าเควสย่อยอันแรกของเควสหลักนั้นคืออะไร
