บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 77 บุกแดนอสูร
ตอนที่ 77
บุกแดนอสูร
“มีใครจะรายงานเรื่องไร้สาระกับข้าอีกไหม”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรถาพลางใช้สายตามองไปยังเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลาย
“ไม่มีก็ดี”เห็นว่าเหล่าอาวุโสไม่มีเรื่องรายงานตนแล้วหัวหน้ากลุ่มก็กลับมาให้ความสนใจเหม่ยหลินต่อ
“ชิงหลง พลังอสูรของหลินเอ๋ออยู่ระดับไหนแล้ว”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรว่าพลางหันไปมองชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังบัลลังก์ที่มันนั่งจนถึงเมื่อครู่
“เทียบเท่าระดับชำระเส้นเอ็นขอรับ”ชิงหลงรายงานพลางใช้ดวงตาสีเลือดมองมาทางเหม่ยหลิน เพราะบิดาของนางเสียพลังอสูรไปแล้วมันเลยวัดพลังของบุตรสาวไม่ได้จึงให้อสูรเลี้ยงของมันเป็นผู้รายงานแทน
“ดีมาก”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรยิ้มพลางกลับไปนั่งที่บัลลังก์ของตน บุตรสาวของมันพัฒนาไปตามที่มันหวังเอาไว้ หากได้สมุนไพรหายากหรือหินวิญญาณมาช่วยอาจจะทำให้นางพัฒนาได้ไวกว่านี้ก็เป็นได้
“ชิงหลง เรียกตัว จูเชวี่ย ไป๋หู่ เสวียนอู่ มา”คิดได้ไม่ทันไรหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรก็สั่งให้อสูรเลี้ยงของตนไปตามอสูรเลี้ยงตนอื่นๆมารวมตัวกันเสียแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าการที่หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเรียกตัวสัตว์เทพทั้งสี่มารวมตัวกันย่อมไม่ใช่งานธรรมดาอย่างแน่นอน
“ท่านหัวหน้า ท่านจะทำอะไรหรือขอรับ”อาวุโสคนหนึ่งถามด้วยท่าทีตกใจ
“ข้าจะไปบุกแดนอสูร”หัวหน้ากลุ่มว่าพลางยิ้มอย่างอารมดี
“ท่านหัวหน้าจะลอบเข้าเขตอสูรหรือขอรับ”อาวุโสอีกคนถามด้วยท่าทีกังวล แม้หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรจะพึ่งบรรลุระดับเทียนเซียน แต่ก็พึ่งข้ามเขตแดนมาเท่านั้น ซึ่งเขตอสูรไม่ใช่ที่ๆจะเข้าก็เข้าจะออกก็ออก แม้แต่อาวุโสเทียนหมิงและผู้อยู่เขตแดนเทียนเซียนทั้งหลายยังไม่กล้าเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม แต่หากเพียงลอบเข้าไปก็มีทางเป็นไปได้
“ข้าบอกเจ้าไม่ชัดหรืออย่างไร ข้าบอกแล้วว่าข้าจะบุก”หัวหน้ากลุ่มว่าพลางปล่อยไอเซียนออกมาพร้อมรอยยิ้มราวกับคนกำลังเล่นสนุก
“ท่านพ่อ หรือว่าท่าน....”เหม่ยหลินพึมพำพลางมองท่าทีของบิดา พอได้ยินคำว่าเขตอสูรแล้วนางกลับนึกถึงพวกท่านน้าของไป๋จูเหวินขึ้นมาทันที ท่านน้าทั้ง 5 ต่างมีระดับสูงส่งอย่างมาก บางทีอาจจะเทียบได้กับระดับเทียนเซียนกันทั้งนั้น หากบิดาบุกเข้าไปมีแต่ตายเท่านั้น
“ข้า...ให้ข้าไปกับท่านด้วย”เหม่ยหลินว่าพลางพรวดพราดลุกขึ้นยืน
“โอ้ เจ้าเองก็อยากเปิดหูเปิดตาสินะ ได้เจ้ามากับข้าด้วย”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรว่าพลางยิ้มอย่างพึงพอใจ แต่ทางด้านเหม่ยหลินนั้นกลับไม่ทราบจะทำอย่างไรดี บิดาของนางระดับพอๆกับพวกท่านน้าคนใดคนหนึ่ง หากเกิดการต่อสู้กันทั้ง 5 ต้องเล่นงานบิดาของนางจนย่ำแย่แน่ๆ แต่หากนางอยู่ด้วยอาจจะช่วยพูดคุยกับพวกท่านน้าได้บ้าง แต่หากทำแบบนั้นเรื่องของไป๋จูเหวินอาจจะแดงออกมา แบบนั้นนางควรจะเร่งเข้าเขตอสูรไปก่อนที่บิดาจะเข้าไปเพื่อขอร้องพวกท่านน้าโดยไม่ให้บิดารู้ตัว
“พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปทิศเหนือ มุ่งไปยังทะเลสาบหมื่นราตรี”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรหัวเราะออกมาพลางมองเหล่าอสูรเลี้ยงของตนที่เดินตามชิงหลงเข้ามา
“นายท่าน พวกเราพร้อมแล้ว”เหล่าอสูรเลี้ยงทั้ง 4 ของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรก้มลงคารวะต่อหน้าบัลลังก์ด้วยท่าทีนอบน้อม
“ทะเลสาบหมื่นราตรี....”เหม่ยหลินทวนคำของบิดาพลางถอนหายใจออกมา เขตอสูรที่บิดาจะไปไม่ใช่ผาไร้ก้นทางใต้ แต่เป็นทะเลสาบหมื่นราตรีทางเหนือ แม้อย่างน้อยบิดาของนางก็ไม่ต้องปะทะกับพวกท่านน้าของไป๋จูเหวิน แต่บิดาก็กำลังเอาตัวเองไปเสียงไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแต่เขตอสูรทะเลสาบหมื่นราตรีไม่ได้มีอสูรมากมายเหมือนเขตอสูรผาไร้ก้น แต่ก็มีเจ้าของเขตแดนเป็นอสูรระดับสูงเทียบเท่าระดับเทียนเซียนเช่นเดียวกัน โดยผู้ครองเขตอสูรทะเลสาบหมื่นราตรีคือ กระเบนเสี้ยวจันทร์ อสูรธาตุน้ำที่แข็งแกร่งอย่างมาก ข้อมูลเดียวของมันคือมันเป็นกระเบนที่มีรูปร่างราวกับจันทร์เสี้ยว ร่างของมันใหญ่โตราวกับจะโอบล้อมทะเลสาบเอาไว้ทั้งหมด
“คุณหนู”หลังจากวางแผนจะไปบุกเขตอสูร ไป๋หู่ หนึ่งในสี่อสูรเลี้ยงของหัวหน้ากลุ่มก็เดินมาหาเหม่ยหลินพลางก้มลงดมตามร่างกายของเหม่ยหลินราวกับได้กลิ่นแปลกประหลาดมาจากร่างของเหม่ยหลิน
“พยัคฆ์อัสนี....”ไป๋หู่ว่าก่อนจะถอยออกมาเล็กน้อย แต่เพียงคำพูดเมื่อครู่กลับทำให้เหม่ยหลินสะดุ้งโหยงขึ้นมา
“ข้าไม่ได้พบมันมาหลายร้อยปีแล้ว คุณหนูท่านได้เจอมันมาอย่างนั้นหรือ”ไป๋หู่ถามพลางนึกถึงพยัคฆ์อัสนีที่มันเคยเจอในเขตอสูรผาไร้ก้น เพราะตัวไป๋หู่เองก็เป็นอสูรประเภทพยัคฆ์เหมือนกันแม้จะเป็นอสูรเลี้ยงไปแล้วแต่อสูรประเภทเดียวกันย่อมมีความรู้สึกผูกพันอย่างประหลาด เรียกได้ว่ารอบนั้นที่มันรอดมาได้เพราะมันเป็นพยัคฆ์เช่นเดียวกับพยัคฆ์อัสนีนั่นเอง
“งานที่ข้าได้รับเป็นการตรวจสอบอสูรที่หลุดมาจากเขตอสูรผาไร้ก้น ข้าเลยลงไปตรวจสอบภายในเขตอสูรว่ามีอสูรหลุดออกมาหรือไม่ ที่นั่นข้าได้พบพยัคฆ์ตัวใหญ่ที่มีประกายสายฟ้าอยู่รอบๆตัว มันแข็งแกร่งมากแต่กลับไม่ทำอะไรพวกเราเลย”เหม่ยหลินตอบไปตามตรงเพราะลูกน้องของนางก็เจอเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน หากไป๋หู่ไปสอบถามเรื่องนี้จากคนอื่นๆก็ต้องรู้อยู่แล้ว
“มันปล่อยพวกท่านไปงั้นหรือ”ไป๋หู่ขมวดคิ้ว ภาพพยัคฆ์อัสนีที่กวาดล้างฝูงพยัคฆ์เมฆาของมันจนพินาศยังคงค้างอยู่ในความทรงจำของมัน วันนั้นฝูงพยัคฆ์เมฆาของมันบุกเข้าไปในเขตอสูรผาไร้ก้นเพราะถูกอกถูกใจป่าเมฆาอัสนี ด้วยความลำพองที่พวกตนเป็นฝูงอสูรที่มีพลังระดับเสินเซียน ( ในเขตอสูรจะเป็นระดับตำนาน ) และตัวไป๋หู่ที่เป็นจ่าฝูงก็มีพลังอสูรระดับเสินเซียนขั้นที่ 7 เข้าไปแล้ว ทำให้พวกมันคิดจะยึดครองพื้นที่ห่าเมฆาอัสนีเป็นของตนเอง เพียงแต่เมื่อราชาแห่งป่าเมฆาอัสนีปรากฏกาย เหล่าพยัคฆ์เมฆาที่อยู่ระดับเสินเซียนก็ล้มตายกันเป็นใบไม้ ด้วยความเร็วระดับที่พวกมันยังมองตามไม่ทันร่างของพยัคฆ์อัสนีวูบผ่านฝูงของพวกมันพร้อมกองเลือดที่ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง จนสุกท้ายไป๋หู่สู้เอาเป็นเอาตายกับพยัคฆ์อัสนีแต่ก็พ่ายแพ้ไปอย่างหมดรูป แต่พยัคฆ์อัสนีกลับปล่อยมันมาเพราะมันต่อสู้ได้ไม่เลวและเป็นเผ่าพยัคฆ์เช่นเดียวกับตัวมัน ทำให้ไป๋หู่ซมซานกลับออกมาจากเขตอสูรผาไร้ก้นจนมาถึงเมืองร้อยแปดอสูรแห่งนี้ ในวันนั้นมันถูกบรรพบุรุษของเหม่ยหลินที่ครองตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรในตอนนั้นกำราบจนกลายเป็นอสูรเลี้ยงของกลุ่มนักล่าอสูรจนถึงทุกวันนี้
“น่าเสียดาย หากมันฆ่าคุณหนูล่ะก็ นายท่านต้องพาพวกเราไปบุกเขตอสูรผาไร้ก้นเป็นแน่”ไป๋หู่ว่าพลางยิ้มเหี้ยม ตัวมันกลายเป็นอสูรเลี้ยงไปแล้วจึงเคลื่อนไหวอิสระเกินไปไม่ได้ แม้จะอยากลองสู้กับพยัคฆ์อัสนีอีกครั้งแต่มันก็ทิ้งเมืองร้อยแปดอสูรไปไม่ได้
“ไป๋หู่ เจ้าอย่าพูดแบบนั้นกับคุณหนูสิ”หญิงสาวผู้สวมชุดสีแดงเพลิงว่าพลางใช้นิ้วจิ้มไปที่หน้าอกของไป๋หู่ นางคืออสูรเลี้ยงของบิดานางเช่นกัน นางคือจูเชวี่ยอสูรธาตุไฟที่ทรงพลังไม่แพ้พยัคฆ์เมฆาอย่างไป๋หู่เลยแม้แต่น้อย
“ยังไงคุณหนูก็เป็นเจ้านายคนต่อไปของพวกเรา เจ้าอย่าเสียมารยาทกับนางนักสิ”หญิงสาวผู้แต่งกายด้วยชุดสีดำพูดพลางเดินเข้ามาหาเหม่ยหลินด้วยท่าทีอ่อนโยน นางลูบหัวเหม่ยหลินเบาๆพลางยิ้มให้เหม่ยหลินอย่างเป็นมิตร
“พี่เสวียนอู่ พี่อย่าทำผมข้ายุ่งสิ”เหม่ยหลินว่าพลางมองหญิงสาวชุดดำอย่างเขินอาย นางเป็นอสูรของบิดาที่สนิทสนมกับเหม่ยหลินที่สุด เรียกได้ว่านอกจากหยวนหยวนกับหมิงฮุ่ยแล้วนางเป็นอสูรที่ใกล้ชิดเหม่ยหลินที่สุดแล้วก็ว่าได้ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะนางพิศวาสอะไรเหม่ยหลินแต่อย่างไร เพียงแต่แก่นอสูรในร่างของเหม่ยหลินคือกิเลนดำ อสูรที่สนิทกับนางที่สุดนั่นเอง ในวันที่กิเลนดำถูกสังหาร ตัวนางก็ย่ำแย่เช่นเดียวกัน กระดองเต่าของนางแตกละเอียดไม่มีชิ้นดีด้วยดาบของมารตนหนึ่ง เจ้ามารนั่นมองพวกนางราวกับอสูรริมทางไม่มีพิษสง จนกระทั่งคนของหน่วยยักล่าอสูรมาพบนางเข้า พวกมันจับตัวนางมาที่เมืองร้อยแปดอสูรแห่งนี้ และยังเก็บเอาแก่นอสูรของกิเลนดำมาอีกด้วย หลังจากผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานเสวียนอู่ที่โดนจับมาก็ถูกกำราบโดยบรรพบุรุษของเหม่ยหลินเช่นกัน นางกลายเป็นอสูรของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูร ส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจนมาถึงบิดาของเหม่ยหลิน และในวันนี้แก่นอสูรของกิเลนดำก็หลอมรวมเข้ากับเหม่ยหลิน ทำให้เสวียนอู่รู้สึกราวกับกิเลนดำกำเนิดใหม่อีกครั้งไม่มีผิด
“พี่เสวียนอู่ กระเบนเสี้ยวจันทร์มีพลังอสูรระดับไหนเหรอ”เหม่ยหลินถามพลางถอยตัวออกมาจากเสวียนอู่
“มันน่าจะอยู่ระดับเสินเซียนขั้น 10 นะเพราะตอนนั้นข้าอยู่ขั้น 9 แต่ไม่สามารถวัดพลังของมันได้ แต่มันไม่น่าจะอยู่ระดับเทียนเซียนหรอก”เสวียนอู่ว่าพลางยิ้มบางๆ แม้ความสัมพันธ์พ่อลูกของเหม่ยหลินกับหวงหลงจะไม่ค่อยดีนัก แต่เหม่ยหลินก็ยังเป็นห่วงพ่อของนางสินะ
“แบบนั้นท่านพ่อก็มีโอกาสชนะสินะคะ”เหม่ยหลินถามพลางถอนหายใจออกมา ยามนี้หวงหลงบิดาของนางอยู่ระดับเทียนเซียนซึ่งเหนือกว่ากระเบนราหูอยู่ชั้นหนึ่งเลย
“ถูกต้อง คราวก่อนนายท่านสู้กับกระเบนเสี้ยวจันทร์จนบาดเจ็บกันทั้งคู่ ทำให้ท่านกลับมาฝึกฝนวิชาในถ้ำเมื่อหลายปีก่อนนั่นล่ะ”เสวียนอู่ว่าพลางยิ้มกว้าง เพราะอสูรทั้ง 4 รู้ดีว่าเมื่อครั้งก่อนหวงหลงเสมอกับกระเบนเสี่ยวจันทร์ พวกมันเลยมั่นใจว่าหวงหลงที่บรรลุระดับเทียนเซียนแล้วจะสามารถเอาชนะกระเบนเสี้ยวจันทร์ได้แน่ๆ
“ท่านพ่อเคยสู้กับกระเบนเสี้ยวจันทร์?”เหม่ยหลินเบิกตากว้างอย่างตกใจ กระเบนเสี้ยวจันทร์มีตัวตนไม่จากราชาทั้งห้าของเขตอสูรผาไร้ก้น เรียกว่าไม่มีผู้ใดกล้าลองดี แต่เมื่อหลายปีก่อนท่านพ่อของนางกลับเคยสู้กับกระเบนเสี้ยวจันทร์มาแล้ว แถมยังเสมอต่างคนต่างบาดเจ็บกลับมาอีกต่างหาก
“ถูกต้องแล้ว ท่านต้องการมุกกระเบนที่กระเบนเสี้ยวจันทร์เก็บรักษาเอาไว้มาให้คุณหนู ท่านเลยตั้งใจฝึกฝนเพื่อนำมุกกระเบนออกมายังไงล่ะ”จูเชวี่ยว่าพลางยิ้มกว้าง
“คิกๆ นายท่านช่างรักและเอ็นดูคุณหนูจริงๆ ถึงขนาดยอมทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อนำของขวัญมาให้คุณหนู”เสวียนอู่ว่าพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน
“พี่เสวียนอู่ก็น่าจะทราบ ว่าที่ท่านพ่อมีให้ข้าไม่ชาความรัก”เหม่ยหลินบ่นพลางหลบสายตาของเสวียนอู่ ที่พ่อของนางทำไปเพราะต้องการให้นางแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ส่วนเสวียนอู่ก็แค่ยินดีที่พลังอสูรของกิเลนดำแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นเช่นกัน