SGS บทที่ 79 – ท่านประธานผู้หลงลืมเรื่องสำคัญสุดๆไปล่ะ!
เมื่อพวกวู่หยานทั้งห้าคนเหยียบขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ อยู่ๆอิคารอสก็หยุดเดินจากนั้นนัยน์ตาสีฟ้าครามก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มแต่ทว่าพริบตาต่อมาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นสีฟ้าเหมือนเดิม มันราวกับว่าเมื่อกี้เป็นแค่ภาพลวงตายังไงยังงั้น
วู่หยานรู้สึกได้ว่าอิคารอสหยุดเดินไปจึงหันกลับมาถามว่า “มีอะไรรึเปล่าอิคารอส?”
อิคารอสเงยหน้ามองวู่หยานแล้วพูดว่า “มาสเตอร์ ค้นพบสิ่งมีชีวิตที่มีความอันตรายสูงมากค่ะ”
“สิ่งมีชีวิตที่มีความอันตรายสูงมาก.....” ได้ยินคำพูดเธอ วู่หยานกับพวกก็หันมามองหน้ากัน ก่อนที่มิโคโตะจะเดินไปข้างๆอิคารอส
“อิคารอส...” มิโคโตะกระตุกเสื้ออิคารอสเบาๆให้เธอหันสายตาออกจากวู่หยานมามองตนเอง แล้วพูดว่า “ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายถึงบนเรือนี้มีคนแข็งแกร่งมากอยู่ใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ” อิคารอสตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย จากนั้นก็หันไปมองวู่หยานเหมือนเดิม ราวกับว่าถ้าพลาดสายตาจากวู่หยานไปสักวินาทีเขาจะหายไปยังไงยังงั้น
“อิคารอสคนที่เธอว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหนเหรอ?” วู่หยานเดินมากระซิบที่ข้างหูอิคารอส
สายตาเธอก็ยังจดจ่อที่วู่หยาน เมื่อได้ยินคำถามเขา เธอก็เงียบไปชั่วครู่แล้วพูดว่า “จำนวนมีสาม ความแข็งแกร่งระดับA ระดับความอันตรายไม่แน่นอน ขอแนะนำให้มาสเตอร์ออกคำสั่งทำลายล้าง!”
วู่หยานตาโตเท่าไข่หาน รีบเอ่ยปากใหญ่ “นะ..นั่นเอาไว้ก่อนอิคารอส ตอนนี้เราควรเฝ้ามองดูเงียบๆ!”
“รับทราบค่ะ มาสเตอร์....”
หลังจากที่อิคารอสกลับไปโหมดนิ่งๆเงียบๆเหมือนเดิม ฮินางิคุกับมิโคโตะก็เดินมาหาวู่หยานแล้วเอ่ยปากถามว่า “นี่หยานไอ้สิ่งมีชีวิตที่มีสามนี่พวกเราก็เข้าใจอยู่ แต่ไอ้เรื่องระดับความแข็งแกร่งกับระดับความอันตราย เธอเอาอะไรไปวัดกันน่ะ?”
“ถ้าเรื่องนี้ คือว่าในระบบของอิคารอสความแข็งแกร่งระดับAก็คืออยู่ระดับเดียวกับเธอนั่นเอง หรือพูดง่ายๆบนเรือลำนี้ยังมีอยู่สามคนที่เลเวลพอๆกันหรือไม่ก็ใกล้เคียงกับอิคารอส แรงค์8ยังไงล่ะ!” วู่หยานพูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“แรงค์8....โผล่หัวออกมาจนได้...” มิโคโตะสูดลมหายใจเข้าลึก แรงค์8เป็นเป้าหมายของเธอ และยังเป็นตัวตนที่ตัวเธอในตอนนี้ทำได้แค่เหงนหน้ามอง
“ตอนแรกไม่เห็นปรากฏตัวออกมาก็นึกว่าเดาผิดซะอีก ที่ไหนได้เล่นมาซ่อนตัวรออยู่บนเรือแล้วนี่เอง” ฮินางิคุพูดขึ้น ขณะเดียวกันก็ใช้ระบบตรวจสอบไปทั่วเรือ
วู่หยานยิ้มขึ้น “มันก็ไม่ได้ยากอะไรเลย เป็นเพราะพวกเขาเป็นไพ่ลับของโรงประมูล จึงไม่แปลกที่จะซ่อนตัวไม่ยอมโผล่ออกมาให้เห็นอ่ะนะ”
“แรงค์8ทั้งสามคน อิคารอสสามารถบอกเลเวลที่แน่ชัดได้มั้ย?” มิโคโตะหันไปถามอิคารอสด้วยสีหน้ากังวล
นัยน์ตาอิคารอสหดตัวลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดง และหลังจากสังเกตไปรอบๆเธอก็พูดว่า “ไม่แน่ชัด ยังไม่สามารถระบุพลังที่แท้จริงได้ และที่อยู่ ณ ปัจจุบันยังตรวจไม่พบค่ะ”
“หยุดซะอิคารอส ในเมื่อหาไม่พบก็ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วมันต้องโผล่หัวออกมาแน่!” วู่หยานยกมือวางบนหัวอิคารอส แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
อิคารอสหันหัวไปมองวู่หยานด้วยสีหน้าว่างเปล่า ก่อนจะตอบสนองว่า “ค่ะ มาสเตอร....”
“ฮึ!” เห็นท่าทางรักไคร่ของวู่หยานต่ออิคารอส ทำให้ฮินางิคุกับมิโคโตะอดที่จะทำเสียงขึ้นจมูกไม่ได้ สื่อว่าตอนนี้ตนเองรู้สึกไม่ดีมาก
วู่หยานยิ้มแห้งๆ แล้วถอนมือกลับมาด้วยความไม่เต็มใจเล็กน้อย
ขณะที่พวกวู่หยานคุยกัน เรือก็ได้เริ่มลอยตัวขึ้นแล้ว ต่อมาก็หยุดกลางอากาศแล้วค่อยๆหันหัวไปรอบๆราวกับกำลังตัดสินใจทิศทางที่จะไป เมื่อระบุได้แล้วเรือก็เริ่มบิน
“หืมมลึกลับดีจริงๆเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้ขึ้นเรือเหาะเลยระ...” มิโคโตะเขย่งเท้าจากนั้นก็ลองกระเบาๆด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“เอาจริงๆนี่ก็เป็นครั้งแรกของฉันเหมือกัน...” วู่หยานหัวเราะแห้งๆ ก่อนจะรีบอุ้มลิลินที่กระโดดขึ้นมาตรงหน้าอกตนเองตอนไหนก็ไม่รู้ จากนั้นก็พูดตอบมิโคโตะ
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็นเรือบินได้ก็ครั้งนี้แหละ....แต่ยกเว้นไอ้เรือเหาะบอกสภาพอากาศเส็งเคร็งของเมืองแห่งการศึกษาล่ะนะ ส่วนนายยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยโลกก่อนของนายยิ่งล้าหลังกว่าอีก...” มิโคโตะคลี่ยิ้มเยาะเย้ย
วู่หยานอ้าปากพะงาบๆพูดไม่ออกทันที แต่มิโคโตะก็พูดถูก โลกที่เขาจากมาถึงแม้มันจะเป็นโลกของวิทยาศาสตร์ก็เถอะ แต่ถ้าเทียบกับโลกมิโคโตะ เทียบกับเมืองแห่งการศึกษาแล้วคงห่างไกลกันอย่างน้อยๆก็สัก30ปี
เห็นวู่หยานไม่พูดตอบ มิโคโตะก็หันหน้าไปทางอื่นด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดว่า “แล้วนายจะเอาไงต่อ? จะรออยู่ที่นี่จนกว่าจะถึง หรือออกไปตามหาไอ้แรงค์8สามคนั่น?”
วู่หยานครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ฉันไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วฉันก็กลัวว่าพวกเราจะดึงดูดความสนใจก่อนเวลาอันควรด้วย”
“ห๊ะ? ฉันก็คิดว่าพวกมันรู้สึกถึงตัวตนพวกเราแล้วหรือไม่ใช่?” มิโคโตะมองวู่หยานด้วยสีหน้างุนงง “ในเมื่ออิคารอสยังสามารถสัมผัสถึงอีกฝ่าย แล้วอีกฝ่ายที่แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าอิคารอสก็คงสัมผัสได้ถึงพวกเราแล้วสิใช่มั้ย?”
“เธอเข้าใจผิดแล้ว!” วู่หยานได้ยินก็พยายามกั้นหัวเราะ แล้วโบกมือปฏิเสธ
“เข้าใจผิด?” มิโคโตะขมวดคิ้วพูดว่า “อะไรเข้าใจผิด?”
วู่หยานหันไปมองอิคารอส แล้วพูดยิ้มๆว่า “เหตุผลที่อิคารอสสามารถรู้สึกตัวตนของอีกฝ่าย เป็นเพราะในตัวเธอมีระบบฟังก์ชั่นสแกนของตัวเอง จึงสามารถตรวจพบอีกฝ่ายได้ยังไงล่ะ!”
“เป็นงั้นเหรอ?” มิโคโตะที่ยังคงปฏิเสธที่จะเชื่อ “แม้ว่าเธอจะมีความสามารถตรวจสอบดีมาก แต่ทำไมนายถึงมั่นใจนักว่าอีกฝ่ายยังไม่รู้สึกถึงตัวพวกเราล่ะ?”
“ฉัน...มั่นใจมากว่าอีกฝ่ายยังไม่รู้ตัว!”
“ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นล่ะ?” อยู่มิโคโตะก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
วู่หยานยิ้มบิดๆเบี้ยวๆแล้วพูดว่า “เธอคงไม่รู้ว่าผู้คนในโลกนี้ได้ฝึกฝน(บ่มเพาะ)สิ่งที่เรียกว่าปราณและเวทมนต์ และในร่างกายของนักรบและนักเวทย์ก็จะมีปรานไม่ก็พลังเวทย์ไหลเวียนอยู่ ดังนั้นคนในโลกนี้จึงใช้การสัมผัสพลังในร่างกาย ถึงสามารถตรวจพบตัวตนของผู้บ่มเพาะคนอื่นได้”
“ฉันเข้าใจแล้ว!” ได้ยินคำพูดวู่หยาน มิโคโตะก็เข้าใจทันที เธอยกมือทุบฝ่ามืออีกข้าง จากนั้นก็พูดด้วยความโล่งอกว่า “เป็นเพราะคนบนโลกนี่ใช้การสัมผัสพลังในตัวเป็นวิธีในการค้นหาตัวตน ดังนั้นพวกเราที่ไม่มีปราณหรือเวทมนต์ก็จะไม่ถูกใครตรวจพบ!”
“ฉลาดมาก!” วู่หยานเอ่ยชมมิโคโตะไปเปราะนึง แล้วยิ้มเอ่ยต่อ “ถึงแม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าโลกนี้จะมีวิธีการตรวจสอบแค่นี้ แต่นี่ก็พอรับรองได้อย่างหนึ่งล่ะนะ!”
“อะไร?”
“ถึงอีกฝ่ายจะตรวจพบตัวตนพวกเราได้ แต่ก็ไม่สามารถระบุพลังที่แท้จริงของพวกเราได้แน่นอน!” วู่หยานพูดอย่างมั่นใจ “พงกเราไม่ได้ฝึกฝนปราณหรือเวทมนต์ แล้วพวกมันจะไปรู้ระดับพลังของพวกเราได้ยังไง มันไม่มีระบบตรวจสอบเหมือนพวกเราสักหน่อย!”
“อืม ถือว่านายยังพอมีสมองอยู่บ้าง”
....ยัยซึนเดเระน่าตายนี่!
ขณะที่มองทิซทัศน์รอบตัว วู่หยานก็รู้สึกบางอย่างไม่ถูกต้อง
“เฮ้มิโคโตะ เธอคิดว่าเราลืมอะไรไปรึเปล่า?” อยู่ความรู้สึกรุนแรงชนิดหนึ่งก็พวยพุ่งขึ้นมาในใจ ทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าตนเองได้หลงลืมอะไรบ้างอย่างไปแน่
คำถามของวู่หยานทำมิโคโตะตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ทำหน้าครุ่นคิดแล้วพูดว่า “พอนายพูดขึ้นมา ฉันก็รู้สึกได้เหมือนกันว่าบางอย่างมันขาดหายไป.....”
ขณะที่พวกเขาใช้ความคิด ลิลินที่อยู่ตรงอกวู่หยานก็เอามือแตะที่คอเขา แล้วพูดว่า “พี่ชาย พี่กำลังมองหาพี่สาวฮินางิคุอยู่เหรอคะ?”
“ใช่แล้ว! ฮินางิคุไงล่ะ!” วู่หยานกับมิโคโตะนึกออกพร้อมกันว่าตนเองลืมอะไรไป
ตั้งแต่เริ่มคุยกันก็ไม่ได้ยินเสียงฮินางิคุเลย....
“เธอไปไหนแล้ว?” มิโคโตะกวาดตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
“ตรงนั้นค่ะ....” ลิลินชี้นิ้วเล็กๆไปตรงริมขอบสุดของดาดฟ้าเรือ ฮินางิคุกำลังแบะขาด้วยสีหน้าขาวซีดเหงื่อก็ไหลเต็มหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?” เห็นท่าทางน่าสงสารของฮินางิคุ มิโคโตะก็ช็อคไป
“อ่า.....” วู่หยานยกมือจับหน้าผากตน มองดูท้องฟ้าแล้วถอนหายใจหนักๆออกมา
“เกือบลืมไปเลยแฮะ.....ว่าท่านประธานของเราเป็นโรคกลัวความสูง....”