ตอนที่ 264 หญิงงาม เล่นกับไฟระวังด้วย
ตอนที่ 264 หญิงงาม เล่นกับไฟระวังด้วย
เจตนาแห่งการโจมตีของกระบี่ที่หวู่เฉิงหยี่ปลดปล่อยออกมา ได้แทงเข้าไปในร่างกายของหยางไค่ !
ในตอนนี้สองมือของเขากุมกระชับกระบี่มารโลหิต และกำลังสัมผัสเจตนาแห่งการโจมตีแห่งกระบี่
หลังจากที่ได้รับกระบี่มารโลหิตสมบัติวิเศษที่ล้ำค่าของนิกายซิ่วหล่อ หยางไค่เคยใช้มันแล้ว 1 ครั้ง นั่นคือการต่อสู้กับไป๋ฟงหยุนในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
ในตอนนั้น เขาเพิ่งหลอมผสานให้กระบี่มารโลหิตเข้าไปในร่างกายของเขา มันทำให้เขาไม่ทันที่จะทำความคุ้นชินกับมัน ดังนั้นหยางไค่จึงไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับมันเลย จึงทำได้เพียงกักเก็บมันเอาไว้
ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านไป กระบี่มารโลหิตถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังลมปราณของเขาในจุดตันเถียน และเริ่มคุ้นชินและเริ่มผสานรวมเป็นหนึ่งกับร่างกาย
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดมันได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย
การใช้งานกระบี่มารโลหิตในครั้งนี้ทำให้ค้นพบว่ากระบี่มารโลหิตไม่ใช่สมบัติวิเศษแห่งการฆ่า มันยังมีคุณประโยชน์และความสามารถที่วิเศษมากกว่านั้น
นั่นคือการยึดครองเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ เพื่อให้เป็นของตนเอง !
ความสามารถนี้ใช้ได้กับกระบี่เท่านั้น !
ในการโจมตีด้วยเจตนาแห่งการฆ่าพร้อมๆกันกับหวู่เฉิงหยี่ในครั้งสุดท้าย กระบี่มารโลหิตได้ใช้พลังแห่งมารปีศาจในกระดูกทองคำอย่างมากมายมหาศาล มันได้แปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำขนาดเล็ก หลุมดำนี้ได้ดูดกลืนพลังแห่งการฆ่าจากเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ของหวู่เฉิงหยี่ เหลือไว้เพียงเจตนาแห่งการโจมตีของกระบี่ที่พุ่งโจมตีตัวเขา
ดังนั้นหยางไค่จึงไม่ได้หลบหนีการโจมตี เขายืนหยัดรับการโจมตีด้วยร่างกายของเขาเอง
แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็คือเจตนาแห่งการโจมตีของกระบี่ มันได้แทงทะลุร่างกายของหยางไค่ ทำให้เขาดูเหมือนว่าได้รับบาดเจ็บอย่างมหันต์
เจตนาแห่งการโจมตีของกระบี่ เป็นจิตวิญญาณที่ดำรงอยู่ในกระบี่ ซึ่งคล้ายคลึงกับจิตวิญญาณของมนุษย์คนหนึ่ง เคล็ดวิชาแห่งกระบี่ที่ไร้ซึ่งเจตนาแห่งการโจมตีของกระบี่ มันจะเป็นการโจมตีที่มีเพียงรูปร่าง โดยที่มันไม่สามารถสำแดงพลังอำนาจแห่งการโจมที่รุนแรง
ในตอนนี้หยางไค่กำลังสัมผัสและซึมซับเจตนาแห่งการโจมตีของกระบี่ เพื่อสืนค้นและตรวจสอบความลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในของเคล็ดวิชา หมื่นกระบี่เก้าดวงดารา
เมื่อมันประสบความสำเร็จ เขาจะได้ครอบครองเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ที่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้นระดับขั้นของเคล็ดวิชานี้ยังอยู่ในระดับสูง
เคล็ดวิชาลึกลับของสำนักกระบี่เก้าดวงดาราที่ไม่ถ่ายทอดแก่บุคคลภายนอก เป็นเคล็ดวิชาในขั้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
ความสามารถของกระบี่มารโลหิตค่อนข้างพิเศษ ไม่น่าแปลกที่มันได้กลายเป็นสมบัติวิเศษที่ล้ำค่าของนิกายซิ่วหล่อ แต่ว่าการยึดครองเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามมีอันตรายที่แอบแฝง หากว่าคนผู้นั้นไร้ซึ่งสติและความระมัดระวัง มันไม่สามารถยึดครองได้สำเร็จ มันจะทำให้ตนเองได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส
หยางไค่มิได้เร่งรีบ เขาค่อยๆเรียนรู้เพือเข้าใจมันอย่างช้าๆ ในห้วงสมองของเขาปรากฏการเคลื่อนไหวของหวู่เฉิงหยี่ในขณะที่เขาปลดปล่อยเคล็ดวิชา หมื่นกระบี่เก้าดวงดรา และการเคลื่อนไหวของพลังลมปราณ ทำให้กระบี่มารโลหิตมีการเคลื่อนไหวอย่างน่าประหลาด และยังมีเสียงดังขึ้นอย่างไม่หยุด
จือโบยืนอยู่ตรงปากหลุม นางจ้องมองหยางไค่ที่กำลังหลับตาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
นางเล่นเส้นผมที่สยายลงมาของนาง และเม้มริมฝีปกาในการครุ่นคิดว่าจะโจมตีหยางไค่หรือไม่ หากฆ่าเจ้าเด็กน้อยที่น่าหวาดกลัว แต่เมื่อคิดกลับมาอีกครั้ง ทำให้นางไม่กล้าที่จะตัดสินใจ จิตใจเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง
เมื่อผ่านไปเป็นเวลานาน จือโบถอยหายใจอย่างเบาๆ นางค่อยๆหมุนตัวกลับไป
หยางไค่ค่อยๆลืมตาอย่างช้า เขาจ้องมองไปยังทิศทางที่นางเดินไป มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่บางเบา
นายน้อย เมื่อสักครู่สตรีนางนั้นมีเจตนาที่จะฆ่าท่าน แต่ไม่รู้ว่านางลังเลถึงสิ่งใด ในที่สุดนางได้ละทิ้งความคิดนั้นไป ! มารปฐพีกล่าวตักเตือน เขาระมัดระวังการเคลื่อนไหวของจือโบตลอดเวลา ดังนั้นจึงมองเห็นการกระทำของจือโบอย่างชัดเจน
ข้ารู้ นางตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ฉลาดที่สุด หยางไค่พยักหน้า เขาหลับตาเพื่อเรียนรู้มันอีกครั้ง
ครึ่งวันผ่านไป จือโบที่ได้เดินจากไปได้กลับมาอีกครั้ง นางถือฟืนจำนวนไม่น้อยกลับมาด้วย และยังมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งอีกด้วย
นางก่อกองไฟ และเริ่มปิ้งเนื้อสัตว์ โดยนางนั่งอยู่ข้างกองไฟและนั่งรอให้หยางไค่ตื่นด้วยความนิ่งสงบ
3 วันผ่านไป
ในขณะที่จือโบกำลังสบถทด่าหยางไค่ กลิ่นอายแห่งกระบี่ได้แพร่กระจายมาจากบริเวณที่ไม่ไกล สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงในทันที นางลุกขึ้นยืนด้วยความระมัดระวังอย่างสุดขีด และเริ่มสัมผัสต้นกำเนิดของกลิ่นอายแห่งพลังนั้น
ทันใดนั้น สีหน้าของนางประกายด้วยความตื่นตกใจ
เพราะกลิ่นอายนี้แพร่กระจายมาจากบริเวณที่หยางไค่อาศัยอยู่
นางคุ้นชินกับกลิ่นอายแห่งกระบี่ มันคือกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่หวู่เฉิงหยี่ปลดปล่อยออกมา แต่ในตอนนี้มันกลับปรากฏบนร่างกายของหยางไค่อีกครั้ง
จือโบจ้องมองด้วยความสงสัย คิ้วที่งดงามขมวดไว้แน่น
หลังจากนั้น กลิ่นอายแห่งกระบี่เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วของมันได้พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ ระยะเวลาเพียง 1 ก้านธูป มันได้แข็งแกร่งจนใบหน้าที่งดงามของจือโบเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน
มันเหมือนว่า หวู่เฉิงหยี่ที่ตายไปกลับมามีชีวิตอีกครั้ง กำลังจะปลดปล่อยการโจมตีของเขาออกมา
ปัง .
หลุมลึกที่หยางไค่หลบซ่อนตัวระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน เศษดินทรายกระจัดกระจายไปทั่วผืนฟ้า เงาร่างของคนคนหนึ่งได้ปรากฏออกมา โดยร่างกายของเขาประกายด้วยสีแดงที่ราวกับโลหิต
จือโบตื่นตะลึง นางถอยหนีอย่างรวดเร็ว นางจ้องมองไปยังบริเวณนั้นด้วยความตื่นตะลึง เขามองเห็นหยางไค่ที่หลับตา ในมือของเขายังกุมกระชับกระบี่สีแดงโลหิต โดยอยู่นิ่งในบริเวณเดิม
พลังลมปราณของเขากำลังพุ่งทะยานอย่างไม่หยุด ราวกับกระบี่ที่แหลมคมได้หลอมรวมไปที่ร่างกายของเขา
ตึ่ง..............
กระบี่สีแดงก่ำได้ระเบิดเสียงที่ก้องกังวานออกมา หลังจากที่เสียงนี้ดังขึ้น ราวกับว่าพลังลมปราณของหยางไค่ได้กระชับลง ทันใดนั้นกระบี่ที่แหลมคมนับ 100 เล่มปรากฏอยู่ข้างกายของเขา
และปรากฏกระบี่อีกหลาย 100 เล่ม..............
หลังจากนั้น บริเวณแห่งนั้นได้กลายเป็นโลกของกระบี่ในพริบตา
มันเป็นภาพเหตุการณ์ของหลายวันก่อน ทำให้นางตื่นตะลึงอย่างสุดขีด
จือโบอ้าปากค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ก่อนหน้านี้หวู่เฉิงหยี่เคยกล่าวไว้ กระบวนท่านี้เป็นเคล็ดวิชาลึกลับที่ไม่ถ่ายทอดแก่บุคคลภายใน แล้วทำไมหยางไค่จึงสามารถปลดปล่อยมันออกมา ?
นอกจากนั้นกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่แปรเปลี่ยนเป็นรูปร่างของกระบี่ ยังมีจำนวนที่มากกว่าหวู่เฉิงหยี่ ในตอนนั้นหวู่เฉิงหยี่ใช้พลังลมปราณแท้จริงของเขาทั้งหมด ก็สามารถก่อกำเนิดกลิ่นอายแห่งกระบี่เพียง 2000 เล่มเท่านั้น แต่หยางไค่สามารถก่อกำเนิดกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่มากกว่า 3000 เล่ม
3000 กว่าเล่ม เป็นขีดจำกัดสูงสุดของหยางไค่ ในตอนนี้สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความลำบากแสนเข็ญ
กระบี่ยาวสั่นสะเทือน กลิ่นอายแห่งกระบี่กว่า 3000 เล่มได้หลอมรวมเป็นหนึ่ง ระยะเวลาเพียงพริบตา มันได้เหลือเพียง 100 เล่มเท่านั้น
ปลายกระบี่ ซ่อนเร้นพลังแห่งการผลาญทำลายที่มากมายมหาศาลโดยที่มันกำลังพุ่งชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
ปังปังปัง.............
รอบบริเวณผืนดินบริเวณกว้างที่หยางไค่อาศัยอยู่เกิดเป็นหลุมเล็กหลุมใหญ่เป็นจำนวนมากมาย และมันยังถูกทำลายจนได้รับความเสียหายอย่างไร้แรง !
หยางไค่หลับตาสัมผัสกับมัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
เคล็ดวิชาลึกลับของสำนักกระบี่เก้าดวงดรา เป็นเคล็ดวิชาในขั้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พลังอำนาจของมันมากมายมหาศาล !
กระบวนท่านี้ไม่แตกต่างจากกระบวนท่าแห่งตราประทับดวงดารา แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือการสูญเสียพลังลมปราณที่มากมาย ไม่น่าแปลกที่หวู่เฉิงหยี่โจมตีด้วยกระบวนท่านี้แล้ว สภาพของเขาดูเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้า
แต่ว่าหมื่นกระบี่ดวงดรามีคุณสมบัติที่ดีกว่าตราประทับดวงดารา
เพราะกระบวนท่านี้ก่อกำเนิดจากพลัง 2 ส่วน ส่วนแรกคือการใช้พลังลมปราณในการสร้างกลิ่นอายแห่งกระบี่ กลิ่นอายแห่งกระบี่เหล่านี้สามารถใช้โจมตีศัตรู ส่วนที่ 2 คือการหลอมรวมกับกลิ่นอายแห่งกระบี่เหล่านี้ หากสามารถฝึกฝนมันจนสำเร็จ มันจะกลายเป็นกระบี่ที่สามารถทำลายฟ้าสวรรค์ทะลายปฐพี
หวู่เฉิงหยี่ไม่ประสบความสำเร็จในการฝึกฝน หยางไค่ก็เช่นเดียวกัน
แต่ว่าสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งกระบี่นี้ หยางไค่ก็พึงพอใจอย่างมาก อย่างน้อยหลังจากนี้ในขณะที่เขาเปิดใช้กระบี่มารโลหิต เขาไม่ต้องฟันแทงไปเรื่อยเปื่อย เขายังมีเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ที่สามารถแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
พลังลมปราณแท้จริงที่ก่อกำเนิดได้ไม่นานได้หลอมรวมกันในขณะที่เขาสัมผัสและเรียนรู้เคล็ดวิชาแห่งกระบี่ พลังลมปราณของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นความแหลมคมราวกับกระบี่ที่ยอดเยี่ยม มันได้ไหลเวียนอยู่ในเส้นชีพจรลมปราณอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดเสียงดังขึ้น สีหน้าของหยางไค่เคร่งขรึม โดยทีเขาไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
ครึ่งชั่วยามผ่านไป กลิ่นอายที่ไร้ซึ่งรูปร่างได้ระเบิดออกมาและแพร่กระจายออกไป ร่างกายของหยางไค่สั่นสะเทือน เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 2 !
เมื่อได้รับการช่วยเหลือจากเคล็ดวิชาในขั้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันทำให้พลังของเขามีความก้าวหน้าอีก 1 ขั้น
หยางไค่หัวเราะด้วยความพอใจ เขาได้เก็บกระบี่มารโลหิตเข้าไป
ด้านหลังของเขามีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หยางไค่หมุนตัวกลับไปมอง ซึ่งพบเห็นจือโบที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด
เมื่อระยะห่างระหว่างนาและหยางไค่เหลือเพียง 10 จ้าง นางได้หยุดฝีเท้าลง ใบหน้าเผยเห็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อย่างเหลือล้น แต่ว่าดวงตาของนางประกายด้วยความระมัดระวังและความหวาดโดยมิอาจซ่อนเร้นมันได้ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ตรงหน้าของนาง หยางไค่เพิ่งบรรลุเขตแดนอย่างน่าอัศจรรย์ นางสัมผัสได้อย่างชัดเจน
การบรรลุเขตแดนประหลาดอย่างยิ่ง มันไม่มีสัญญานแจ้งเตือน ทำให้จือโบอิจฉาและชื่นชม
หลังจากที่นิ่งเป็นเวลานาน จือโบจึงกล่าวขึ้น : ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้ว ข้าจะไป
นางไม่ได้กล่าวถามว่าทำไมหยางไค่จึงเข้าเคล็ดวิชาแห่งกระบี่ของหวู่เฉิงหยี่ ในตอนนี้หากนางยิ่งรู้มากจะทำให้นางยิ่งตกอยู่ในอันตราย จือโบเป็นสตรีที่ฉลาด นางรู้ดว่าตอนไหนควรทำอะไร
ไปไหน ? หยางไค่เอียงศรีษะ กล่าวถามด้วยเสียงหัวเราะ
จือโบอึ้งไปชั่วขณะ นางยิ้มอย่างแผ่วเบา กล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยน : จะไปไหนได้ล่ะ กลับอาณาจักรเทียนหล่างไง
ในขณะที่กล่าว นางเผยอปากขึ้นและกล่าวด้วยสายตาที่ยั่วยวน : ทำไม ? หรือว่าข้ายังกลับไปไมไ่ด้ ?
ไม่ต้องกลับ หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบาและ เขาได้กล่าวคำที่ตรงข้ามกับสุ้มเสียงของตนเอง : จากนี้ไป เจ้าติดตามข้าดีกว่า
จือโบอึ้งกับคำกล่าวของหยางไค่ นางกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ติดตามเจ้าทำไม !! ไม่ว่าอย่างไรข้าก็เป็นคนของอาณาจักรเทียนหล่าง หากข้าติดตามเจ้ากลับไปยังสำนักของเจ้า ข้าคงถูกผู้คนเหยียดหยาม ไม่มีทางที่ข้าจะทำเช่นนั้น
เจ้าสวมใส่เสื้อผ้าที่มากกว่านี้ จะไม่แตกต่างจากสตรีแห่งอาณาจักรฮั่น อืม ข้าไม่มีสาวใช้ในการรรับใช้ข้า ตามข้ากลับไปเพื่อรินชาให้ข้าจัดเตียงนอนที่อ่อนนุ่มให้ข้า หยางไค่กล่าวด้วยความจริงจัง
สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงไป นางกล่าวด้วยเสียวหัวเราะ : เจ้าจริงจัง ?
เจ้าคิดว่าอย่างไร ?
จือโบไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป รอยยิ้มของนางจางหายไป ดวงตาประกายด้วยความเยือกเย็นและความไม่ยุติธรรม นางขมวคคิ้วกระทืบเท้าและกล่าว : ทำไมเจ้าถึงไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ข้ามีน้ำใจที่อยู่ที่นี้เป็นเพื่อนเจ้ากว่า 3 วัน ข้าคอยปกป้องเจ้าเอาไว้ พอเจ้าลืมตาฟื้นขึ้นมากลับให้ข้าเป็นหญิงรับใช้ของเจ้า หากข้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าควรฆ่าเจ้าในขณะที่เจ้าพักฟื้นตัว
เมื่อรู้ตัว่าตนเองกล่าวพลั้งไป จือโบปิดปากไว้แน่น นางจ้องมองปฏิกิริยาของหยางไค่ด้วยความไม่สบายและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา : ข้าเพียงแค่คิดเท่านั้น ข้าไม่ได้ลงกับเจ้า เจ้าอย่าโกรธ .
ฮ่าฮ่า !! หยางไค่หัวเราะเสียงดัง
จือโบเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ นางกัดริมฝีปากไว้แน่น นางไม่รู้ว่าจิตใจของหยางไค่กำลังคิดจะทำอะไร
ข้าล้อเล่นกับเจ้า หยางไค่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ทำไมเจ้าต้องจริงจังเช่นนี้ด้วย ?
ล้อเล่น ? สีหน้าของจือโบแปรเปลี่ยนในทันที นางกล่าวถามด้วยความเจ็บใจ
อืม หยางไค่พยัหน้าเบาๆ : ข้าไม่มีทางพาเจ้ากลับไปด้วย
เจ้ามีสตรีของเจ้า ? ดวงตาของจือโบเป็นประกาย
หยางไค่หัวเราะหึหึ
เมื่อทราบเรื่องนี้ จือโบสบถด้วยเสียงที่เยือกเย็น แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางคิดถึงเรื่องที่หยางไค่ล่วงเกินนาง จิตใจของนางเต็มไปด้วยความโกรธ ความกล้าของนางได้เพิ่มมากขึ้น นางเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยเดินไปที่ด้านข้างของหยางไค่ แนบชิดร่างกายของเขาเอาไว้แน่น นางจับแขนของหยางไค่ และนำทรวงอกที่อวบอั๋นของนางสัมผัสไปยังแขนของเขา
ข้าเปลี่ยนความคิด ข้าจะตามเจ้ากลับไป จือโบเงยคางของนาง จ้องมองไปที่หยางไค่ : ข้าจะดูสิ ว่่าสตรีนางนั้นเป็นสตรีประเภทไหน ทำไมถึงถูกครอบครองโดยเด็กหนุ่มเช่นเจ้า
หยางไค่หัวเราะ นางจ้องมองจือโบด้วยสายตาที่ตื่นเต้น
เจ้าไม่กล้า ? จือโบยิ้มอย่างเหยียดหยาม
สตรีเอ๋ย เล่นกับไฟระวังด้วย !! มุมปากของหยางไค่เผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงไป นางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา โดยรีบถอยหายจากหยางไค่ จิตใจเต็มไปด้วยความเกลียด ทรวงอกกระชับขึ้นลงอย่างไม่หยุด
ตนเองไม่มีสิทธิ์ต่อรองกับเขา จิตวิญญานถูกควบคุม หากทำให้เขาเคืองโกรธ ในสถานที่ทุรกันดารเช่นนี้ .
ข้าจะกลับไปแล้ว ข้าจะภาวนาให้พบเจ้าอีก และข้าจะอธิษฐานให้สตรีนางนั้นทิ้งเจ้าไป ให้เจ้าทนทุกข์ไปตลอดชีวิต !!
รอก่อน ! หยางไค่ขมวดคิ้วไว้แน่น
เจ้าจะเอาอะไรอีก ? จิตใจของจือโบสั่นไหว นางไม่อยากอยู่กับหยางไค่แม้แต่วินาทีเดียว
ในขณะที่กำลังสงสัย หยางไค่ได้นำขวดยาออกมจากถุงผ้าของเขา จากนั้นจึงยาขวดยาให้แก่นาง 2 ขวด ในขวดยานั้นมีหยดวารีที่แตกต่างกัน โดยเขาได้โยนไปทีมือของจือโบ
จือโบรับเอาไว้ นางกล่าวถามด้วยความสงสัย : มันคืออะไร ?
หยดวารีเปลวเพลิง 1 หยด ผลึกผลาญจิตวิญญาน 1 หยด !!
สีหน้าของจือโบตื่นตะลึง นางจ้องมองหยางไค่ด้วยความไม่เชื่อ ใบหน้าของนางยังประกายด้วยความดีใจอย่างสุดซึ้ง
ราวกับว่านางไม่กล้าที่จะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง นางจึงได้เปิดขวดยาดมกลิ่นของมัน
ให้ข้า? เมื่อมั่นใจว่าขวดยาทั้งสองเป็นหยดวารีเปลวเพลิงและผลึกผลาญจิตวิญญาน จือโบโยนมันเข้าไปในทรวงอกและกอดรัดมันเอาไว้แน่น
หยางไค่พยักหน้า: ถือเป็นสิ่งไถ่โทษที่ข้ารังแกเจ้ามาตลอดในระยะเวลาที่ผ่านมา
ใบหน้าของจือโบแดงก่ำ เขาจ้องมองหยางไค่เป็นเวลาน หลังจากนั้นนางจึงกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบา : แท้จริงแล้วเจ้าไม่ใช่คนเลวสักเท่าใด
หวั่นไหว ? ในตอนนี้เจ้าไปกับข้าก็ยังทัน หยางไค่ยิ้มเบาๆ
ออกไป ! จือโบกล่าวตะโกน สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมในทันที : วางใจ ข้าจะแอบใช้มัน ข้าไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้แก่ใคร วันเวลาหลังจากนี้หากเจ้ามายังอาณาจักรเทียนหล่าง เจ้ามาหาข้าที่สำนักหลิงหล่อ ข้าจะปรณิบัติเจ้าอย่างดี ฮ่าฮ่า
คำกล่าวสุดท้าย จือโบขบฟันไว้แน่นและกล่าวมันออกมา
เจ้าเด็กบ้า รักษาตัวด้วย ! จือโบหัวเราะอย่างแผ่วเบา ร่างกายของนางถอยออกไปอย่างแผ่วเบา เงาร่างของนางได้หายไปจนมองไม่เห็น
ในตอนนี้ ในที่สุดนางก็สามารถหนีจากการควบคุมของหยางไค่ !! ราวกับว่านางไดยกก้อนหินขนาดใหญ่อออกจากหน้าอกของนาง
แม้ว่าตราประทับแห่งความเป็นนายจะยังอยู่ แต่ว่าหยางไค่อยู่ในอาณาจักรฮั่น นางอยู่ในอาณาจักรเทียนหล่าง ทำไมต้องหวาดกลัวด้วย ? หลังจากที่กลับไปถึงสำนัก นางจะกล่าวถามอาจารย์ ดูสิว่าอาจารย์ของนางจะมีวิธีการทำลายตราประทับแห่งความเป็นนายได้หรือไม่
หยางไค่จ้องมองทิศทางที่จือโบหายไป เขาหัวเราะอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมุนตัวและเดินทางออกไปด้วยความรวดเร็วดั่งฝนดาวตก
บริเวณที่หยางไค่ต่อสู้กับหวู่เฉิงหยี่เมื่อหลายวันก่อน ร่างศพของหวู่เฉิงหยี่ได้หายไป ในบริเวณใกล้เคียงมีดินจำนวนหนึ่งที่กองอยู่จากการขุดหลุม น่าจะเป็นการจัดการของจือโบ
สตรีนางนี้ ยังมีจิตใจที่อ่อนโยน
1 วันผ่านไป หยางไค่มาถึงเมืองเล็กๆ เขาจ่ายเงินซึ้อรถม้าคันหนึ่ง หลังจากที่เขากล่าวจุดหมายของเขาให้แก่คนขับรถม้าเขาได้เข้าไปนั่งอยู่ภายในรถม้าและปิดกั้นเพื่อบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์ต่อไป