ตอนที่ 251 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ตอนที่ 251 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
เมื่อมีโอกาสลงมือกับปี่ซูหมิง เป็นธรรมดาที่หยางไค่จะลงมืออย่างไม่ยั้งมือ ลงมือโดยไร้ซึ่งความเมตตา
ตนเองเพิ่งช่วยชีวิตของเขามาหมาดๆ เขาไม่ซาบซึ้งในบุญคุณน็ก็ไม่เป็นไร แต่เขากลับลงมือโจมตีโดยเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่า คนเช่นนี้หากปล่อยเอาไว้ก็จะเป็นปัญหาสำหรับเขาเปล่าๆ
นอกจากนั้นก่อนหน้านี้เขายังได้กล่าวคำกล่าวที่เหยียดหยาม ดูหมิ่นหยางไค่สารพัด ทำให้หยางไค่ก่อกำเกิดความต้องการฆ่าเขามากยิ่งขึ้น !!
หยางไค่มิใช่บุรุษหรือสตรีที่มีจิตใจที่เมตตากรุณา ผู้อื่นรังแกและเหยียดหยามตนเองอย่างไม่ไว้หน้า และตนเองจะทนต่อไปเพื่อ !!
เมื่อเสียเปรียบต่อหยางไค่ ปีซูหมิงไม่กล้าเหิมเกริมเมื่อครั้งแรก ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นจ้องเขม็งไปที่หยางไค่ ในขณะที่เขากำลังปลดปล่อยพลังทั้งหมด เขามองเห็นหยางไค่ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้น ฝ่ามือทั้งสองระเบิดพลังลมปราณที่ดุดันออกมาอย่างรุนแรง
ตราประทับจิตวิญญานสัตว์อสูร !!
เสียงคำรามของสัตว์อสูรทั้งสองดังออกมา เงาร่างของเทพวัวและพยัคฆ์ขาวที่ราวกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำได้วิ่งออกมาด้วยความแข็งแกร่ง พวกมันได้วิ่งพุ่งออกไปหาปี่ซูหมิงด้วยเจตนาแห่งการฆ่าพร้อมกับหยางไค่
จิตใจของปี่ซูหมิงเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและความหวาดกลัว กระบวนท่าที่เขากำลังจะโจมตีออกไปได้หดหายไปอย่างฉับพลัน
จิตวิญญาณของสัตว์อสูรทั้งสองได้พุ่งออกไปโจมตีพร้อมกับหยางไค่ โดยระยะเวลาไม่ถึง 3 ลมหายใจ มันได้พุ่งตัดผ่านร่างกายของปี่ซูหมิงจนเกิดเป็นรูกลวงขนาดใหญ่
โลหิตสีแดงสดสาดกระเด็นไปทั่วบริเวณ ปี่ซูหมิงหงายหลังล้มลงไป ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อว่าตนเองจะตายจากการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณ
หยางไค่ไม่สนใจผู้คนที่อยู่รอบบริเวณ เขามองเห็นใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงอย่างสุดขีด
การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจบลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดคือการที่ผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 8 กลับสามารถเอาชีวิตผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงในระยะเวลาที่รวดเร็วดั่งแสงแห่งสายฟ้า ราวกับว่ามันง่ายดาย โดยที่เขาไม่ต้องสูญเสียเรี่ยวแรงใดๆแม้แต่น้อย !!
โดยเฉพาจือโบและเหลิ่งซาน พวกนางทั้งสองตื่นตะลึงยิ่งว่าคนอื่นๆ
พวกนางทั้งสองเคยใช้ชิวิตร่วมกับหยางไค่ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ยังไม่เคยเห็นหยางไค่ลงมืออย่างจริงจังเช่นนี้ แม้ว่าจะเป็นการต่อสู้กับสัตว์อสูรร่วมกับคนอื่นๆ หยางไค่ใช้ความสามารถและความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนผสานลมปราณทั่วไปเท่านั้น
ดังนั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกนางทั้งสองคิดว่าหยางไค่พึ่งพากลลับบางอย่างที่วิเศษ จึงสามารถควบคุมจิตวิญญานของพวกนางทั้งสองเอาไว้ได้
แม้ว่าจะหวาดกลัว แต่พวกนางไม่เคยมองเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหยางไค่อยู่ในสายตา พวกนางคิดว่าหยางไค่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธุ์ต้อยต่ำที่มีความแข็งแกร่งในเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 8 พวกนางจึงไม่เคยเห็นความสำคัญของหยางไค่
หลายครั้ง เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้จิตใจของจือโบและเหลิ่งซานจะเกลียดแค้นหยางไค่อย่างมหันต์
หลายวันที่พวกเขาเสียมารยาทต่อหยางไค่ เหตุผลหนึ่งเพราะจิตใจของพวกนางต้องการสร้างความเดือดร้อนให้แก่หยางไค่จากความเกลียดชังที่ก่อกำเนิดอย่างไม่หยุด
แต่ในตอนนี้ จือโบและเหลิ่งซานพบว่าพวกนางทั้งสองดูหมิ่นหยางไค่เกินไป การต่อสู้ของเขาน่าตื่นตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าอย่างไรปี่ซูหมิงก็เป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งเขตแดนลมปราณแท้จริงขั้นที่ 4 หากเหลิงซานเกิดต่อสู้กับเขาขึ้นมา จะไม่สามารถระบุได้เลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ แม้ว่าจะเป็นจือโบ หากคิดที่จะเอาชนะเขาก็ต้องสูญเสียพละกำลังความแข็งแกร่งและเรี่ยวแรงที่มากมายมหาศาล
เมื่อเปรียบเทียบเช่นนี้ จิตใจของจือโบและเหลิ่งซานสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว เป็นเวลานานที่พวกนางไม่สามารถที่จะกล่าวสิ่งใดออกไป...............
แล้วคนอื่นๆจะไม่เป็นอย่างพวกนางได้อย่างไร !!
เมื่อหยางไค่ฆ่าปี่ซูหมิง เขาได้หันหน้ามองไปยังศิษย์น้องของเขา
เมื่อสักครู่คนคนนี้กล่าวต่อว่าหยางไค่อย่างไม่หยุดยั้ง เขาอวดดีโห่ร้องให้ศิษย์พี่ของตนเองทำลายการบ่มเพาะพลังของจือโบ ในขณะที่หยางไค่เริ่มต่อสู้กับปี่ซูหมิง เขาได้กล่าวสบถด่าหยางไค่ด้วยถอยคำที่หยาบคายอย่างไม่หยุด
ในตอนนี้ เขาหุบปากเอาไว้ด้วยความสงบ
เขาจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึง ทันใดนั้นใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เพราะเขามองเห็นเจตนาแห่งการฆ่าและความโหดเหี้ยมในสายตาของหยางไค่
หยางไค่กล้าที่จะฆ่าปี่ซูหมิงต่อหน้าสายตาของทุกคน แล้วเขาจะปล่อยตนเองได้อย่างไร ?
สัตว์อสูรทั้งสองแสะเขี้ยวที่แหลมคมให้แก่เขา และพุ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
ไม่.........อย่าน่ะ...!! คนคนนี้ดิ้นร้นจนคลานขึ้นมา ดวงตาประกายด้วยความต้องการหนีออกไปจากเหตุการณ์ที่น่าหวาดกลัว
แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงคนพิการที่จุดตันเถียนถูกทำลาย ร่างกายของเขาไร้ซึ่งพลังลมปราณ แล้วเขาจะหนีรอดจากการโจมตีของจิตวิญญานอสูรทั้งสองได้อย่างไร ?
เงาร่างแห่งพยัคฆ์ขาวและเทพวัวพุ่งออกไป ทั้งขย้ำและพุ่งชนอย่างไม่ยั้ง
เสียงโหยหวนแห่งการอ้อนวอนและขอร้องชีวิตดังขึ้น
หนังหน้าของผู้ฝึกยุทธุ์กว่า 10 คนแห่งอาณาจักรฮั่นกระตุกอย่างรุนแรง จิตใจของพวกเขาหวาดกลัวจนอ้าปากค้าง โดยไม่รู้ว่าต้องกล่าวอย่างไรต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงตะโกนร้องขอชีวิตได้เงียบลง ศิษย์น้องของปี่ซูหมิงตายด้วยความโกรธแค้นจาการโจตีจากจิตวิญญาณสัตว์อสูรของหยางไค่ โดยที่ร่างศพของเขาเปียกชุ่มด้วยโลหิตอย่างน่าสยดสยอง
หยางไค่กวาดสายตามองออกไป โดยเดินออกไปยังข้างเคียงโดยไม่กล่าวสิ่งใด
จือโบและเหลิ่งซานจ้องมองเขา และเดินไปยังข้างกายของเขาโดยไม่กล่าวสิ่งใด พวกนางจ้องมองหยางไค่ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน จนถึงตอนนี้ พวกนางทั้งสองจึงก่อเกิดความรู้สึกที่หวาดกลัวต่อหยางไค่
ไม่กล่าวถึงข้อผูกพันธุ์ที่หยางไค่ควบคุมจิตวิญญาณของพวกนาง เพียงแค่พลังแห่งการต่อสู้ที่น่าตื่นตะลึง ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกนางทั้งสองมองเห็นการต่อสู้แห่งความเป็นความตายที่แท้จริง เหลิ่งซานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางไค่ ไม่แน่ว่าจือโบอาจจะต้องต่อสู้กับเขาเป็นเวลานาน แต่จือโบไม่สามารถยืนยันได้ว่าตนเองจะสามารถเอาชนะเขาได้
มีโอกาสที่ไม่มาก !! เมื่อหวนคิดถึงหยางไค่ที่ระเบิดพลังที่แท้จริงออกมาอย่างฉับพลัน จือโบสามารถคาดเดาได้ในทันทีว่าใครจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ
บุรษผู้นี้มีวิธีการบ่มเพาะพลังเช่นไร ? ทำไมเขตแดนผสานลมปราณขั้นที่ 8 จึงสามารถเอาชนะเขตแดนขนาดใหญ่เช่นนั้นได้ ? ผู้คนที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ ใครกันที่ไม่ใช่อัจฉริยะของแต่ละสำนัก ใครกันที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ? แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหยางไค่ ทุกสิ่งที่อย่างกลับว่างเปล่า !!
เขาเป็นอัจฉริยะผู้ในหมู่ของอัจฉิรยะอย่างแท้จริง
มันมองเห็นได้อย่างชัดเจน หากว่าเขาไม่ตาย เมื่อถึงเวลาที่เขาเติบโตขึ้นมา วันเวลาหลังจากนี้ส่วนหนึ่งของอาณาจักรฮั่นที่ยิ่งใหญ่จะกลายเป็นเขาอย่างแน่นอน !
ขอบคุณ ! หลังจากนั้นเป็นเวลานาน จือโบจึงกล่าวขอบคุณด้วยเสียงที่แผ่วเบา
หยางไค่ลืมตาจ้องมองจือโบและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา : เจ้าอย่าเข้าใจผิด เขาไม่ได้ออกหน้ารับแทนเจ้า !!
จือโบอึ้งไปชั่วขณะ : แล้วเป็นเพราะเหตุใด..........หรือเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้พวกเขาล้อเลียนและเหยียดหยามเจ้า ?
ใช่ !! หยางไค่กล่าวตอบอย่างไม่อ้อมค้อม
จือโบอ้าปากค้าง เขากล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น : ความแค้นเพียงเล็กน้อยก็ต้องชำระ !! นิสัยเช่นนี้ของเจ้าควรแก้ไข !! แต่ว่า........เจ้าแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ก่อนหน้านั้นข้าคงดูหมิ่นเจ้าเกินไป
ทำไม ประทับใจในความแข็งแกร่งและความเป็นวีรบุรุษของจ้า ? อยากถวายตัวให้ข้า ? หยางไค่กล่าด้วยเสียงหัวเราะที่แผ่วเบา
คำกล่าวนี้ทำให้นางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ทันใดนั้นสีหน้าของจือโบแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาในทันที นางกัดฟันและกล่าว : ข้าจะให้เจ้าชดใช้ในไม่ช้า !!
เจ้าก็กล่าวออกมาแล้ว ว่าข้าเป็นคนที่ต้องแก้แค้นแม้ความแค้นเพียงเล็กน้อยก็ตาม การกล่าวคำพูดที่ดุดันเช่นนี้คงไม่ใช่ทางเลือกที่ฉลาด !!
จือโบโกรธเคืองอย่างมาก แต่ไม่กล้าที่จะต่อต้าน แม้แต่ฟ้าสวรรค์ยังไม่รู้ว่าเขาจะทำเรื่องเช่นไหนออกมาอีก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำเรื่องที่เหลือเชื่อครอบครองเรือนร่างของตนเอง หากเป็นเช่นนั้นตัวนางเองคงไม่มีสถานที่ให้หลบหนีจากความอับอายนี้
หลังจากนั้น บริเวณที่ไม่ไกลมีเสียงของฝีเท้า หยางไค่เงยหน้ามองดู ซึ่งมองเห็นกลุ่มคนแห่งอาณาจักรฮั่นที่อยู่นำพาด้วยเฉินเซี่ยซูและซูเสี่ยวหยี่ กำลังเดินมายังทิศทางนี้
หยางไค่ลุกขึ้น จ้องมองพวกเขาด้วยความเงียบขรึม
เย่วชิงซือยิ้มให้แก่หยางไค่ สคนอื่นๆที่มีความสัมพันธุ์ที่ดีต่อหยางไค่ต่างจ้องมองเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย มีคนส่วนน้อยที่จ้องมองเขาด้วยใบหน้าที่หวาดกลัว
เมื่อสักครู่หยางไค่เพิ่งฆ่าปี่ซูหมิง และฆ่าศิษย์น้องของปี่ซูหมิงที่ไร้ซึ่งหนทางในการต่อต้านด้วยความโหดเหี้ยมและเลือกเย็น การฆ่าพวกเขาอย่างถอนรากถอนโคนทำให้พวกเขามีความรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่มือของพวกเขาเคยแปดเปื้อนโลหิต พวกเขาเข้าในในการกระทำของหยางไค่ พวกเขาจึงไม่มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูต่อเขา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาได้ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
หลายวันที่ผ่านมาปี่ซูหมิงและศิษย์น้องของเขากล่าวคำพูดที่หยาบคายดูหมิ่นเหยียดหยามหยางไค่สารพัด ดังนั้นพวกเขาไม่ใช่คนที่มีจิตใจดี เหตุการณ์เมื่อสักครู่ปรากฏในสายตาของพวกเขา แต่พวกเขาทั้งหลายต่างล้วนสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดเป็นเรื่องที่ถูกสิ่งใดเป็นเรื่องที่ผิด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่โทษว่าการตายของปี่ซูหมิงและศิษย์น้องของเขาเป็นเพราะหยางไค่
ในสถานที่แห่งนี้พวกเขายังไม่มีความสามารถที่จะปกป้องตนเอง แล้วใครจะสนใจความเป็นความตายของผู้อื่น ?นอกจากนั้นพวกเขาทั้งยังเป็นคนที่น่าเกลียดชัง การตายของพวกเขาก็ถือว่าเป็นการตายอย่างไร้ประโยชน์ !!
เฉินเซี่ยซูเดินไปด้านหน้าสุด และเดินไปเก็บลูกแก้วชีพจรโลหิต และกล่าว : นี้เป็นสิ่งที่เจ้าได้รับเมื่อสักครู่ และยังมีลูกแก้วชีพจรโลหิตของสัตว์อสูรของเหยาเหอและเหยาซีที่เจ้าร่วมมือฆ่ากับสตรีผู้นี้ รวมทั้งหมดมีลูกแก้วชีพจรโลหิต 82 ดวง ศิษย์น้องหยาง เจ้าเลือกก่อนสิ
สัตว์อสูรของจือโบกว่า 34 ตัวถูกฆ่าตายโดยไม่ต่อต้าน และบวกกับสัตว์อสูรที่อยู่ภายใตการควบคุมของเหยาเหอและเหยาซี การต่อสู้นี้จึงได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างมาก
หยางไค่จ้องมองเฉินเซี่ยซู ดูไม่ได้กล่าวปฏิเสธ เขายื่นมือรับลูกแก้วชีพจรโลหิตเข้ามา
แม้ว่าการฆ่าสัตว์อสูรทุกคนจะมีส่วนร่วม แต่หากไม่มีการวางแผนจากหยางไค่ ในการแสดงละคนตบตาที่แนบเนียน พวกเขาจะมีชีวิตอิสระเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อเทียบกับลูกแก้วชีพจรโลหิตเหล่านี้ การมีชีวิตรอดต่อไปถือเป็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าที่สุด นอกจากนั้น หลังจากการต่อสู้ หยางไค่ยังได้มอบยารักษาอาการบาดเจ็บให้แก่พวกเขา ถือเป็นการกระทำที่มีความเมตตาและยุติธรรมมากที่สุด
นี้เป็นลูกแก้วชีพจรโลหิตของพวกเขาทั้ง 4 ล้วนอยู่ในเขตแดนลมปราณแท้จริง ! เย่วชิงซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นลูกแก้วชีพจรโลหิตที่บริสุทธุ์และมีขนาดใหญ่กว่าให้แก่หยางไค่
เมื่อเห็นว่าหยางไค่ได้รับผลตอบแทนที่มากมายเช่นนี้ คนจำนวนไม่น้อยต่างอิจฉาเขา แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงอิจฉาโดยไม่คิดที่จะลงมือแย่งชิง และไม่แสดงสีหน้าท่าทางที่กระหายต่อลูกแก้วชีพจรโลหิต หยางไค่กวาดสายตามองพวกเขา เมื่อเห็นว่าเป็นเช่นนี้ เขาจึงพยักหน้าด้วยความวางใจ เขารู้ในทันทีว่าคนอย่างปี่ซูหมิงและศิษย์น้องของเขามีเพียงน้อยนิดเท่านั้น
สีหน้าของเฉินเซี่ยซูเต็มไปด้วยความจริงใจ เขายกมือกุมเอาไว้และกล่าว : ขอบคุณศิษย์น้องหยาง ที่ช่วยชีวิตพวกเรา บุญคุณในครั้งนี้พวกเราจะจดจำเอาไว้ในใจ หากในภายภาคหน้ามีโอกาส พวกเราจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน !!
กลุ่มคนกว่า 10 คนต่างยกมือกุมหมัดเอาไว้เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณ !
สีหน้าของหยางไค่ต่างตอบกลับด้วยความจริงจังอย่างมีมารยาท
ไม่มีใครกล่าวถึงการตายของปี่ซูหมิง แม้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีชีวิตรอดกลับไป พวกเขาคงไม่กล่าวเรื่องนี้กับคนอื่นๆ ในสถานที่แห่งนี้ การตายของคนเพียงไม่กี่คนเป็นเรื่องที่ธรรมดาสามัญอย่างมาก เพียงแค่ไม่มีใครกล่าวว่าหยางไค่เป็นคนฆ่าปี่ซูหมิง อาจารย์แห่งสำนักของเขาคงไม่มาหาเรื่องและสร้างความเดือดร้อนให้แก่หยางไค่อย่างแน่นอน
การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ได้หายไปเช่นนี้โดยปริยาย
บรรยากาศค่อยๆหลอมรวมเป็นหนึ่ง ความรู้สึกแห่งความหวาดกลัวที่เป็นอุปสรรค์ต่อความสัมพันธุ์ได้หยุดลงในพริบตา แต่ว่าสายตาของกลุ่มคนที่จ้องมองจือโบยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร
หากนางเป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่น การยิ้มให้แก่กันจะเป็นการทำลายความแค้นระหว่างกัน แต่นางเป็นผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรเทียนหล่าง ก่อนหน้านั้นนางเคยโจมตีพวกเขา การทำเช่นนี้ได้สร้างความโกรธเคืองให้แก่พวกเขาอย่างมาก แม้ว่ามีคนที่ต้องการที่จะสร้างความสัมพันธุ์กับนาง ก็ยังมีความรู้สึกที่ลังเล
เพราะไมใช่คนเผ่าเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเอาไว้ !
จือโบเป็นสตรีที่ฉลาดหลักแหลม นางเข้าใจในจุดนี้ นางจึงเดินไปยังบริเวณที่ห่างไกล โดยนั่งอยู่คนเดียวด้วยความโดดเดี่ยว
เมื่อกล่าวพูดคุยได้สักพัก หยางไค่จึงจ้องมองเฉินเซี่ยซูอย่างฉับพลันและกล่าว : ศิษย์พี่เฉิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?
ท่าทางที่ลังเลของเฉินเซี่ยซูทำให้หยางไค่มองมันออก
เมื่อเฉินเซี่ยซูได้ยินดังนั้นเขาอึ้งไปชั่วขณะและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่ขมขื่น : พวกเรามีเรื่องที่อยากให้เจ้าแนะนำ
กล่าวออกมาไดเลย !
เฉินเซี่ยซูยื่นมือออกมาและชี้ไปยังจุดตันเถียนของตนเอง : แมลงที่อยู่ในนี้.....ตายหรือยัง ?
เหยาเหอและเหยาซีตายไปแล้ว แต่การดำรงอยู่ของแมลงควบคุมวิญญาณที่พวกเขาปลูกฝังอยู่ในร่างกายของผู้ฝึกยุทธุ์แห่งอาณาจักรฮั่นเป็นสิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุด หลี่ซินหยุนแห่งตำหนักค้นใจถูกแมลงควบคุมวิญญาณทำลายจุดตันเถียน ศิษย์น้องโจวฟางของเขาพยุงเขาเอาไว้ตลอดเวลา โดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นอย่างเขาหรือเปล่า ?
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางไค่จึงหันไปยังทิศทางของจือโบ จือโบกล่าวตอบด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ : ไม่ตาย มันยังมีชีวิตอยู่ในร่างกายของพวกเจ้า