Chapter 10: การชุมนุมของสมาคมโรนแมด
ปกติแล้วหลังจากที่ เยล เรียนเสร็จ นักดาบคลั่งจะให้คำแนะนำเขาบางอย่างและ เยล ก็จะกลับมาที่ห้องของเขาแต่ในวันที่ เยล ได้ทำเควสไดนามิคอันที่สี่เสร็จ นักดาบคลั่งก็ได้พูดบางอย่างออกมา
“เจ้าคงฝึกกับข้ามาได้สักพักแล้ว ในการชุมนุมของสมาคมในเดือนหน้า เจ้าควรที่จะไปต่อสู้และแสดงความก้าวหน้าให้ทุกคนได้เห็น”
การชุมนุมของสมาคมนั้นเป็นเรื่องที่จัดเป็นประจำทุกปีและมันเป็นที่ที่เด็กหนุ่มจะได้แสดงฝีมือผ่านการต่อสู้แต่ เยล นั้นไม่คิดว่านักดาบคลั่งอยากให้เขาลงแข่งด้วย
“ได้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
เยล ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ต้องปฏิเสธ เขาเองก็ต้องการทดสอบตัวเองในการสู้กับคนอื่นๆ
เยล ทำการฝึกต่อจนถึงวันชุมนุมได้มาถึงแต่สเตตัสของเขาและสกิลนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิมอยู่
เยล ไปที่ร่วมการชุมนุมด้วยอารมณ์ที่ดีอย่างมาก ไม่ใช่เพราะจะได้ต่อสู้แต่เป็นเพราะพี่สาวของเขาจะกลับมาด้วย
การชุมนุมนั้นค่อนข้างเรียบง่าย มีอาหารและเหล้ามากมายไว้สำหรับผู้ใหญ่ ส่วนเดียวที่น่าตื่นเต้นนั้นคือการต่อสู้ของรุ่นเยาว์
เยล เอาดาบไม้มากับเขาด้วยเพื่อใช้ในการต่อสู้ อาวุธจริงๆนั้นถูกห้าม เป้าหมายของการชุมนุมนี้ไม่ใช่ทำร้ายคู่ต่อสู้ ทั้งคู่ควรที่จะหยุดก่อนที่อีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บจริงๆ
เยล ไม่ได้กินอะไรเลยและได้ไปที่มุมหนึ่ง เขาไม่ชอบกับการโดนผู้คนรายล้อม
“เยล !”
เสียงน่ารักเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับที่ เยล โดนกอด คนนั้นคือ แอง พี่สาวของเขานั่นเอง
เธอนั้นอายุเกือบ 20 ปี ใบหน้าของเธอดูสง่าพร้อมกับผมยาวสีน้ำตาลที่เข้ากับดวงตาสีน้ำตาลของเธอ
ในตอนที่เธออยู่ข้างๆ เยล มันบอกได้ง่ายๆเลยว่าทั้งคู่นั้นเป็นพี่น้องกัน ผมของ เยล นั้นสั้นและดูแห้งแต่สีนั้นเหมือนกับพี่และรูปร่างใบหน้าเองก็คล้ายกัน เยล เองก็ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาสละสลวย
แอง มั่นใจว่าถ้า เยล นั้นได้ออกไปที่โลกภายนอก เขาต้องโด่งดังในหมู่สาวๆเป็นแน่ ชายหน้าสวยที่มีการฝึกฝนร่างกายเป็นอย่างดีนั้นเป็นสิ่งที่สาวๆชอบ แน่นอน เยล นั้นยังคงเป็นเด็กและไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นแต่ แอง น่ะชอบที่จะแหย่เขาในเรื่องนี้
“เจ้าหล่อขึ้นกว่าเดิมอีกหลังจากที่ฝึกร่างกายมา เจ้าอยากให้พี่แนะนำน้องสาวของเพื่อนให้หรือไม่ ? ข้ามั่นใจว่าเจ้าต้องชอบนางแน่ๆ”
เยล ขมวดคิ้วทันที เขาต้องการที่จะตั้งสมาธิกับการฝึกและเพราะเขายังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ เขาจึงยังไม่อยากคิดถึงพวกมัน
เยล พูดกับพี่สาวจนกระทั่งการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น คู่ของ เยล นั้นเป็นคู่สุดท้าย ดังนั้นแล้วเขาจึงมีเวลามากที่จะดูคนอื่นแข่งขันกันในตอนที่รอ
เยล นั้นมีสายตาที่ค่อนข้างดีสำหรับการต่อสู้หลังจากที่ฝึกฝนกับนักดาบคลั่งมามากกว่าครึ่งปี ดังนั้นแล้วเขาจึงทำการวิเคราะห์การต่อสู้ต่างๆและรู้สึกมั่นใจว่าสามารถชนะทุกคนในการต่อสู้แบบหนึ่งต่อหนึ่งได้ แม้ว่าไม่ใช่การต่อสู้ทุกอย่างจะง่ายแต่สุดท้ายแล้ว เยล ก็ชนะ
แต่คู่ต่อสู้ของ เยล นั้นเป็นเพียงคนเดียวที่เขาไม่มั่นใจว่าจะชนะได้ แม้ว่า เยล จะไม่เคยเห็นอีกฝ่ายสู้แต่คู่ตอสู้ของเขาถือว่าเป็นคนพรสวรรค์สูงในสามาคมและอายุได้เกือบสิบปีแล้ว
คนอื่นนั้นไม่กล้าที่จะต่อสู้กับเขาแต่นักดาบคลั่งอยากให้ เยล นั้นได้ต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น
ชายคนนั้นชื่อ แบล็คคอร์ และเป็นลูกนอกสมรส อีกอย่างแล้วเด็กนั่นไม่ชอบ เยล อยู่แล้วและไม่พอใจเมื่อ เยล ได้เป็นศิษย์ของนักดาบคลั่ง มันสำคัญอย่างมากที่จะบอกว่า แบล็คคอร์ และ เยล นั้นไม่เคยพูดคุยกันมาก่อนแต่ แบล็คคอร์ นั้นเกลียด เยล เพียงเพราะเรื่องที่ได้ยินมา
แบล็คคอร์ นั้นเป็นเด็กที่ค่อนข้างสูงและกำยำ เขานั้นถือว่าผ่านมาตรฐานของนักรบผู้มีพรสวรรค์ เป็นบางอย่างที่สมาคมให้คุณค่าอย่างมาก เยล นั้นดูอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายแต่เนื่องจากเขาได้ฝึกฝนกับนักดาบคลั่งมา ทุกคนจึงรู้ว่าพวกเขาคงตัดสินจากภายนอกไม่ได้
ทั้งสองคนเดินขึ้นเวทีพร้อมกับดาบไม้ในมือ การต่อสู้ของนักดาบ
“ไอ้หนูผู้โชคดี หลังจากที่เจ้าแพ้วันนี้ แม้แต่อาจารย์เจ้าก็คงผิดหวังในตัวเจ้า”
แบล็คคอร์ เป็นคนเกเรที่มักจะดูถูกคนอื่นและบอกให้คนอื่นรู้ว่าเขานั้นไม่ได้กลัว เยล
“ข้าไม่มาที่นี่เพื่อพูดคุย” - เยล ไม่ได้สนใจคำพูดของอีกฝ่าย สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้มีเพียงเอาชนะการต่อสู้
การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นด้วยการที่ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากัน แบล็คคอร์ นั้นมีรูปร่างที่ดีกว่าแต่ความเร็วกับ ดาบ ของ เยล นั้นยอดเยี่ยมยิ่งกว่า แบล็คคอร์
ทั้งสองคนโหมกระหน่ำโจมตีโดยไม่หยุด ดาบยังคงปะทะกันอยู่เรื่อยๆ ปกติแล้วการต่อสู้นั้นจะจจบลงอย่างรวดเร็ว การต่อสู้แบบนี้นั้นยากที่จะพบได้
การต่อสู้เหมือนจะสูสี แต่ เยล น่ะเสียเปรียบ ร่างกายของเขานั้นเทียบกับร่างกายของอีกฝ่ายไม่ได้และเขาไม่สามารถที่จะทำสิ่งใดได้ง่ายแบบอีกฝ่าย เยล นั้นเริ่มที่จะหมดแรง
เยล ไม่ต้องการที่จะแพ้แต่เขารู้สภาพของร่างกายตัวเองดี เขาเดิมพันไว้กับการต่อสู้นี้ เขาได้ตัดสินใจที่หลอกให้ แบล็คคอร์ โจมตีเขา
อยู่ๆ เยล ก็ได้เปลี่ยนทิศทางและชี้ดาบไปที่คอของ แบล็คคอร์ หลอกสำเร็จ
“ข้าชนะ”
หลังจากที่ เยล บอกว่าเขาชนะแล้ว เขาก็เดินกลับไปหาพี่สาวโดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต่อสู้อีกต่อไป
โชคดีที่ แบล็คคอร์ นั้นไม่ค่อยมีสมองและรู้แค่การต่อสู้ที่ตรงไปตรงมา เขาอ่อนอย่างมากกับเรื่องหลอกลวงและ เยล นั้นสามารถเปิดเผยจุดอ่อนของเขาได้
แต่ เยล นั้นขาดความเร็วที่จะทำการหลอกล่อแบบนั้นได้ตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้
เยล มีค่าความเร็วอยู่ที่ 6 หน่วยมาได้สักพักแล้ว เขาหวังว่ามันจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 หน่วยก่อนการชุมนุมแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ได้มาในระหว่างการต่อสู้และชนะการต่อสู้ได้ก็เพราะมัน
แบล็คคอร์ นั้นไม่อยากยอมรับว่าตัวเองพ่ายแพ้แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรขัดผู้อาวุโสของสมาคมได้ ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจเดินกลับไปเงียบๆ
สมาชิกสมาคมมากมายต่างก็เข้ามายินดีให้กับ เยล รวมถึง แอง ที่ซึ่งดีใจอย่างมากกับชัยชนะของเขา
แต่ เยล นั้นไม่ได้สนใจมัน เขาได้กลับไปตรวจสองธาตุสอดคล้องในเมนูพรสวรรค์ เขาได้ทำเควสย่อยอันที่สองเสร็จแล้วในตอนที่เขาได้รับค่าความรวดเร็วหน่วยที่เจ็ดมา
“ธาตุแสงที่สอดคล้อง : ระดับสมบูรณ์ การสอดคล้องที่ดีที่สุดสำหรับฝึกคาถาแสง”
เยล ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี เขาได้ธาตุที่สอดคล้องมาสองอันที่ทำการฝึกยากที่สุด เขาพนันว่าถ้าเขาได้อันที่สามมาแล้วด้วยโชคที่เขามี เขาคงได้ความมืดมาแน่
“เหตุใดถึงทำหน้าแบบนั้น เจ้าชนะการต่อสู้นิ”- แอง พูดขึ้นตอนที่เห็นสีหน้าของ เยล
“ข้าชนะ แต่มันเป็นเพราะ แบล็คคอร์ นั้นมั่นใจมากเกินไปและโง่ไปนิด ในการต่อสู้ที่คิดแต่เพียงแรงแล้ว ข้าคงเทียบเขาไม่ได้”
เยล ได้แสดงสีหน้าออกมาจริงๆตอนที่เห็นการสอดคล้องของธาตุอันใหม่แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นก็จริงแต่มันไม่ใช่เหตุผลที่เขาแสดงสีหน้าแบบนี้ออกมา
เยล คุยเรื่องการต่อสู้กับพี่สาวต่อพร้อมกับตรวจสอบเควสย่อยต่อ
“เควสย่อย : ค่าสเตตัสทุกอย่างในระดับคนทั่วไปเต็ม เวลาจำกัด :ก่อนอายุ 10 ปี รางวัล : วิธีฝึกฝนเส้นทางกำเนิด”
เมื่อเห็นเควสย่อยอันใหม่ เยล ก็เริ่มสลด ดูเหมือนว่าจนกว่าที่สเตตัสทั้งหมดเขาจะเต็ม เขาคงไม่ได้อะไรดีจากเควสหลัก
“คนของโรนแมด ข้าดีใจที่พวกเจ้าได้มารวมตัวกันที่นี่ในปีนี้ ข้า...”
หัวหน้าสมาคมเริ่มพูดขึ้น เขาคือปู่ของ เยล และ แอง แต่เขานั้นมีลูกหลานมากมายซึ่งไม่มีทางที่จะรู้จักทุกคนได้
แต่หัวหน้าสมาคมรู้ว่า เยล และ แอง พี่สาวนั้นเป็นคนที่มีค่าอย่างมากในสำนักนาคิไซ สำนักถึงกับส่งคนคุ้มกันเพื่อปกป้องเธอและ เยล เองก็เป็นศิษย์ของนักดาบคลั่ง คนที่แก่ยิ่งกว่าตัวเขาเองอีก
แต่ด้วยตำแหน่งของเขาแล้ว การรู้จัก เยล และ แอง นั้นก็ถือว่าดีอย่างมากแล้ว มันมีโอกาสไหนที่เขาจะได้คุยกับเด็กรุ่นเยาว์โดยไม่มีเหตุผลสำคัญ เขาเคยพูดกับ แอง เพียงครั้งเดียวแต่ เยล นั้นยังไม่เคย
ทันใดนั้นบทพูดขอเขาอยู่ๆก็โดนขัด ทุกคนต่างก็เงียบพร้อมกับตาที่แทบถลนออกมา
“เกิดอะไรขึ้น”
เยล ตกใจ เขาไม่รู้ว่าทำไมทุกคนถึงได้เหม่อพร้อมกับแต่ระบบได้ตอบกลับเขา
“ภาพลวงตาอันทรงพลังได้ถูกใช้ในพื้นที่”
เยล เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเขาถึงไม่ได้รับผล เขามีภูมิต้านทานภาพลวงตาแต่ เยล ไม่เข้าใจว่าใครรึทำไมถึงได้มาใช้ภาพลวงตาในงามชุมนุม มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสำหรับโจมตี มันจะส่งผลแค่ไม่กี่วินาทีกับคนที่แข็งแกร่งของสมาคม
ถ้าผู้โจมตีต้องการหนีรอดออกไปแบบมีชีวิต พวกเขาคงต้องฆ่าคนสัก 1-2 คน ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวันที่มีการชุมนุม นอกซะจากว่าเป้าหมายนั้นเป็นคนที่มาในวันนี้เท่านั้น
หน้าของ เยล เปลี่ยนไปพร้อมกับมองไปที่พี่สาว เธอนั้นเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ในสมาคมและการฆ่าเธอในนาคิไซนั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้ อีกอย่างแล้วเธอมีฐานะฮีลเลอร์ซึ่งสำคัญต่อทั้งเมืองอย่างมาก
เยล คิดถูก มีเงาหนึ่งพร้อมกับหอกยาวพุ่งเข้ามาหาพี่สาวของเขา
เยล พยายามที่จะขยับตัวพี่สาวเพื่อหลบการโจมตีแต่ เยล ทำได้แค่ขยับตัวพี่สาวเท่านั้น หลังจากที่เขาทำแบบนั้นร่างกายเขาก็เข้าไปในเส้นทางการโจมตีแทน
เยล ได้ใช้ดาบของเขาเพื่อป้องกันการโจมตีที่เข้ามาแต่การโจมตีนั้นก็ทำลายดาบเขาได้ง่ายๆและหอกก็ได้แทงเข้าไปที่อกของเขาทำให้เขากระเด็นออกไป
เยล อยู่ภายใต้การปกป้องของโลกและเขาไม่ได้ไปทำให้คนกลุ่มอื่นโกรธแค้น ดังนั้นแล้วคนโจมตีต้องได้รับบาดเจ็บหนักจากกฏของโลกและยังเสียโอกาสที่จะหนี
“เจ้ากล้าแทงหอกใส่ลูกศิษย์ของข้า เจ้าและคนของเจ้าทุกคนต้องตาย”- เสียงโกรธๆของนักดาบคลั่งดังขึ้นมา เขาไม่ได้มาที่งานชุมนุมแต่เขารีบวิ่งมาที่นี่เมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
แต่เขามาช้าเกินไป เยล นั้นช่วย แอง เอาไว้ได้แต่เขากลับได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแทน
เสียงของนักดาบคลั่งปลุกคนอื่นๆขึ้นมาและมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความสับสน ตาของพวกเขามองไปที่นักดาบคลั่งที่อุ้ม เยล อยู่
“ฮีลเลอร์ทุกคนมานี่ ไม่งั้นเขาต้องตายแน่ !”
แอง ที่ซึ่งตื่นเพราะเสียงร้องวิ่งเข้าไปหา เยล ฮีลเลอร์คนอื่นๆนั้นรู้จักคาถาฟื้นฟูแค่บางคาถาและไม่สามารถถือได้ว่าฮีลเลอร์ทุกคนสามารถทำเหมือนกันได้ ไม่มีเวลาที่จะมาไถ่ถามอะไร การช่วยชีวิตนั้นสำคัญกว่าและคนที่บอกให้ทำแบบนั้นก็คือนักดาบคลั่งผู้ที่เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งในสมาคมด้วย
สิ่งสุดท้ายที่ เยล จำได้ก่อนที่จะหมดสติไปนั้นคือพี่สาวเราเรียกชื่อของเขาออกมา