ตอนที่ 255 กลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ตอนที่ 255 กลืนไม่เข้า คายไม่ออก
เหยาเหอเหยาซีตาย เจ้ารู้ไหม ? เมื่อนิ่งเป็นเวลานาน จี่เซียนจึงกล่าวพูด ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างช้าๆ ประกายด้วยแสงแห่งความอันตราย ราวกับว่ากำลังตักเตือนจือโบว่าคำตอบของเขาจะกำหนดชีวิตของนาง
ร่า่งกายของจือโบเย็นยะเยือก นางขมวคคิ้วและกล่าวตอบ : ข้าเป็นคนฆ่าพวกเขาเอง !
ดวงตาที่หรี่ลงของจี่เซียเบิกโพลงอย่างฉับพลัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำทุ้ม : เจ้าเป็นคนฆ่า ?
ใช่ ! จือโบกล่าวด้วยความหวาดกลัว
ให้เหตุผลแก่ข้าด้วย !! จี่เซียสบทอย่างแผ่วเบา ใบหน้าไร้ความรู้สึก
จือโบกล่าวตอบด้วยเสียงที่สั่นเทา : พวกเขาฆ่าสัตว์อสูรของข้า เก็บแมลงควบคุมวิญญานของข้า และทำลายจิตวิญญานบางส่วนของข้า
จี่เซียขมวดคิ้ว และกล่าวถามจือโบด้วยความสงสัย : ทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ ?
จือโบหัวเราะอย่างเยือกเย็น : ศิษย์พี่ ท่านก็มีคำตอบอยู่แล้ว จะกล่าวถามไปทำไม ?
จี่เซียหลับตาทั้งสอง หลังจากนั้นจึงพยักหน้าอย่างแผ่วเบา : อืม พวกเขากล้าที่จะลงมือต่อเจ้า เป็นการรนหาที่ตายของพวกเขาเอง
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ จือโบถอนหายใจด้วยความโล่งอก หากจี่เซียต้องการแก้แค้นให้แก่เหยาซีและเหยาเหอ เรื่องราวจะยุ่งยากยิ่งกว่านี้ โชคดีที่จี่เซียยังมีความเป็นศิษย์พี่ที่ดี โดยที่เขาแยกแยะถึงความผิดและถูก
แต่ว่า ..เจ้าเพียงคนเดียว สามารถฆ่าพวกเขา ? จี่เซียกล่าวอย่างแผวเบา : ใครช่วยเหลือเจ้า ?
จือโบกัดริมฝีปากไว้แน่น โดยไม่กล่าว่ตอบ
จี่เซียจ้องมองหยางไค่อย่างเรียบเฉย และกล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชา : การต่อสู้แย่งชิงของเจ้าและเหยาเหอเหยาซีข้าจะไม่ยุ่ง เมื่อกลับไปสำนักเจ้าไปรายงานต่อาจารย์เอง แต่ ..หากมีคนนอกที่ลงมือพร้อมกับเจ้า เจ้าน่าจะรู้ว่าควรทำอย่างไร!
ข้ารู้ จือโบกล่าวอย่างแผ่วเบา
งั้น ..ก็ฆ่าเขาสิ ! จี่เซียชี้ไปที่หยางไค่และกล่าวสั่งอย่างเยือกเย็น สุ้มเสียงเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
จิตใจของหยางเย็นเยือกลง เขาเริ่มระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เขาไม่คิดว่าศิษย์พี่ของจือโบจะเด็ดขาดและลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้
จือโบเงยหน้า ดวงตาประกายด้วยเจตนาแห่งการต่อต้าน
แน่นอนว่านางไม่สามารถลงมือต่อหยางไค่ เพียงแค่นางมีความคิดนี้ ยังมิทันที่นางจะลงมือ หยางไค่จะทำให้นางตายในทันที แต่ตรงหน้าของจี่เซียเป็นการกระทำของผู้แข็งแกร่งที่รังแก่ผู้่อ่อนแอ แม้ว่าจือโบจากชาญฉลาดมากแค่ไหน นางก็ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ไม่ว่านางจะตัดสินใจอย่างไร ก็ไม่มีทางทำให้พวกเขาทั้งสองพึงพอใจ
เจ้ามากับข้า ไม่ต้องให้ใครปกป้องเจ้าอีก ทำไมถึงยังไม่ลงมือ ? จี่เซียกล่าวกดดันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ทรวงอกของจือโบกระชับขึ้นลง ดวงตาเต็มไ่ปด้วยความต่อต้าน โดยที่นางไม่สามารถตัดสินใจได้
ผ่านไปได้ไม่นาน จือโบจึงเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่น : ข้าฆ่าเขาไม่ได้ !
จี่เซียหรี่ตาลงและกล่าวดวยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก : เพราะเหตุใด ?
จิตใจของหยางไค่หัวเราะด้วยความขมขื่น เขายืนนิ่งอย่างสงบเพื่อรอคำตอบของจือโบ หากนางกล่าวความลับของตนเองออกมา นางจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ที่ทรมาณอย่างสุดขีด
เพราะ ...ข้าชอบเขา ! ดวงตาของจือโบเต็มไปด้วยความมั่นคง ดวงตาของนางแดงก่ำ หลังจากที่กล่าวจบนางได้กล่าวอธิบายอีก : ข้าเป็นคนของเขาแล้ว ดังนั้นข้าไม่สามารถลงมือกับเขาได้ !
ดวงตาของหยางไค่เบิกโพลง เขาอึ้งกับคำกล่าวของจือโบ เขาไม่คิดว่าสตรีนางนี้จะกล้าใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้าง
ใบหน้าของจี่เซียเต็มไปด้วยความตกใจ เขาจ้องมองจือโบด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดใจ เขากัดฟันและกล่าว : เจ้าพูดว่าอะไร ?
ข้าเป็นคนของเขาแล้ว !! จือโบกล่าวอีกครั้งอย่างชัดเจน การกล่าวครั้งที่ 2 ของนางค่อนข้างจริงจังและเป็นธรรมชาติมากกว่าครั้งแรก
จี่เซียย้อมถามด้วยรอยยิ้ม : เจ้าชอบผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น ?
ใช่ ! จือโบแอบมองหยางไค่ และพบเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเขา จิตใจของนางเกรี้ยวโกรธอย่างยิ่ง นางเกลียดชังจนอยากไปตบหน้าหยางไค่สักฉาด 2ฉาด เพื่อทำลายความความโกรธแค้นของนางเอง
แม้ว่านางจะทราบดีว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างแย่ แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ นางคิดหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ไม่ได้ แต่บุรุษหนุ่มผู้นี้กำลังแสดงสีหน้าที่สบายอารมณ์ โดยไม่รู้ว่าจิตใจของตนเองเต็มไปด้วยความขมขื่นมากแค่ไหน
สีหน้าของจี่เซียเยือกเย็น สายตาของเขาจับจ้องไปที่ร่างกายของหยางไค่ เขาสูดลมหายใจและกล่าว : เจ้าไม่ได้ปลูกฝังแมลงควบคุมวิญญาน ดูเหมือนว่าเจ้าไมไ่ด้โกหกข้า !
จิตใจของหยางไค่สั่นเทา คำกล่าวของจี่เซียเผยให้เห็นข้อมูลบางอย่างที่สำคัญ ดุเหมือนว่าเขาสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของแมลงควบคุมวิญญาน
ข้าไม่ได้โกหกท่าน ! จือโบกล่าวด้วยสีหน้าที่ขมขื่น
ดี ดี ! พลังลมปราณของจี่เซียเคลื่อนไหว เจตนาแห่งความต้องการฆ่าแผ่ซานออกมา : ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักรักตัวเอง แม้แต่เศษสวะแห่งอาณาจักรฮั่นยังสามารถครอบครองเจ้าได้อย่างง่ายดาย ศิษย์พี่คงไม่สามารถช่วยเจ้าอีก ในครั้งนี้ที่เจ้ากลับไป ข้าจะกล่าวทุกอย่างแก่อาจารย์ เจ้าก็รอรับโทษทัณฑ์ที่เจ้าก่อเอาไว้
ร่างกายของจือโบสั่นเทา นางนิ่งเงียบโดยไม่กล่าวสิ่งใด
ส่วนเจ้า ... จี่เซียจ้องมองหยางไค่อย่างเยือกเย็น : เจ้าไม่ยินยอมที่จะฆ่า ถือเป็นเกียรติของศิษย์พี่ที่ได้ทำแทนเจ้า !
ทันทีที่กล่าวจบ สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตนที่จือโบควบคุมลุกขึ้นมาอย่างฉับพลัน พวกมันแสะเขี้ยวให้แก่หยางไค่ โดยเต็มไปด้วยความดุดัน
สีหน้าของหยางไค่เปลี่ยนแปลง ดวงตาที่เยือกเย็นจ้องมองไปยังจือโบ
จือโบกล่าวอธิบายอย่างรวดเร็ว : เจ้าวิ่งหนีแล้ว แมลงควบคุมวิญญานของศิษย์พี่อยู่ในขั้นที่แข็งแกร่งกว่าแมลงควบคุมวิญญานของเขา มีอิทธิพลต่อแมลงควบคุมวิญญานของข้า !!
เป็นเช่นนี้ !! เมื่อได้ยินจือโบกล่าวเช่นนี้ หยางไค่วางใจอย่างมาก เดิมทีเขาคิดว่าจือโบจะลอบฆ่าเขา ดูเหมือนว่าเขาคงดูสตรีนางนี้ผิดไป
หนีพ้น ? จี่เซียกล่าวสบถอย่างเยือกเย็น สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตน เริ่มดุดันและแสดงความเกรี้ยวกราดออกมา พวกมันล้อมตัวเป็นวงกลม โดยค่อยๆล้อมหยางไค่เอาไว้
สีหน้าของจือโบเย็นเยือกอย่างฉับพลัน เหงือของนางไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง นางพยายามที่จะควบคุมแมลงควบคุมวิญญานของตนเอง และกล่าวตะโกนต่อหยางไค่ : เจ้าหนีไปแล้ว ยังยืนนิ่งทำไม ?
หยางไค่ยังยืนนิ่งเหมือนเดิม ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่จี่เซียขี่เข้ามา
จี่เซียหวเราะอย่างเย็นชา เขาค่อยๆเดินไปนั่งบนหลังของสัตว์อสูรขั้นที่ 6 จิตใจของเขาสั่งการ ทำให้สัตว์กว่าหลาย 10 ตนเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันพุ่งเข้าโจมตีด้วยเจตนาแห่งการฆ่า จือโบใช้ความสามารถทั้งหมดควบคุมพวกมัน แต่ก็ไม่สามารถควบคุมพวกมันได้
สีหน้าของหยางไค่เยือกเย็น ร่างกายของเป็นประกาย เขาหนีรอดออกมาจากวงล้อมของสัตว์อสูร พลังลมปราณในร่างกายปลดปล่อยออกมา ซ้ายมือฝ่ามือตราประทับพยัคฆ์ขาว ขวามือฝ่ามือตราประทับเทพวัว ตราประทับทั้งสอง หลอมรวมกลายเป็นหนึ่ง
คลื่นแสงสว่างได้พุ่งออกไปจากฝ่ามือของเขา โดยพุ่งโจมตีไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 6
โฮ่ง . เสียงตะโกนคำรามด้วยความเกรี้ยวโกรธดังขึ้น สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่ีจี่เซียนั่งอยู่กำลังอ้าปากและคำราม โดยสามารถมองเห็นลมพายุขนาดใหญ่ที่พุ่งออกมาจากปากของมัน โดยมันได้โจมตีให้ตราประทับทาสจิตวิญญานสัตว์อสูรออกไป พลังที่บ้าคลั่งปะทะกันไปมาในห้วงอากาศ โดยที่ตราประทับทาสจิตวิญญานสัตว์อสูรได้สลายไป
ไม่เจียมตัว ! จี่เซียสบถด้วยความเยือกเย็น เขาไม่ทราบถึงความลับของตราประทับทาสจิตวิญญานสัตว์อสูร แต่การโจมตีของหยางไค่ในครั้งแรก ได้เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาออกมาจนหมด
เขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 8 !! เมื่อสัมผัสได้ถึงจุดนี้ จี่เซียเริ่มเกรี้ยวโกรธมากขึ้น
หากว่าบุรุษคนหนี้เป็นอัจฉริยะแห่งอาณาจักรฮั่น การที่จือโบชอบเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขตแดนของเขายังไม่ถึงขั้นลมปราณแท้จริง เขาไม่มีคุณสมบัติที่คู่ควรกับจือโบเลย
ในฐานะที่จี่เซียเป็นศิษย์พี่ของนาง จึงรู้สึกอับอายอย่างมาก เขาต้องการที่จะกำจัดหยางไค่ให้สิ้นซาก
ฆ่า !! จี่เซียไม่ได้ลงมือแม้แต่น้อย เพียงการโบกมือของเขา สัตว์อสูรกว่าหลาย 10 ตนที่จือโบควบคุมได้พุ่งออกไปโจมตีอีกครั้ง
ร่างกายของหยางไค่ประกายผ่านไป สัตว์อสูรหลาย 10 ตนของจือโบไม่เชื่อฟังคำสั่ง มันได้หันหลังกลับไ ปละพุ่งไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 6
จี่เซียที่นั่งอยู่บนหลังของสัตว์อสูรหัวเราะอย่างเย็นชา ดวงตาประกายดวยความหยิ่งยะโส โดยจ้องมองการต่อต้านและการตอบสนองของหยางไค่
ท่าร่างแห่งการเคลื่อนไหวไม่เลว !! แต่ความแข็งแกร่งต้อยต่ำเกินไป ! จี่เซียกล่าวติชมอย่างสบายอารมณ์
สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่เขากำลังนั่งราวกับว่าเข้าใจในความคิดของจี่เซีย มันอ้าปากของมัน และคำรามอย่างไม่หยุด จากการคำรามของมัน ดวงไฟแห่งกระบี่ลมวายุที่มีความยาวประมาณครึ่งฉื่อได้พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง มันได้พุ่งโจมตีไปยังบริเวณที่หยางไค่พุ่งเข้ามา
หยางไค่วิ่งหนีไปซ้ายขวาโดยพยายามหลบหนีอย่างสุดกำลัง เขาค่อยๆเข้าใกล้บริเวณตำแหน่งของสัตว์อสูรขั้นที่ 6
จากระยะห่างที่เข้าใกล้มากขึ้น สีหน้าของจี่เซียเปลี่ยนแปลงไป เขาพบว่าเขาดูหมิ่นท่าร่างและความเร็วในการเคลื่อนตัวของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นคนนี้เกินไป สัตว์อสูรหลาย 10 ตนของจือโบไม่สามารถทำอะไรเขาได้ สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่ตนเองนั่งอยู่ไม่สามารถโจมตีถึงตัวเขา ระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่ลมหายใจ เขาได้เข้าใกล้ตนเองโดยมีระยห่างเพียง 5 จ้าง
หึม !! จี่เซียกล่าวสบถด้วยความโกรธ ดวงตาจ้องเขม็งไปที่หยางไค่ สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็นอย่างสุดขีด
3 จ้าง ...ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นเร่งความเร็วของตนเอง โดยทิ้งไว้เพียงเงาร่างในตำแหน่งเดิม
ดวงตาของจี่เซียจ้องมองไปทั่วบริเวณ หูของเขาตั้งใจฟังเสียงที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นเขาหัวเราะขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนจะพุ่งฝ่ามือออกไป
เสียงลมวายุแห่งฝ่ามือดังขึ้น ในขณะที่ฝ่ามือพุ่งออกไป เงาร่างของหยางไค่ปรากฏออกมาพอดี ดูเหมือนว่าหยางไค่พุ่่งปะทะกับการโจมตีของจี่เซีย
คลื่นแสงสว่างพุ่งออกไปจากฝ่ามือของหยางไค่ และพุ่งโจมตีไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่ีจี่เซียกำลังนั่ง
ในขณะเดียวกัน หยางไค่รีบต่อต้านการโจมตีของจี่เซีย เพียงพริบตา ร่างกายของหยางไค่พุ่งบินออกไปราวกับกระดาษที่แผ่วเบา
ไม่เจียมตัว จี่เซียขมวดคิ้วไว้แน่น เขาพบว่าผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นคนนี้พุ่งเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย แต่กลับพุ่งโจมตีไปยังสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ของตนเอง แม้ว่าเขาจะโจมตีร่างกายของสัตว์อสูร แต่สัตว์อสูรของตนเองกลับไม่มีการตอบสนอง แต่เป็นเขา เมื่อต่อสู้กับตนเอง เขาต้องได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน
ปัง !! หยางไค่กระเด็นลงไปที่พื้นดิน ขาของเขากลิ้งออกไปหลายก้าว เขาสูดลมหายใจเข้าเพื่อกดทันโลหิตที่ผันผวนอยู่บนทรวงอก ดวงตาประากยด้วยความตื่นตะลึง
ร้ายกาจ !! หยางไค่กล่าวชมอย่างเรื่อนรอย
ไม่น่าแปลกที่เป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์แห่งสำนักที่ยิ่งใหญ่ เพียงการโจมตีอย่างแผ่วเบา แต่ความแข็งแกร่งของเขากลับแข็งแกร่งและงดงามอย่างยิ่ง
ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าควรขอร้องอ้อนวอน !! สีหน้าของจี่เซียเย็นเยือก : ศิษย์น้อง ศิษย์พี่จะให้โอกาสเจ้าอีกครั้งเพียงแค่เจ้าฆ่ามัน ข้าจะกล่าวคำพูดที่งดงามให้แก่เจ้า แม้กระทั่งปิดบังที่เจ้าสูญเสียความบริสุทธ์ เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจะไม่ส่งผลต่อฐานของเจ้าในสำนัก หากเรืองราวถูกเปิดเผยออกไป จะเป็นการยากต่อการดำรงชีวิตของเจ้า
จือโบพยักหน้าอย่างไม่ลังเล: ข้าไม่สามารถลงมือกับเขาได้ !!
หากลงมือกับหยางไค่ นั่นหมายถึงการขูดหลุมฝังตัวเอง ในจุดนี้จือโบคิดไตร่ตรองอย่างชัดเจน
ดี เป็นหนทางที่เจ้าเลือกเอง เจ้าอย่าเสียใจต่อการตัดสินใจของเจ้าล่ะ !! จี่เซียยังไม่เข้าใจถึงเหตุผลที่แท้จริง ดังนั้นจึงแข็งกร้าวดั่งเหล็กกล้า เขายื่นมือออกมา และตบไปยังสัตว์อสูรที่ตนเองกำลังนั่ง เขาจ้องมองหยางไค่และกล่าวอย่างเย็นชา : ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้หนทางใดในการสยบศิษย์น้องของข้า แต่ ...สตรีแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง เป็นสิ่งที่บุรษแห่งอาณาจักรฮั่นเช่นพวกเจ้าไม่สมควรได้ครอบครอง ดังนั้นเจ้าต้องตายสถานเดียว !!
เมื่อกล่าวคำพูดเช่นนี้ออกมา จี่เซียรอชมการสิ้นใจของหยางไค่ แต่หลังจากนั้น สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขาจ้องมองไปยังสัตว์อสูรที่ตนเองกำลังนั่งด้วยความตื่นตะลึง
เมื่อสักครู่ เขาได้สั่งการให้สัตว์อสูรของตนเองโจมตีเพื่อเอาชีวิตเขา แต่มันกลับไม่ตอบสนอง
แมลงควบคุมวิญญานยังอยู่ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ?
ภายใต้ความสงสัย จี่เซียได้สั่งการออกไปอีกครั้ง ในครั้งนี้สัตว์อสูรเริ่มมีการตอบสนอง แต่มันไม่ได้โจมตีไปที่หยางไค่ แต่กลับกระโดดพุ่งขึ้นไปในบริเวณเดิม และกระโดดลงมาอย่างรุนแรง จนสะบัดจี่เซียออกไป