ตอนที่ 253 ความงามที่แตกต่าง
ตอนที่ 253 ความงามที่แตกต่าง
ฮ่าฮ่า . เย่วชิงซือไม่ยอมปลดเปลื้องเสื้อผ้าแต่กลับหัวเราะออกมาอย่างไม่หยุด
พวกจิ้งจอกเฒ่าทั้งหลาย!! ลมหายใจของพวกเจ้าจะหนักหน่วงไปแล้ว
หืม ? สีหน้าของฮันเสี่ยวชีอึ้งไปชั่วขณะ นางกวาดสายตาไปยังรอบบริเวณ
เจ้าหลับตาเดี่ยวนี้ หลับตาเดี่ยวนี้ !! ซูเสี่ยวหยี่ใช้มือของตนเองปิดตาของเซี่ยซูเฉิน เมื่อถูกกระทำเช่นนี้ ใบหน้าของเซี่ยซูเฉินแดงก่ำ หนังตาของเขาถูกข่วนจนกลายเป็นบาดแผลเล็กๆ จิตใจหดหายดั่งลูกแมวน้อย
เย่วชิงซือหยุดการกระทำของเขา และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : พวกเจ้า .ยังจะอยู่ที่นี้อีกก ?
หึหึ ... โจวฟาง หัวเราะออกมา เขาเลียริมฝีปากไปมาและกล่าว : พวกเราคิดว่าจะเจ้าไม่คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตลก !! เย่วชิงซือถลึงตาให้แก่พวกเขา : ข้าไว้หน้าพวกเจ้าเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะไร้ซึ่งความคิดอันชาญฉลาด ยังต้องให้ข้าเป็นคนไล่เอง
ไปแล้ว ไปแล้ว ! โจวฟางพยุงหลี่ซินหยุน และถอยออกไปพร้อมกับบุรุษคนอื่นๆ
เสียงถอนหายใจสั้นยาวที่เต็มไปด้วยความเสียดายดังขึ้นอย่างไม่หยุด
ไม่ต้องลากข้า... เซี่ยซูเฉินกล่าวด้วยความรีบร้อน เขาถูกโจวป้ากอดคอเอาไว้ โดยถูกดึงออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรงในการต่อต้าน : ศิษย์น้องของข้าอยู่นั่น ข้าต้องดูก่อนสิ ...
เจ้าออกไปไกลๆเลยน่ะ !! ซูเสี่ยวหยี่กล่าวด้วยความอาย
หลังจากที่บุรุษหนุ่มถอยห่างออกไปประมาณ 100 จ้าง โดยมั่นใจแล้วว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นสิ่งใด เหล่าสตรีจึงผ่อนปรนความกังวลลงอย่างมาก
ใบหน้าของหยางไค่เต็มไปด้วยความจริงจัง เขาจ้องมองเย่วชิงซือและกล่าว : เริ่มต่อกันเถอะ
ใบหน้าของเย่วชิงซือประกายสีแดงระเรื่อ นางสูดลมหายใจเข้า และกัดฟันไว้แน่น ก่อนจะถอดเสื้อของตนเองออก
เย่วฮันเบิกตาโพลง ใบหน้าร้อนดั่งถูกแผดเผา นางกล่าวถามด้วยความลังเล : พวกเรา ..ต้องทำเช่นนี้ ?
หยางไค่พยักหน้าอย่างจริงจัง
ม่านตาของเย่วฮันหดลง : ไม่ถอดเสื้อได้ไหม ?
หยางไค่ขมวดคิ้ว : หากเจ้าไม่กลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้น ก็ได้ แต่การสัมผัสโดยตรงเช่นนี้ จะเป็นการง่ายต่อการควบคุมพลังลมปราณของข้า
คำกล่าวนี้เป็นความจริง การที่สัมผัสกับเนื้อหนังโดยตรงสามารถควบคุมพลังลมปราณได้ดีกว่าการที่มีเสื้อผ้ากั้นเอาไว้
ขนตาของฮันเสี่ยวชีสั่นไหว นางกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบา : ศิษย์น้องหยางเป็นสุภาพบุรุษ เจ้าจะกลัวไปทำไม ?
เย่วฮันกล่าวอย่างแผ่วเบา : ข้าไม่ไดกลัว.......ข้า.........ข้า.......อั๊ยหยา ............
นางยังกล่าวไม่จบ ก็ได้วิ่งไปหลบอยู่ในอ้อมกอดของศิษย์พี่หลิวชิงรู่ว
จือโบหัวเราะอยู่ด้านข้างด้วยความเยือกเย็น เสียงหัวเราะของนางเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ทำให้สีหน้าของสตรีทั้งหลายไม่เป็นตัวของตัวเอง
ไม่ต้องกล่าวแสดงความคิดเห็นอะไรอีก !! หยางไค่ถลึงตาใส่พวนาง จากนั้นจึงยื่นมือออก และทาบลงไปยังหน้าท้องที่เรียบเนียนของเย่วชิงซือ
เพียงมือของเขาสัมผัส ร่างกายของเย่วชิงซือสั่นเทา นางกัดฟันไว้แน่น ดวงตาที่เป็นประกายจ้องมองหยางไค่ ราวกับว่าพยายามที่จะมองเห็นความคิดของหยางไค่
ผิวหนังที่เปิดเผยของนาง เริ่มประกายแสงสีแดงจางๆ ออกมา
หยางไค่แสดงท่าทีอย่างบิ่น เขากวาดสายตามองเรือนร่างของเย่วชิงซือโดยไร้ซึ่งความรู้สึกผิด มือของเขาไม่หยุดที่จะถ่ายทอดพลัง มันยิ่งทำให้พลังลมปราณหยางไค่ของเขาถ่ายทอดได้อย่างออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เจ้าเด็กบ้า ! เย่วชิงซือมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของหยางไค่ ดวงตาที่นางจ้องมองฉลาดหลักแหลมยิ่งกว่าโจรเสียอีก มันทำให้นางทนไม่ได้ที่จะตะโกนด่า
มองไม่เห็นอะไรสักหน่อย หยางไค่หัวเราะเบาๆ
มันเป็นความจริงที่มองไม่เห็นอะไร สตรีทุกนางต่างมีสวมใส่ชุดชั้นใน เย่วชิงซือไม่ได้ถอดเสื้อผ้าจนหมด แม้ว่าหยางไค่อยากมองเขาก็มองไม่เห็น
ไร้ยางอาย !! เยวชิงซือกัดฟันไว้แน่นจนฟันของนางจะแตกกระจาย แม้ว่าคำกล่าวจะเป็นเช่นนี้ แต่ว่าใบหน้าของเขากลับยิ้มด้วยเจตนาที่แอบแฝง จนทำให้นางโกรธเคืองหยางไค่อย่างมาก
เพราะไม่เคยมีบุรุษหนุ่มคนไหนเสียมารยาทอย่างไร้ความอับอายเช่นนี้มาก่อน
เป็นสุภาพบุรุษจริงๆ .......... จือโบกล่าวด้วยความขำขัน นางหรี่ตาจ้องมองฮันเสี่ยวชี ทำให้ใบหน้าของฮันเสี่ยวชีแดงก่ำขึ้นมา
ก่อนนั้นหน้านางต้องการที่จะใช้คำว่าสุภาพบุรุษกดดันหยางไค่ แต่กลับไม่คิดว่าหยางไค่จะไม่สนใจ ในที่สุดฮันเสี่ยวชีก็เข้าใจในคำหมายของวของคำว่าสันดารแท้จริงของบุรุษ
เมื่อมีสิ่งที่งดงามอยู่ตรงไหน้าบุรุษคนใดที่จะไม่จ้องมองมัน ? หากเขาลงมืออย่างไม่แยแส จึงจะเป็นปัญหาอย่างแท้จริง
ใบหน้าที่เรียบเฉย แต่จิตใจเต็มไปด้วยความสกปรก ยังไม่เทียบท่าการกระทำของเขาในตอนนี้
อย่างน้อยที่สุด เขาได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงโดยไม่ทำสิ่งใดต่อพวกนาง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฮันเสี่ยวชีถอยหายใจอย่างแผ่วเบา ถือว่าเป็นการ...........ตอบแทนเขา !!
หลังจากนั้นไม่นาน หน้าท้องของเย่วชิงซือปรากฎจุดเล็กๆ ออกมา ในขณะที่หยางไค่กำลังจะลงมือ เย่วชิงซือกล่าวอย่างกะทันหัน : ระวังด้วย หากมันกลายเป็นรอยแผลเป็น ข้าจะไม่จบกับเจ้าแค่นี้แน่ !
นี้มันเวลาไหน เจ้ายังกังวลถึงเรื่องนี้ ! หยางไค่เงียบนิ่งโดยไม่กล่าวสิ่งใดต่อไปอีก มือของเขาได้ยกขึ้นโดยไดเฉือนออกเป็นรอยแผลขนาดเล็กเพื่อบีบเค้นให้แมลงควบคุมวิญญานออกมาและแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุรี
คนต่อไป ! หยางไค่หันหน้ากล่าวถามสตรีที่บริสุทธ์เหล่านี้
พวกนางต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเป็นเวลานาน จนฮันเสี่ยวชีขมวดคิ้วไว้แน่นและกล่าวด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ : ข้าเอง !
ในฐานะที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งวังบุพผาหมื่นปี นางรู้สึกว่าตนเองต้องเป็นผู้นำในการกระทำนี้
ทันทีที่กล่าวจบ นางเดินออกไปนั่งขัดสมาธิตรงหน้าของหยางไค่อย่างเปิดเผย และค่อยๆถอดเสื้อผ้าของนางออก จากนั้นจึงหลับตาไว้แน่น !
เมื่อเห็นท่าทางของนาง หยางไค่กระทำโดยไม่เกรงใจ
เขาค่อยๆจัดการต่อไปทีละคน ๆ
วังบุพผามีทั้งหมด 4 คน ความสง่าของอันเสี่ยวชี ความละเอียดอ่อนของเย่วฮัน ความงดงามของหลิงชิงรู่ว ความเงียบสงบของฮวาโน่วหญิง พวกนางต่างมีกลิ่นอายความงดงามที่แตกต่างกัน
นอกจากนั้นยังมีเสน่ห์ที่เย้ายวนของเย่วชิงซือ และ ความมีชีวิตชีวาของฟงเชียนเหิง พวกนางต่างมีความงดงาม จุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างลงตัว มันทำให้หยางไค่พึงพอใจอย่างยิ่ง
มาถึงคนสุดท้ายซูเสี่ยวหยี่
เมื่อนางนั่งลงตรงหน้าของเขา นางถอดเสื้อผ้าด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ แต่หยางไค่ยื่นมือห้ามปรามเอาไว้
เจ้าไม่ต้อง !
มันทำให้เจ้าควบคุมพลังลมปราณได้ดียิ่งขึ้นไม่ใช่หรือไง ซูเสี่ยวหยี่กล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ข้าทดสอบมาหลายครั้ง ในตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะสวมใส่เสื้อผ้าข้าก็สามารถทำได้ หยางไค่กล่าวอธิบาย
เมื่อได้ยินดังนี้ ซูเสี่ยวหยี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ยังมิทันที่จะกล่าวจบ หยางไค่ยื่นมือฉีกเสื้อของตนเองออกมา จากนั้นจึงนำเศษผ้านี้ปิดบังดวงตาของตนเองเอาไว้
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เย่วฮันกล่าวด้วยความไม่พอใจ : ทำไมเมื่อถึงซูเสี่ยวหยี่เจ้าต้องปิดตาของเจ้าด้วย ?
หยางไค่กล่าวตอบด้วยความรำคาญใจ : นางมีบุรุษหนุ่ม หากข้าไม่ปิดตาเอาไว้ อีกสักพักศิษย์พี่เฉินคงต้องฆ่าข้าอย่างแน่นอน
อ่อ เย่วฮันพยักหน้าอย่างช้าๆ และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ไม่ได้สนใจ : เจ้าค่อนข้างใส่ใจ
นั่นมัน.........พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นคนเช่นไร พวกเจ้าคิดว่าข้าเป็นบุรุษหนุ่มมักมากในกามเช่นนั้นหรือไง ?
สีหน้าของกลุ่มสตรีเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการขอโทษ พวกเขารู้สึกเพียงว่าพวกเขาได้เข้าใจผิดหยางไค่ไปแล้ว
ในขณะที่ ฮันเสี่ยวชีอยู่ในความรู้สึกผิด สีหน้าของนางเย็นเยือกอย่างฉับพลัน และจึงเปิดปากกล่าว : เมื่อสักครู่.........เจ้าก็สามารถปิดตาได้ ?
การบีบเค้นให้แมลงควบคุมวิญญาณออกมา ใช้เพียงมือสัมผัสและการหมุนเวียนพลังลมปราณ การที่ดวงตามองไม่เห็นก็ไม่เป็นไร เดิมทีนางคิดไม่ถึง แต่เมื่อเห็นหยางไค่ทำเช่นนี้ ความรู้สึกแห่งการแจ้งเตือนได้กล่าวบอกแก่นาง
หยางไค่ไม่ได้กล่าวตอบ สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข
ร่างกายของฮันเสี่ยวชีสั่นเทาขึ้นมา
พวกนางต่างมองตาซึ่งกันและกัน และหัวเราะอย่างเยือกเย็นพร้อมกัน พวกนางพุ่งออกไป และพุ่งหมัดและกำปั้นออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป กลุ่มสตรีได้กล่าวเรียกให้ทุกคนมารวมตัวกัน เฉินเซียซูวิ่งมาเป็นคนแรก เขาจับมือศิษย์น้องของตนเองและกล่าวถามด้วยความรีบร้อน : เป็นอย่างไร เป็นอย่างไร ?
ซูเสี่ยวหยี่ได้กล่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับเขา
เฉินเซี่ยซูจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ซาบซึ้ง การที่หยางไค่ทำเช่นนั้นกับซูเสี่ยวหยี่ถือเป็นวิธีการที่เคารพในตัวเขา ทำให้เฉินเซี่ยซูค่อนข้างชื่นชม
เมื่อเงยหน้าขึ้น เขามองเห็นจมูกและใบหน้าของหยางไค่บวมเบ่งและเขียวคล้ำ เป็นสภาพที่ย่ำแย่มาก เขาจึงกล่าวด้วยความตื่นตกใจ : ศิษย์น้องหยาง เจ้า..................
หยางไค่กล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น : บาดแผลเล็กน้อย ............
สมควร !! จือโบกล่าวด้วยความพอใจ
หยางไค่ไม่ได้สนใจ เมื่อครุ่นคิดไปมา เขาจึงนำยารักษาอาการบาดเจ็บออกมา 2 ขวด และส่งให้แก่เฉินเซี่ยซู
ศิษย์น้องหยาง เจ้ากำลังทำอะไร ? เฉินเซี่ยซูรับมาและกล่าวถามด้วยความสงสัย
เจ้าเก็บไว้ใหทุกคน เพื่อใช้ในยามจำเป็น นอกจากนั้น หากพบเจอกับหวู่เฉิงยี่ พวกเจ้าอย่าหลงกลเชื่อเขาเป็นอันขาด หยางไค่กล่าวตักเตือนด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ทำไม ? เมื่อกล่าวถึงหวู่เฉิงยี่ กลุ่มคนทุกคนต่างล้อมวงกันเข้ามา
หยงไค่กล่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แก่ทุกคน
เมื่อฟังจนจบ สีหน้าของทุกคนต่างแสดงออกอย่างไม่น่ามอง
โจวฟางกล่าวตะโกนด่าด้วยความโกรธ : ข้าว่าแล้วเชียว ทำไมจี่เจี่ยนชิงถึงหายตัวไปอย่างฉับพลัน ที่แท้เขาถูกหวู่เฉิงหยี่สั่งการให้ไปฆ่าศิษย์น้องหยาง ก่อนหน้านั้นในขณะที่ข้ากล่าวถาม เขายังกล่าวบอกแก่ข้าว่าจี่เจี่ยนชิงไปตรวจสอบเส้นทาง อีกไม่กี่วันก็จะกลับมา
เฉินเซี่ยซูกล่าวด้วยความโกรธอย่างสุดขีด : คนคนนี้มีจิตใจที่ชั่วช้า มีวิธีการที่เลวทราม เพื่อยารักษาอาการบาดเจ็บเพียขวดเดียว ถึงต้องฆ่ากัน !
ฮันเสี่ยวชีขมวดคิ้ว : ที่แท้พวกเราต่างมองเขาผิดไป หากพวกเรายังคงติดตามเขาไป ไม่รู้ว่าพวกเราต้องพบเจอกันอันตรายเช่นไร
เพื่อยารักษาอาการบาดเจ็บเพียง 1 ขวด หวู่เฉิงยี่ลงมือต่อหยางไค่อย่างโหดเหี้ยม ไม่แนว่าเพื่อลูกแก้วชีพจรโลหิตเขาอาจจะลงมือกับผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น กลุ่มคนที่มากมายเช่นนี้ เทียบเท่ากับลูกแก้วชีพจรโลหิตที่มากมาย นอกจากนั้นพวกเขายังเป็นยอดฝีมือแห่งเขตแดนลมปราณแท้จริง มันเพียงพอที่จะทำให้หวู่เฉิงยี่ก้าวข้ามเขตแดนไปอีก 1 ขั้น
ครั้งหน้าหากข้าพบเขา ศิษย์พี่จะสั่งสอนเขาแทนเจ้า ! เย่วชิงซือกล่าวด้วยความโกรธ
ในตอนนี้กลุ่มคนทั้งหมดรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน ในเวลานี้ไร้ซึ่งกองทัพสัตว์อสูรแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง นอกจากหวู่เฉิงยี่แล้ว พวกเขาต้องป้องกันเพียงจี่เซี่ยแห่งอาณาจักรเทียนหล่างที่ควบคุมสัตว์อสูรขั้นที่ 6 หากไร้ซึ่งสัตว์อสูรขั้นที่ 6 แล้วจี่เซี่ยต้องการที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มคนมากมายเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะพวกเขาได้
เพียงคำกล่าวเดียว นั้นก็คือ กลุ่มคนเหล่านี้อยู่รวมกัน เพียงแค่ไม่แยกจากกัน มันจะกลายเป็นการดำรงอยู่ที่ไร้ซึ่งศัตรู
เฉินเซี่ยซูพบเจอเบาะแสะจากคำกล่าวของหยางไค่ : ศิษย์น้องหยาง เจ้า............
หยางไค่หัวเราะอย่างแผวเบา เขายกมือกุมหมัดเอาไว้และกล่าว : ข้าจะออกไป
สีหน้าของกลุ่มคนเปลี่ยนแปลงในทันที เย่วฮันกล่าว : เจ้าจะไป ? ทำไมเจ้าต้องไปด้วย ?
หยางไค่ส่ายหัวอย่างช้าๆ
ดวงตาของเย่วชิงซือกรอกไปมา และกล่าว : เพราะว่าเมื่อสักครู่พวกเราทุบตีเจ้า เจ้าไม่พอใจ ? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าทุบตีกลับคืน แต่เจ้าต้องลงมือเบาๆน่ะ
ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น แต่ข้ามีหนทางของตนเอง หยางไค่กล่าวอธิบาย
เมื่อได้ยินดังนี้ ดวงตาของจือโบจ้องมองไปที่หยางไค่ จิตใจของนางสั่นไหว คนอื่นๆ เริ่มคาดเดาบางอย่างได้บ้าง พวกเขาจ้องมองจือโบและจ้องมองหยางไค่ โดยไม่กล่าวสิ่งใด
เป็นเช่นนี้ หยางไค่หัวเราะอย่างแผ่วเบา นางหันหน้ามองเหลิ่งซาน : เจ้าก็อยู่ที่นี้กับพวกเขา
ในขณะที่กล่าวเขาได้กล่าวเรียกมารปฐพี
แต่หยางไค่ไม่รู้ว่ามารปฐพีจะไร้ซึ่งการตอบสนอง หยางไค่รู้ดีว่ามารเฒ่านี้ได้ปิดผนึกตนเอง หลังจากที่เขาเปิดเผนึกและเชื่อมผสานกับมารปฐพี เขาได้กล่าวอย่างจริงจังต่อเหลิ่งซาน : ข้าและสำนักทะเลสาบปีศาจจักรพรรดิมีความแค้นต่อกัน ข้าเป็นคนฆ่าจิงฮ่าว เป็นคนฆ่ายู่เฉินคุน หากในภายภาคหน้าเจ้าต้องการที่จะแก้แค้น ให้มาหาข้าที่สำนักหลิงเซี่ยว
หากเป็นเมื่อหลายสิบวันก่อน ไม่มีทางที่หยางไค่จะไว้ชีวิตเหลิ่งซาน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับควาทุกข์ยากพร้อมกัน หากยังฆ่านางต่อไปคงไร้ซึ่งมนุษยธรรมอย่างแท้จริง
เหลิ่งซานกระพริบตาไปมา นางส่ายหัวและพยักหน้า : ไม่
หยางไค่หัวเราะเบาๆ : เป็นเช่นนี้ก็ดี
ในขณะที่กล่าว เขาได้จ้องมองไปที่หน้าผากของนางและกล่าวอย่างแผ่วเบา : ของขวัญที่ข้ามอบให้เจ้าข้าไม่สามารถนำมันกลับมาได้ รอให้ความแข็งแกร่งแห่งเขตแดนของข้าก้าวไปยังเขตแดนเทพสวรรค์ก่อนแล้วกัน
เหลิ่งซานพยักหน้า และเผยให้เห็นรอยยิ้ม : ข้าเชื่อว่าคงไม่นาน !
นางรู้ดีว่าของขวัญที่หยางไค่กล่าวคือสิ่งใด มันก็คือตราประทับแห่งความเป็นนายที่อยู่ในจิตวิญญาณของนาง เมื่อตราประทับยังไม่ถูกปลดปล่อย เขาจะเป็นทาสรับใช้ของหยางไค่ตลอดไป นางไม่สามารถที่จะควบคุมความเป็นความตายของตนเองได้
ในจุดนี้ หยางไค่ไม่ได้โกหกนาง ตราประทับนั้นเป็นมารปฐพีที่ช่วยเขา และไม่ว่าจะเป็นจือโบหรือเหลิ่งซาน ต่างเป็นคนที่มอบจิตวิญญาณมาให้แก่เขาเอง มันจึงประสบความสำเร็จ หากไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีทางที่เขาจะสามารถปลูกฝังตราประทับแห่งความเป็นนายได้
แต่การที่เขาจะปลดเปลื้องและทำลายมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องให้หยางไค่เป็นผู้ปลดเปลื้องด้วยมือของเขาเอง
ทุกท่าน หุบเขาเขียวขจีไม่มีวันเปลี่ยนแปลง สายน้ำมรกตยังคงไหลวนต่อไป พวกเราลาจากกันในวันนี้ ต้องมีโอกาสพบเจอกันอีกครั้งแน่ หยางไค่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
รักษาตัวด้วย !!
หยางไค่หมุนตัวกลับ และพุ่งออกไปดั่งฝนดาวตก จือโบไม่กล่าวสิ่งใดโดยตามเขาออกไปอย่างกระชั้นชิด
หลังจากนั้น เฉินเซี่ยซูจึงกล่าว : ความจริง การที่สตรีแห่งอาณาจักรเทียนหล่างติดตามพวกเราก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย ศิษย์น้องหยางคิดมากไป
เย่วชิงซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม : เจ้ากล้ารับรองว่าจะใช้อารมณ์และการกระทำทั่วไปปฏิบัติต่อสตรีแห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ?
เฉินเซี่ยซูอึ้งไปชั่วขณะ เขาส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
จือโบเคยเป็นศัตรูกับพวกเขา และยังเป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ในมือของเขายังมีแมลงควบุคุมวิญญานที่เป็นสมบัติแห่งอสูรกาย ไม่มีใครที่จะสามารถใช้จิตใจและอารมณ์โดยทั่วไปต่อนาง
การที่นางยังอยู่ที่นี้ต่อไป คนอื่นๆจะไม่ทำให้นางลำบากใจ แต่พวกเขาจะระมัดระวังนางอย่างยิ่ง แต่นางเป็นเพียงคนนอก จิตใจของนางคงไม่มีวันสงบสุขอย่างแน่นอน
หยางไค่ต้องครุ่นคิดถึงปัญหานี้จึงพานางออกไป
เหลิ่งซาน สตรีนางนั้นเป็นทาสรับใช้ของศิษย์น้องหยาง ? เฉินเซี่ยซูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจและกล่าวถาม
เหลิ่งซานจ้องมองนางด้วยสีหน้าที่เย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็ง นางหมุนตัวกลับ ทิ้งไว้เพียงเงาด้านหลังที่ไร้ซึ่งสุ้มเสียง
ข้าพูดอะไรผิด ? เฉินเซี่ยซูไม่กล่าวอะไรออกไปอีก ทันใดนั้นเขามองเห็นสายตาแห่งความโหดเหี้ยมของเหลิ่งซาน โดยไม่รู้ว่าคำถามของเขาได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่เหลิ่งซานมากแค่ไหน