ตอนที่ 259 เขตแดนลมปราณแท้จริง
ตอนที่ 259 เขตแดนลมปราณแท้จริง
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับหยางไค่ค่อนข้างพิเศษ
ระยะเวลากว่าหลายพันปีคงไม่มีทางที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะการที่เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 9 จะสามารถฝึกฝนบ่มเพาะปราณจิตสัมผัส คงไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาสามัญจะทำได้ ปราณจิตสัมผัสเป็นเครื่องหมายของเขตแดนเทพสวรรค์ หากในสถานการณ์ทั่วไปผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณไม่มีทางที่จะฝึกฝนบ่มเพาะมันจนสำเร็จ
นอกจากนั้น ในเวลานี้หยางไค่มีปราณจิตสัมผัส แต่ยังไม่มีการรับรู้ทางจิตใต้สำนึก มันแปลกประหลาดและพิเศษอย่างยิ่ง
จิตใต้สำนึก ปราณจิตสัมผัสแห่งจิตใต้สำนึก !! เป็นเป็นพลังแห่งจิตวิญญานที่สามารถมองเห็นตรวจสอบได้โดยตรงของผู้ฝึกยุทธุ์ เมื่อผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่งบรรลุเขตแดนผสานลมปราณ เมื่อเขาสามารถบ่มเพาะและฝึกฝนปราณจิตสัมผัสจนสำเต็จ จะมีปราณจิตสัมผัสจำนวนมากมายก่อกำเนิดเป็นจิตใต้สำนึก ราวกับการดำรงอยู่ของมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ และมันจะกลายเป็นปราณจิตสัมผัสแห่งจิตใต้สำนึกในที่สุด
ความกว้างใหญ่และความลึกของจิตใต้สำนึก เกี่ยวพันกับความแข็งแกร่งแห่งปราณจิตสัมผัสของผู้ฝึกยุทธุ์
สถานการณ์ของหยางไค่ในตอนนี้ มารปฐพีก็ไม่ทราบว่าจะกล่าวอธิบายอย่างไร
นั่นหมายความว่าหยดวารีสีเหลืองอำพัน ต้องเป็นผลึกผลาญจิตวิญญาณที่โจวเหวินเคยกล่าว ! ดวงตาของหยางไค่เป็นประกาย สุ้มเสียงมั่นใจอย่างยิ่ง
ในขณะที่อยูริมทะเลสาบ อาจารย์ของเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่เคยกล่าว เมื่อ 30 ปีที่แล้ว มีผู้คนพบเจอกับสมบัติวิเศษที่ล้ำค่าจนมิอาจประเมินค่าได้ในสถานที่แห่งนี้
สมบัติล้ำค่าชิ้นแรกคือหยดวารีเปลวเพลิง สมบัติชิ้นที่ 2 ของผลึกผลาญจิตวิญญาณ !
เพราะแรงดึงดูดจากสมบัติทั้ง 2 ชิ้นนี้ จึงก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผู้คนจำนวนมากมายเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ในการบ่มเพาะพลังและค้นหาสมบัติวิเศษ
เมื่อฆ่าจีเจี่ยนซิน ทำให้หยางไค่ได้รับหยดวารีเปลวเพลิงหลายหยด มันได้ขัดเกลาพลังลมปราณของตนเอง ในตอนนี้เมื่อไล่ล่าจี่เซีย ทำให้เขาได้รับผลึกผลาญจิตวิญญาณจำนวน 1 หยด มันช่างโชคดีเหลือเกิน
นอกจากนั้น ผลึกผลาญจิตวิญญาณยังไม่ได้ปรากฏเพียแค่ 1 หยด !
หยางไค่ก้มศีรษะลงมือ ซึ่งพบว่าหลุมเล็กที่อยู่เบื้องล่างของก้อนศิลา ได้มีแสงประกายสีเหลืองอำพันอีกคครั้ง หยางไค่เชื่อว่าเมื่อรออีกไม่นาน มันจะก่อกำเนิดเป็นผลึกผลาญจิตวิญญาณอีก 1 หยด
ในห้วงสมองของหยางไค่มีดวงบัวดวงจิตเทพสวรรค์ที่เป็นสมบัติศักดิ์สิทธิ์ ก่อนหน้าเขาถูกโจมตีด้วยหมอกสีขาวเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน และยงได้รับความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ของผลึกผลาญจิตวิญญานมันเป็นโอกาสที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน จึงทำให้หยางไค่สามารถฝึกฝนปราณจิตสัมผัสในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 9 จนสำเร็จ
นายน้อย ! เมื่อท่านปลดปล่อยความแข็งแกร่งของปราณจิตสัมผัส มันครอบคลุมขอบเขตบริเวณที่กว้างใหญ่มากเพียงใด ? มารปฐพีกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม
ประมาณ 3 ลี้ !
มารปฐพีสูดลมหายใจเข้า เขากล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น : นายน้อย ท่านช่างโชคดีและมีวาสนามากมาย ปราณจิตสัมผัสของท่านแข็งแกร่งเกินกว่าผู้ฝึกยุทธุ์ที่เพิ่งบรรลุเขตแดนเทพสวรรค์ มันเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของเขตแดนเทพสวรรค์ขั้นที่ 3
จริงหรอ ! มุมปากของมารปฐพีเผยให้เห็นรอยยิ้ม
ใช่ คนสามัญทั่วไปเมื่อบรรลุเขตแดนเทพสวรรค์ ปราณจิตสัมผัสที่เริ่มถือกำเนิดจะอ่อนแอ ในตอนนี้แม้ว่าจะสามารถปลดปล่อยปราณจิตสัมผัส มากที่สุดมันก็สามารถตรวจสอบรัศมีบริเวณที่ยังไม่ถึง 100 จ้าง มีเพียงการบ่มาเพาะและฝึกฝนมันอย่างช้าๆ ปราณจิตสัมผัสจึงจะครอบคลุมรัศมีบริเวณที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ
มารปฐพีมีประสบการณ์ที่มากมาย สิ่งที่เขารู้จึงมากมายเช่นเดียวกัน แม้ว่าในบางครั้งเขาจะไม่สามารถพึ่งพา แต่ประสบการณ์ของขาถือเป็นสมบัติที่ล้ำค่า
เมื่อกล่าวถึงคุณประโยชน์ที่มากมายและแข็งแกร่งของปราณจิตสัมผัสให้แก่หยางไค่ หยางไค่ที่ได้ยินรู้สึกดีใจจนอยากลุกขึ้นมาร่ายรำ เขาคาดหวังต่อความแข็งแกร่งของมันอย่างยิ่ง
เมื่อครอบครองปราณจิตสัมผัส จะสามารถปิดบังและแอบเข้าไปในสถานที่ต้องการ ควบคุมการพลังลมปราณของตนเอง ในตอนนี้แม้ว่าตนเองจะยังไม่ลงมือ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนเทพสวรรค์ขั้นที่ 5-6 ก็มิอาจมองเห็นก้นลึกหนาบางของตนเองได้
เมื่อกล่าวสนทนากับมารปฐพีเป็นเวลานาน หัวใจของหยางไค่ตื่นเต้นจนมันเต้นกระตุกขึ้นลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปที่หลุมลึกเล็กๆนั้นอีกครั้ง เส้นไหมสีเหลืองอำพันได้เพิ่มขึ้นเพียงไม่กี่เส้น ความเร็วในการกลั่นตัวของผลึกผลาญจิตวิญญานเชื่องช้าอย่างยิ่ง
จากการคาดเดาอยางน้อยที่สุดต้องใช้เวลากว่า 10 วันมันจึงจะกลั่นตัวเป็นผลึกผลาญจิตวิญญาณ 1หยด
หมอกสีขาวที่อยู่รอบบริเวณไม่หยุดที่จะไหลเวียนไปยังรูหลุมบนศิลา เมื่อมันรวมตัวไปยังหลุมลึกนั้นแล้ว มันได้ก่อกำเนิดเป็นส่วนหนึ่งของผลึกผลาญจิตวิญญาณ
การที่หมอกสีขาวสามารถโจมตีจิตวิญญาณ และยังสามารถก่อกำเนิดเป็นผลึกผลาญจิตวิญญาณ แต่กลับมีประโยชน์ต่อจิตวิญญานอย่างน่าอัศจรรย์ มันต้องซ่อนเร้นความลึกลับและความน่าอัศจรรย์บางอย่าง และมันเกี่ยวพันกับก้อนศิลาก้อนนี้อย่างไร ไม่ว่าหยางไค่จะคิดไตร่ตรองไปมาเป็นเวลานาน ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
ไม่ต้องไปเข้าใจมัน เพียงแค่เขานั่งรอการการก่อกำเนิดของผลึกผลาญจิตวิญญาณอย่างสงบ จากนั้นจึงดูดซึมมันออกมาก็เพียงพอ
มารปฐพี เจ้าเฝ้ามองดูเอาไว้ หากผลึกผลาญจิตวิญญาณก่อกำเนิดจนสำเร็จ เจ้ากล่าวเรียกข้าด้วย ข้าจะปิดกั้นตนเองเพื่อบ่มเพาะพลังความแข็งแกร่งให้บรรลุไปยังเขตแดนลมปราณแท้จริง !
อืม นายน้อยวางใจได้ !
หยางไค่หลับตา จิตใจของเขาซึมซับเข้าไปยังร่างกายภายใน จากนั้นจึงระเบิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางหลาย 10 หยด
ทันใดนั้น พลังลมปราณที่อยู่ในเส้นชีพจรลมปราณเอ่อล้นอย่างเต็มที่ เส้นชีพจรลมปราณของเขาเต้นกระตุกไปมาอย่างไม่หยุด ความรู้สึกที่เจ็บปวดได้แผ่ซ่านออกมา
หยางไค่ไม่ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว เขาหมุนเวียนกลุยุทธุ์หยาง ดูดซับพลังแห่งฟ้าดิน และกดทับพลังลมปราณที่ถูกขัดเกลา มันทำให้เส้นชีพจรลมปราณของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง โดยมันได้ดูดซับพลังลมปราณและปลดปล่อยพลังลมปราณออกมา โดยเป็นเช่นนี้อย่างไม่รู้จบ
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ พลังลมปราณหยางของตนเองค่อยๆปรากฏการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดขึ้นอย่างช้าๆ เส้นชีพจรลมปราณที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณที่อิ่มเอมเป็นเวลานาน ค่อยๆขยายกว้างขึ้นและหนาขึ้นยิ่งกว่าเดิมอย่างมาก และมันยังมีความหนืดที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงของเส่นชีพจรลมปราณ ทำให้ความแข็งแกร่งในการหมุนเวียนของกลยุทธุ์หยางเพิ่มขึ้นอีกระดับ แม้แต่พลังลมปราณหยางที่ถูกแผดเผายังได้หลอมรวมเป็นหนึ่งและบริสุทธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อความรู้สึกที่เจ็บปวดมลายหายไป หยางไค่ได้ระเบิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางอีก 6 หยด เพื่อสร้างสถานการณ์เดิมอีกครั้ง
ในขณะที่หยางไค่กำลังแผดเผาพลังลมปราณและหลอมรวมมัน หมอกสีขาวที่อยู่รอบบริเวณไมไดโจมตีจิตวิญญาณของเขาอีก ดอกบัวดวงจิตเทพสวรรค์ได้แสดงความสามารถในการฟื้นฟูจิตวิญญานอย่างต่อเนื่อง
ปราณจิตสัมผัสค่อยๆเติบโต เพื่อให้อยู่ในระดับกับพลังลมปราณหยาง
เมื่อผ่านไปประมาณ 10 วัน มารปฐพีได้กล่าวเรียกหยางไค่ที่กำลังปิดกั้นตนเอง
ผลึกผลาญจิตวิญญาณจำนวน 1 หยดได้กลั่นตัวก่อกำเนิดจนสำเร็จ !
หยางไค่ดูดซึมมันออกมา ในครั้งนี้เขาไม่ได้กลืนกินมัน แต่นำไปเก็บไว้ในขวดยาขวยาหนึ่ง
แต่สมบัติวิเศษแห่งฟ้าสวรรค์ที่ล้ำค่า จะสามารถกลืนกินมันได้เพียงครั้งเดียว แม้ว่าการกลืนกินมันครั้งที่ 2 จะได้รับผลประโยชน์ แตผลประโยชน์ที่ได้รับจะไม่ชัดเจนเหมือนครั้งแรก
ผลึกผลาญจิตวิญญาณล้ำค่ายิ่งกว่าล้ำค่า หยางไค่ไม่อยากทำลายคุณประโยชน์ของมัน
หากนำมันกลับไปและกลั่นกรองเป็นโอสถวิเศษ และกลืนกินมัน มันอาจจะสำแดงคุณประโยชน์ที่แท้จริงของมันออกมาอีกครั้ง
การบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์ไร้ซึ่งวันเวลา ดูเหมือนว่าคำกล่าวนี้จะไม่ผิด หลังจากที่หยางไค่ปิดกั้นตนเอง เขามุ่งเน้นความสนใจทั้งหมดไปยังพลังลมปราณหยางที่อยู่ในจุดตันเถียน หลังจากที่พยายามแผดเผาเพื่อขัดเกลาและหลอมรวมมัน เพื่อให้มันมีความบริสุทธุ์มากกยิ่งขึ้น และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้เขาไม่รู้สึกที่เวลาที่ไหลผ่านไป
ในบางครั้ง มารปฐพีจะกล่าวเรียกเขา จากนั้นเขาจะดูดซึมผลึกผลาญจิตวิญญาณและเก็บมันไว้ในขวดยาเหมือนเดิม
จนกระทั่งดูดซึมผลึกผลาญจิตวิญญาณได้กว่าครึ่งขวด มันน่าจะมีทั้งหมด 10 หยด หยางไค่จึงก้าวข้ามเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 9 และค่อยๆคืบคลานไปยังประตูของเขตแดนลมปราณแท้จริง !
การปิดกั้นในครั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 4 เดือน โดยไม่ได้กลืนกินโอสถหรือยาชนิดอื่นๆ โดยไม่ได้ดูดซับพลังหยาง แต่ใช้วิธีการหมุนเวียนกลยุทธุ์หยาง โดยใช้ความพยายามและความอดทนในการขัดเกลาพลังลมปราณ ในที่สุดเขาก็สามารถเหยียบย่ำไปยังก้าวสุดท้ายของเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 9 !!
แม้ว่าเป้าหมายที่สำคัญในการอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่อไปคือการเก็บเกี่ยวผลึกผลาญจิตวิญญาณ แต่เขาใช้ระยะเวลาที่ยาวนั้นจึงจะสามารถก้าวข้ามเขตแดน มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขตแดนลมปราณแท้จริงเป็นเขตแดนที่ยากยิ่งต่อการบรรลุ
ผู้ฝึกยุทธุ์จำนวนมากมาย ในชั่วชีวิตของเขาไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรค์นี้ไปได้ ทำให้พวกเขาฝึกยุทธุ์โดยสูญเปล่า เศร้าโศกเสียใจจนมิอาจที่จะนอนตายตาหลับ
ชั้นของห่วงโซ่ได้ก่อกำเนิดภายในร่างกาย มันได้ปิดผนึกพลังลมปราณทั้งหมดของร่างกาย ทำให้ไม่สามารถที่จะก้าวข้ามชั้นสุดท้ายของการหลอมรวมและความบริสุทธุ์
หยางไค่สูดลมหายใจเข้า เขาเบิกตาเพลง ดวงตาประกายไปมา
จิตใจของเขาได้แทรกซึมเข้าสู่กระดูกทองคำอีกครั้ง ในสถานที่แห่งนั้น กักเก็บผลึกน้ำแข็งหิมะนพเก้าเอาไว้
ผลึกน้ำแข็งหิมะนพเก้าเป็นสมบัติแห่งฟ้าสวรรค์ที่เขาได้รับเมื่อขึ้นไปยังหุบเขาหิมะนพเก้า หลังจากนั้นมันได้แบ่งพลังให้แก่เซี่ยหนิงฉางครึ่งหนึ่งและแบ่งให้แก่หยางไค่ครึ่งหนึ่ง จนถึงตอนนี้หยางไค่จึงสามารถนำมันออกมาใช้งาน
หยางไค่ค่อยๆดูดซับผลึกน้ำแข็งหิมะนพเก้าออกมาจากกระดูกทองคำ และหมุนเวียนมันไปยังจุดตันเถียน
กลยุทธุ์หยางหมุนเวียนอย่างบ้าคลั่ง มันหลอมละลายผลึกน้ำแข็งหิมะนพเก้า ทันใดนั้นความรู้สึกที่เยือกเย็นได้ตรึงแฉ่จุดตันเถียน มันได้แผ่ขยายออกไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ โดยได้แผ่ขยายไปตามเส้นชีพจรลมปราณของตนเองไปยังกระดูกเนื้อนหนังทุกส่วนบนร่างกาย
ฉึกฉึกฉึก..........
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ว่าร่างกายของหยางไค่ แม้กระทั่งเสื้อผ้าถูกเกล็ดน้ำแข็งเกาะไว้จนทั่ว
ผลึกน้ำแข็งนพเก้า เป็นสมบัติวิเศษในการขัดเกลาพลังลมปราณ มันอยู่ในขั้นที่สูงกว่าหยดวารีเปลวเพลิง มันเป็นผลึกที่หลอมรวมพลังหยินเป็นเวลาหลายพันหลายหมื่นปี ภายในผลึกน้ำแข็งหิมะนพเก้าจึงซ่อนเร้นความเยือกเย็นที่หนาวเหน็บ แม้แต่พลังลมปราณหยางของหยางไค่ ก็ไม่สามารถต่อต้านพลังของมันได้
แต่ทว่า ความร้อนเป็นดาวข่มของความเย็น ทำให้หยางไค่ไม่รู้สึกทรมาณ
พลังของผลึกน้ำแข็งหิมะนพเก้าเกินกว่าการคาดเดาของหยางไค่ พลังลมปราณหยางไค่หยุดนิ่งในชั่วพริบตา ราวกับว่าระหว่างพลังทั้งสองเกิดปฏิกิริยาที่ตอบสนองซึ่งกันและกัน พลังของมันได้ปลดปล่อยออกมาอย่างผันผวน มันได้ระเบิดและแผ่วกระจายออกไปสู่ภายนอก
จากการแพร่กระจายดั่งระลอกคลื่นอย่างต่อเนื่อง พลังลมปราณหยางที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุด ได้ถูกชำระจนบริสุทธ์มากกว่าเดิมอีก 1 ขั้น !
ความเยือกเย็นมลายหายไปอย่างช้าๆ เส้นชีพจรลมปราณที่อยู่ภายในร่างกาย มีเสียงไหลเวียนของพลังลมปราณออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับเสียงของน้ำตกที่ไหลลงสู่หุบเขา มันก้องกังวานใสบริสุทธ์อย่างน่ารื่นรมย์
ปัก !............
เกล็ดน้ำแข็งที่เกาะตามร่างกายและเสื้อผ้าของหยางไค่ได้แตกสลายในทันที
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี พลังที่บ้าคลั่งได้หลอมรวมอยู่บนชั้นฟ้า มันหลอมรวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยู่ในขั้นที่ก่อให้เกิดเป็นเสียงที่น่าหวาดกลัว เมื่อถึงตอนนี้ มันจึงได้พุ่งม้วนลงไปสู่ด้านหลังและพุ่งเข้าสู่ภายในร่างกายของหยางไค่
ความโชคดีจากการก้าวข้ามเขตแดนขนาดใหญ่ได้มาถึง !
ร่างกายของหยางไค่สั่นสะท้าน ทุกอนุขุมขนของหยางไค่รู้สึกผ่อนคลายอย่างมีความสุข เสียงการขัดเกลาของกลยุทธุ์หยางดังขึ้น มันได้รับพลังแห่งฟ้าดินที่ทำให้มันแข็งแกร่งเข้ามาอย่างบ้าบิ่น
พลังแห่งฟ้าดินเหล่านี้จะสามารถหมุนเวียนในเส้นชีพจรลมปราณ 1 รอบ พลังส่วนหนึ่งเจ้าดูดซับเข้าไปในเนื้อหนังและไขกระดูก มันได้ขัดเกลาภายในร่างกาย พลังอีกส่วนหนึ่งหยางไค่ดูดซับมันไม่ทันเดิมทีมันต้องไหลไปสู่ต้นตอพลังแห่งฟ้าดินและกลั่นตัวเป็นพลังแห่งฟ้าดินเหมือนเช่นเคย แต่ว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น มันได้ถูกกระดูกทองคำดูดซับเอาไว้
เมื่อผู้ฝึกยุทธุ์ทุกคนก้าวข้ามเขตแดนขนาดใหญ่ พวกเขาล้วนได้รับความโชคดีนี้เช่นนี้เสมอ แต่การที่จะได้รับพลังแห่งฟ้าดินที่มากหรือน้อย ล้วนขึ้นอยู่กับความพยายามและขีดจำกัดสูงสุดของการแบกรับ
ผู้ฝึกยุทธุ์โดยทั่วไป แม้ว่าคุณสมบัติของมันจะยอดเยี่ยมแค่นี้ ความสามารถของมันจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน มากที่สุดมันสามารถดูดซับพลังได้เพียง 3 ส่วนเท่านั้น พลัง 3 ส่วนที่ได้รับคุณสมบัติสูงสุดของมันคือการขัดเกลาภายในร่างกายของผู้ฝึกยุทธุ์ เพื่อให้ร่างกายของผู้ฝึกยุทธุ์สามารถทนต่อการพุ่งโจมตีของพลังลมปราณ พลังอีก 7 ส่วนที่เหลือจะมลายหายไป
แต่ว่าครั้งแรกที่หยางไค่ก้าวข้ามเขตแดนขนาดใหญ่จนถึงตอนนี้ เขาจะสามารถดูดซับพลังแห่งฟ้าดินที่ยิ่งใหญ่ถึง 9 ส่วน ! แต่ในครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะเขาดูดซับพลังทั้งหมดโดยไม่ปล่อยออกไปแม้แต่น้อย
สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความแข็งแกร่งของกระดูกทองคำ
เมื่อพลังแห่งฟ้าดินที่ผกผันและวุ่นวายได้สงบลง หยางไค่ค่อยกักเก็บกลิ่นอายแห่งพลังลมปราณ จนกลายเป็นเหมือนคนธรรมดาสามัญทั่วไป
หยางไค่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาลืมตาขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใส
เขตแดนลมปราณแท้จริง !
หยางไค่อดทนต่อความยากลำบากจนถึงตอนนี้ ประสบความทุกข์ทรมารอย่างยาวยาน ในที่สุดก็สามารถก้าวข้ามเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 9 บรรลุไปยังเขตแดนลมปราณแท้จริง !!
ก่อนหน้านั้น เขตแดนลมปราณแท้จริงเป็นความคาดหวังในการดำรงอยู่ของเขา แต่ในตอนนี้ เขาได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง !
ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ใช้เวลาไม่ถึง 2 ปี
หากรวมกับระยะเวลาที่เขายังเป็นเศษสวะที่ไร้ค่า ก็ใช้เวลาไปเพียง 5 ปีเท่านั้น !
ระยะเวลา 5 ปี ในการบ่มเพาะพลังจนก้าวเข้าสู่เขตแดนลมปราณแท้จริง หากอยู่ในสถานที่สักแห่งหน เขาจะกลายเป็นอัจฉริยะในหมู่ของอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์
หยางไค่กำหมัดเบาๆ เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งซึ่งยากต่อการอธิบาย พลังลมปราณในเส้นชีพจรลมปราณเกิดการเปลี่ยนแปลง มันเบาบางและไร้ซึ่งรูปร่าง พลังลมปราณที่เป็นหมอกที่หนาทืบ พลังลมปราณหนาแน่นและเข้มข้นมากกว่า มันเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งใหญ่