ตอนที่ 254 จี่เซี่ย
ตอนที่ 254 จี่เซี่ย
ในขณะที่เดินทางอยู่ในป่า จือโจจ้องมองเงาด้านหลังของหยางไค่ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
หลายครั้งที่ลังเล แต่ไม่รู้ว่าจะกล่าวออกไปอย่างไร
ระหว่างพวกเขาทั้งสองมีเพียงความเงียบงำที่ไร้ซึ่งสุ้มเสียง หยางไค่วิ่งอยู่ด้านหน้าอย่างไม่หยุด มีบางครั้งที่เขาหยุดลงอย่างฉับพลัน ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาจ้องมองไปซ้ายขวา และเริ่มออกเดินทางอีกครั้งอย่างฉับพลัน
จือโบเป็นเหมือนหางของหยางไค่ ที่ติดตามอยู่ด้านหลังของหยางไค่อย่างไม่ห่าง
1 วันผ่านไป จือโบไม่สามารถทนต่อความเงียบเช่นนี้ได้อีกต่อไป นางโกรธเคืองโดยที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ตามหยางไค่ไปอีก
หยางไค่วิ่งออกไปหลายร้อยจ้าง เขาจึงรู้สึกตัว เขารีบวิ่งกลับมาที่เดิม และเห็นจือโบที่ยืนนิ่งอยู่ในตำแหน่งเดิม โดยจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
เจ้ากำลังทำอะไร ? หยางไค่ขมวดคิ้ว กล่าวถามด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์
ข้าอยากถามเจ้ามากกว่า ว่าเจ้ากำลังทำอะไร ทรวงอกของจือโบกระชับขึ้นลง นางกล่าวคำที่ตรงไปตรงมาออกมา เสียงของนางเริ่มอ่อนลง : ความจริง เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ก็ได้
ทำอะไร? หยางไค่กล่าวถามด้วยความสงสัย
เจ้าแยกออกมาจากกลุ่มคนเหล่านั้น และอยู่ร่วมกับข้า เจ้าไม่กังวลถึงความปลอดภัยของเจ้า ในสถานที่แห่งนี้ นอกจากข้าและเจ้า และกลุ่มคนเหล่านั้น ก็เหลือเพียงศิษย์พี่ของข้าและหวู่เฉิงหยี่ จากความแข็งแกร่งของพวกเขาและกลุ่มคนที่มากมายพวกเขาไม่ต้องหวาดกลัวต่อศิษย์พี่ของข้าและหวู่เฉิงหยี่ แต่เจ้าแยกออกจากพวกเขา ถึงเป็นความคิดที่โง่เขลา !
หยางไค่จ้องมองจือโบ มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
เจ้าคงไม่คิดว่า การที่ข้าแยกตัวจากพวกเขาเพราะเป็นห่วงเจ้าจากสภาพแวดล้อมที่ทำให้ความรู้สึกของเจ้าย่ำแย่ลง ? หยางไค่ขมวดคิ้วกล่าวถาม
ใบหน้าของจือโบแดงก่ำ เขาจ้องมองหยางไค่และถามกลับ : หรือว่ามันไม่จริง ?
เจ้าคงให้ความสำคัญกับตัวเองมากเกินไป หยางไค่หัวเราะด้วยความเกลียดชัง : เจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ก่อนหน้านั้น พวกเราได้ร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูโดยไม่คำนึงถึงความตาย แม้ว่าเจ้าจะแสดงผลงานออกมาได้ดีแค่ไหน ในใจของเจ้าก็ยังอยากเอาชีวิตข้า เจ้าไม่ซื่อตรง ข้าไม่ทำในสิ่งที่ยุติธรรม แล้วข้าจะเป็นกังวลต่อชีวิตของเจ้าทำไม
จือโบเกรี้ยวโกรธ จนทรวงอกกระชับขึ้นลง นางกัดฟันไว้แน่นและกล่าว : ตั้งแต่ที่ถูกเจ้าควบคุม ข้าไม่ดีตรงไหน ? ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี และยังปากแข็ง แต่ไม่จำเป็นที่เจ้าต้องกล่าวคำที่เจ็บปวดเช่นนี้ ?
ในขณะที่ฆ่าปี่ซูหมิงก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะโกรธที่ปี่ซูหมิงเหยียดหยามและล้อเลียน แต่มันก็มีส่วนน้อยที่เขาออกหน้าเพื่อนาง แต่ว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ยอมรับ จือโบเป็นสตรีที่ฉลาดหลักแหลม ในเมื่อเขากล่าว่าอย่างไร นางก็จะคิดว่าเป็นเช่นนั้นโดยไม่กล่าวถามให้ลึกซึ้ง เพื่อเป็นการให้เกียรติเขา
แต่ในตอนนี้ เขายังกล่าวพูดเช่นนี้ เกียรติและศักดิ์ศรีของเขาสำคัญมากนักหรือไง ?
ระหว่างพวกเราต้องมีความรู้สึกด้วยหรอ ? หยางไค่หัวเราะหึหึ เขาก้าวเดินไปข้างหน้าและโอบเอวของจือโบไว้แน่น มืออีกข้างลูบไล้ไปยังผิวที่เรียบเนียนของนาง
จือโบยื่นมือออกมาและขวางเอาไว้บนทรวงอกของหยางไค่ ร่างกายส่วนบนของนางโค้งลง เอวของนางมีความรู้สึกที่ชาซ่าน มันทำให้หัวใจของเขาเย็นยะเยือกในทันที นางขมวดคิ้วไว้แน่นและกล่าวถามด้วยเสียงที่สั่นเทา : เจ้าจะทำอะไร ?
เจ้าบอกว่าข้าไร้ความรู้สึก ข้าจะให้ความรู้สึ้กนั่นแก่เจ้าไง มือของหยางไค่เริ่มกระทำอย่างหยาบคาย
ปล่อยข้า ! จือโบกล่าวด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
หยางไค่แสะยิ้มที่มุมปาก เขาไม่กระทำการกระทำที่หยางไค่ แต่ค่อยๆปล่อยตัวจือโบ
จือโบถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างนางและหยางไค่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความระมัดระวังและการป้องกัน
เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง หยางไค่พยักหน้าอย่างกะทันหัน : การแยกตัวจากพวกเจ้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเจ้า........
ดวงตาของจือโบที่กำลังเกรี้ยวโกรธประกายด้วยความซาบซึ้ง
ไม่ว่าอย่างไร เจ้าถูกข้าควบคุม เจ้าเป็นทาสของข้า เมื่อเจ้าไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรี ข้าก็ไร้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีเช่นเดียวกันใช่ไหม ?
สีหน้าของจือโบประกายด้วยความเยือกเย็นอีกครั้ง
บุรุษที่น่าขยะแขยง !! จือโบสบถด่า และเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างไม่สิ้นสุด
แต่ว่า.....มันไม่ใช่เหตุผลที่สำคัญที่สุด !! หยางไค่ยื่นมือออกมาและส่ายมันเบาๆ
เหตุผลที่สำคัญที่สุดคืออะไร ? จือโลสูดลมหายใจเข้าและกล่าวถาม
ข้าจะไปหาหวู่เฉิงหยี่ ! ดวงตาของหยางไค่ประกายด้วยความโหดเหี้ยม : ข้าจะฆ่าเขา !!
หวู่เฉิงหยี่เคยส่งศิษย์น้องของเขาให้มาเอาชีวิตหยางไค่ หยางไค่มิใช่คนที่ยอมอ่อนข้อ ในเมื่อมีความแค้นก็ต้องชำระ หวู่เฉิงหยี่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา
ในเมื่อเขาเป็นศิษย์ระดับสูงในสำนักกระบี่เก้าดวงดารา ฐานะในสำนักคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากปล่อยให้เขาหนีรอดออกจากสถานที่แห่งนี้ เป็นเรื่องที่ยากหากจะฆ่าในสถานที่ด้านนอก ดังนั้นหยางไค่ต้องการที่จะจัดการสะสางเรื่องราวทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้
ไม่ควรปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป โอกาสหลุดลอยไปจะไม่หวนกลับมาอีก
นอกจากนั้น หวู่เฉิงหยี่ยังต้องมีหยดวารีเปลวเพลิงที่ล้ำค่า ไม่มีทางที่หยางไค่จะปล่อยเข้าไปอย่างแน่นอน
แม้ว่าหยดวารีเปลวเพลิงจะไม่มีประโยชน์ต่อตัวเขา แต่มันมีประโยชน์ต่อคนอื่น แต่หากเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเหล่านั้น แม้ว่าจะสามารถฆ่าหวู่เฉิงหยี่ หยดวารีเปลวเพลิงที่ได้มาก็ไม่พอที่จะแบ่งให้ทั่วถึง
หยางไค่ต้องการครอบครองเพียงคนเดียว !!
เจ้ากล้าหาญมาก คนที่สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือของศิษย์พี่ ความแข็งแกร่งของเขาไม่ธรรมดา ข้าไม่ปฏิเสธว่าตัวเจ้าก็แข็งแกร่ง แต่เจ้าคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะคนอย่างหวู่เฉิงหยี่ ? จือโบจ้องมองหยางไค่ราวกับจ้องมองสัตว์ที่ประหลาด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ และคิดพึมพำอยู่คนเดียวว่าเขาช่างมีความกล้าหาญอย่างยิ่ง
ชนะหรือไม่ชนะ ต้องเผชิญหน้ากับสักก่อนถึงจะรู้ หยางไค่สบถอย่างแผ่วเบา และจ้องมองจือโบด้วยสายตาที่มีความนัยแฝง : แต่ข้ายังมีเจ้าคอยช่วยเหลือไม่ใช่หรือไง ? เจ้าคิดว่าข้าพาเจ้ามาด้วยเพราะอะไร ?
สีหน้าของจือเยือกเย็นลงในทันที นางกระทืบเท้าและกล่าว : เจ้าไปตายได้ !
แท้จริงแล้วเขามีการวางแผนไว้มากมาย !! มันน่าเสียดายที่ตนเองรู้สึกซาบซึ้งต่อการช่วยเหลือของเขา
ฮ่าฮ่า !! หยางไค่หัวเราะเสียงดัง เขายื่นมือจับไปที่ใบหน้าของจือโบ และกล่าว : อย่ากล่าวคำพูดที่ไร้ความรู้สึกเช่นนี้สิ เจ้าติดตามข้าไปอีกสักพัก เจ้าจะพบว่าข้อดีและจุดเด่นของข้ามากขึ้น ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะหลงเสน่ห์ข้าจนหัวปักหัวปำก็ได้
ไม่เจียมตัว ไร้ยางอาย ! จือโบกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เคืองโกรธ
แม้ว่าคำกล่าวของหยางไค่จะไร้ยางอาย แต่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ว่าบุรุษหนุ่มคนนี้มีแสงประกายที่ส่องสว่างโดยที่บุรุษคนอื่นๆไม่มี แสงประกายที่ส่องสว่างที่เผยออกมาอย่างไม่รู้ตัว มีอนุภาคในการดึงดูดผู้คนอย่างมาก โดยเฉพาะสตรี !
เมื่อทราบถึงความคิดที่แท้จริงของเขา จือโบไมได้โกรธเคืองเขาอีก แต่กลับหัวเราะอย่างแผ่วเบา : ระหว่างทางที่ผ่านมา เจ้าค้นหาร่องรอยของหวู่เฉิงหยี่ แล้วเจ้าค้นพบเบาะแสะอะไรหรือเปล่า ?
ไม่ หยางไค่ส่ายหัว : เป็นเรื่องง่ายที่ยอดฝีมือเช่นเขาจะกลลเกลื่อนร่องรอยของตนเองทั้งหมด
เมื่อครุ่นคิดได้สักพัก หยางไค่ยิ้มด้วยความมั่นใจและกล่าว : เพียงแค่เขายังอยู่ที่นี้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็หาเขาเจอ
ข้ารู้สึกว่าข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ! จือโบหัวเราะอย่างแผ่วเบา
หยางไค่พยักหน้า : เป็นเช่นนี้ !!
หลายวันต่อมา หยางไค่และจือโบค้นหาร่องรอยของหวู่เฉิงหยี่และค้นหาร่องรอยของสัตว์อสูร
ก่อนหน้านั้นเหยาเหอและเหยาซีควบคุมสัตว์อสูรหลายร้อยตน แม้ว่าสุดท้ายพวกเขาจะฆ่าสัตว์อสูรไปกว่า 30-40 ตน มันยังเหลือสัตว์อสูรกว่า 70 ตน พวกมันน่าจะดำรงชีวิตอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียง
หลายวันต่อมา พวกเขาได้รับผลประโยชน์ที่ค่อนข้างมาก เพราะจือโบใช้แมลงควบคุมวิญญาณในการควบคุมสัตว์อสูรกว่า 7 ตน เมื่อสัตว์อสูรถูกควบคุมพวกมันได้กระจายตัวออกไป และได้เพิ่มรัศมีบริเวณในการควบคุมที่มากยิ่งขึ้น
หลาย 10 วันผ่านไป จือโบมีสัตว์อสูรในการควบคุมกว่า 15 ตน หลายวันที่ผ่านมาหยางไค่เริ่มค้นพบร่องรอยของหวู่เฉิงหยี่บ้างแล้ว
มีสัตว์อสูรตนหนึ่งที่กำลังค้นหาร่องรอยไดตายอย่างฉับพลัน เมื่อหยางไค่และจือโบเข้าไปตรวจสอบ พวกเขาพบเพียงกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่อยู่รอบบริเวณเท่านั้น
เป็นหวู่เฉิงหยี่ ! สีหน้าของหยางไค่อึ้งไปชั่วขณะ ผู้คนทั่วไปไม่สามารถสำแดงกลิ่นอายแห่งกระบี่ที่รุนแรงเช่นนี้ มีเพียงศิษย์แห่งสำนักระบี่เก้าดวงดาราที่สามารถทำได้
นอกจากนั้นสัตว์อสูรที่ตายไปยังเป็นสัตว์อสูรขั้นที่ 5 การที่สามารถฆ๋ามันให้ตายในครั้งเดียว ความแข็งแกร่งของกลิ่นอายแห่งกระบี่ของคนผู้นี้ต้องแข็งแกร่งในระดับสูงอย่างแน่นอน
จากเบาะแสะร่องรอยที่หยางไค่ได้รับ เขาเริ่มมั่นใจและคาดเดาว่าจะเป็นการลงมือของหวู่เฉิงหยี่
พวกเขาเดินตามไปดั่งแมงมุมที่ค่อยๆคลานตามร่องรอยออกไป แต่ครึ่งวันผ่านไปพวกเขากลับไม่พบเจอร่องรอยของหวู่เฉิงหยี่อีก
หยางไค่ขมวดคิ้ว และรู้สึกว่าการที่เขายังไม่สามารถบ่มเพาะความแข็งแกร่งไปยังเขตแดนเทพสวรรค์ การจะค้นหาคนๆหนึ่งช่างเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง หากบ่มเพาะความแข็งแกร่งไปยังเขตแดนเทพสวรรค์และสามารถฝึกฝนปราณจิตสัมผัส จะสามารถรับรู้การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในรัศมีบริเวณ 10 ลี้
ในขณะที่กำลังอารมณ์เสียง สีหน้าของจือโบเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขาจ้องมองหยางไค่และกล่าว : ศิษย์พี่ของข้าอยู่บริเวณใกล้เคียง !
หยางไค่หันหน้ามองนางและกล่าว : จี่เซีย ?
อืม สีหน้าของจือโบเริ่มไม่น่ามอง : เขามีสัตว์อสูรขั้นที่ 6 เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งของเขา ในสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครที่สามารถต่อต้านเขาได้ หากพบเจอกับเขา พวกเราต้องตายอย่างแน่นอน พวกเราต้องหลบหนีกันก่อน !!
เขาก็อยู่ที่นี้...............หรือว่าเขาไล่ตามหวู่เฉิงหยี่ หยางไค่ครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ก่อนหน้านั้นอาณาจักรเทียนหล่างมีกลุ่มคนด้วยกันทั้งหมด 4 คน พวกเขาใช้กองทัพของสัตว์อสูรล้อมผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น นอกเสียจากหวู่เฉิงหยี่ที่ใช้ความสามารถของตนเองในการหลบหนีออกมาจากวงล้อม คนอื่นๆต่างถูกจับกุม เรื่องราวหลังจากนั้น คือจี่เซียที่ควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 2 ได้ออกไปไล่ล่าเขา หลายวันที่ผ่านมาเขาคงไล่ตามหวู่เฉิงหยี่
และหยางไค่ก็ทำเรื่องราวเช่นเดียวกัน พวกเขาทั้งสองต่างมีเป้าหมายเดียวกัน การที่พวกเขาจะพบเจอกันจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ไม่ทันแล้ว ! สีหน้าของจือโบซีดขาวลงในทันที นางหันหน้ากลับไปมองและกล่าวตักเตือน : อีกสักครู่เจ้าไม่ต้องกล่าวสิ่งใด ข้าจะจัดการกับเขาเอง หากว่าเขาทราบถึงความสัมพันธุ์ของเราทั้งสอง ไม่แน่ว่าเขาอาจจะปล่อยเจ้าไป
หยางไค่จ้องมองนางด้วยความสงสัย
จือโบสบถด้วยความเยือกเย็น : ข้าทำไปเพราะความปลอดภัยของข้าเอง เจ้าไม่ต้องคิดมาก หากว่าเจ้าจะอยากฆ่าข้าให้ตาย มันก็เป็นเพียงความคิดของเจ้าเท่านั้น ดังนั้นข้าไม่สามารถปลอ่ยให้เจ้าตายไปได้ เพื่อไม่ให้เจ้ามาตลบหลังข้าอีกครั้ง
หึหึ หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา และหันหน้าไปยังทิศทางที่นางมองดู
เขามองเห็นเพียงบริเวณที่ห่างไกลมีสัตว์อสูรที่ดุดันและสง่างาม สัตว์อสูรตนนี้มีรูปร่างคล้ายคลึงกับหมาป่าและพยัคฆ์ มันมีร่างกายที่แข็งแกร่ง สี่ขาของมันเต็มไปด้วยพละกำลังที่เหลือล้น กลิ่นอายแห่งความดุดันแผ่ซ่านออกมาอย่างต่อเนื่อง มันมีความสูงประมาณ 3 จ้าง แม้จะอยู่ห่างกันหลาย 10 จ้าง สัตว์อสูรตนนี้ก็ได้นำพาความรู้สึกที่กดดันหยางไค่ !
สัตว์อสูรขั้นที่ 6 !! สัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่แข็งแกร่งและสง่างามดั่งชื่อของมัน !
ในขณะที่มันพุ่งเข้ามา สัตว์อสูรข้างกายของจือโบต่างหมอบคลานราวกับแมวน้อยที่เชื่อฟัง
บนหลังของสัตว์อสูร มีบุรุษหนุ่มที่สวมใส่เสื้อสีม่วงนั่งอยู่ อายุของเขาประมาณ 25-26 ปี ดวงตาทั้งสองคมกริบดั่งกระบี่ ประกายออกมาอย่างดุดัน สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
เขาคือจี่เซีย ! มีกลิ่นอายที่ไม่ต่างจากหวู่เฉิงหยี่ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กลิ่นอายของหวู่เฉิงหยี่สงบนิ่งมากกว่า แต่กลิ่นอายของจี่เซียแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาค่อนข้างเด็ดขาด แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ต่างให้ความรู้สึกที่หยิ่งยะโสและเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
ในเมื่อเป็นอัจฉริยะในหมู่ของอัจฉริยะ การที่พวกเขาหยิ่งยะโสเป็นเรื่องปกติของพวกเขา
เขาจ้องมองจือโบ และลงมาจากสัตว์อสูรขั้นที่ 6 ที่ตนเองนั่งมา และจ้องมองหยางไค่
สัตว์อสูรขั้นที่ 6 หยุดนิ่งในบริเวณที่ห่างกันประมาณ 10 จ้าง
ศิษย์พี่ !! จือโบก้าวไปข้างหน้าและทำความเคารพ สัตว์อสูรขั้นที่ 5 คำรามด้วยเสียงที่ต่ำทุ้ม ที่เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการกดดัน
การตอบสนองของสัตว์อสูรทำให้จิตใจของจือโบสั่นไหว เขาจ้องมองศิษย์พี่ของตนเอง แต่กลับพบว่าเขากำลังใช้สายตาที่เยือกเย็นจ้องมองตนเอง