ตอนที่ 262 เจ้าตายข้าตาย
ตอนที่ 262 เจ้าตายข้าตาย
เมื่อมีความแข็งแกร่งของกระบี่ที่คอยปกป้อง หวู่เฉิงหยี่รู้สึกว่าตนเองเป็นคนครอบครองอำนางทุกสิ่งอย่าง
เขายื่นอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นกระบี่ที่งดงามและแข็งแกร่งที่สุด กลิ่นอายแห่งกระบี่ครอบคลุมรัศมีบริเวณกว่าหลาย 10 จ้าง บนห้วงอากาศก่อเกิดเสียงแห่งกลิ่นอายแห่งดาบที่กระทบทั่งกันไปมาอย่างแผ่วเบา ราวกับว่ากระบี่กำลังเฉือนท้องฟ้าและผืนปฐี รอบบริเวณพื้นดินไปก่อเกิดร่องร่อยแห่งการเฉือนฟันเล็กๆอย่างมากมาย
หยางไค่แสะยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาไม่หวาดกลัว เขาปลดปล่อยพลังลมปราณแท้จริงทั้งหมดจนถึงขีดสุด พลังที่บ้าคลั่งได้พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ร่างกายที่ไม่ถือว่ากำยำได้มีเสียงระเบิดที่หนาแน่นแพร่กระจายออกมา
กลิ่นอายพลังที่ไม่มีที่เปรียบ ได้ระเบิดออกมาจากเสียงที่ระเบิดขึ้น มันพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว จนถึงจุดสูงสุดของมัน
กลิ่นอายแห่งพลังของทั้ง 2 แตกต่างกัน กลิ่นอายพลังของหวู่เฉิงหยี่เต็มไปด้วยอำนาจพลังแห่งการทำลายล้าง แต่กลิ่นอายแห่งพลังของหยางไค่กลับเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและโหดเหี้ยม กลิ่นอายทั้งสองได้พุ่งปะทกัน ลมวายุได้พุ่งม้วนมาจากทุกทิศทางและรวมตัวไปยังระหว่างกึ่งกลางของพวกเขาทั้งสองโดยไม่แพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นๆ
เข้ามา ! หวู่เฉิงหยี่ตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธ เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความดุดันและความบ้าคลั่ง กระบี่ยาวเคลื่อนไหว โดยมันได้โจมตีออกไป 2 ครั้งติดๆกัน
ราวกับว่าระหว่างกลางของพวกเขาถูกเฉือนตัดเป็นเครื่องหมาย ? ภายใต้เสียงคำรามที่ต่ำทุ้มของหวู่เฉิงหยี่ ตำแหน่งระหว่างกลางได้ก่อกำเนิดกลิ่นอายแห่งกระบี่บนเครื่องหมาย?ราวกับฝนดาวตกที่พุ่งโจมตีไปที่หยางไค่อย่างรุนแรง
หยางไค่กระทืบเท้าอย่างรุนแรง ทำให้ผืนปฐพีสั่นสะเทือน
พลังที่ดุดัน พุ่งออกมาจากฝ่าเท้าของเขา พื้นดินรอบบริเวณแตกกระจายเป็น 4-5 เสี่ยง มันแตกกระจายออกไปเรื่อยๆราวกับใยแมงมุมที่ชักใยอย่างไม่หยุดโดยมีจุดศูนย์กลางคือฝ่าเท้าของเขา โดยครอบคลุมรัศมีกว่าหลาย 10 จ้าง
ร่างกายของหยางไค่เปรียบดั่งลมวายุที่รุนแรง เขาได้พุ่งไปยังทิศทางตำแหน่งของหวู่เฉิงหยี่
ในขณะที่ร่างกายลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เขาได้พุ่งหมัดโจมตีไปยังกลิ่นอายบนเครื่องหมาย ?ของหวู่เฉิงหยี่
ปัง !!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว กลิ่นอายแห่งกระบี่แตกกระจาย ร่างกายของหยางไค่ไร้ซึ่งการขัดขวาง โดยกลิ่นอายแห่งพลังของเขาไม่ลดน้อยลงแม้แต่น้อย
ม่านตาของหวู่เฉินหยี่ขยายใหญ่ขึ้นและหดลงอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าที่จะซ่อนเร้นเคล็ดวิชากระบวนท่าที่แข้งแกร่งแห่งกระบี่ ในขณะที่กระบี่ของเขาเคลื่อนไหวไปมา มันได้พุ่งฟันไปยังหยางไค่ที่กำลังพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
หยางไค่หลบหลีกอย่างรวดเร้ว หากเขาไม่สามรถหลบหลีกการโจมตีเขาจะใช้หมัดเพื่อทำลายมัน
ระยะเวลา 3 ลมหาย หยางไค่ได้พุ่งมาถึงข้างกายของหวู่เฉิงหยี่
กลิ่นอายแห่งความบ้าคลั่งที่พุ่งเข้ามาราวกับกำแพงที่ใหญ่โตมโหฬาร โดยมันได้กดทับหวู่เฉงหยี่จนเขาเกือบจะหายใจไม่ออก เขาปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งทั้งหมดโดยไม่ซ่อนเร้น และได้ถอยร่นหนีออกไปอย่างรวดเร็ว !
จะหนีไปไหน ! หยางไค่หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม เขาไล่ตาม หมัดที่ห่อหุ้มด้วยพลังลมปราณแท้จริงที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าได้พุ่งโจมตีไปยังร่างกายของหวู่เฉิงหยี่อย่างไม่หยุด หวู่เฉิงหยี่ยกกระบี่ป้องกันการโจมตี กระบวนท่าแห่งกระบี่เคลื่อนไหวอย่างพลิ้วไหวราวกับมันมีชีวิต มันน่าอัศจรรย์อย่างถึงที่สุด
แสงประกายและกระบวนท่าแห่งกระบี่ทำให้ผู้พบเห็นตาลายอย่างมึนงงได้ระเบิดอออกมาจากตำแหน่งของพวกเขาทั้งสองและได้พุ่งออกไปรอบบริเวณทั้ง 4 ทิศอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อเริ่มแรก ร่างเงาของพวกเขาไม่ช้าและไม่เร็ว แต่ในตอนนี้ ร่างเงาของพวกเขารวดเร็วจนเริ่มเลือนราง หลังจากที่ผ่านไปได้อีกสักพัก เงาร่างของพวกเขาทั้ง 2 ได้หลอมรวมด้วยกัน
เสียงแห่งการต่อสู้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระยะเวลาเพียงชั่วครู่ พวกเขาได้ปะทะกันด้วยกระบวนท่ากว่า 100 ครั้ง !
ปัง !
เงาร่างของพวกเขาพันกันไปมาอย่างยุ่งเหยิง พวกเขาพุ่งขึ้นไปบนอากาศกว่าหลาย 10 จ้าง ก่อนจะพุ่งลงมาที่พื้นอย่างรุนแรง ทำให้พื้นดินด้างล่างเกิดเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่
ซู่ซู่..................
หลังจากที่ตกลงมายังพื้นดิน หยางไค่และหวู่เฉิงหยี่ได้แยกออกจากกันด้วยระยะห่างกว่าหลาย 10 จ้าง ก่อนที่พวกเขาจะต่อสู้กันต่อไปอย่างต่อเนื่อง
จือโบที่อยู่ในบริเวณที่ห่างไกลจ้องมองการต่อสู้อย่างไม่วางตา ดวงตาที่งดงามของนางประกายด้วยความตื่นเต้น
นางไม่ได้กังวลถึงความเป็นความตายของหยางไค่ แต่นางตื่นตะลึงต่อพลังการต่อสู้ที่เขาระเบิดออกมา
เจ้าเด็กคนนี้ แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ! จือโบเม้มริมฝีปากไว้แน่น ในใจของเขาเกลียดชังอย่างยิ่ง แม้แต่มุมปากของนางยังเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แผ่วเบา
ก่อนหน้าที่พวกเขาแยกจากกัน ในการเผชิญหน้าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของศิษย์พี่จี่เซีย สุดท้ายเขาต้องพึ่งพาเคล็ดวิชาที่แปลกประหลาดในการควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 6 จึงทำให้เขาเป็นผู้ที่เหนือกว่าในที่สุด
แต่ในตอนนี้ เขากลับสามารถต่อสู้กับหวู่เฉิงหยี่ได้อย่างสูสี
เพียงแค่พลังแห่งการต่อสู้ของตนเอง หวู่เฉิงหยี่มีความแข็งแกร่งกว่าจี่เซียสักอีก
ความก้าวหน้าของหยางไค่ ทำให้จือโบอิจฉาและชื่นชม
เพียงชั่วพริบตา หยางไค่และหวู่เฉินหยี่ได้พุ่งโจมตีออกไปกว่าหลาย 100 จ้าง จือโบกระทืบเท้าและตามพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสในการรับชมการต่อสู้ที่ดุเดือดและรุนแรงเช่นนี้
โดยเฉพาะการต่อสู้ของอัจฉริยะที่มีอายไม่ต่างจากนาง และความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันนาง
ระยะทางที่นางเดินผ่าน มีร่องรอยแห่งโลหิต โดยไม่รู้ว่าเป็นโลหิตของหยางไค่หรือหวู่เฉิงหยี่ เพราะพวกเขาทั้งสองล้วนต่อสู้กันอย่างดุเดือนร้อนแรง ราวกับว่าหากพวกเขาต่อสู้กันแล้วยังไมได้จุดจบว่าข้าต้องรอด เจ้าต้องตาย พวกเขาไม่มีทางจะหยุดการต่อสู้นี้
เมื่อจือโบไปถึงบริเวณนั้น นางมองเห็นพวกเขาแยกออกจากกันอีกครั้ง โดยได้จ้องมองซึ่งกันและกันในระยะห่างประมาณ 30 จ้าง
สีหน้าของหวู่เฉิงหยี่เขียวคล้ำ ความนิ่งสงบในตอนแรกได้หายไปจนหมด แต่ถูกแทนที่ด้วยความบ้าคลั่งที่ไร้ขีดจำกัด ดวงตาของเขาสั่นเทา โดยจ้องมองหยางไค่ด้วยความไม่เชื่อ
มุมปากของเขาถูกย้อมด้วยโลหิตสีแดง ใบหน้าเริ่มซีดขาว แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาได้รับบาดเจ็บ
เมื่อจ้องมองไปที่หยางไค่ ร่างกายของเขามีบาดแผลหลายแห่ง เนื้อหนังปริออกมา โลหิตไหลรวยรินออกมา โดยเฉพาะหมัดทั้ง 2 ข้างของเขา เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งการถูกฟันด้วยกระบี่จำนวนมากมาย !
หวู่เฉิงหยี่มีการปกป้องจากกระบี่กายาของเขา เพื่อป้องกันการโจมตีจากศัตรู หากหยางไค่ต้องการโจมตีเขา เขาจะต้องถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บเสียก่อน
แต่ว่าเขายังคงหัวเราะ หัวเราะราวกับเป็นมารปีศาจที่โหดเหี้ยม
จากแสงตะวันที่กำลังลับขอบฟ้า ร่างกายที่ชโลมด้วยโลหิต ผมสีดำที่กำลังโบยบินอย่างไม่หยุด มันหล่อเหลาอย่างสง่างาม ใบหน้าของจือโบแดงก่ำในทันที
ข้าบ่มเพาะพลังตั้งแต่อายุ 8 ปี ................ หวู่เฉิงหยี่กล่าวพูดอย่างฉับพลัน สุ้มเสียงของเขาแหบแห้ง และยังแฝงด้วยความสั่นเทา : จนถึงตอนนี้ทั้งหมด 14 ปี ตั้งแต่เด็กจนโต ในรุ่นของผู้ฝึกยุทธุ์ข้าจะไร้ซึ่งศัตรูและผู้ต่อต้าน ไม่มีใครที่จะมีคุณสมบัติที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า ไม่มีใครสามารถโจมตีข้าได้ ! แม้แต่คุณชายแห่งตระกูลทั้ง 8 ในเมืองหลวง ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า เพียงแค่ข้ากุมกระชับกระบี่ในมือ พวกเขาจะยอมจำนนต่อข้าในทันที
เขาสูดลมหายใจเข้า สีหน้าของหวู่เฉิงหยี่เคร่งขรึมในทันที : เจ้าร้ายกาจมาก ! เขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 1 แต่กลับต่อสู้กับข้าอย่างสูสี โดยไม่เป็นใครรองใคร ข้าหวู่เฉิงหยี่ ในวันนี้ข้าได้พบเจอกับประสบการณ์ใหม่ แท้จริงในใต้หล้ามิได้ปราศจากความลึกลับที่น่าอัศจรรย์ แต่เพราะข้าได้ยินมาน้อยและมองเห็นเพียงน้อยนิดเท่านั้น !
รู้ตัวก่อนตาย เจ้าไม่ต้องเสียใจกับชั่วชีวิตที่ผ่านมาของเจ้า หยางไค่หัวเราะอย่างโหดเหี้ยม
หวู่เฉิงหยี่ขมวดคิ้ว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : เจ้าคิดหรอว่าเจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้ ? ข้ายังมิได้ปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งทั้งหมดของข้า !
ข้าก็ยังเช่นเดียวกัน ! ดวงตาของหยางไค่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก มุมปากของเขาค่อยๆแสะขึ้นและมันยังซ่อนเร้นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
เมื่อได้ยินดังนี้ หวู่เฉิงหยี่หรี่ตาลงอย่างฉับพลัน
งั้นเรามาเริ่มกันใหม่ ดูซิว่าเจ้าต้องตายหรือข้าที่ต้องตาย ! จิตใจของหวู่เฉิงหยี่เต็มไปด้วยความความมั่นใจว่าต้องเป็นผู้ชนะ
ตั้งแต่เด็กจนโต เขาได้รับแต่เสียงชื่นชมของผู้อาวุโสและความชื่นชมจากศิษย์รุ่นเดียวกัน สำนักกระบี่เก้าดวงดาราเลี้ยงดูเขาดั่งความหวังในอนาคตของสำนัก มีคนเคยกล่าวเอาไว้ เมื่อหวู่เฉิงหยี่เติบขึ้น สำนักกระบี่เก้าดวงดราจะก้าวเข้าสู่ช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด
คนที่หยิ่งผยองเช่นนี้ แต่กลับถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บจากผู้ฝึกยุทธุ์ที่มีเขตแดนต่ำกว่าตนเองถึงหลายขั้น แล้วหวู่เฉิงหยี่จะทนรับต่อเรื่องราวเช่นนี้ได้อย่างไร ?
ในตอนแรกเป็นหยางไค่ที่ต้องการฆ่าเขา
ในตอนนี้แม้ว่าหยางไค่จะละมือ หวู่เฉิงหยี่ก็ไม่มีทางยอมตกลงอย่างแน่นอน
ระหว่างพวกเขาทั้ง 2 ต้องมีการแบ่งแยกผู้แพ้และผู้ที่ได้รับชัยชนะ ต้องมีใครสักคนที่ตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ! หากไม่ใช่เขาหวู่เฉิงหยี่ ก็ต้องเป็นหยางไค่ ! คนที่มีชีวิตรอดต่อไป จึงจะถูกขนานว่าอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง !
ผู้ที่แข็งแกร่งจะอยู่ในอันดับที่ 1 ผู้ที่พ่ายแพ้จะอยู่ในอันดับที่ 2 ! แต่ในความคิดของหวู่เฉิงหยี่ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุด คือตัวเขา หากใครคิดจะแย่งชิงตำแหน่งของเขา นั่นคือศัตรูที่ไม่มีทางอยู่ร่วมโลกกับเขาได้ !
หลังจากที่กล่าวจบ สีหน้าที่บ้าคลั่งของหวู่เฉิงหยี่แปรเปลี่ยนเป็นความสงบนิ่งในทันที กลิ่นอายแห่งกระบี่ที่ทำให้จิตใจถูกรบกวนได้ก่อกำเนิดขึ้นอย่างฉับพลัน
สีหน้าของจือแปรเปลี่ยนในทันที นางได้ถอยออกไปกว่าหลาย 10 จ้าง และหยุดลงในที่สุด
สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมในทันที
ข้ามีเพียงกระบวนท่าเดียว หากเจ้าสามารถรับมันได้ เจ้าจะเป็นผู้ชนะ หากเจ้ารับมันไม่ได้ .............เจ้าต้องตาย ! หวู่เฉิงหยี่ตะโกนคำราม พลังลมปราณของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นใบมีดที่แหลมคม มันได้พุ่งบินออกมจากร่างกายของเขา โดยที่กระบี่กายาที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้มลายหายไป
เขาละทิ้งการป้องกัน โดยได้แปรเปลี่ยนพลังลมปราณเป็นการโจมตี
ทันใดนั้น รอบตัวของหวู่เฉิงหยี่ห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแห่งกระบี่นับร้อยเล่ม
กลิ่นอายแห่งกระบี่เหล่านี้ล้วนก่อกำเนิดจากพลังลมปราณ มันซ่อนเร้นพลังแห่งการฆ่าที่มากมายและพลังแห่งการทำลายล้างที่มหาศาล เมื่อกลิ่นอายแห่งกระบี่ถูกปลดปล่อยออกไป ไม่ว่าใครก็สามารถหนีพ้นจากการโจมตีของมันไปได้
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ กระบี่ยาวของเขาสั่นสะเทือนอีกครั้ง กลิ่นอายแห่งกระบี่นับร้อยเล่มได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง............
หลังจาก ตามมาด้วยกลิ่นอายแห่งกระบี่นับร้อยเล่ม ........
กลิ่นอายแห่งกระบี่ที่กดทับท้องฟ้าทำลายปฐพี หลอมรวมอยู่ด้านหน้าของหวู่เฉิงหยี่ ราวกับว่าพื้นดินรอบบริเวณนี้ได้กลายเป็นโลกของกระบี่อย่างไปอย่างสิ้นเชิง
หยางไค่สูดลมหายใจเข้า เขาไม่กล้าที่จะรอช้า เขายื่นมือออกมา สมบัติแห่งนิกายซิ่วหล่อ กระบี่มารโลหิตได้ปรากฏอยู่ในมือของเขา
เขาถ่ายเทพลังลมปราณที่อยู่ในเส้นชีพไปยังจุดตันเถียนเพื่อกักเก็บมันเอาไว้ จากนั้นจึงปลดปล่อยพลังที่ดุดันจากกระดูกทองคำออกมา
หมอกควันสีดำทะมืน กลิ่นอายที่ดำมืด ที่ทำให้จิตใจของผู้คนรู้สึกไม่สบาย ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของหยางไค่
พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ในกระดูกทองคำเป็นพลังแห่งความชั่วร้ายที่แตกต่างจากพลังลมปราณหยาง
กลิ่นอายแห่งความต้องการฆ่าและผลาญทำลายทุกสิ่งอย่างและกลิ่นอายแห่งกระบี่มารโลหิต มีความน่าอัศจรรย์ที่คล้ายคลึงกัน เจตนาของหยางไค่คือการปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งและความสามารถขั้นสูงสุดของสมบัติวิเศษเท่านั้น โดยที่เขาไม่คิดว่าในขณะที่มือของเขาถือกระบี่มารโลหิตและเคลื่อนไหวพลังแห่งกระดูกทองคำ กระบี่มารโลหิตได้ดูดกลืนพลังของกระดูกทองคำที่อยู่ภายในราวกับว่ามันมีชีวิตอย่างไม่หยุด
ทันใดนั้น กระบี่มารโลหิตได้ประกายแสงสีดำและสีแดงที่ผสานกันไปมาขึ้น !
ราวกับว่ากระบี่เล่มนี้เป็นหลุมดำแห่งหนึ่ง ในขณะที่มันปลดปล่อยพลังของมันออกมา มันได้กลืนกินแสงสว่างในโลกนี้ มันทำให้โลกนี้มืดมนไร้ซึ่งสีสันในทันที
จือโบที่อยู่ในระยะไกลรู้สึกว่าด้านหน้าของเขาได้มืดมนลง
แม้แต่แสงประกายกลิ่นอายแห่งกระบี่ของหวู่เฉิงหยี่ก็ค่อยๆจางลงเช่นเดียวกัน
เจิ้ง !
เสียงกระหึ่มได้ดังมาจากกระบี่มารโลหิต เสียงที่ดังขึ้นและระลอกคลื่นแห่งพลังของมัน ได้แพร่กระจายไปยังกลิ่นอายแห่งกระบี่ของหวู่เฉิงหยี่ มันก่อให้เกิดเสียงกระทบของกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่รวมอยู่ด้วยกัน
กลิ่นอายแห่งกระบี่ของเขาสั่นสะท้าน ราวกับว่ามันกำลังจะหลุดพ้นจากการควบคุมของหวู่เฉิงหยี่และพุ่งออกไป
สีหน้าของหวู่เฉิงหยี่แปรเปลี่ยนไป เขาเก็บความวิตกกังวลไว้ในใจ ควบคุมกลิ่นอายแห่งกระบี่ของตนเอง เพื่อไม่ให้มันได้รับผลกระทบจากกระบี่มารโลหิต
หยางไค่รับรูู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิิดขึ้นด้วยความตื่นตะลึง ดวงตาของเขาประกายด้วยความดีใจ เขาถ่ายทอดพลังไปยังกระบี่มารโลหิตอย่างต่อเนื่อง จนในตอนนี้เขาเข้าใจความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ ระหว่างมนุษย์และกระบี่ได้ก่อเกิดความสัมพันธุ์ที่สามารถเชื่อมต่อกัน
ราวกับว่ากระบี่มารโลหิตได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยได้หลอมละลายเข้าสู่โลหิตของเขา
ทั้งสองที่กำลังเผชิญกับการต่อสู้ กำลังปลดปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายของตนเอง พวกเขาต่างจ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก
กลิ่นอายแห่งกระบี่ของหวู่เฉิงหยี่ที่ห่อหุ้มร่างกายของเขามีมากว่าพันเล่ม
หลังจากที่กลิ่นอายแห่งกระบี่ครั้งสุดท้ายได้พุ่งออกมาจากร่างกายของเขา สีหน้าของศิษย์แห่งกระบี่เก้าดวงดาราซีดขาวอย่างมหันต์ เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างไม่หยุด ในชั่วพริบตานั้น เขาได้กลายเป็นคนธรรมดาสามัญคนนี้ที่ไร้ซึ่งพลังความแข็งแกร่ง
เคล็ดวิชาหมื่นกระบี่เก้าดวงดาราเป็นเคล็ดวิชาลึกลับที่ไม่เปิิดเผยต่อบุคคลภายนอก หมื่นกระบี่เก้าดวงดารา !! หวู่เฉิงหยี่กล่าวด้วยความแผ่วเบา ใบหน้าเผยให้เห็นความเสียใจ : น่าเสียดาย ที่ความแข็งแกร่งของข้าสามารถแปรเปลี่ยนกระบี่เพียง 2000 เล่มเท่านั้น !! มันล้วนก่อกำเนิดจากพลังลมปราณแท้จริงของข้า !
หยางไค่กุมกระชับกระบี่มารโลหิตที่ส่งเสียงร้องอย่างไม่หยุด เขากล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : ข้าไม่รู้ว่ากระบวนท่าของข้าชื่ออะไร แต่อำนาจพลังความแข็งแกร่งของมันไม่น้อยอย่างแน่นอน เจ้าระวังตัวไว้ให้ดี !!