ตอนที่ 256 หมอกสีขาว
ตอนที่ 256 หมอกสีขาว
จี่เซียตีลังกาหงายหลังอยู่บนอากาศ และค่อยๆกระโดดลงไปที่พื้นดินอย่างมั่นคง และจ้องมองไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ของตนเอง มันจ้องมองมาที่ตนเอง ลำคอของมันส่งเสียงคำรามที่กดดันตนเอง ดวงตาประกายด้วยแสงแห่งความดุดัน
สีหน้าของจี่เซียเปลี่ยนแปลงในทันที
มันถูกควบคุมโดยแมลงควบคุมวิญญาณที่ตนเองปลูกฝังอยู่ในร่างกายของมัน......แต่มันกลับปลดเปลื้องพันธนาการในการควบคุม โดยแสดงเจตนาแห่งการเป็นศัตรูต่อตนเอง !
ฮ่าฮ่าฮ่า ! หยางไค่หัวเราะด้วยความสะใจ เสียงหัวเราะของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
จี่เซียจ้องมองหยางไค่ หวนคิดถึงการกระทำของเขา และกล่าวด้วยความโหดเหี้ยมที่ต่ำทุ้ม : เมื่อสักครู่เจ้าทำอะไร ?
เมื่อหวนคิดถึคลื่นแสงประกายที่หยางไค่พุ่งออกไป จี่เซียรู้สึกตัวอย่างฉับพลัน คนคนนี้พุ่งเข้ามาโดยไม่หวาดกลัวความตาย เพื่อพุ่งโจมตีสัตว์อสูรของตนเองด้วยคลื่นแสงที่ไม่เป็นอันตราย คลื่นแสงที่เขาพุ่งโจมตีออกไปต้องมีลึกลับและประโยชน์ยิ่งกว่าที่เขามองเห็น
ไม่เช่นนั้น สัตว์อสูรของตนเองไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
หยางไค่หัวเราะเสียงดัง เขาเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง สีหน้าสดใส โดยเดินไปยังด้านข้างของสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เขายื่นมือออกมาตบไปยังหลังของมันอย่างแผ่วเบาและกล่าวด้วยสีหน้าที่หยิ่งยะโส : ข้าทำอะไรไป เจ้ายังมองเห็นไม่ชัดเจนหรือไง ?
จือโบอ้าปากค้าง นางจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึง
ยิ่งใกล้ชิดกับเขามากเท่าไหร่ จือโบยิ่งค้นพบความลึกลับอันน่าอัศจรรย์ของเขา คนคนนี้แข็งแกร่งและแปลกประหลาด มันเกิดกว่าการคาดการณ์ของจือโบอย่างยิ่ง
จนถึงตอนนี้ จือโบจึงเข้าใจว่า ในขณะที่พวกเขาต่อสู้กับสัตว์อสูร เขาสามารถทำลายอันตรายที่ตนเองและเหลิ่งซานกำลังจะพบเจอ แม้ว่าตอนนั้นจะเห็นเขาลงมือ แต่ไม่เข้าใจถึงความลับที่ซ่อนอยู่ภายใน
แต่ว่าในตอนนี้ จือโบเข้าใจในที่สุด บุรุษหนุ่มผู้นี้........สามารถควบคุมสัตว์อสูร !!
เขาสามารถควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 6ได้อย่างง่ายดาย วิธีการที่น่าอัศจรรย์นี้ ใครจะสามารถทำได้เช่นเขา ? แม้ว่าจะเป็นศิษย์พี่จี่เซียของตนเอง เขาต้องยอมสละแมลงควบคุมวิญญาณกว่าร้อยตัว ต้องยอมเสี่ยงอันตรายที่ยิ่งใหญ่ เพื่อให้สละแมลงควบคุมวิญญาณเหล่านั้นหลอมรวมเป็นหนึ่ง จึงทำให้มันกลายเป็นสละแมลงควบคุมวิญญาณที่อยู่ในขั้นที่สูงกว่า หลังจากนั้นเขาต้องปล่อยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าหลายสิบตัว จึงจะสามารถควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ได้
เมื่อเปรียบเทียบกัน วิธีการของหยางไค่แปลกประหลาดและน่าอัศจรรย์ที่สุด !
เจ้าทำได้อย่างไร ? แมลงควบคุมวิญญาณของข้ายังอยู่ในร่างกายของมัน เป็นไปไม่ได้ !! จี่เซียไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาพยายามในการเชื่อมผสานกับแมลงควบคุมวิญญาณ แต่ก็ไม่สามารถทำให้สัตว์อสูรขั้นที่ 6 เชื่องฟังคำสั่งของเขาได้อีก
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ กล่าวได้เพียงว่าแมลงควบคุมวิญญาณของเจ้าอ่อนแอเกินไป ! หยางไค่หัวเราะด้วยความเหยียดหยาม สีหน้าเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
น่าสนุก !! สีหน้าของจี่เซียแสดงออกด้วยความตื่นเต้นในทันที ราวกับว่าเขาพบเจอกับของเล่นที่น่าสนุก ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปที่หยางไค่ สายตาประกายด้วยเจตนาแห่งความต้องการฆ่าที่รุนแรง
ฆ่า !! หยางไค่ตะโกนออกไป
สัตว์อสูรขั้นที่ 6 พุ่งเข้าโจมตีจี่เซียด้วยความเร็วดั่งสายลม ในขณะที่มันพุ่งเข้าไป มันได้พ่นดวงไฟแห่งกระบี่วายุอย่างไม่หยุด ร่างกายของจีเซียประกายไปมา ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวของเขาวิเศษอย่างยิ่ง โดยที่เขาไม่ปะทะกับสัตว์อสูรโดยตรง แต่กลับกระโดดไปยังกลางอากาศ หามุมที่สามารถโจมตี ราวกับอินทรีที่อยู่บนท้องฟ้า พุ่งโจมตีไปยังตำแหน่งของหยางไค่
แม้ว่าการบ่มเพาะพลังของจี่เซียจะแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เป้าหมายของเขามีเพียงหยางไค่ เพียงแค่ฆ่าหยางไค่ สัตว์อสูรขั้นที่ 6 จะอยู่ในการควบคุมของเขาอีกครั้ง
เขาโจมตีมาจากด้วนบน จี่เซียเปิดใช้เคล็ดวิชาของเขา และยังได้ปลดปล่อยพลังลมปราณแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 7 พลังลมปราณที่เขาปลดปล่อยออกมาแฝด้วยความแข็งแกร่งที่ผลาญทำลายอย่างน่าตื่นตะลึง
สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึม เขาปลดปล่อยพลังลมปราณถึขีดจำกัดสูงสุด โดยไม่ได้หลบหนีจากการโจมตีในครั้งนี้ แต่สองเขายืนหยัดบนพื้นดิน และพุ่งโจมตีไปยังทิศทางของจีเซีย
น่าสนุกมาก !! จี่เซียกล่าวหัวเราะด้วยความดุดันย่างไม่หยุด
เจ้าก็ไม่เลว !! หยางไค่หัวเราะออกมาเช่นเดียวกัน
ในขณะที่คำกล่าวพุ่งปะทะกันไปมา มือของพวกเขามิได้หยุดนิ่ง พวกเขาไมได้หลบหนีการโจมตีของฝั่งตรงข้าม การโจมตีในครั้งนี้ไม่ว่าใครต่างใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขา โดยไม่มีการยั้บยั้งเอาไว้
จี่เซียต้องการใช้วิธีการที่เด็ดขาดและรุนแรงที่สุดเพื่อฆ่าหยางไค่ให้ตาย เพื่อให้สัตว์อสูรขั้นที่ 6 กลับมาอยู่ในการควบคุมของเขาอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากศัตรูประเภทนี้ หยางไค่ไม่กล้าที่ซ่อนเร้นความแข็งแกร่งของตนเอง
หมัดและฝ่ามือปะทะกัน ปัง !! บนกลางอากาศเกิดเสียงระเบิดที่อึมครึมดังขั้น มันสั่นสะเทือนจึงทำให้ใบหูและศีรษะของผู้ที่ได้ยินสั่นเทา พลังแห่งฟ้าดินผกผันวุ่นวายอย่างฉับพลัน เสียงแห่งความอึมครึมของทั้งสองดังขึ้นมาพร้อมกัน
จี่เซียลอยกระเด็นออกไป หยางไค่กระเด็นกระแทกลงไปที่พื้น
ปัง !! บริเวณที่หยางไค่กระแทกลงไปเกิดเป็นหลุมลึกขนาดเล็ก ในขณะที่เขาลุกขึ้นมุมปากของเขามีโลหิตสีแดงสดไหลออกมา แต่จีเซีย เมื่อเขากระโดดลงมาที่พื้นดิน ใบหน้าของแดงก่ำโดยที่เขาไมได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
การปะทะกันในครั้งนี้ จี่เซียเป็นผู้ที่เหนือกว่า
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ว่าดวงตาของจี่เซียประกายด้วยร่องรอยแห่งความไม่เชื่อ เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ แต่ยังมิทันที่เขาจะมองเห็นสถานการณ์ของหยางไค่ ลมวายุแห่งกระบี่ได้พุ่งโจมตีเข้ามา
จี่เซียสบถด่าอย่างไม่หยุด เขารีบหลบหลีกการโจมตีอย่างรีบเร่ง
การโจมตีของสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เขาไม่สามารถคลี่คลายได้หลายครั้ง
พวกเจ้า......... จือโบกล่าวด้วยความตื่นตะลึง นางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
เจ้าไม่ต้องยุ่ง! หยางไค่ตะโกนตักเตือน เขารู้ดีว่านางตกอยู่ในสภาวะที่กดดัน ดังนั้นเขาไม่บังคับให้นางช่วยเหลือ เขาเปิดใช้ท่าร่างแห่งการเคลื่อน และพุ่งไปยังตำแหน่งของจี่เซีย
สีหน้าของจี่เซียเปลี่ยนแปลงไป เขาไม่กล้าที่จะยื่นนิ่งในตำแหน่งเดิม โดยได้หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเขาคิดว่าหยางไค่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากเขาได้ เพียงกระบวนท่าเดียวที่เขาโจมตีออกไปก็สามารถเอาชีวิตของหยางไค่ แต่เขากลับไม่คิดว่าคนคนนี้จะมีการบ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาใช้ความแข็งแกร่งในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 8 ในการต่อสู้กับตนเอง แต่กลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เขาไม่สามารถฆ่าหยางไค่ในระยะเวลาอันสั้นๆ สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ยังอยู่ในมือของศัตรู ศิษย์น้องของนางไม่มีทางช่วยเหลือตนเอง จี่เซียจะยังอยู่ที่นี้เพื่อรอความตายได้อย่างไร ?
เมื่อเห็นว่าจีเซียวิ่งออกไปหลายร้อยจ้าง หยางไค่ไม่มีทางหยุดเพียงเท่านี้ เขากระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังของสัตว์อสูรขั้นที่ 6 และไล่ตามออกไปอย่างรวดเร็ว
จิตใจของจือโบเต็มไปด้วยความลังเล นางนิ่งเป็นเวลานาน ก่อนจะกัดฟันและไล่ตามออกไปอย่างกระชั้นชิด
ความเป็นความตายของนางอยู่ในกำมือของหยางไค่ แล้วนางจะไม่สนใจได้อย่างไร ?
ในป่าลึก เงาร่าง 3 ร่างเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วอย่างไม่หยุด
จี่เซียอยู่หน้าสุด การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วที่สุด หยางไค่นั่งอยู่หลังของสัตว์อสูรขั้นที่ 6 โดยตามอยู่ด้านหลัง ห่างออกไปหลายลี้ จึงเป็นจือโบ ที่นำพาสัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตนวิ่งตามไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความดิ้นรน นางอยากตามไป และอยากหนีไป โดยไม่สามารถตัดสินใจได้ ความเร็วในการเคลื่อนตัวของนางไม่ช้าและเร็วเกินไป
ในขณะที่กำลังไล่ล่า สัตว์อสูรขั้นที่ 6 แสดงอำนาจพลังของมันออกมาอยางเต็มที่ มันพุ่งลมวายุแห่งกระบี่ออกมา และพุ่งโจมตีออกไปหลายร้อยจ้าง ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงอย่างต่อเนื่อง พลังความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรขั้นที่ 6แข็งแกร่งอย่างมาก
มันเป็นสัตว์อสูรที่ยิ่งใหญ่ซึ่งสามารถเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธุ์ในเขตแดนเทพสวรรค์ที่สง่างาม
แม้ว่าจี่เซียกำลังหนี สีหน้าของเขาไมได้แสดงออกถึงความอึดอัดใจ แต่เขาขมวดคิ้วด้วยความกังวล หากเขายังวิ่งต่อไปเช่นนี้ พลังลมปราณแท้จริงของเขาต้องหมดไปในไม่ข้า แต่เป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นที่ไม่ต้องกังวลถึงปัญหานี้ หากถูกไล่ตามจนถึงทางตั้น มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะหนีพ้นจากเงื้อมมือของเขา
ในตอนนี้ หยางไค่ได้ล่าตามไปด้วยความหงุดหงิดใจ
แม้ว่าตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูรจะแข็งแกร่ง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยใช้กับสัตว์อสูรขั้นที่ 4 โดยไม่เคยใช้กับสัตว์อสูรขั้นที่ 6
ก่อนหน้านั้นเขาเริ่มได้ข้อสรุปกับตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูร โดยคาดคะเนไว้ว่าตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูรไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันได้ตลอดไป มันมีข้อจำกัดในเรื่องของความแข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยมีโอกาสได้ทดสอบ แต่ในตอนนี้เมื่อเขาทดสอบมันเป็นอย่างที่เขาคาดคะเนเอาไว้
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของหยางไค่อยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 8 เมื่อเปรียบเทียบกับเขตแดนของสัตว์อสูร น่าจะอยู่ในความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรขั้นที่ 4
ตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูรที่ถูกปลดปล่อยออกมาในความแข็งแกร่งเพียงเท่านั้น สามารถควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 4 และยังสามารถควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 5 ไดอย่างง่ายดาย แต่เมื่อมันถูกใช้ในร่างกายของสัตว์อสูรขั้นที่ 5 มันจึงไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์และแสดงอานุภาคที่แท้จริงของมันออกมาได้
จิตใต้สำนึกของสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ตนนี้ กำลังต่อต้านตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูรที่ตนเองพุ่งโจมตีเข้าไป !
แม้ว่าในตอนนี้มันจะยังฟังคำสั่งและอยู่ในการควบคุมของตนเอง แต่หยางไค่คาดคะเนว่าอีก 1 ชั่วยาม ตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูรของตนเองจะสลาย เมื่อถึงตอนนั้นสัตว์อสูรขั้นที่ 6 จะตกไปอยู่ในมือของจี่เซียอีกครั้ง
เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ หยางไค่ต้องจัดการการต่อสู้นี้ให้เสร็จสรรพภายใน 1 ชั่วยาม ไม่เช่นนั้นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน !
หยางไค่เองก็ไม่ทราบว่าการที่เขาพุ่งโจมตีสัตว์อสูรด้วยตราประทับทาสจิตวิญญาณสัตว์อสูรเป็นครั้งที่ 2 มันจะยังสามารถใช้งานไดอีกหรือไม่ หากไม่สามารถใช้งานได้.............
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จิตใจของหยางไค่ได้สั่งการต่อสัตว์อสูรอย่างไม่หยุด
ในตอนนี้สัตว์อสูรตนนี้เชื่อฟังคำสั่งของเขาอยางยิ่ง เมื่อเข้าใจในเจตนาของหยางไค่ ความเร็วของมันได้เพิ่มขึ้นอีกขั้น มันค่อยๆเข้าใกล้ระยะห่างของจี่เซียมากยิ่งขึ้น
ระยะเวลา 1 ก้านธูปผ่านไป จีเซียที่กำลังวิ่งหนีหันหน้ากลับไปมองด้วยความรีบร้อน เขาเกือบอดไม่ได้ที่จะกล่าวสบถด่าอีกครั้ง
ระยะห่างกว่า 100 จ้าง ได้หดสั้นลงโดยเขาและหยางไค่ห่างกันประมาณ 50 จ้างเท่านั้น ระยะเวลาอีก 1 ก้านธูป เขาจะถูกไล่ตามถึงตัวอย่างแน่นอน
จะไปทางไหนดี ? ดวงตาของจี่ประกายด้วยความคิดหนึ่งอย่างฉับพลัน สีหน้าของเขาลังเล โดยไม่สามารถตัดสินใจได้
ไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นซ่อนเร้นความน่าอัศจรรย์สิ่งใดไว้ภายใน เพราะมันเป็นป่าที่ถูกห่อหุ้มครอบคลุมด้วยหมอกขาวที่หนาทืบ โดยไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ที่อยู่ภายใน มันเป็นสถานที่จีเซียพบเจอด้วยความบังเอิญ
เดิมทีจี่เซียต้องการที่จะไปตรวจสอบว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ภายใน แต่ตอนนั้นสัตว์อสูรขั้นที่ 6 แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันหวาดกลัวหมอกขาวที่หน่าทืบนั่น และจีเซียเองก็รู้สึกไม่สงบเมื่อพบเจอกับสถานที่แห่งนั้น เขาจึงหยุดความคิดที่จะเข้าไปตรวจสอบ
แต่ในตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับการไล่ล่าของศัตูรที่กระชั้นชิด มันไร้ซึ่งหนทางในการหลบหนี จี่เซียจึงเกิดความคิดที่จะเสี่ยงอันตรายอย่างช่วยไมไม่ได้
สัตว์อสูรขั้นที่ 6 และความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น เขาไม่สามารถที่จะต่อต้าน บริเวณนั้นเป็นสถานที่หวาดกลัวของสัตว์อสูร มันไม่กล้าที่จะเข้าไป หากผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นเข้าไปเพียงคนเดียว มีโอกาสที่จีเซียจะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ
เมื่อคิดไตร่ตรองได้เช่นนี้ ดวงตาของจีเซียเป็นประกาย เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในทันที
เขาหันซ้ายขวามองภูมิทัศน์ของบริเวณด้านหน้า เขาได้เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลน และวิ่งไปยังทิศทางของบริเวณที่น่าอัศจรรย์แห่งนั้น
ระยะเวลา 1 ก้านธูปผ่านไป ระยะห่างระหว่างจีเซียและหยางไค่เริ่มเข้าใกล้อีกประมาณ 10 จ้าง
ระยะห่างที่ใกล้เช่นนี้ ไม่เพียงแต่สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่สามารถพุ่งโจมตี แม้แต่หยางไค่ก็สามารถปลดปล่อยกระบวนท่าแห่งการฆ๋า และพุ่งโจมตีจีเซียดวยความดุดัน
ระยะเวลาสั้นๆ จีเซียเริ่มอ่อนล้า เขาถูกลมวายุแห่งกระบี่พุ่งโจมตี จนเสื้อผ้าของเขาเกิดเป็นรอยขาดขนาดใหญ่ แต่โชคดีที่ร่างกายของเขามีพลังลมปราณที่ปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถต้านทางการโจมตีด้วยเจตนาแห่งการฆ่านี้ โดยที่เขาได้รับบาดแผลเพียงน้อยนิด โดยไม่เป็นอันตรายต่อกระดูกและเส้นเอ็นของเขา
เขาหันหน้าจ้องมองหยางไค่ด้วยความเกลียดแค้น มุมปากของจีเซียเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เยือกเย็น เขาเปลี่ยนแปลงทิศทางในการหลบหนีอย่างฉับพลัน และได้พุ่งเข้าไปยังในป่าที่ถูกห่อหุ้มและครอบครองจากหมอกขาวสีขาวที่หนาทืบ
หยางไค่ไล่ตามไปอย่างไม่หยุด
แต่เขาไม่รู้เลยว่าเมื่อสัตว์อสูรขั้นที่ 6 พบเจอกับบริเวณที่เต็มไปด้วยหมอกขาว มันหยุดการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน หยางไค่ไม่รอช้า เขาได้ไล่ตามเขาไปในทันที
หยงไค่บิดตัวอยู่บนอากาศด้วยความรีบเร่ง และกระโดดลงไปที่พื้นดิน แต่ยังมิทันที่เขาจะได้สำรวจรอบบริเวณ ใบหูของเขากลับมีเสียงที่โหยหวยด้วยควาทุกข์ทรมาณอย่างสุดขีดังขึ้น
เสียงของจี่เซีย !!
ราวกับว่าเขาพบเจอกับความทุกข์ทรมาณที่แสนสาหัส เสียงร้องด้วยความโหยหวนของเขาทำให้ผู้ที่ไดยินรู้สึกขนลุกอย่างยิ่ง
สีหน้าของหยางไค่แปรเปลี่ยนไป หลังจากนั้น ศีรษะของเขาเกิดความรู้สึกที่ทรมาณด้วยความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน ความแจ็บปวดนี้เขารู้จักมันดี มันเป็นความเจ็บปวดในขณะที่มารปฐพีกำลังจะยึดครองร่างกายของเขา โดยการทำลายความคิดและการรับรู้ของเขา
ทันใดนั้น หยางไค่ตะโกนโหยหวนด้วยความทุกข์ทรมาณ เส้นเอ็นเขียวคล้ำโปดปูนบนหน้าผาก เหงื่อไหลออกมาดั่งสายน้ำ ร่างกายสั่นเทาอย่างไม่หยุด
อ๊ากก................ ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งตะโกนโหยหวนด้วยน้ำเสียงที่ทุกข์ทรมาณมากกยิ่ง เสียงของเขาเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณยิ่งกว่าจีเซียเสียอีก